px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
 บทที่ 404 : ผู้หลอมศาสตราระดับ 6!


 บทที่ 404 : ผู้หลอมศาสตราระดับ 6!

 

 

จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด...

ในบรรดาเหล่าสัตว์อสูรปีศาจนั้น...

สัตว์อสูรปีศาจที่ตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้แล้ว เรียกได้ว่ามีสติปัญญาไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์!

และเมื่อสัตว์อสูรปีศาจเข้าถึงระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ พวกมันสามารถควบรวมเสียงส่งผ่านพลังงานต้นกำเนิด เพื่อสนทนากับมนุษย์ได้...!

ตองเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่อยู่ในระดับหลอมรวมธรรมชาติเสียก่อน... ถึงจะมีความสามารถสนทนากับมนุษย์ได้โดยตรง ...!

ส่วนสัตว์อสูรปีศาจที่ตัดผ่านไปถึงระดับผันแปรธรรมชาติได้แล้วนั้น จะมีความสามารถในการเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ และสัตว์อสูรปีศาจที่อยู่ในระดับนี้ได้แล้วจะถูกเรียกว่า ปีศาจ..!

นอกเหนือจากเนื้อแท้ดั้งเดิมแล้วเรียกได้ว่าปีศาจ ก็ไม่มีอะไรต่างจากมนุษย์...!

แต่ถ้าใครอยากจะถามถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือ... ส่วนใหญ่แล้ว ปีศาจ จะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์!

เพราะจะอย่างไรทุกชีวิตของปีศาจนั้น ...เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่อยู่เหนือระดับผันแปรธรรมชาติไปหมดแล้วทั้งสิ้น ...

แล้วตัวตนระดับผันแปรธรรมชาติเป็นอย่างไรน่ะหรือ?

มองไปทั่วทั้งราชวงศ์ต้าฮั่นแล้ว... ยังไร้ซึ่งตัวตนระดับผันแปรธรรมชาติอยู่แม้แต่คนเดียว!

"เสี่ยวจิน เจ้าไม่ใช่สัตว์อสูรปีศาจระดับแรกสัมผัสธรรมชาติหรอกหรือ? ... แล้วนี่เจ้าทำได้ยังไงล่ะเนี่ย ?"ต้วนหลิงเทียนนั้นระบุได้อย่างรวดเร็ว ว่าเป็นเสี่ยวจินส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดสนทนากับเขา นี่ทำให้เขาประหลาดใจนัก!

ตามปกติสามัญสำนึกทั่วไปนั้น ต้องเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับหยั่งรู้ธรรมชาติก่อนถึงจะสามารถส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดเช่นนี้ได้...

ดั่งเช่นอาวุโสเผิง...

แต่เจ้าเสี่ยวจินนี่ ยังเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่อยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเท่านั้นเอง!

"ปะ ... ข้าเป็น ... ชั่วร้าย ...ตัวชั่วร้าย ... " เสี่ยงเจื้อยแจ้วดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ฟังแล้วดูเหมือนเสียงของสาวน้อยวัยหัดพูดไม่มีผิด กล่าวไปก็น่าฟังไม่น้อย...ทว่า

ชั่วร้ายหรือ?

ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินคำนี้ชัดเจน... และนี่ทำให้เขาไม่รู้จะพูดยังไง

แล้วข้าไปเป็นคนชั่วร้ายอะไรนั่น ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเล่า?!

‘หรือในสายตาของเสี่ยวจิน ข้าจะเป็นตัวชั่วร้าย?’

"เสี่ยวจิน ข้าไม่ใช่คนชั่วร้ายนะ " ต้วนหลิงเทียนใช้นิ้วทุบเบาๆไปที่หัวของเสี่ยวจิน ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

อย่างไรก็ตามเสี่ยวจินไม่คิดจะเชื่อสักนิด... ยังคงกล่าวยืนกรานคำพูดตัวเองออกมา "ชั่วร้าย... เจ้าคือตัวชั่วร้าย..."

ต้วนหลิงเทียนไร้คำจะกล่าว

นี่เสี่ยวจินไปเข้าใจอะไรผิดมาหรือไม่?

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนที่ถือเสี่ยวจินอยู่ก็นึกขึ้นได้และเหม่อมองไปรอบๆตัว  และหลังจากที่ได้สำรวจรอบๆแล้ว เขาก็เห็นว่า...ตอนนี้สถานที่ตรงนี้พังพินาศ! เต็มไปด้วยรอยไหม้และซากต้นไม้ถูกเผา  อันเป็นผลกระทบเนื่องมาจากทัณฑ์สวรรค์ที่เสี่ยวจินเผชิญ

และตรงนี้ยังเป็นแค่บริเวณรอบนอกของป่าแรกเริ่มเท่านั้น

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีกลุ่มคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้  ท่าทางคนกลุ่มนั้นจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงแห่กันมาดูให้รู้แน่ชัด

เมฆลมประสานเคลื่อนคล้อย!

ร่างของต้วนหลิงเทียนพุ่งวูบเข้าไปในป่าแรกเริ่มชั้นในด้วยความเร็วสูง

เขาไม่ได้กลัวผู้ที่กำลังมาแต่อย่างไร เพราะจากสัมผัสบอกได้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้เท่านั้น... น่าจะเป็นเหล่าศิษย์สายนอกของนิกายกระบี่ 7 ดาวที่มาฝึกฝนหรือหารายได้อะไรทำนองนั้น!

เขาแค่ไม่ต้องการสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น

"ชั่วร้าย ...ชั่วร้าย... " เสียงเล็กๆของเสี่ยวจินยังถูกส่งเข้ามาในหูต้วนหลิงเทียนเป็นระยะๆ และมันเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางอีกมนานคงชำนาญการพูด

"เสี่ยวจิน ข้าบอกเจ้าตั้งหลายครั้งแล้วนะ ว่าข้าไม่ใช่คนชั่วร้าย!" ต้วนหลิงเทียนจ้องไปยังเสี่ยวจินก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน "ถ้าเจ้ายังเรียกข้า ชั่วร้าย อีกคำ! ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ตรงนี้แล้วหนีกลับคนเดียว!"

"ฮึ... " เสียงเด็กสาวตัวน้อยจากเสี่ยวจินดังขึ้นอีกครั้ง "ตัวชั่วร้าย ถ้าเจ้า ... กล้าทิ้งข้าไว้ที่นี่ พี่สาวเค่อเอ๋อ ...จะเสียใจ"

ต้วนหลิงเทียนถลึงตามองเสี่ยวจินอย่างอึ้งๆ อีกครั้งก่อนจะกล่าว "เฮ่อ...แล้วแต่เจ้าเถอะ อยากเรียกข้ายังไงก็เรียกไปแล้วกัน"

น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้แฝงความจนปัญญาเอาไว้ไม่น้อย...

"เข้าไปหาอะไรข้างในหน่อยแล้วกัน" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังด้านในของป่าแรกเริ่ม และไหนๆก็มาแล้วก็คิดหาอะไรติดไม้ติดมือไปสักหน่อย เลยพาเสี่ยวจินเข้าไป จะได้ลองดูความสามารถเจ้าเสี่ยวจินไปด้วย

ระหว่างทางก็พบเจอสัตว์อสูรจำนวนมาก และทั้งหมดถูกเสี่ยวจินจัดการทั้งสิ้น

ตอนนี้เจ้าเสี่ยวจินเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับแรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว ดังนั้นสัตว์อสูรที่มีระดับต่ำกว่านี้ล้วนไม่มีอะไรจะมาสู้กับเสี่ยวจินได้เลย...

"จี๊ด จี๊ด ~" เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กสาวตัวน้อย ดังขึ้นในหูของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง "ตัวชั่วร้าย ข้าเก่งและน่าเกรงขามใช่หรือไม่?"

"ไม่เลว ...แต่ยังไงเจ้าก็เก่งสู้เสี่ยวเฮย กับเสี่ยวไป๋ไม่ได้หรอก" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมาช้าๆ

คำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าย่อมทำเจ้าหนูตัวน้อยขุ่นเคืองขึ้นมา “สองตัวนั่นน่ะหรือ พวกมันสู้ข้าไม่ได้หรอก... ฮึ! ตอนนั้น พวกมันรุมข้ายังสู้ข้าไม่ได้ ตอนนี้ข้ากลายเป็นสัตว์อสูรปีศาจแล้ว... พวกมันก็ยิ่งสู้ข้าไม่ได้เข้าไปใหญ่ "

ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับคิดไปอีกอย่างเมื่อได้ยินคำกล่าวของเสี่ยวจิน

ตอนนี้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป พบพานวาสนาของพวกมันแล้ว โชคชะตาของพวกมันได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว

นี่คือสิ่งที่ต่างไปจากเสี่ยวจิน

นอกจากนี้เด็กสาวลึกลับหานเฉวี่ยไน่ ที่เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ติดตามไปด้วย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน พวกมันต้องได้รับประโยชน์มากมาย หลังจากที่ได้ติดตามนางไป...

เกรงว่าตอนนี้พวกมันคงเป็นสัตว์อสูรปีศาจไปเนิ่นนานแล้ว

“ฮึ่ม! ฮึ่ม!  พวกมันกลับมาเมื่อไหร่ข้าจะทุบตีมัน! ข้ามั่นใจว่าข้าแข็งแกร่งกว่า ข้าเป็น ลูกพี่หญิง!” เสียงเล็กๆดังขึ้นในหูของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และคราวนี้มันเต็มไปด้วยความมั่นใจ

"ลูกพี่หญิง?" มุมปากของต้วนหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะเอานิ้วไปตีเบาๆที่หัวเสี่ยวจิน "ใครสอนเจ้ามาเนี่ย?"

"ข้าได้ยินพี่สาวบางคนบอก ตอนที่ข้าไปเล่นที่เขาเหยากวงกับพี่สาวเค่อเอ๋อ ... " เสี่ยวจินบอกออกมา

ต้วนหลิงเทียนอึ้งจนพูดไม่ออก

ดูเหมือนว่าเจ้าเสี่ยวจินนี่ จะถูกพวก นักเลงหญิง บนเขาเหยากวงเสี้ยมสอนเรื่องไม่ดีมาซะแล้ว...

แต่สำหรับที่ต้วนหลิงเทียนพบมา อันที่จริงสตรีบนเขาเหยากวงนั่นก็นับว่าดุร้าย สมกับเป็น 'นักเลงหญิง' จริงๆ ...

เวลาเขาไปเขาเหยากวงนั้น เขาไม่เคยได้เดินสะดวกเลยสักครั้ง

โชคดีที่ตอนนี้ระดับบ่มเพาะของเขาสูงแล้ว เวลาไปหาลี่เฟย เขาจะใช้วิชาท่าร่างเมฆลมประสานเคลื่อนคล้อย เพื่อเร่งความเร็วเต็มที่ นั่นทำให้เหล่าสตรีของขุนเขาเหยากวงไม่อาจเห็นเขาได้ชัด

ถึงแม้พวกนางจะเห็นเขา แต่พวกนางก็จับเขาไม่ทัน

ต้วนหลิงเทียนพาเจ้าเสี่ยวจินเข้าไปยังป่าแรกเริ่มด้านใน

ตอนนี้สัตว์อสูรที่เจอก็เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ มีแม้กระทั่งสัตว์อสูรระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ...

แต่จะอย่างไรลำพังสัตว์อสูรครึ่งก้าวธรรมชาติ ก็ไม่พอมือเจ้าเสี่ยวจิน ล้วนไม่นับเป็นตัวอะไร...

"ตัวชั่วร้าย เจ้าทำอาวุธวิญญาณให้ข้าบ้างสิ" แก้วหูต้วนหลิงเทียนสั่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อโดนเสียงเล็กๆ ส่งตรงมาถึงหู

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เผยความประหลาดใจออกมา “อะไร? เจ้าต้องการใช้อาวุธวิญญาณด้วย แล้วนี่เจ้าคิดจะใช้อาวุธอะไรล่ะ?”

"อืออ ... ขอข้าคิดก่อน" หนูสีทองตัวน้อยก้มหน้าครุ่นคิดเอียงคอไปมาอย่างน่ารัก หัวน้อยๆของมันส่ายไปส่ายมา  และเมื่อคิดได้มันก็กล่าวขึ้นมาอย่างเริงร่า "ข้าอยากได้กระบี่วิญญาณ ... เวลาข้าเห็นพี่สาวเค่อเอ๋อฝึกกระบี่  นางดูดียิ่ง"

"กระบี่วิญญาณ?" ต้วนหลิงเทียนตะลึงไปเล็กน้อย ทันใดนั้นในห้วงคิดของเขาก็อดปรากฏภาพพิลึกพิลั่นขึ้นมาเสียไม่ได้

ในภาพมีหนูตัวน้อย ยืนสองข้า มือเล็กๆของกำกระบี่เอาไว้ ...กวัดแกว่งกระบี่อันเท่าไม้จิ้มฟัน ...พุ่งไปจิ้มสังหารสัตว์อสูรอย่างดุร้าย

ต้วนลิงเทียนสั่นสะท้านไปเล็กน้อยเมื่อกลับมารู้สึกตัว

นี่ถ้าเขาให้อาวุธเจ้าอันธพาลน้อยนี่ไป มันไม่ยิ่งซนมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่คิดขัดความต้องการของเสี่ยวจิน

"แล้วเจ้าต้องการกระบี่วิญญาณแบบไหนล่ะ เจ้าต้องการแบบที่ข้ากับเค่อเอ๋อใช้ หรือเจ้าต้องการขนาดเล็กๆให้พอดีกับเจ้าตอนนี้?" ต้วนหลิงเทียนมองยังเจ้าหนูตัวน้อยแล้วกล่าวถามออกมา

"ข้าเอาอันเล็กๆ อันเล็กๆ ดูดียิ่ง!" ดวงตาของหนูตัวน้อยเบิกโพลงขึ้น ก่อนจะรีบส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดเข้าหูต้วนหลิงเทียนอย่างดีใจ  ก่อนที่จะบ่นต่อไปอีกว่า "ข้าไม่ชอบแปลงร่างเป็นตัวใหญ่ๆ ... มันอ้วนเกินไป แล้วก็ดูน่าเกลียดยิ่งนัก ข้าชอบตัวเล็กๆ ผอมๆสวยๆ แล้วก็น่ารักเช่นนี้มากกว่า... พวกพี่สาวในเขาล้วนชอบและรักข้าตอนตัวเท่านี้ ถ้าข้าตัวใหญ่พวกนางต้องกลัวข้าแน่ๆ "

ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างอึ้งกับความคิดของเสี่ยวจิน

แต่เขาก็ไม่ได้คิดไปขัดอะไรมัน

เพราะแค่เพียงเจ้าเสี่ยวจินสามารถส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดได้ตั้งแต่ตอนนี้ เขาก็รู้แล้วว่ามันไม่ธรรมดา ความสามารถในการทำความเข้าใจและ พูดคุยของมันนับว่าดีเลยทีเดียว

แต่เขาก็เข้าใจดีว่าที่เสี่ยวจินบ่นนั้นหมายถึงอะไร

ก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่หากเขาหลอมกระบี่ขนาดปกติให้มัน เวลามันจะใช้กระบี่นั่น มันก็ต้องขยายร่างให้ใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะถือได้ ...

แต่ดูท่าแล้วเจ้าเสี่ยวจินจะไม่ชอบขยายขนาดตัว...ด้วยเหตุผลที่เขาเองก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริงๆ

"สหายตัวนี้ นี่ช่างเอาแต่ใจนัก" ต้วนหลงเทียนส่ายหัวไปมาก่อนที่จะมองไปยังร่างกลมๆ ตัวนิดเดียวของเสี่ยวจินแล้วกล่าวออกมา ‘ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ตรงไหนของมันกัน ที่เรียกว่าผอม ...’

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่กล้าพูดออกมา

ตอนนี้สหายน้อยนี่เป็นถึงสัตว์อสูรปีศาจแรกสัมผัสธรรมชาติแล้ว เกิดพูดจาไม่เข้าหู แล้วมันโมโหขึ้นมาจะให้เขาทำไงล่ะ?  ยิ่งเกิดมันขยายร่างใหญ่ขึ้นแล้วทับเขา กระทั่งลงมือกับเขา เขาไม่ต้องกลายเป็นปุ๋ยอยู่ในป่านี่หรือไง?

"เอาล่ะ งั้นข้าจะทำกระบี่วิญญาณที่เหมาะสมกับเจ้าโดยเฉพาะ" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า และรับปากนาง

ดวงตาเล็กของหนูน้อยทอประกายเรืองวูบ มันลุกขึ้นยืน 2 ขาก่อนที่จะตบมือรัวๆ กล่าวคำส่งเสียงเล็กๆออกมาอย่างตื่นเต้น "ดียิ่งนัก ... ตัวชั่วร้ายเจ้าดียิ่ง"

"เอาล่ะ ข้าจะเริ่มต้นหลอมกระบี่ให้เจ้า แต่เจ้าก็ต้องช่วยเฝ้าระวังให้ข้าด้วย...ถ้ามีสัตว์อสูรตัวไหนเข้ามาใกล้ข้าในระยะ 100 เมตร ฆ่ามันให้หมด" ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเสี่ยวจินเอาไว้

เสี่ยวจินรีบพยักรับรัวๆราวกับลูกเจี๊ยบเมื่อได้ยินคำสั่ง

ร่างเล็กๆของมันกระโดดขึ้นมาเกาะบนไหล่ของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยแววตาดุร้ายขึงขัง พร้อมกวาดมองไปรอบๆด้วยความตั้งใจ

"ถ้าใครกล้ามารบกวนตัวชั่วร้ายตอนหลอมกระบี่  ข้าจะสับมันให้เละแล้วเอาไปทำลูกชิ้น!" การส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดครานี้ของเจ้าหนูตัวน้อยครานี้น่าสะพรึงนัก เสียงเด็กสาววัยหัดพูดทว่ากลับกล่าววาจาน่ากลัวออกมาอย่างดุร้ายด้วยความมั่นใจห้าวหาญ ...นี่มัน...

เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออก

นี่เจ้าหนูตัวนี้มันเป็นตัวเมียแน่หรือ?

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว สลัดความคิดที่จะทำให้เสียสมาธิทั้งหมดออกไป ก่อนที่จะเริ่มหยิบวัตถุดิบออกมาจัดเรียง และเริ่มต้นหลอมสร้างกระบี่

ฟู่วววว!

ทันใดนั้นเองเพลิงสีเขียวมรกตพลันลุกพรึ่บขึ้นมาเหนือฝ่ามือของต้วนหลิงเทียน ...

เปลวเพลิงหลอมศาสตราระดับ 6!

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้สำเร็จ ตัวเขาก็สามารถยกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถ และเปลวเพลิงหลอมศาสตราให้กลายเป็นระดับ 6 ได้แล้ว...เมื่อมีความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดการยกระดับเปลวเพลิงล้วนทำได้ในพริบตาเดียว

อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เขาเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 6 !

และตอนนี้อาวุธวิญญาณระดับ 6 นั้นเขาสามารถหลอมสร้างมันขึ้นมาได้ง่ายๆ!

"หลังจากที่ข้าตัดผ่านมายังระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ข้าก็ยุ่งอยู่กับการบ่มเพาะพลัง ทำความเข้าใจพลังลม ไม่ได้มีเวลาปรับแต่งอาวุธวิญญาณของตัวเองให้เป็นระดับ 6 เลย ของเค่อเอ๋อกับลี่เฟยก็ด้วยง ... เอาล่ะ ก่อนอื่นข้าจะทำกระบี่วิญญาณให้เจ้าตัวเล็กนี่ก่อน เมื่อกลับไปนิกายแล้วข้าค่อยหลอมปรับอาวุธวิญญาณระดับ 6 อีก 3 เล่ม " ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจ

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบสติอารมณ์  เริ่มต้นกระบวนการหลอมสร้างกระบี่วิญญาณ

ฟู่ววว! ฟู่ววว! ฟู่ววว! ฟู่ววว! ฟู่ววว!

...

ทักษะการหลอมสร้างของต้วนหลิงเทียนนั้นใครมาเห็นก็คงต้องตกใจ วัตถุดิบลอยล่องหลอมสลายกลับกลายเป็นสารเหลวที่อุดมไปด้วยแก่นแท้ อันเป็นสาระสำคัญของวัตถุดิบ... อีกทั้งการกระทำนี้ เขายังหลอมวัตถุดิบครั้งละหลายๆ ชนิด...ทั้งๆที่ผู้อื่นทำได้เพียงทีละชนิดเท่านั้น

ตอนนี้สายตาของต้วนหลิงเทียนจดจ่อไปยังเรื่องราวงานฝีมือตรงหน้า ตัดขาดจากสิ่งรบกวนรอบๆ อย่างสิ้นเชิง

ราวกับในโลกมีเพียงกองวัตถุดิบ และ การหลอมสร้างกระบี่เท่านั้นที่หลงเหลืออยู่

ถึงแม้วัตถุดิบพวกนี้จะไม่ได้นับว่าใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ต้วนหลิงเทียนก็ต้องกลั่นแล้วกลั่นอีก บีบอัดพวกมันจนเหงื่อไหลไคลย้อย เพื่อลดขนาดพวกมันให้เล็กลง!

นั่นเพราะกระบี่วิญญาณระดับ 6 ที่เขาจะหลอมสร้างคราวนี้มันมีขนาดกระจิ๋วหลิว เพื่อให้เหมาะกับเสี่ยวจิน! และนั่นมันทำได้ยากเย็นยิ่งนัก!!

ยิ่งอาวุธวิญญาณระดับสูงขึ้น พลังวิญญาณที่ต้องใช้และสมาธิก็มากขึ้นทบเท่าทวี...มาคราวนี้ยังต้องทำให้มันเล็กลงนับสิบเท่า...!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทุ่มสมาธิหลอมสร้างอาวุธวิญญาณอยู่นั้น เจ้าหนูตัวน้อย ก็พุ่งเป็นเส้นแสงสีทองออกจากไหล่ต้วนหลิงเทียนหลายครั้งหลายครา และเมื่อมันกระพริบวูบออกไปคราใด ในรัศมี 100 เมตรรอบตัวต้วนหลิงเทียน ก็บังเกิดซากศพสัตว์อสูรเพิ่มขึ้นมาอีก กองหนึ่ง

สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนตายตก ด้วยการลงมือจู่โจมเพียงครั้งจากเสี่ยวจิน...

 

รีวิวผู้อ่าน