px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 409 : 2 ทางเลือก!


บทที่ 409 : 2 ทางเลือก!

 

 

นั่นเพราะ...เมื่อศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวสายใน ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเหงื่อโลหิต รับเอาจดหมายของต้วนหลิงเทียนไป...

แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!

...

มันไม่แม้แต่จะเหลือบแล หรือเปิดจดหมายแนะนำอ่านแต่อย่างไร ...เลือกที่จะลงมือ ฉีกทำลายจดหมายออกเป็นชิ้นๆทันที...!

ฟิ้ว!

และด้วยการสะบัดมือพร้อมแผ่พุ่งพลังงานต้นกำเนิดออกมา เศษซากจดหมายได้ถูกทำลาย จนเป็นเศษ พัดหายไปกับลมทะเลทรายร้อนระอุ...

"ไอ้หนู!" ศิษย์สายในคนนั้น เหลือบมองลงมายังต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาเย้ยหยัน "เจ้านับว่าฉลาดเฉลียวกว่าตัวอุบาทว์อื่นไม่น้อย ถึงได้คิดกลวิธีปลอมแปลงจดหมายเช่นนี้ออกมาได้... จดหมายแนะนำจากประมุบนิกายหรือ? ข้าจ้าวเหล่ย ศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวผู้นี้ยังมิมีคุณสมบัติที่จักให้ท่านประมุขนิกายเขียนจดหมายแนะนำตัวข้าเสียด้วยซ้ำ!  แล้วไอเด็กน้อยปากมิสิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นเจ้า ที่แลดูยังมีอายุเพียง 20 ปี ยังจักมีคุณสมบัติให้ท่านประมุขเขียนจดหมายแนะนำตัวเจ้าอีกหรือ? "

"คิดว่าผู้อื่นจักโง่งมเชื่อเจ้า?" เมื่อกล่าวจบจ้าวเหล่ยก็ระเบิดโทสะอารมณ์ไปยังต้วนหลิงเทียน  รอยยิ้มเย้ยยันยังเผยออกมาที่มุมปาก

มันทำราวกับ กลวิธีกิ๊กก๊อกไร้สาระเช่นนี้ของต้วนหลิงเทียน มันผู้มีสายตาคมกล้าดั่งพญาเหยี่ยว มองออกได้ในทันที!

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับโทสะที่ปะทุขึ้นมาในใจแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำๆ “จ้าวเหล่ยใช่หรือไม่? ข้าไม่ได้โทษหรือคิดจะต่อว่าอะไรเจ้า หากเจ้าไม่คิดเชื่อว่าข้าเป็นศิษย์สายใน ด้วยเพราะอายุของข้านั้นน้อยเช่นนี้ ...จะอย่างไรทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความเข้าใจผิด  ...แต่ข้าเอาจดหมายแนะนำของประมุขที่ฝากมาให้อาวุโสจ้าวอวี่และอาวุโสฟงผิงออกมาให้เจ้าชมดู เจ้ากลับไม่คิดเหลือบแลกระทั่งฉีกทำลายมันทิ้งไปเช่นนี้? ”

“เจ้ามั่นใจมากนักหรือ ว่าเพราะเจ้าไม่ได้จดหมายแนะนำ... ประมุขจะไม่เขียนจดหมายแนะนำให้ผู้อื่น?” เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ความเหน็บหนาวเริ่มเผยออกมาจากดวงตา

เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรที่ จ้าวเหล่ยจะไม่เชื่อเขาในตอนแรก

เพราะถึงแม้ชื่อเสียงของเขาจะรู้กันไปทั่วนิกายกระบี่ 7 ดาว หลังจากไม่นานมานี้เขาพึ่งนำพาเกียรติยศอันยิ่งใหญ่มาสู่นิกาย...

แต่จะอย่างไรก็ตาม เมืองโบราณชั่วนิรันดร์มันช่างห่างไกลนัก ก็ไม่น่าแปลกอะไรที่ศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวที่ประจำการทำหน้าที่ผู้คุ้มกันของหอการค้ากู่เหออยู่ที่นี่ จะไม่ได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารอะไรของเขา

แต่ตอนนี้กระทั่งเขาส่งจดหมายแนะนำที่เขียนขึ้นด้วยลายมือของหลิ่งหูจิ่นหงออกไปให้ จ้าวเหล่ย เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด แต่ตัวบัดซบนี่กลับไม่คิดจะเหลือบดู กระทั่งยังฉีกทำลายเป็นชิ้นๆ เช่นนี้

"ไร้สาระ" เมื่อจ้าวเหล่ยได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน  ความเย้ยหยันบนใบหน้าของมันยิ่งมายิ่งฉายชัด "ไอหนู  กลอุบายจิ๊บจ๊อยของเจ้าถูกข้าจับได้ แล้วเจ้ายังกล้ายืนกรานโง่งมอีกเช่นนั้นหรือ! ถ้าข้าเป็นเจ้า...เมื่อถูกเผยไต๋ได้เช่นนี้! ข้าคงรีบเร่งหลบหนีไปไกลแล้ว!... จดหมายหรือ? จดหมายปลอมจักพิสูจน์บัดซบอันใดได้?"

“ถ้าข้าหยิบจดหมายออกมาแล้วกล่าวว่า ราชาแห่งอาณาจักรพนาคราม แต่งตั้งข้าให้เป็นบุตรบุญธรรม และยกมอบสมบัติทุกสิ่ง กระทั่งให้ข้าเป็นองค์ชายรัชทายาทรอรับช่วงต่อบัลลังก์...เจ้าจะเชื่อหรือไม่เล่า?” เมื่อกล่าวจบบนใบหน้าจ้าวเหล่ยก็เผยร่องรอยดูแคลนออกมา พร้อมหัวเราะออกมาอย่างสะใจ  กระทั่งผู้คนรอบๆที่ได้ยินเรื่องราวยังเริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนลดต่ำลง ก่อนที่จะเหลือบมองจ้าวเหล่ยด้วยสายตาเย็นชาไม่แยแส แล้วเลือกที่จะเดินเข้าเมืองโบราณชั่วนิรันดร์ไป

ในเมื่อจ้าวเหล่ยไม่เชื่อเขา เขาก็แค่ไปหาอาวุโสจ้าวอวี่และฟงผิง ที่หอการค้ากู่เหอในเมือง แล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด

แค่นั้น เรื่องราวทุกอย่างล้วนกระจ่าง!

“หยุด! อย่าได้คิดหนี!”

ทันใดนั้นเสียงของจ้าวเหล่ยพลันดังขึ้นมาจากด้านหลัง  ทำให้ร่างของต้วนหลิงเทียนหยุดลงอีกครั้ง ก่อนที่จะหันมามองจ้าวเหล่ย “เจ้าจะเอาอะไรอีก?”

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคร้านจะใส่ใจตัวโงมอย่างจ้าวเหล่ย และไม่คิดจะใยดีอะไรมันอีกต่อไป

จ้าวเหล่ยที่นั่งอยู่บนหลังอาชาเหงื่อโลหิต ทอดสายตาเย็นชาหนาวยะเยือกมายังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงยะเยือก “เจ้ากล้าเสแสร้งแสดงเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว... แล้วเจ้ายังคิดจะเดินหนีไปง่ายๆ?”

"แล้วเจ้าจะทำไม?" ต้วนหลิงเทียนเย้ยหยันออกมา

เขาคร้านจะแยแสกับไอจ้าวเหล่ยนี่นัก เพราะมันไม่คู่ควรให้เขาลงมือ!  แต่ไอจ้าวเหล่ยนี่...มันกลับคิดว่าเขาเป็น ลูกพลับอ่อนนุ่ม ให้มันบีบเล่นได้ตามแต่มันต้องการหรือไร?!

"ถอดชุดศิษย์สายในนิกายของปลอมของเจ้าเสีย เจ้าไม่คู่ควรแต่งชุดนี้ ... เจ้าจักเข้าเมืองได้ แต่ต้องเข้าเมืองด้วยชุดวันเกิด!" รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของจ้าวเหล่ย

คำพูดของจ้าวเหล่ยทำให้คนฮือฮาขึ้นมาทันใด

“ชายหนุ่มผู้นี้หาเรื่องใส่ตัวนัก กล้าเสแสร้งแสดงเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว...ตอนนี้มันถูกศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวตัวจริงจับได้แล้ว”

“มิผิด มันช่างโชคร้ายยิ่งนัก หากเป็นข้า ข้าจะปลอมตัวเป็นศิษย์สายนอกก็พอแล้ว  เช่นนี้ย่อมมิค่อยมีผู้ใดสงสัย”

“บางทีเด็กน้อยคนนี้ คงพอใจแค่เพียงการเป็นศิษย์สายใน”

“เพ้ย มันยังเด็กถึงเพียงนี้ กลับกล้าคิดเป็นศิษย์สายในแล้ว?”

...

ทุกสายตาของผู้คนรอบๆ ล้วนตกมาที่ต้วนหลิงเทียน  ราวกับกำลังเห็นภาพ ต้วนหลิงเทียนในชุดวันเกิด เดินเปลือยเปล่าเข้าเมืองแล้ว

ทั้งทำราวกับพวกมันอดที่จะเห็นชายหนุ่มหล่อเหลาผู้นี้ แก้ผ้าเข้าเมืองไม่ไหวแล้ว!

ส่วนสตรีบางคนล้วนเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้นมา ใบหน้าขึ้นสีแดงอยู่บ้าง แต่จะอย่างไร ...สองตากลับทอประกายเรืองวูบ เผยความสนใจนัก!

“ให้ข้าเข้าเมืองด้วยชุดวันเกิด งั้นหรือ?” ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าได้ยินคำที่จ้าวเหล่ยกล่าวผิดไป

แต่เมื่อเห็นรอบๆล้วนจับจ้องมองมา เขาก็รู้สึกตัว

ตอนนี้เขารู้ว่า จ้าวเหล่ยมันกลับต้องการให้เขาแก้ผ้าเข้าเมืองจริงๆ!

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็หรี่ตามองจ้าวเหล่ย พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มๆ  "จ้าวเหล่ย เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร แต่เจ้ากล้าคิดหาเรื่องข้า และสั่งให้ข้าแก้ผ้าเข้าเมือง...ไม่คิดว่ามันจะมากเกินไปหน่อยหรือไร? "

"ข้าทำมากเกินไป?" จ้าวเหล่ยหัวเราะเยาะออกมา "ไอหนู อย่าได้กล่าวให้ตัวเองดูดีแล้ว... ทั้งหมดเพราะข้าสามารถมองกลอุบายโง่งมของเจ้าออกได้ง่ายดายทั้งยังทันทีทันใดต่างหาก!  หากวันนี้เจ้าไม่เข้าเมืองด้วยชุดวันเกิด ข้าจะตีขาเจ้าให้หัก  ให้เจ้าสำนึกว่ามิควรกระทำเช่นนี้อีก! "

ถ้าข้าไม่เข้าเมืองด้วยชุดวันเกิด มันจะตีขาข้าให้หัก?

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนเริ่มเย็นลง เสมือนมีชั้นน้ำแข็งเคลือบ

“จ้าวเหล่ยเนื่องจากเจ้าไม่มีปัญญามากพอ ที่จะตัดสินว่าข้าเป็นศิษย์สายในจริงหรือไม่  ข้าก็จะไปพบอาวุโสจ้าวอวี่ กับอาวุโสฟงผิง ให้ทั้ง 2 คนนั่นตัดสินข้า ว่าข้าเป็นศิษย์สายในจริงหรือไม่!  หากเจ้าไม่เชื่อก็ตามมาดูเอาเอง”  น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนนั้นเย็นยะเยือกราวกับผุดออกมาจากหล่มน้ำแข็ง ทั้งยังมีความน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ภายใน  แต่จะอย่างไรเขาก็อดทนกล่าวจนจบคำ

ตอนนี้เขายังทนอยู่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวเช่นเดียวกัน... เขายังคงเห็นแก่หน้าหลิ่งหูจิ่นหงอยู่บ้าง

หาไม่แล้ว คนที่กล้ามากวนอารมณ์และยั่วยุเขาถึงเพียงนี้ เขาสับหัวแยกร่างมันไปเนิ่นนานแล้ว

คำกล่าวของต้วนหลิงเทียนทำให้ทุกคนตกตะลึง

“ชายหนุ่มคนนี้กล่าววาจาออกมา ไม่ได้หยิ่งหรือนอบน้อมจนเกินงาม ดูมิเหมือนคนเสแสร้งแกล้งทำ...หรือจักเป็นอย่างที่เขาพูด ว่าที่แท้เขาเป็นศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวจริงๆ  แต่คงมิจริงใช่หรือไม่...ที่อายุเท่านี้แล้วแต่สามารถเป็นศิษย์สายในได้?”

“ข้ามิเคยได้ยินเรื่องที่นิกายกระบี่ 7 ดาวมีศิษย์สายในอายุเท่านี้มาก่อน”

"แต่สายตาของเขา มองพวกเราเหมือนกับว่า... พวกเราเป็นฝ่ายเข้าใจผิด ... "

“เข้าใจผิด?...มิใช่เขาบอกเองหรือว่าเขาจะเข้าเมืองไปหา อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาว จ้าวอวี่กับฟงผิง เพื่อให้ระบุตัวตนเขา...  นี่เพราะเขาคิดฉวยโอกาสหลบหนีศิษย์สายในคนนี้หรือไม่?”

"ผู้ใดจะไปรู้?"

...

รอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าจ้าวเหล่ยยิ่งมายิ่งกว้าง เมื่อได้ยินวาจาต้วนหลิงเทียน มันกล่าวออกมาด้วยนำเสียงต่ำๆ “ไปหาอาวุโสทั้ง 2 หรือ? เรื่องนั้น หาได้จำเป็นไม่!”

"ไม่จำเป็น?" ประกายในแววตาต้วนหลิงเทียนเริ่มเย็นชาลง และไม่คิดจะทนอีกต่อไป คำกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงยะเยือก "จ้าวเหล่ย วันนี้เจ้าคิดจะหาเรื่องข้าให้ได้ใช่หรือไม่?"

"หาเรื่องเจ้า?" จ้าวเหล่ยตกตะลึง ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หลังจากหัวเราะอยู่นาน มันก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง กล่าวคำออกมาด้วยความรังเกียจ "ไอหนู ไม่ใช่ข้าที่อยากหาเรื่องเจ้า... นี่ไม่ใช่เพราะเด็กน้อยอย่างเจ้าหาเรื่องใส่ตัว คิดกระทำชั่วก่อนหรือไร?"

"ถ้าเจ้าคิดสำนึกตอนนี้ ก็รีบถอดเสื้อผ้าออก แล้วเข้าเมืองไปด้วยชุดวันเกิดเสีย ...หาไม่แล้วข้าทั้ง 2 ข้างของเจ้า! มิอาจรักษาเอาไว้ได้อีก!" ในขณะที่จ้าวเหล่ยตะโกนใส่ต้วนหลิงเทียนครานี้ สายตามันยังมองมาด้วยอำมหิตระคนดูแคลน

ราวกับว่าในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงมดปลวก ที่มันคิดจะเหยียบย่ำเมื่อไหร่ก็ได้..

"เจ้าแน่ใจแล้วหรือไม่ ว่าต้องการเช่นนี้?" ความเย็นชาบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนเริ่มสลายหายไป กลับกัน ยิ่งมายิ่งสงบ ไร้อารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ

บางทีในสายตาของเขา เขาไม่ควรมีอารมณ์อะไรกับมัน

จ้าวเหล่ย มันไม่คู่ควร!

“ไอหนู เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะถามข้าว่าจะทำอันใด!” จ้าวเหล่ยคิดว่าต้วนหลิงเทียนเริ่มบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อเห็นโทสะอารมณ์บนใบหน้าของต้วนหลิงเทียนเริ่มจางหายไป มันยังกล่าวคำดูถูกออกมาอีกครั้ง “ไอหนูน้อยเอ๋ย ข้าจักเมตตามอบเวลา 10 ลมหายใจให้เจ้า...หาก 10 ลมหายใจพ้นผ่าน บนตัวเจ้ายังมีเสื้อผ้าแม้เพียงชิ้น ข้าจะทุบขาเจ้าให้ละเอียด จนต้องคลานเข้าเมือง!”

“ยามนี้เจ้ามี 2 ทางเลือกนี้เท่านั้น สมควรคิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจโง่ๆออกมา!” เมื่อกล่าวจบจ้าวเหล่ยก็เผยความอำมหิตไร้ปราณีออกมา

ต้วนหลิงเทียนยังคงเหลือบมองจ้าวเหล่ยอย่างสงบ ปานจะอยู่อยู่ ณ จุดที่เหนือกว่า และท่วงท่ายังคงสูงส่งมั่นคงดั่งขุนเขา ราวกับจะไม่แยแสแม้ว่าขุนเขาจะพังทลายลงตรงหน้า

คล้ายเหตุการณ์เบื้องหน้า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

"เหลืออีก 7 ลมหายใจ" น้ำเสียงเย็นชาไม่แยแสของจ้าวเหล่ยดังขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อมันเห็นต้วนหลิงเทียนนิ่งค้างไป มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังตกตะลึงหวาดกลัว

ท่ามกลางผู้คนรอบๆ ที่เฝ้ามองเรื่องราว ส่วนหนึ่งมีความสุขในคราวเคราะห์ของต้วนหลิงเทียน และยังคงมีผู้คนจำนวนมาก ที่มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสาร เห็นใจ

เหล่าคนที่เห็นใจและสงสารต้วนหลิงเทียน ก็พยายามกล่าวคำเกลี้ยกล่อมต้วนหลิงเทียนออกมา “น้องชายตัวน้อย คนฉลาดมิฝืนสู้ดันทุรังอย่างไร้ประโยชน์ ..เพียงเสียหน้า ยังดีกว่าเสียขาทั้ง 2 ไป!”

"ใช่แล้ว น้องชายตัวน้อยเพียงอดทนเถอะ ...เดี๋ยวเรื่องราวก็ผ่านไปแล้ว"

“น้องชายเจ้าควรรู้ว่าชุดศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว มิควรใส่ออกมาเดินเที่ยวเล่นเช่นนี้ มันเป็นข้อห้ามของนิกายกระบี่ 7 ดาว  รีบทำตามคำกล่าวมันเร็วเข้า”

...

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะตอบสนองอะไรเมื่อได้ยินคำเกลี้ยกล่อม เขายังคงมองไปยังจ้าวเหล่ยอย่างสงบ

การจ้องมองนี้ ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

“พี่ใหญ่หลิงเทียน ตัวบัดซบนี่มันมากเกินไปแล้วนะ! มันกล้าให้ท่านทอดเสื้อผ้างั้นหรือ ให้ท่านแก้ผ้าเข้าเมือง  ฮึ่ม!..เพียงท่านบอกมาคำเดียว ข้าจะสับร่างมันให้แหลก เอาไปทำเนื้อตุ๋นเลี้ยงหมู” เสี่ยงเล็กๆของเสี่ยวจินส่งผ่านพลังงานต้นกำเนิดเข้าหูต้วนหลิงเทียนมาอย่างเกรี้ยวกราด

ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดตอบกลับไป "เสี่ยวจิน อย่าได้เอะอะก็ฆ่าคนแล้ว...บางครั้งการฆ่าก็ไม่ใช่หนทางแก้ปัญหา" ต้วนหลิงเทียนใช้โอกาสนี้สั่งสอนเจ้าหนูตัวน้อย

หากคำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียน ถูก เหล่าสหายทหารรับจ้างหรืออดีตหน่วยรบพิเศษทั้งหลายในชีวิตที่แล้วได้ยินเข้าล่ะก็ ทั้งหมดคงต้องหาอะไรมาแคะหูเป็นการใหญ่ ตบหน้าตัวเองรัวๆ ไม่ก็หยิกต้นขาจนเนื้อหลุด...

เพราะทุกคนรู้ดีว่าราชันย์ทหารรับจ้างผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้นี้ ...มีวิธีแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ละเลงเลือด!

"ยังเหลืออีก 3 ลมหายใจ" จ้าวเหล่ยกล่าวออกมาอีกครั้ง ท่าทางดูเหมือนพลังงานต้นกำเนิดของมันพร้อมปะทุออกได้ทุกเวลา

ต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งเฉยไม่แยแสใดๆ เพียงยืนอยู่ตรงนั้น

นี่ทำให้หนังศีรษะผู้คนด้านชาอยู่บ้าง

 

รีวิวผู้อ่าน