px

เรื่อง : ตำนานงูยักษ์เขมือบโลก
ตอนที่ 44 : ฆ่ามนุษย์


ตอนที่ 44 : ฆ่ามนุษย์

 

          เจ้าบูลด๊อกตัวแรกที่ถูกกัดเข้าไปอย่างจัง ตอนนี้มันพยายามที่จะลุกขึ้นมาจากพื้นและส่งเสียงเห่าไปที่ฟ่างหยุนด้วยความกระหายที่จะเข้ามาโจมตี แต่หลังจากมันกำลังก้าวเข้ามาได้สองสามก้าวมันก็ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

          ส่วนเจ้าบูลด๊อกตัวที่สองนั้นเมื่อเห็นเพื่อนของมันล้มลงไปต่อหน้าแล้วนอกจากมันจะไม่เกรงกลัว แต่ตอนนี้มันกลับก้าวร้าวขึ้นมากกว่าเดิมพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาฟ่างหยุนอย่างรวดเร็ว

 

          “ ฮึ่ม ! ฮึ่ม ! ” เมื่อมันสามารถวิ่งเข้ามาถึงตัวฟ่างหยุนได้แล้ว เจ้าบูลด๊อกไม่รอช้ามันรีบกัดเข้าไปที่หางของฟ่างหยุนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับสะบัดไปมา

 

          “ โฮ่ง โฮ่ง ! ” ด้วยการกัดที่รุนแรงของเจ้าบูลด๊อกบนผิวหนังของฟ่างหยุนนั้นปรากฏเสียงจากแรงเสียดสีดังออกมาอย่างรุนแรง เพราะเกล็ดของฟ่างหยุนในตอนนี้นั้นแข็งแกร่งราวกับเหล็กจากการที่เขานั้นได้อัพเกรดทักษะ “ ภูมิคุ้มกัน ” ไปถึงระดับที่ 3

 

          แม้ในขณะนั้นเจ้าบูลด๊อกจะกระหน่ำกัดเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ฟันของมันก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆให้กับฟ่างหยุนได้เลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงทำให้ฟ่างหยุนรู้สึกเจ็บขึ้นมาเพียงเล็กน้อย

 

          “ ไอ้หมาเวรเอ้ย ! ” ทันทีที่อุทานด้วยความรำคาญจบลง เขาก็รีบหันหลังกลับและพุ่งเข้าไปกัดที่คอของมันทันทีและในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะฉีดพิษลงไปในแผลของมันด้วย

          ถึงแม้ว่าจะถูกกัดไปที่คออย่างจังแล้ว เจ้าบูลด็อกตัวนี้ก็ไม่ลดละความพยายามนอกจากมันจะไม่ปล่อยปากของมันที่กำลังกัดหางฟ่างหยุนแล้ว มันยังคงเพิ่มแรงกัดให้มากกว่าเดิมยิ่งขึ้น

 

          เสียงแหลมจากการเสียดสีดังขึ้นเป็นอย่างมากจากการที่มันกัดแรงขึ้น จึงทำให้ตอนนี้ฟ่างหยุนรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาแล้ว

 

          ถ้าหากตอนนี้ฟ่างหยุนอยู่ในร่างมนุษย์เขาคิดว่าเขาคงจะต้องร้องไห้น้ำตาไหลออกมาจากความเจ็บปวดนี้อย่างแน่นอน

 

          ฟ่างหยุนทำได้แต่เพียงเฝ้าดูฟันอันแหลมคมของเจ้าบูลด๊อกตัวนี้กัดไปที่ตัวของเขา และพอมันส่งแรงกัดให้หนักขึ้นเรื่อยๆแล้วในที่สุดมันก็สามารถเจาะทะลุเกล็ดของเขาเข้าไปได้

 

          ตอนนี้ที่แผลนั้นมีเลือดสีแดงฉ่ำกำลังไหลออกมาช้าๆ ทันทีที่รู้แล้วว่าเขี้ยวของตัวเองนั้นเจาะทะลุไปถึงผิวหนังได้ เจ้าบูลด๊อกก็เริ่มที่จะสะบัดหัวไปมาด้วยความดุเดือดจนทำให้แผลนั้นขยายวงกว้างขึ้นส่งผลให้เลือดนั้นไหลออกมาเป็นอย่างมาก

 

          แต่แล้วในที่สุดแรงของมันที่แสดงออกมาอย่างบ้าคลั่งก็ลดฮวบลง ฮวบลง จนในตอนนี้มันไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกต่อไปแล้ว ทำให้ร่างของมันตกลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

 

          ฟ่างหยุนค่อยๆดึงหางออกจากปากของมันพร้อมกับยกขึ้นมาดู ตอนนี้ทุกครั้งที่หัวใจของเขาเต้นความเจ็บปวดก็จะตามมาเป็นจังหวะเดียวกันกับการเต้นของหัวใจเลยก็ว่าได้ ตอนนี้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเพราะนอกจากการเผชิญหน้ากับนกอินทรีย์ในครั้งนั้นแล้วก็ไม่มีคราวไหนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บอีกเลย

          หากไม่มีความสามารถในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บหรือยารักษาบาดแผลแล้วเขาไม่รู้เลยว่าบาดแผลที่ได้รับมาในครั้งนี้จะใช้เวลานานขนาดไหนจนกว่าจะหาย และที่สำคัญที่นี่คือป่า การบาดเจ็บต่างๆนั้นส่งผลกระทบต่อผู้ได้รับอย่างแน่นอนและมากกว่านั้นมันอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

          ถ้าหากบาดแผลติดเชื้อแล้วละก็...บอกได้เลยว่าเกมส์นี้จบลงทันที

 

          “ เดินเข้าไป เดินเข้าไปข้างหน้านั้นสิ ” ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังขึ้นมา ฟ่างหยุนที่กำลังจมอยู่กับความโกรธแค้นอยู่นั้นก็ต้องตกใจและรีบหันหน้าไปยังทิศทางที่เสียงดังขึ้นมา และตอนนั้นเองเขาก็ได้พบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานั้นนั่นก็คือชายหนุ่มที่สวมเสื้อแจ็คเก็ต

 

          “ เฮ้ย ! พยัคฆ์ดำ มังกรเสือดาว ! ” ทันทีที่ชายหนุ่มสวมเสื้อแจ็คเก็ตนั้นมองเห็นสุนัขล่าสัตว์ของเขาทั้งสองตัวกำลังนอนกองอยู่บนพื้นพร้อมกับดิ้นชักกระตุกเขาจึงร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ และไกล้ๆกันนั้นเขาก็มองเห็นฟ่างหยุน ด้วยความประหลาดใจเขาไม่รอช้าที่จะยกปืนลูกซองขึ้นมาทันที

 

          “ ไอหยา ! ” เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ความหนาวเหน็บก็แผ่เข้ามาที่หางของเขาจนครอบคลุมไปทั่วร่าง ฟ่างหยุนไม่ลังเลใดๆเขาจึงรีบกระโดดพุ่งขึ้นไปหาที่ลำตัวของชายหนุ่มคนนั้นทันทีเพื่อหวังที่จะกัดเขา

 

          ระยะห่างจากชายหนุ่มและฟ่างหยุนนั้นห่างกันเพียงแค่ 2 เมตร เมื่อเห็นว่ามีงูเหลือมขนาดใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว เขาเผลอก้าวถอยหลังออกไปเพื่อที่จะหลบมัน แต่ด้วยความคิดที่ช้าไปแล้วนั้น ทำให้ฟ่างหยุนกัดไปเต็มๆที่แขนข้างขวา

 

          “ โอ้ยยยยย... ! ” ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่เขาโดนฟ่างหยุนกัดไปเต็มๆนาทีนี้เขารีบทิ้งปืนลูกซองไว้บนพื้นพร้อมกับใช้มืออีกข้างบีบจับอย่างแน่นที่บริเวณบาดแผล ใบหน้าของเขานั้นบิดเบี้ยวจากความเจ็บปวดทรมาณเป็นอย่างมาก

 

          “ โอ้ยยยยย นี่มันงูพิษนี่นา ! ” เขากรีดร้องออกมาด้วยความสยดสยอง ถึงแม้ว่าจะโกรธอยู่แต่ด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วทำให้เขานั้นไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงทำได้เพียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

          และเมื่อเวลาผ่านไปสักพักพิษของฟ่างหยุนเริ่มออกฤทธิ์รุนแรงขึ้นความเจ็บปวดที่มีอยู่นั้นก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเป็นเท่าตัว

 

          “ เฉาชี ! ” ในเวลานั้นเองฟ่างหยุนก็ได้ยินเสียงอุทานออกมาเป็นชื่อของชายหนุ่มจากทางด้านหลัง เขารีบหันหน้ากลับไปมองจึงทำให้เขาพบว่าตอนนี้ชายทั้ง 3 คนนั้นกำลังพยายามวิ่งมาตรงจุดนี้ชายทั้ง 3 เป็นลูกน้องของชายหนุ่มคนนี้

 

เมื่อหันกลับไปมองพวกเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วฟ่างหยุนก็ค่อยๆเลื้อยหนีไปในพุ่มไม้เพื่อออกจากที่บริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว

 

          ทันทีที่ชายทั้งสามคนมาถึงแล้ว พวกเขานั้นทำได้แต่เพียงตะโกนเรียกชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเจ้านายของตัวเองนั้นกำลังนอนกลิ้งไปมาบนพื้นและส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

          “ นายน้อย ! นายน้อย ! ”

          อย่างไรก็ตามชายหนุ่มที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตนั้น ในขณะนี้เขาไม่สามารถตอบสนองใดๆได้อีกต่อไป เพราะตอนนี้มือข้างขวาของเขาบวมเปล่งเป็นอย่างมากและจากพิษบาดแผลที่ตอนนี้มันส่งผลให้เขาเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้อย่างทรมาณนั้น ทำให้เขาหมดสติไป

 

          “ เฉาซี ! ” ทั้งสามคนพยายามที่จะตะโกนเพื่อเรียกสติของนายน้อยของพวกเขากลับมาอีกครั้ง แต่หลังจากที่พวกเขามองไปเห็นแผลที่บริเวณมือข้างขวาของชายหนุ่ม ดวงตาของพวกเขานั้นก็ต้องเบิกกว้างราวกับว่ามันจะทะลักออกมาจากเบ้า

 

          “ นายน้อยถูกงูพิษกัดเข้าแล้ว รีบนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลเร็วเข้าเถอะ ! ”

 

          ชายผู้มีรอยสักอยู่เต็มตัวนั้นมองไปเห็นแผลที่บริเวณมือซึ่งมันมีรูเล็กๆ อยู่ 2 รูนั้น เขาก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจในทันที เขาพยายามที่จะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของเขานั้นอุ้มร่างของชายหนุ่มแล้วลุกขึ้นยืน

 

          แต่พอชายผู้มีรอยสักลุกขึ้นยืนได้เต็มตัวแล้ว สายตาของเขาก็เหลือบมองไปเห็นสุนัขล่าสัตว์ทั้งสองตัวนอนกองอยู่บนพื้น เขาก็เดาได้เลยว่าพวกมันถูกกัดและปล่อยพิษใส่เช่นกัน

 

          “ เจ้างูตัวนี้พิษมันจะร้ายแรงขนาดไหนกันถึงทำให้ทั้งสุนัขและคนนั้นหมดเรี่ยวแรงได้เร็วขนาดนี้ ? ที่สำคัญเฉาชีก็ถูกกัดเข้าเต็มๆไม่รู้ว่าเราจะนำร่างเขาส่งโรงพยาบาลได้ทันไหม ? ”

 

          เพราะที่แห่งนี้ค่อนข้างจะไกลห่างจากความเจริญ และต้องใช้เวลาอย่างน้อยในการขับรถถึง 4 ชั่วโมงเพื่อที่จะไปถึงในตัวเมืองได้สำเร็จ

          เขาจะรอดไหมนะ ?

 

          “ นายน้อยจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? เขาจะต้องรอดไปได้ใช่ไหม ? ” ชายผมสีเหลืองมองหน้าชายที่มีรอยสักพร้อมกับถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แม้ว่าพวกเขานั้นจะสนิทสนมกันมากและชอบทำกิจกรรมแผลงๆด้วยกันบ่อยๆ แต่ตอนนี้ชีวิตของเจ้านายของเขานั้นกำลังเป็นตายเท่ากัน ดังนั้นแล้วมันจึงทำให้พวกเขาตื่นกลัวเป็นอย่างมาก

 

          ที่สำคัญไปกว่านั้นครอบครัวของเฉาซีเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในเมืองนั้น และแน่นอนว่าผู้เป็นพ่อคงจะไม่ใจดีต่อพวกเขาแน่ถ้าหากลูกชายอันเป็นที่รักของเขานั้นเป็นอะไรไป

 

          ชายที่มีรอยสักหรี่ตาใส่อีกทั้งสองคนที่เหลืออย่างตำหนิติเตียนพร้อมกับกล่าวว่า “ หยุดพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว ตอนนี้เราต้องรีบนำร่างของนายน้อยส่งโรงพยาบาล ! ”

 

          นอกจากส่งเขาที่โรงพยาบาลแล้ว พวกเราจะทำยังไงกันต่อล่ะ ? หรือว่าพวกเราควรจะทิ้งเขาให้ตายอยู่ที่นี่แล้วเสแสร้งว่าเราไม่ได้มากับเขา

 

          แต่ความจริงนั้นไม่ง่ายเลย เพราะระหว่างที่พวกเขามาที่นี่นั้น มีผู้คนเห็นพวกเขาเหล่านี้ขับรถมาด้วยกัน ไม่ว่าพวกเขานั้นจะอำพรางหรือโกหกใดๆในท้ายที่สุดแล้วครอบครัวของเฉาซีก็จะต้องค้นพบความจริงของเรื่องนี้จนได้ และพอหลังจากนั้นแล้วก็จะไม่มีใครสามารถปกป้องชายทั้งสามคนนี้ได้อีก

 

          พอคิดถึงผลที่ตามมาอันร้ายแรงแล้วพวกเขาก็วิ่งกลับไปที่รถกระบะทันที

 

          “ ให้ตายเถอะ เฉาชีถูกงูพิษกัดได้ยังไงกัน หรือว่ามันจะเป็นตัวเดียวกันกับที่เราไล่ตาม ”

 

          ชายผมเหลืองกล่าวขึ้นมาด้วยความเกลียดชังพร้อมกันนั้นเขาก็เริ่มที่จะใช้เท้าเหยียบคันเร่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

          เขาเข้าใจว่างูที่พวกเขากำลังไล่ตามนั้นเป็นงูตัวใหญ่อย่างแน่นอนเพราะมันทิ้งร่องรอยเอาไว้ซึ่งเห็นได้จากหญ้าที่ถูกมันเลื้อยผ่านพร้อมกับเสียงที่เสียดสีกับพื้นดิน พวกเขาคาดคะเนว่ามันต้องมีลำตัวประมาณ 2 ถึง 3 เมตรเป็นแน่

 

          ใหญ่ๆแบบนี้หรือว่าจะเป็นงูจงอาง ? แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นงูจงอางแต่พิษของมันก็ไม่น่าจะสามารถฆ่าสุนัขทั้งสองตัวในเวลาอันรวดเร็วได้ขนาดนี้ และที่สำคัญมันยังสามารถกัดเฉาซีได้อีกก่อนที่พวกเขาจะวิ่งมาถึง

 

          “ เดี๋ยวนะอย่าพึ่งไป ถ้างูตัวนั้นเป็นงูจงอาง เดี่ยวข้าจะลองเอาเซรุ่มที่มีฉีดให้เฉาซีดูเผื่อว่ามันจะช่วยได้ ”

 

          ชายหนุ่มที่มีรอยสักก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เขาค่อยๆวางร่างของเฉาซีลงบนเบาะ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเซรุ่มที่ด้านหลังของเขามา เพราะก่อนที่จะมาที่นี่พวกเขาได้เตรียมตัวมาดีพอสมควร

 

          ถึงแม้ว่าเซรุ่มต้านพิษงูจงอางจะไม่ได้หาอย่างง่ายดาย แต่สำหรับคนมีเงินอย่างตระกูลของเฉาซีแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะหามันมา

 

          แต่ประเด็นที่สำคัญไปกว่านั้นก็คืองูที่กัดนายน้อยของพวกเขานั้น จะใช่งูจงอางหรือไม่ ?ทันทีที่พวกเขานั้นฉีดเซรุ่มของงูจงอางเข้าไปที่ร่างของนายน้อย ใบหน้าของเขานั้นก็บิดเบี้ยวเขียวลงในทันที ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล เซรุ่มของงูจงอางนั้นไม่สามารถช่วยนายน้อยของพวกเขาได้

 

          แล้วงูนี่มันเป็นงูอะไร ? ชายหนุ่มที่มีรอยสักคิดอย่างเหม่อลอย

 

          “ ชู่วววว ! ” ฟ่างหยุนที่หนีไปในป่าตอนนี้กำลังคลานไปมาระหว่างพุ่มไม้สู่พุ่มไม้ จิตใจของเขานั้นรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากจากฉากที่เขานั้นเพิ่งจะฆ่าชายหนุ่มไป ซึ่งภาพนั้นยังคงติดตาของเขาตลอดเวลา

 

          เขารู้ว่ายังไงเสียชายหนุ่มที่สวมเสื้อหนังแจ็คเก็ตนั้นต้องไปสู่สวรรค์อย่างแน่นอน เพราะจากสถานที่แห่งนี้ไปจนถึงในเมืองต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างยาวนาน ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาเป็นงูสายพันธุ์พิเศษที่ตอนนี้ยังไม่มีเซรุ่มใดสามารถต้านพิษของเขาได้

 

          พิษมรณะของเขานั้นเป็นของขวัญที่ระบบมอบให้ ดังนั้นแล้วจึงไม่รู้เลยว่าในโลกแห่งนี้จะมีเซรุ่มใดที่สามารถช่วยรักษาอาการของมันได้จากการที่ถูกเขากัด

 

          การฆ่ามนุษย์ครั้งแรกนั้นส่งผลให้เขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำมันเลยแม้แต่ในชาติที่แล้วก็ตาม

 

          ในตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือเลื้อยไปให้ไกลที่สุดความสามารถ เพราะเขานั้นต้องการที่จะลบภาพความทรงจำร้ายๆนี้ออกจากหัวไปให้ได้

 

รีวิวผู้อ่าน