ตอนที่ 49 : การเดินทางครั้งใหม่
หลิวเว่ยและเพื่อนยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิมราวกับว่าถูกแช่แข็งไว้ นี่เป็นอะไรที่แตกต่างจากที่เขาจินตนาการเอาไว้โดยสิ้นเชิง งูเหลือมกำลังกลืนกินส่วนบนของงูจงอางโดยมีส่วนหางโผล่ออกมาจากปากพร้อมกับมองพวกเขาด้วยหางตาทำให้เขารู้สึกว่าโดนดูถูกเป็นอย่างมาก
ในห้องถ่ายทอดสดเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของหลิวเว่ยแล้วก็ต่างหัวเราะชอบใจออกมา
“ ฮ่าฮ่าฮ่า ดูสีหน้าพี่เว่ยเข้าสิ ”
“ ดูนั่นสิงูเหลือมตัวนี้ มอบของขวัญให้พี่หลิวเว่ยราวกับว่าเป็นเด็กปัญญาอ่อนยังไงยังงั้น ”
“ งูเหลือมมันบอกว่าเรื่องอะไรจะอยู่เป็นนักแสดงให้พวกแกต่อหละ ”
“ งูเหลือมอาจจะบอกว่า ฉันเพิ่งดูถูกพวกแก ก็เข้ามาดิ ! ”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฟ่างหยุนตัดสินใจทิ้งไว้เบื้องหลังเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งใดๆอีกเลยตอนนี้เขานอนซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ซึ่งทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก
ในเวลาเดียวกันนั้นกระเพาะของเขาก็เริ่มที่จะหลั่งกรดจำนวนมากออกมา เพื่อที่จะย่อยชิ้นส่วนของงูจงอางด้วยความรวดเร็วจนน่าตกใจ ไม่นานนักร่างกายส่วนบนของงูจงอางก็ถูกย่อยไปจนหมด ฟ่างหยุนจึงเริ่มกลืนท่อนร่างต่อไปทันที
“ หลังจากที่ย่อยงูจงอางตัวนี้เสร็จแล้วจึงได้รับพลังงานทางชีวภาพถึง 800 หน่วย ” เพราะเมื่อตอนที่เขาเห็นงูจงอางในครั้งแรก ระบบก็ส่งข้อมูลมาให้ทราบแล้ว งูจงอางตัวนี้มีค่าพลังงานทางชีวภาพมากถึง 800 หน่วย นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฟ่างหยุนได้กินเหยื่อที่มีพลังงานทางชีวภาพเยอะขนาดนี้
“ ต่อไปก็คือการวิวัฒนาการ ! ” ฟ่างหยุนยิ้มออกมาในใจ ปัจจุบันเขามีพลังงานสะสมถึง 5,870 หน่วยแล้ว เหลือเพียงแค่ 130 หน่วยตามที่ระบบต้องการเขาก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการวิวัฒนาการได้ แต่งูจงอางตัวนี้นั้นมอบให้เขามากเกินกว่าที่ต้องการเสียอีก
ขณะที่กำลังรอการย่อยท่อนล่างของงูจงอางอยู่นั้น ระบบก็ส่งสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้นมาในใจของเขา
“ ตึ๊ง ! ท่านฟ่างหยุนมีคะแนนชื่อเสียงถึง 100,000 หน่วยได้สำเร็จแล้ว ของรางวัลจากทางระบบมอบให้นั้นจะเป็นคะแนนทักษะ 6 คะแนน ”
เมื่อได้ยินการแจ้งเตือนของระบบอย่างนั้นแล้ว ฟ่างหยุนก็ต้องตกตะลึงไปสักพักแต่แล้วในที่สุดพอได้สติกลับมาเขาก็ต้องดีใจเป็นอย่างมาก
“ น่าจะเป็นเพราะสตรีมเมอร์ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ” ฟ่างหยุนพอจะเดาออกได้เพราะในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับงูจงอางอย่างดุเดือดนั้น นักสตรีมเมอร์คนนี้คงไม่พลาดที่จะถ่ายทอดสดเอาไว้ ดังนั้นแล้วจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่าชื่อเสียงที่เขาได้รับนั้นต้องมาจากผู้ชมจำนวนมากอย่างแน่นอน
“ ระบบช่วยเปิดฐานข้อมูลของข้าด้วย ” ฟ่างหยุนร้องขอระบบในใจของเขา เพียงชั่วขณะก็ปรากฏม่านแสงแสบตาขึ้นมา หลังจากที่ตรวจสอบฐานข้อมูลคุณสมบัติของตัวเองอยู่พักใหญ่แล้วเขาก็ได้พบว่าตอนนี้ค่าชื่อเสียงนั้นทะลุไปถึง 150,000 หน่วยแล้ว และก็ยังไม่มีท่าทีที่หยุดอีกด้วย
“ ค่าชื่อเสียงนี่มาได้เวลาเหมาะเจาะจริง เพราะตอนนี้ข้ากำลังต้องการคะแนนทักษะอยู่พอดี ”
ฟ่างหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะใช้มันในทันทีเพราะเขาต้องการที่จะสะสมคะแนนทั้งหมดหลังจากวิวัฒนาการแล้วค่อยใช้มันในการอัพเกรดทักษะในทีเดียว ไม่กี่นาทีต่อมาระบบก็ได้แจ้งเตือนอีกครั้ง
“ ตึ๊ง ! ท่านฟ่างหยุนได้รับพลังงานทางชีวภาพ 800 หน่วย ”
“ ระบบตรวจพบว่าท่านฟ่างหยุนมีพลังงานทางชีวภาพเพียงพอต่อการวิวัฒนาการขั้นต่อไป ”
“ การวิวัฒนาการจะใช้เวลา 10 นาทีในการดำเนินการขอให้ท่านฟ่างหยุนหาที่ปลอดภัยในการรับการวิวัฒนาด้วย ”
“ ท่านต้องการจะรับการวิวัฒนาการตอนนี้เลยหรือไม่ ? ”
ฟ่างหยุนตอบกลับไปในหัวของเขาด้วยความมั่นใจว่า “ รับ ” ทันทีที่เขาตอบระบบแล้วความรู้สึกอบอุ่นในกระแสเลือดก็เริ่มพวยพุ่งเข้ามาจนทำให้ตอนนี้ร่างกายของเขาร้อนผ่าวอีกครั้งถึงแม้ว่าครั้งนี้ความเจ็บปวดราวกับถูกไฟแผดเผาเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฟ่างหยุนรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้จิตใจของเขานั้นเข้มแข็งเป็นอย่างมากแล้ว
ไม่นานนักสิบนาทีก็ผ่านไป หลังจากที่วิวัฒนาการสำเร็จแล้วความยาวลำตัวของฟ่างหยุนนั้นก็ยาวเพิ่มขึ้นมาจากเดิม 1 เมตร ตอนนี้เขามีความยาวถึง 4 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางก็เพิ่มขึ้นมาจนทำให้เขานั้นมีความหนาของลำตัวถึง 12 เซนติเมตร เรียกได้ว่ามันใหญ่พอๆกับถ้วยใส่ข้าวของมนุษย์เลยก็ว่าได้
นอกจากนี้แล้วยังได้รับคะแนนทักษะถึง 8 คะแนน จากการวิวัฒนาการในครั้งนี้ เมื่อรวมกับของเก่าแล้วทำให้เขามีคะแนนทักษะถึง 14 คะแนน
ทักษะ “ ภูมิต้านทาน ” คงไม่ค่อยจะจำเป็นเท่าไหร่นักในตอนนี้ เพราะด้วยความสามารถในปัจจุบันนั้นเขาก็สามารถทนทานต่อสภาพอากาศทั้งร้อน และหนาวได้อย่างสบายๆ
และเมื่อไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาจึงใช้คะแนนทักษะที่มีนั้นอัพเกรดทักษะ “ พิษมรณะ ” และ “ ย่อยในพริบตา ” อย่างละหนึ่งครั้ง ทำให้ตอนนี้ทักษะทั้งสองพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นแล้ว
ถึงแม้ว่าฟ่างหยุนนั้นจะทำการอัพเกรดทักษะไปถึง 2 อย่างแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีคะแนนเหลือไว้อีก 6 คะแนนอยู่ดี ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ลังเลที่จะลองอัพเกรดทักษะที่ไม่เคยใช้มาก่อนอย่างเช่นทักษะ “ การพรางตัว ”
และทันทีที่เลือกอัพเกรดเสร็จแล้วแถบคุณสมบัตินั้นก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
พิษมรณะ 4/5
ย่อยในพริบตา 3/5
ภูมิคุ้มกัน 3/5
การพรางตัว 2/5
จากคำแนะนำของการใช้ทักษะ “ การพรางตัว ” แล้วนั้นมันเป็นทักษะที่ใช้งานง่ายมากๆ เพียงแค่เขาต้องการจะใช้มันที่ไหนเมื่อไหร่ เพียงแค่คิดถึงสีที่ต้องการจะให้ผิวหนังเปลี่ยนตามสิ่งแวดล้อม เขาก็สามารถทำมันได้ง่ายในพริบตาเดียว
ด้วยความคาดหวังและความกังวลหลังจากเลือกอัพเกรดทักษะนี้เสร็จสิ้นแล้วนั้น ผิวหนังของฟ่างหยุนก็พลันเปลี่ยนสีไปเป็นสีเขียวในทันทีตามสีสันของพื้นหญ้าที่เขานอนอยู่
“ เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วแหะ ” เมื่อเห็นฉากนี้เกิดขึ้น ฟ่างหยุนก็อดที่จะทึ่งในความมหัศจรรย์ของมันไม่ได้ เพราะสีในปัจจุบันนั้นไม่ใช่ว่าเป็นสีเขียวอ่อนหรือเขียวโทนสว่าง แต่เกล็ดของเขานั้นเลียนแบบสีของพื้นหญ้าได้อย่างเหลือเชื่อจนตอนนี้แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นลำตัวอันไหนเป็นหญ้า ต่อให้มีมนุษย์เดินมาข้าง ๆ เขาในตอนนี้ ฟ่างหยุนเองเชื่อว่าคงไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้อย่างแน่นอน
ที่สำคัญไปกว่านั้นสีเกล็ดของเขาสามารถเปลี่ยนไปได้ตามความคิดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ฟ่างหยุนลองคิดถึงสีแดง ทันทีที่คิดไม่ทันจะเสร็จเกล็ดของเขาก็เปลี่ยนสีเป็นสีแดงในทันที
“ พระเจ้า ! มันยอดมาก ! ” เมื่อเห็นถึงผลของทักษะนี้แล้ว ฟ่างหยุนจึงพอใจกับมันเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เขากำลังต้องการในตอนนี้ ด้วยเหตุนี้แล้วจึงทำให้เขาเริ่มที่จะเดินทางออกไปผจญภัยต่อ
เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วเขาก็รีบเตรียมตัวออกเดินทางทันทีโดยการเลื้อยลงภูเขาไป และหลังจากนั้นไม่นานตอนนี้เขาก็มาถึงริมชายป่าของภูเขาลูกนี้แล้ว
“ ในที่สุดก็ออกจากภูเขานี้แล้ว ” ฟ่างหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา ตรงหน้าเขานั้นมีทุ่งนาที่เต็มไปด้วยข้าวและพืชผักผลไม้ที่ชาวบ้านนั้นปลูกเอาไร้เรียงรายไปทุกพื้นที่
ฟ่างหยุนมองเห็นผู้หญิงสองคนที่กำลังทำสวนทำไร่ โดยเธอเหล่านั้นกำลังเดินเก็บผลผลิตที่เป็นผักใส่ตระกร้า
เมื่อละสายตาจากผู้หญิงสองคนนั้นแล้วเขาก็รีบเลื้อยต่อไปให้ถึงที่บริเวณด้านล่างของภูเขาอีกลูก ทันทีที่ไปถึงที่นั่นแล้วตาของเขาก็เริ่มที่จะสว่างเป็นประกายออกมา
เขาได้ยินเสียงน้ำไหลอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าต่อไปอีกไม่ไกลมันก็ทำให้เขาเห็นว่าตรงหน้านั้นมีน้ำไหลเป็นทางลัดเลาะไปตามคันนา มันไม่น่าจะลึกมากความสูงของมันน่าจะราวๆ 1 เมตรเท่านั้น
ฟ่างหยุนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการค้นพบครั้งใหม่นี้ แต่ความดีใจของเขาก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาต้องปวดหัวเป็นอย่างมากนั่นก็คือขนาดลำตัวที่ใหญ่เกินไปของเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะได้อัพเกรดทักษะ การพรางตัว ขึ้นมาอีกขั้นแล้ว แต่เวลาเขาไปไหนมาไหนมันก็มักจะทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างมหึมา ถ้าหากมีมนุษย์ที่ช่างสังเกตุมาเห็นเข้าแล้วเกรงว่าไม่นานเขาอาจจะถูกพบตัวเข้าจนได้
ดังนั้นแล้วตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงปล่อยตัวลอยตามสายน้ำเล็กๆ แห่งนี้จนไปถึงปลายน้ำที่เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่
แม้ว่าเขาจะไม่รู้เลยว่าแม่น้ำสายนี้จะไหลไปสุดที่ใด แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าถ้าหากแม่น้ำสายเล็กๆ เช่นนี้ไหลรวมกันหลายๆสายแล้วละก็ เมื่อถึงจุดที่บรรจบกันแล้วนั้นก็จะได้เจอกับแม่น้ำสายหลัก
“ ตู้มมมมม ! ” ฟ่างหยุนที่กระโดดพุ่งลงไปในแม่น้ำ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาและมีละอองน้ำกระจายไปทั่วในบริเวณนั้น
ในสวนผักที่ไม่ไกลมากนัก ผู้หญิงสองคนที่กำลังก้มเก็บผักผลไม้อยู่ก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเมื่อพวกเธอได้ยินเสียงน้ำดังขึ้นมาจึงทำให้พวกเธอนั้นรีบลุกจากพื้นพร้อมกับมองไปยังทิศทางที่เป็นต้นตอของเสียง
แต่เมื่อมองแล้วไม่พบสิ่งใดๆเลย หญิงสองคนจึงทำได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงง ถ้าหากพวกเธอรีบวิ่งมาที่แม่น้ำนี้ แน่นอนว่าเธออาจจะต้องเห็นเงาของบางสิ่งบางอย่างกำลังว่ายทวนน้ำเป็นแน่แท้ และถ้าพวกเธอเห็นงูเหลือมที่มีขนาดใหญ่ถึง 4 เมตรในตอนนั้น รับรองได้เลยว่าต้องมีคนใดคนนึงเป็นลมล้มฟุบไปแน่
โชคดีนักที่พวกเธอเหล่านั้นไม่ใช่คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นสักเท่าใด เพราะหลังจากที่มองไปรอบๆแล้วไม่พบอะไร พวกเธอก็ได้รีบกลับไปก้มเก็บผักผลไม้ต่อโดยไม่ได้สนใจเสียงนั้นอีก
ฟ่างหยุนว่ายน้ำออกไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว ระหว่างทางนั้นเขาก็พบเข้ากับฝูงปลาจำนวนมาก แต่ตอนนี้เขายุ่งจนไม่สามารถจะเสียเวลาจับพวกมันกินได้ และที่สำคัญไปกว่านั้น พวกมันมีขนาดเล็กมาก จนทำให้เขาคิดว่าไม่น่าจะคุ้มค่ากับการเสียเวลา
หลังจากที่ว่ายน้ำมาถึง 3 วันเต็มแม่น้ำสายเล็กๆสายเดิมก็เริ่มที่จะขยายกว้างขึ้น มันค่อยๆ เป็น 4 เมตร 5 เมตร และความลึกของมันก็เริ่มที่จะขยายเช่นกันจากเดิมเพียงแค่ 1 เมตรแต่ตอนนี้มันลึกถึง 2 เมตรแล้ว
นอกจากนี้แล้วน้ำที่นี่ยังขุ่นมาก พื้นดินด้านล่างมีโคลนอยู่จึงทำให้เขานั้นไม่สามารถมองเห็นอะไรด้านล่างจากผิวน้ำได้เลยสักนิด
เวลาผ่านไปไวเหมือนเพียงแค่ชั่วพริบตา แต่ตอนนี้เขากลับว่ายน้ำในแม่น้ำแห่งนี้เป็นเวลาถึง 1 เดือนเต็มแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาเขาก็ได้ว่ายผ่านทุ่งนา ถนนสาธารณะ ภูเขาและสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย แต่ในทุกๆที่นั้นล้วนไม่เหมาะสมกับการที่จะอาศัยอยู่เลย เพราะเขากลัวจะถูกพบโดยมนุษย์ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้เร่งรีบว่ายน้ำไปมาสักเท่าไหร่นัก
ตอนนี้ฟ่างหยุนไม่ได้อยู่ในแม่น้ำสายเดิมแล้ว ด้วยความไกลที่ว่ายมามันทำให้แม่น้ำตอนนี้เป็นสายที่ใหญ่และกว้างกว่าเดิมเป็นอย่างมากจากการรวมตัวกันของแม่น้ำหลายๆสาย
แม่น้ำสายใหญ่นี้มีความกว้างถึง 20 เมตร ลึก 8 เมตร มันเหมาะแก่การซ่อนของงูที่มีขนาดใหญ่ถึง 4 เมตรอย่างเขาได้ ถึงแม้บางครั้งสีของลำตัวเขานั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ตาม
ช่วงนี้กระแสน้ำเริ่มที่จะเย็นลง ฟ่างหยุนเองก็พอเดาได้ว่าเดือนนี้น่าจะเป็นเดือนสิบ โชคยังดีที่เขามีความอดทนต่อสภาพอากาศได้ทุกแบบหลังจากที่อัพเกรดทักษะ ภูมิคุ้มกันไปถึง 3 ครั้ง ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ต้องกังวลอะไรกับสภาพอากาศอีกเลย
หลังจากนั้นฟ่างหยุนจึงว่ายน้ำต่อไปอีก 10 วัน ตอนนี้ฟ่างหยุนก็จำไม่ได้แล้วว่าเขามาไกลขนาดไหนแล้ว และวันนี้เขาก็ได้พบกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อมองไปเห็นดังนั้นแล้วเขาจึงสังเกตได้ว่านี่ไม่ใช่บ้านของคนยากจนสักเท่าไหร่ เพราะบ้านนั้นเป็นบ้านสองชั้น และมีบริเวณพื้นที่โล่งในขอบเขตรั้ว ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมกันนั้นถนนจากบ้านก็ทอดยาวด้วยปูนซีเมนต์ต่อเข้าไปจนถึงหมู่บ้านข้างใน
ฟ่างหยุนว่ายน้ำด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยที่เขาใช้จมูกของเขาโผล่เหนือน้ำเพียงเล็กน้อย ถ้าหากดูไกลๆ คนก็คงจะคิดว่าเป็นขอนไม้
บนถนนที่ติดริมตลิ่งของแม่น้ำ มีเด็กๆวิ่งเล่นไล่จับกันแต่ละคนนั้นก็พากันสวมเสื้อกันหนาว เด็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่นั้นก็กำลังอยู่ในความสนุกสนานเพลิดเพลิน พวกเขาไม่ทันได้สังเกตุเลยว่ากลางแม่น้ำนั้นมีสิ่งประหลาดกำลังลอยเข้ามา
หลังจากที่มองสังเกตการณ์รอบๆแล้ว ฟ่างหยุนก็รีบมุดลงไปในน้ำทันทีทำให้เกิดเสียงขึ้นมาดัง “ ป๋อม ”
ฟ่างหยุนก็ยังไม่ได้กินอะไรไปเลยวันนี้ ทำให้เขาอยากจะหาอะไรมาเติมเต็มความหิวที่ออกมาจากท้องของเขาเป็นระยะๆ
แต่วันนี้เขาไม่ได้มีแผนที่จะจับปลากินอย่างเช่นเคย เพราะตอนนี้เขาเจออาหารที่มีคุณค่ากว่าพวกมันมากนัก
ไม่ไกลจากที่เขาอยู่นัก มีฝูงเป็ดตัวอ้วน 7 - 8 ตัวกำลังเล่นน้ำพร้อมกับส่งเสียง ก๊าบๆอยู่เป็นระยะโดยที่บางครั้งนั้นก็กระพือปีกบนผิวน้ำทำให้เห็นเหมือนว่าพวกมันนั้นสามารถวิ่งบนผืนน้ำได้อย่างรวดเร็ว
ฟ่างหยุนค่อยๆว่ายน้ำไปหลบอยู่ข้างๆเจ้าเป็ดสีขาวตัวอ้วน ในเวลานั้นเจ้าเป็ดตัวนี้ก็ว่ายน้ำอย่างเชื่องช้าพร้อมกับใช้ปากของมันจิกลงไปในน้ำเป็นครั้งเป็นคราว
ฟ่างหยุนเงยหน้ามองขึ้นมาจากใต้น้ำ และในเวลาเดียวกันนั้นระบบก็ส่งการแจ้งเตือนมาให้เขาดังนี้
ตรวจพบเป้าหมาย
เป็ด
ประเภท: สัตว์ปีก
สามารถเพิ่มพลังงานทางชีวภาพได้ 80 หน่วย
หลังจากที่ได้ยินการแจ้งเตือนของระบบจบสิ้นลงแล้ว ฟ่างจึงหยุนค่อยๆโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ เขาโจมตีไปที่เจ้าเป็ดขาวตัวอ้วนโดยการกัดไปที่คอของมันด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ลากร่างของมันลงไปใต้น้ำอย่างไม่รีรอ
“ คร่อก ! ” เจ้าเป็ดส่งเสียงร้องออกมาจากปากด้วยความเจ็บปวดพร้อมกันนั้นมันพยายามที่จะกระพือปีกเพื่อให้หนีพ้นจากการถูกกัดไปที่คอของฟ่างหยุนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อเสียงร้องพร้อมกับการกระพือปีกของเจ้าเป็ดตัวนี้เกิดขึ้นแล้ว มันก็ทำให้ตัวอื่นๆที่กำลังว่ายน้ำหากินพากันตื่นตระหนกตกใจไปด้วยพร้อมๆกัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนในฝูงกำลังถูกตัวอะไรไม่รู้ลากลงไปกินในน้ำ ตัวอื่นๆต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดและหายจากไป
เสียงของพวกมันแสบแก้วหูเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกมันหนีห่างจากฟ่างหยุนไปไกลแล้ว พวกมันก็ได้แต่เหลียวกลับมามองเป็นระยะๆ แต่ถึงจะมองยังไงเพื่อนก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เพื่อนของพวกมันถูกฟ่างหยุนกลืนลงท้องไปเสียแล้ว จึงปรากฏแค่เพียงคลื่นเป็นระรอกบนผิวน้ำ
ทันทีที่ได้ยินเสียงดังโหวกเหวกเช่นนี้แล้ว พวกเด็กๆที่วิ่งเล่นก็ต้องหยุดชะงักอย่างกระทันหันพร้อมกับจ้องมองไปที่กลางแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
“ หนึ่ง สอง สาม หก เจ็ด... ? ” ทำไมเป็ดหายไปหนึ่งตัว ? ในบรรดาเด็กๆเหล่านั้น เด็กที่มีอายุมากกว่าผู้อื่น ได้เอ่ยออกมาถามเด็กชายผู้ซึ่งที่กำลังมีน้ำมูกไหลคาจมูกอยู่
เด็กชายที่น้ำมูกไหลอยู่นั้นเมื่อได้ยินคำถามแล้วก็ทำได้แค่เงยหน้ามองไปที่เขาพร้อมกับถามตอบว่า “ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ? ”
ฟ่างหยุนที่กำลังกัดคอเป็ดอยู่ใต้น้ำนั้น ตอนนี้เขารู้สึกว่าตอนนี้มันเริ่มจะอ่อนแรงแล้ว เขาจึงลากมันลงไปให้ลึกอีก นาทีต่อมาเจ้าเป็ดก็ขาดอากาศหายใจและตายไปในที่สุด
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ามันตาย ฟ่างหยุนก็ค่อยๆเลื้อยขึ้นมาบนริมตลิ่งพร้อมกับกลืนร่างของเจ้าเป็ดอ้วนสีขาวในทันที
เป็ดตัวนี้ค่อนข้างที่จะสมบูรณ์มาก น้ำหนักของมันน่าจะ 4 กิโลกรัมได้ หลังจากที่เขากลืนเป็ดลงไปแล้วความหิวที่มีนั้นก็หายไปในพริบตา
“ ตุ๋ม ! ” ฟ่างหยุนรีบพุ่งลงไปในแม่น้ำต่อเพื่อที่จะได้ออกเดินทาง แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ต้องหยุดชะงักขึ้นมาในทันที