
1556 วันที่แล้ว
สงสัยว่าพระเอกน่าจะชื่อฟางอวิ๋นรึเปล่าหว่า
ตอนที่ 38 : ฝูงลิง
“ กว้ากกก ! กว้ากกก ! ” ท่ามกลางเศษซากของใบไม้ที่ทับถมกันในป่าทึบ นกขนาดใหญ่ส่งเสียงร้องพร้อมกับบินหนีด้วยความตื่นตระหนกตกใจ เพราะด้านหลังของพวกมันนั้นปรากฏให้เห็นเป็นงูขนาด 3 เมตรกำลังเลื้อยขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่พวกมันเกาะอยู่อย่างรวดเร็ว
ตรวจพบเป้าหมาย
นกหัวขวานขนาดใหญ่สีเทา
ประเภท: สัตว์ปีก
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ 80 หน่วย
นกขนาดใหญ่ที่กำลังบินหลบหนีกันให้ว่อนด้านหน้าฟ่างหยุนนั้น คือนกหัวขวานใหญ่สีเทาซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับนกหัวขวานแต่มีขนาดที่ใหญ่และมีลำตัวสีเทา นกชนิดนี้ถือว่ามีขนาดลำตัวที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลของมันแล้วก็ว่าได้ โดยปกติแล้วตัวผู้ที่โตเต็มวัยนั้นจะมีความยาวของลำตัวถึง 50 เซนติเมตร
นกหัวขวานใหญ่สีเทานี้เป็นสัตว์ประจำถิ่น มันไม่ค่อยจะอพยพไปที่ใดมากนัก โดยปกติแล้วมันจะชอบอาศัยอยู่เป็นฝูง โดยฝูงหนึ่งจะมีสมาชิก 4 - 6 ตัวและพวกมันจะไม่ออกหากินเพียงลำพัง
และพวกที่กำลังบินหนีจากฟ่างหยุนไปนั้นเกาะกลุ่มรวมกันอยู่ 5 ตัว นี่ก็เข้าสู่วันที่ 3 แล้วหลังจากที่ได้รับการวิวัฒนาการขั้นที่ 8 และหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้วเขาจึงเดินทางกลับไปที่ภูเขาอันว่างเปล่า และฟ่างหยุนเองก็ตัดสินใจใช้พื้นที่ส่วนนี้ในการออกล่าเหยื่อจึงทำให้ 3 วันที่ผ่านมานี้ เขาสามารถกวาดหนูนากับกระต่ายกินได้มากกว่าหนึ่งโหล
นอกจากนี้แล้วเขายังใช้กระบวนการล่าสัตว์แบบอนาคอนด้าอีกด้วย วิธีนี้ง่ายๆก็คือการซุ่มโจมตีนั่นเอง โดยที่เขาได้ทำการเฝ้ามองลูกหมูป่าที่มาหากินบริเวณไกล้เคียงกับทะเลสาบด้านล่างของรังนอน
สิ่งมีชีวิตที่ถูกกลืนกินไปนั้นทำให้ตอนนี้ฟ่างหยุนได้รับพลังงานทางชีวภาพไปมากกว่า 2,000 หน่วย จึงทำให้ทั้งหมดที่สะสมอยู่มีถึง 2,410 หน่วยซึ่งมันเกือบจะถึงครึ่งของจำนวนตามเงื่อนไขของระบบแล้วก็ว่าได้
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากคู่แข่งที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติ ฟ่างหยุนต้องเปลี่ยนสถานที่ล่าของเขาทุกๆสองถึงสามวัน ดังนั้นเขาจึงวางแผนการล่าโดยที่วันนี้เขาจะหาเหยือที่อยู่ไกล้ๆกับทะเลสาบ และพอถึงวันพรุ่งนี้นั้นเขาก็ค่อยเปลี่ยนไปตามล่ากระต่ายที่อยู่ในป่าแทน
เมื่อเห็นว่าฝั่งซ้ายของป่านั้นเขาไม่ได้ไปล่าเหยื่อแถวนั้นมาสักพักแล้ว เขาจึงคิดว่าจะไปเยือนในอีกสองสามวันข้างหน้า
ในขณะที่กำลังออกสำรวจพื้นที่ในบริเวณป่าแห่งนี้อยู่นั้น ฟ่างหยุนก็ได้เหลือบมองไปเห็นกลุ่มของนกหัวขวานใหญ่สีเทา เขายังคงจำได้ว่าเขาเคยกินไข่ของพวกมันมาแล้วในตอนที่เขายังอาศัยอยู่ที่ต้นสนยักษ์ ถึงแม้ว่าจะรู้รสชาติของไข่แล้วว่ามันเป็นยังไง แต่เขาเองก็ยังไม่เคยลิ้มรสตัวเป็นๆของนกหัวขวานใหญ่สีเทาเลยแม้แต่ตัวเดียว ดังนั้นวันนี้เขาจึงเลือกที่จะล่ามันมากินเป็นอาหารเช้า
ภายใต้การไล่ล่าอย่างไม่หยุดยั้ง ระยะห่างระหว่างฟ่างหยุนเองกับเจ้านกหัวขวานใหญ่สีเทาก็ไกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าเจ้านกหัวขวานใหญ่สีเทาจะบินได้ก็จริง แต่ด้วยขนาดของมันแล้วจึงทำให้มันดูเทอะทะเป็นอย่างมาก ที่สำคัญพวกมันต้องการพื้นที่โล่งในการร่อนขึ้นอีกด้วย จากการสะสมพลังแรงส่งตัวของการกระพือปีก และด้วยความที่มีกิ่งไม้ต้นไม้ขวางอยู่มากมายพร้อมกับมีงูตัวใหญ่ยักษ์ไล่ต้อนเข้ามาจึงทำให้พวกมันไม่สามารถบินหนีได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นในขณะที่นกหัวขวานใหญ่สีเทาทั้ง 5 กำลังวิ่งไปข้างหน้ามันจึงกางปีกโบกไปมาเพื่อเป็นการทรงตัว
“ ฟู่ววว ! ” ทันใดนั้นเองฟ่างหยุนก็เร่งความเร็วเต็มอัตราจนกลายเป็นเงาดำไล่หลังเจ้านกพวกนี้ ทันทีที่เขาอยู่ในระยะหวังผลเขาก็พุ่งกัดไปที่บริเวณขาของมันเข้าอย่างจัง
“ แอ๊กกก ! ” นกหัวขวานใหญ่สีเทากรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดรุนแรง มันกระแทกปีกของมันไปบนพื้นหลายครั้งจนทำให้ขนตามลำตัวของมันหลุดออกมาฟุ้งกระจายและกองเกลื่อนกลาดบนพื้นดิน
หลังจากฆ่าเจ้านกหัวขวานใหญ่สีเทาได้หนึ่งตัวแล้ว ฟ่างหยุนก็ไม่รีบที่จะกินมันทันที เขาได้ทำการพุ่งไปด้านหน้าอีกครั้งพร้อมกับกัดเข้าที่ขาของนกหัวขวานใหญ่สีเทาตัวที่สอง
หลังจากนกหัวขวานใหญ่ตัวที่สองสิ้นใจแล้ว เขาจึงหยุดการไล่ลาไว้เพียงเท่านี้ เพราะพวกที่เหลือได้หนีพ้นจากระยะไปแล้ว พวกมันวิ่งไปจนถึงพื้นที่โล่งกว้างจนสามารถบินหนีขึ้นไปบนต้นไม้ได้
เสียงโครมครามดังขึ้นนั่นเป็นเพราะพวกมันที่กำลังบินอยู่นั้นได้เอาขาของมันกระแทกเข้ากับกิ่งไม้ แต่จากนั้นไม่นานพวกมันก็สามารถบินหนีออกไปได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อมองเห็นว่าไม่มีโอกาสตามได้ทันแล้ว ฟ่างหยุนจึงค่อยๆเลื้อยไปหาซากของนกทั้งสองที่เขาสังหารมันได้ จากนั้นจึงค่อยๆกลืนกินจากส่วนหัวเข้าไปเหมือนดังทุกครั้ง
หลังจากนั้นฟ่างหยุนก็ลากร่างที่นูนพองเป็นลูกคลื่นเลื้อยต่อไปยังเบื้องหน้า และเมื่อเลื้อยขึ้นไปบนต้นไม้ ก็ทำให้เขานึกถึงความทรงจำเก่าๆได้ทันทีว่า เขาเคยสำรวจบริเวณป่าแห่งนี้มาก่อนซึ่งมันก็คือป่าผลไม้ จึงทำให้เขาประทับใจเป็นอย่างมาก
แทนที่จะเรียกว่าป่าผลไม้ เรามาเรียกว่าสวนผลไม้จะดีกว่า เพราะต้นไม้ที่ออกดอกออกผลนั้นมีเพียงไม่กี่ต้นที่บริเวณแห่งนี้
ท่ามกลางเรือนยอดของต้นไม้เหล่านี้นั้น มีผลไม้สีแดงสดที่ดูสวยงามห้อยระโยงลงมาตามกิ่งก้านไปทั่ว และในบรรดาผลไม้เหล่านี้ ฟ่างหยุนรู้จักเพียงแค่ต้นพลับเท่านั้น ส่วนต้นอื่นๆต้องบอกเลยว่าเขานั้นไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
ในขณะที่กำลังดูผลไม้อย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น ก็มีใบไม้สีเหลืองร่วงโรยตกลงมาบนหัวของเขา เขาจึงทำการก้มลงไปมองที่พื้นดินก็ปรากฏให้เห็นถึงกองของเศษซากใบไม้สีเหลืองทับถมกันอยู่เต็มไปหมด เมื่อเห็นดังนั้นแล้วเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้เป็นต้นฤดูของฤดูใบไม้ผลิ จึงทำให้พวกมันนั้นเปลี่ยนสีจากเขียวไปเป็นเหลือง และส่วนใหญ่แล้วก็เริ่มที่จะร่วงหล่นลงไปกองกันบนพื้น ที่สำคัญไปกว่านั้นอุณภูมิในป่าตอนนี้ก็เริ่มที่จะลดลงอย่างรวดเร็ว
ฟ่างหยุนประเมิณว่าอุณภูมิตอนนี้น่าจะอยู่ราวๆที่ 16 - 17 องศาเซลเซียส และด้วยความเยือกเย็นจากอุณภูมิที่ลดลงต่ำขนาดนี้ งูส่วนใหญ่เริ่มที่จะเคลื่อนไหวน้อยลงบางตัวก็เริ่มเข้าสู่สภาวะจำศีล เขาสามารถยืนยันจากความเป็นจริงเหล่าได้นี้ เพราะหลายวันที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้พบเจอกับทั้งงู และกบอีกเลย
สำหรับตัวของฟ่างหยุนเอง จากความสามารถของทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” แล้วอุณภูมิเพียงเท่านี้แทบจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อเขาได้เลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญเขายังคงรู้สึกยืดหยุ่นและคล่องแคล่วเหมือนเดิม
และนี่ก็เป็นไปตามที่เขาจินตนาการเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกก่อนที่จะเลือกอัพเกรดทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” และอีกไม่นานถ้าหากเขาสามารถอัพเกรดมันจนถึงขีดสุดแล้วละก็ ไม่ว่าจะความร้อนหรือความเย็นก็จะไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นต่อตัวเขาอีกเลย
“ อุ๊ๆๆๆ ! ” ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องนี้ดังขึ้น ฟ่างหยุนจึงหลุดออกจากจินตนาการของเขาทันที และเมื่อเขานั้นหันมองไปยังต้นตอของเสียงที่เปล่งออกมา มันก็ต้องทำให้เขานั้นประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ฟ่างหยุนมองดูฝูงลิงฝูงหนึ่งที่กำลังปีนป่ายตามต้นไม้มา จากต้นหนึ่งสู่อีกต้น ตอนนี้มันกำลังมุ่งหน้าไปที่ต้นของผลไม้ และในไม่ช้าพวกมันก็จะไปถึงที่นั่น
ลิงฝูงนี้มีสมาชิกราวๆ 20 ตัวได้ในขณะนี้พวกมันทั้งหมดนั้นกำลังกระโดดปีนป่ายไปมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ บางตัวถึงกับร้องออกมาเสียงหลง เพราะพวกมันพบเจอเข้ากับสวนผลไม้ทำให้มันมีอาหารที่จะสามารถประทังชีวิตมันไปได้อีกสักพัก
“ ฝูงลิงหรอกหรือนี่ ? ” ฟ่างหยุนทึ่งไปด้วยความประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นฝูงลิงจำนวนมากขนาดนี้ตั้งแต่เขากลับชาติมาเกิด ดังนั้นแล้วเขาจึงค่อยๆดูพวกมันอย่างระมัดระวัง
ภายใต้การสังเกตของฟ่างหยุนอยู่นั้น เขาเห็นลิงตัวหนึ่งกระโดดไปที่ต้นพลับ มันเอื้อมมือไปคว้าผลพลับพร้อมกับรีบกัดกินมันโดยทันที หลังจากที่ได้ลิ้มรสชาติของลูกพลับแล้ว ลิงตัวนี้ถึงกับเต้นไปมารอบๆพร้อมกับส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น และเมื่อเห็นดังนั้นแล้วลิงตัวอื่นๆก็พร้อมใจกันมาที่ต้นพลับ
ฟ่างหยุนเองเคยเห็นลิงในสวนสัตว์มาแล้วพฤติกรรมที่พวกมันแสดงออกก็คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเต้นไปรอบๆอย่างร่าเริงและไม่ได้ระมัดระวังตัว
ลิงเหล่านี้กำลังมีความสุขกับผลไม้ที่กำลังกัดกินเป็นอย่างมาก บางตัวก็กระโดดไปมา บางตัวก็นั่ง บางตัวก็กำลังทำท่าทีลังเล ว่าจะเริ่มกินผลไม้ชนิดใดก่อนดี และเมื่อดูพวกมันมีชีวิตชีวาดังนั้นแล้วฟ่างหยุนจึงอดที่จะอิจฉาพวกมันไม่ได้
ทำไมฟ่างหยุนถึงไม่ได้กลับชาติมาเกิดเป็นลิง ? เพราะถ้าหากเขาได้กลับชาติมาเกิดเป็นลิงจริงๆแล้วละก็ เขาจะมีมือและเท้าเอาไว้ใช้อำนวยความสะดวก ซึ่งมันเทียบเท่ากับความสามารถของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นแล้วเขาอาจจะหาเครื่องมืออื่นๆ เอาไว้ใช้เพื่อทำให้ชีวิตของเขาดำเนินไปได้ง่ายดายกว่านี้
นอกจากนี้แล้วฟ่างหยุนยังคงสามารถปรุงอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของเขาได้ โดยที่เขาไม่ต้องทนกินแต่อาหารดิบๆเช่นนี้
ในอนาคตแล้วหลังจากที่เขาวิวัฒนาการเสร็จสิ้น เขาอาจจะพัฒนาจากลิงธรรมดาสู่สัตว์ร้ายอย่างคิงคองหรือแม้แต่ในรูปแบบของมนุษย์ หรือบางทีอาจจะกลายเป็นลิงยักษ์แล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ที่สามารถยิงระเบิดนิวเคลียร์ทำลายโลกได้ในพริบตา
แต่น่าเสียดายเขาได้กลับมาเกิดเป็นงู แม้ว่าในอนาคตเขาอาจจะมีพลังวิเศษมากพอๆ กับที่จินตนาการว่าลิงยิงระเบิดได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงอีกนานแสนนาน
ด้วยความสิ้นหวังเขาสะบัดหัวไปมาเพื่อทิ้งความคิดนั้นออกไป ตอนนี้สายตาของฟ่างหยุนกำลังจ้องมองไปที่ลิงฝูงนั้นอยู่ โดยเฉพาะลิงตัวน้อยๆที่อยู่ห่างจากฝูงพอสมควร
ดูเหมือนว่าเจ้าลิงน้อยตัวนี้จะเหมือนกับเด็กที่ถูกปกป้องคุ้มครองจากแม่ ถึงแม้ว่าจะเสียใจที่ไม่ได้เกิดเป็นลิง แต่บางทีฟ่างหยุนอาจจะปลอบใจตัวเองด้วยการจับลิงมากิน
สงสัยว่าพระเอกน่าจะชื่อฟางอวิ๋นรึเปล่าหว่า