ตอนที่ 46: การเผชิญหน้ากับมนุษย์อีกครั้ง
ฟ่างหยุนกรีดกรายลงบนพื้นหญ้าด้วยความรวดเร็วเพื่อตั้งสมาธิและสงบสติอารมณ์ หลังจากที่ฆ่าชายหนุ่มคนนั้นแล้ว เขาก็เอาแต่หนีเข้าไปในป่าอย่างบ้าคลั่ง ตอนแรกเขาแค่ต้องการกำจัดความรู้สึกอัดอั้นที่มีในใจโดยการเลื้อยไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมันเป็นเพียงแค่ว่าเขาอยากจะหนีไปให้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากที่เลื้อยติดต่อกันมาครึ่งวันแล้ว จิตใจของเขาตอนนี้ก็เริ่มที่จะสงบลง เพราะถ้าหากเขาไม่ตัดสินใจที่จะฆ่าชายหนุ่มแบบนั้นแล้วคนที่จะไปสู่สวรรค์ก็ต้องกลับกลายเป็นตัวเขาเอง
เมื่อกำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขาก็รู้สึกว่าร่างกายเขาได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทุกส่วนของร่างกายนั้นเกิดความเหนื่อยล้าจากการเลื้อยบวกกับความหิวที่ยังไม่ได้กินอะไรมาเกือบทั้งวัน ทำให้รู้สึกว่าเริ่มอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงไปหมดเลยราวกับว่าวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง ดังนั้นแล้วเขาจึงค่อยๆเลื้อยเข้าไปในพุ่มไม้และเริ่มพักผ่อนในทันที
หลังจากที่กำลังหยุดพักอยู่นั้น เขาก็พยายามนึกถึงปัจจุบันมากกว่าอดีต ตอนนี้เขาไม่ได้มีแผนการในหัวเลยว่าจะเลื้อยกลับไปที่ถ้ำของเขาหรือพื้นป่าบริเวณเดิมนั้นอีกแม้ว่าจะมีเหยื่อชุกชุมเป็นอย่างมากก็ตาม
เพราะแน่นอนว่าหากมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว มันจะต้องมีคนเข้ามาข้องเกี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าบางทีการคาดคะเนของเขานั้นอาจจะผิดหรือถูก แต่เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตแล้วเขาจึงเริ่มที่จะคิดหาทางย้ายถิ่นฐานจะดีกว่า
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นแล้ว เขาจึงเริ่มออกเดินทางต่อ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่ได้เลื้อยอย่างเต็มกำลังแล้ว เขาค่อยๆย้ายจากพุ่มไม้หนึ่งสู่พุ่มไม้หนึ่งพร้อมกันนั้นในหัวก็พยายามคิดว่าตรงบริเวณไหนที่จะเหมาะแก่การอยู่อาศัย
สิ่งนี้นั้นมันทำให้เขาต้องรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เพราะเขาแทบจะไม่รู้จักอะไรในโลกแห่งนี้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อกับจุดหมายปลายทางหลังจากที่ต้องย้ายจากภูเขาลูกนี้ไป
ถ้าฟ่างหยุนรู้เรื่องเกี่ยวกับภูมิประเทศของโลกใบนี้อยู่บ้าง อย่างน้อยเขาก็สามารถเดินทางไปได้อย่างมีจุดหมาย
เพราะตอนนี้เขามีขนาดเทียบเท่ากับงูเหลือม ถ้าหากเขาไปอยู่ในบริเวณป่าฝน แน่นอนว่าที่นั่นก็ต้องมีเหยื่อชุกชุมจนเพียงพอต่อความต้องการของเขา
ถ้าหากเขารู้แผนที่ของโลกใบนี้ ยังไงเสียเขาก็ต้องไปถูกแน่ๆเมื่อรู้สึกถึงความสิ้นหวังดังนั้นแล้วเขาก็ทำได้แต่ถอนหายใจกับส่ายหัวออกมา เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาอะไรได้ ดังนั้นแล้วมันจะดีกว่าถ้าไม่ต้องคิดถึงมันอีก
ตอนนี้ฟ่างหยุนพยายามส่งสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาเหยื่อมาเป็นอาหาร เพราะเขารู้สึกว่าปล่อยให้ท้องของตัวเองว่างมานานพอสมควรแล้ว
ฟ่างหยุนเริ่มตวัดลิ้นเข้าออกจากปากของเขาเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบเจอกับกลิ่นแปลกๆ ไม่รอช้าเขาจึงรีบหันหน้ากลับไปหาต้นตอของมันโดยทันที โดยที่เขามองไปข้างหน้าซึ่งมีระยะห่างจากตัวของเขาออกไป 30 เมตร
โดยแวบแรกที่ได้เห็นนั้นมันเป็นเพียงแค่เศษใบไม้สีเขียวที่ร่วงหล่นอยู่บนกองหญ้าราวกับว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ แต่ฟ่างหยุนมั่นใจเป็นอย่างมากว่าต้องมีอะไรบางอย่างอยู่บริเวณนั้น เขาจึงเข้าไปตรวจสอบในทันที
และแล้วฟ่างหยุนก็ต้องพบว่าบนกองหญ้าสีเขียวนั้นมีตัวอะไรสักอย่างกำลังนอนขดอยู่ มันคืองู ! ฟ่างหยุนรีบตวัดลิ้นเพื่อตรวจเช็คอีกครั้งให้แน่ใจมากกว่าเดิม ซึ่งหลังจากที่รู้แล้วว่าเป็นงูตัวเป็นๆ มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะดูจากขนาดของเจ้างูตัวนี้แล้วนั้น ก็ใหญ่พอสมควร จึงทำให้มันเหมาะมากที่จะเป็นอาหารกลางวันของเขา
แต่พอฟ่างหยุนได้มองเห็นรูปร่างและสีสันของมันอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ต้องตกใจออกมา เพราะทั่วร่างของมันแทบจะเป็นสีเขียวทั้งหมด โดยมีแถบสีเหลืองกำกับเอาไว้ตามลำตัว และที่สำคัญส่วนหัวแผ่ออกเป็นทรงสามเหลี่ยมทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่ามันคืองูที่มีพิษ
ในขณะที่กำลังจ้องมองมันอย่างพินิจพิจารณาอยู่นั้น ระบบก็ส่งข้อมูลมาให้อย่างรวดเร็วในหัวของเขาทันที
ตรวจพบเป้าหมาย !
งูกรีนแมมบ้า
ประเภท: สัตว์เลื้อยคลานมีพิษร้ายแรง
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ 200 หน่วย
ทันทีที่ได้ยินเสียงจากระบบแจ้งเตือนมาดังนี้แล้ว เขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเพราะตอนที่มีชีวิตอยู่นั้นเขาเคยดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของเจ้างูกรีนแมมบ้านี้มาก่อน จึงทำให้เขารู้ได้ทันทีเลยว่ามันมีพิษที่อันตรายเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าโลกใบนี้ไม่เหมือนกับโลกใบเดิมที่เขาจากมา ดังนั้นแล้วมันจึงทำให้ฟ่างหยุนไม่แน่ใจว่างูตัวนี้มันจะอันตรายและหายากเหมือนกับโลกใบเดิมหรือเปล่า
“ จะอะไรก็ช่างเถอะ จับมันกินเป็นอาหารดีกว่า ” ในชาติที่แล้วนั้นบอกตามตรงว่าฟ่างหยุนเองไม่ใช่คนที่จะกล้าหาญชาญชัย ถ้าหากเขาพบกับงูแบบนี้เข้าจังๆ แล้วหละก็เขาจะต้องหนีเอาชีวิตรอดเป็นแน่แท้ เพราะเขานั้นเป็นเพียงแค่เด็กนักเรียนอายุ 16 ปี ซึ่งไม่มีอะไรให้คาดหวัง แต่ตอนนี้การที่ได้เจอกับงูกรีนแมมบ้าตัวเป็นๆ กลับทำให้เขามองมันเป็นเพียงแค่อาหารมื้อหนึ่งเท่านั้นเอง
ฟ่างหยุนในตอนนี้ทรงพลังกว่าสัตว์ทั่วไปในธรรมชาติหลายเท่า และถ้าหากวันใดวันหนึ่งเขาได้อัพเกรดทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” จนครบ 5 ครั้งแล้ว รับประกันได้เลยว่าจะไม่มีใครหน้าไหนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอีกอย่างแน่นอน
หลังจากที่ประเมิณสถานการณ์ของตัวเองกับงูกรีนแมมบ้าแล้ว ฟ่างหยุนก็รู้ได้ทันทีเลยว่ายังไงเสียเขาก็มีโอกาสชนะมันมากกว่า เขาจึงเริ่มเลื้อยมุ่งหน้าไปหามันอย่างเชื่องช้า แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็ต้องหยุดชะงักพร้อมกับหันหัวไปทางด้านข้าง
ตอนนี้ฟ่างหยุนเองรับรู้ได้ถึงเสียงของฝีเท้าของคนที่มีมากกว่าหนึ่ง กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางที่เขากำลังอยู่
“ เรากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์อีกครั้งเหรอนี่ ? ” เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาจึงกระชับกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า และแล้วทิศทางที่เขาหันหน้าดูอยู่นั้นก็ค่อยๆ ปรากฏร่างของชายหนุ่มสองคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นกำลังถือโทรศัพท์ที่อยู่ในไม้เซลฟี่พร้อมกับหันกล้องไปหาชายหนุ่มอีกคนที่สวมแว่นกันแดดและเสื้อยืดสีดำ
ชายคนที่สองในตอนนี้เขาได้ทำการขยับแว่นตาของเขาขึ้นไปไว้บนหน้าผาก พร้อมกับมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวังก่อนที่จะหันหน้าไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับกล้อง
“ สตรีมเมอร์ภาคสนาม ! ” เมื่อมองเห็นการกระทำของชายคนนั้นฟ่างหยุนก็สามารถเดาออกมาได้ทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะในใจแล้วฟ่างหยุนเองไม่คาดคิดอีกเลยว่าจะได้พบกับสตรีมเมอร์อีกในสถานที่แห่งนี้ โดยเฉพาะตอนที่เขาเพิ่งจะฆ่าคนตายมาหมาดๆ
ฟ่างหยุนค่อยๆเลื้อยตัวถอยไปในพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบเพื่อที่จะไม่ให้เป็นที่สังเกตุได้ต่อชายสองคนนี้แต่แล้วทันใดนั้นเจ้างูกรีมแมมบ้าตัวก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ห่างจากเขาเพียง 30 เมตรมันได้รีบขยับตัวพร้อมกับพุ่งเลื้อยหนีเข้าไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว ทำให้รู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันตกใจกับการมาของชายหนุ่มสองคนนี้
เมื่อฟ่างหยุนกำลังมองทิศทางของเจ้างูกรีมแมมบ้าที่เพิ่งจะหลบหนีไป ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของชายหนุ่มสองคนดังขึ้นว่า
“ ดูสิครับท่านผู้ชม เรากำลังเจอกับอะไรบางอย่างที่พุ่มไม้นั่น ตอนนี้มันพุ่งหนีเราไปอย่างรวดเร็ว ! ”
เสียงกิ่งไม้กระทบกันจากการเสียดสีตอนที่งูกรีนแมมบ้าเลื้อยพุ่งหนีไปนั้นทำให้ชายหนุ่มสองคนรับรู้ได้ทันทีว่ามันอยู่ห่างไปไม่ไกลจากพวกเขานัก และเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วชายหนุ่มที่สวมแว่นกันแดดก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่กำลังพูดคุยกับแฟนคลับอยู่นั้น หลิวเว่ยก็ได้ยินเสียงบางสิ่งบางอย่างกำลังเลื้อยผ่านพื้นหญ้า ทำให้ดวงตาของเขาสว่างจนเปล่งแสงประกายพร้อมกับรีบมองไปยังทิศทางนั้น และเมื่อเห็นว่าหญ้าบนพื้นขยับสั่นไหว ใบหน้าของเขาเองก็เริ่มที่จะมีรอยยิ้มออกมา
พวกเขารู้ว่าตอนนี้พวกเขาพบกับงูตัวแรกที่กำลังตามหาแล้ว หลังจากที่หลิวเว่ยตะโกนเรียกเพื่อนของเขาให้รีบเดินตามมา เขาก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งไปยังโพรงหญ้าที่มีการสั่นไหวและในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะพูดไปด้วยวิ่งไปด้วย
“ ทุกคนดูเหมือนว่าวันนี้เราจะโชคดี เพราะพึ่งเข้ามาภูเขาได้ไม่ไกลนักเราก็พบกับเป้าหมายแล้ว ”
“ ตอนนี้ต้องรีบตามมาดูกันว่าตัวที่กำลังหนีนั้นเป็นงูจงอางรึเปล่า ”
“ แต่จากการสังเกตุร่องรอยที่มันทิ้งไว้แล้วนั้นไม่ว่าจะเป็นงูจงอางหรือไม่แต่งูตัวนี้ก็มีขนาดที่ใหญ่มาก ”
“ แต่ตอนนี้พวกเราต้องเร่งฝีเท้าแล้วหล่ะ เพราะมันไกล้จะพ้นสายตาออกไปแล้ว ”
ตอนนี้หลิวเว่ยวิ่งด้วยความเร็วอย่างสุดความสามารถ เพราะเขากระหายที่จะอยากรู้มากๆ ว่างูตัวนี้เป็นงูจงอางหรือไม่
พื้นดินที่พวกเขากำลังวิ่งไล่จับกันอยู่นั้นค่อยข้างจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งและมีหย่อมหญ้าไม่ค่อยเยอะมาก ดังนั้นแล้วจึงทำให้พวกเขากล้าที่จะวิ่งไล่ประชิดแบบนี้ แต่เมื่อพวกเขาวิ่งไปจนสุดขอบของโพรงหญ้าแล้วนั้นพวกเขาก็ต้องหยุดทันที
“ ช้าไปแล้วครับท่านผู้ชม ตอนนี้เจ้างูตัวนี้มันหนีไปได้ ” หลิวเว่ยยิ้มออกมาหน้ากล้องด้วยความขมขื่น ทันใดนั้นเองก็มีข้อความแสดงความคิดเห็นแจ้งเตือนมาเป็นจำนวนมาก
“ แม่เจ้า ! เป็นเพราะพี่หลิวมีออร่ารุนแรงจึงทำให้งูตัวนั้นรีบหนีไปอย่างแน่นอน ”
“ เหมยน้อยตามมาดูความหล่อและความกล้าหาญของพี่หลิวเว่ยจ้า ”
“ งูตัวนั้นต้องพูดว่าโชคดีที่ชายแก่วิ่งช้าไม่งั้นแล้วมันต้องโดนจับได้แน่ๆ ”
“ งูตัวนี้มันจะใช่งูจงอางจริงๆเหรอ ? ”
เมื่อเห็นข้อความจากแฟนคลับและผู้ติดตามส่งมาตลอดอย่างไม่ขาดสาย เขาจึงหันหน้ามองกล้องพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกครั้งพร้อมกับพูดว่า
“ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นงูจงอางรึเปล่าแต่ที่แน่ๆ ขนาดของมันนั้นใหญ่มาก ”
“ พวกคุณไม่ต้องเป็นกังวลไปนะเพราะจากการที่เราได้ฟังคนในหมู่บ้านล่างภูเขานี้บอกเล่ามา เขาบอกว่าบนนี้มีงูเยอะแยะมากมายดังนั้นแล้วเราจะพบกับพวกมันในไม่ช้า ”
“ ยังไงก็ติดตามกันต่อไป ตอนนี้เราจะมุ่งหน้าเข้าป่าไปเรื่อยๆ ”
“ แต่เราจะเจอกับงูจงอางรึเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับดวงอีกที เพราะงูชนิดนี้ใช่ว่าจะตามหาเจอได้ง่ายๆ ”
หลังจากที่พูดกับแฟนคลับเสร็จแล้ว หลิวเว่ยผู้ซึ่งกำลังจะเตรียมตัวที่จะผจญภัยต่อไปในป่า แต่พอหลังจากที่เขาหันหน้ากลับมาก็พบกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ไกลกับตัวเขามากนัก สิ่งนี้ส่งผลให้เขาต้องตัวแข็งทื่อตาลุกเป็นวาว จนเขานั้นต้องเผลอสบถออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ แม่เจ้าโว้ยยยยย ! ”