px

เรื่อง : Chronicles of Primordial Wars
ตอนที่ 13 : ม่อเอ๋อร์


ซายและสมุนทั้งสองของเขาไม่สามารถขโมยอะไรได้ แต่ถูกไล่ตามหลังจากเด็กสองโหลที่มาจากถ้ำ เหมือนหนูบนถนน

ในช่วงบ่าย ผู้อยู่อาศัยเกือบจะทั้งหมดที่อยู่ตีนเขาเห็นฉากที่น่าประหลาดใจ หลังจากที่ตามปกติ ซายร่วมกับชาน และเย รังแกเด็กคนอื่น ๆ และในอดีตที่ผ่านมา เด็กที่มาจากถ้ำเด็กกำพร้าจะไม่พร้อมใจกัน พวกเขามักจะทำเพียงคนเดียว และไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาได้รับการโจมตีจากซายก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีใครคาดว่าพวกเขาจะพร้อมใจกันเช่นนี้ เด็กกว่ายี่สิบคนวิ่งตามหลังซายและสมุนของเขา ' หลังจากเพียงระยะเวลาสั้น ๆ , ซายและสมุนของเขาถูกทำร้ายอย่างหนัก พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพ่อแม่ของพวกเขามาช่วยเหลือพวกเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังช่วยในผู้คนที่อาศัยเขตตีนเขาเริ่มเข้าใจมากขึ้นต่อเด็ก ๆ ในถ้ำ มันกลับกลายเป็นว่าเด็กๆเหล่านี้รู้วิธีที่จะพร้อมใจกันต่อต้านศัตรูร่วมกัน บางคนที่มีความคิดชั่วร้าย ยังต้องซ่อนความคิดของตนเมื่อเห็นสถานการณ์เหล่านั้น

การต่อสู้มันไม่มีอะไร เด็ก ๆ ในเผ่าไม่กลัวการต่อสู้ และไม่มีผู้ใหญ่คนไหนทำให้มันเคร่งเครียดจริงจัง แต่ก็เป็นเรื่องที่แตกต่างกันเมื่อมีคนได้ปิดล้อมโดยคนยี่สิบคน แม้ในขณะที่ทั้งหมดของพวกเขาเป็นเพียงเด็กก็ตาม มีเพียงแต่คนโง่ที่จะพยายามหาปัญหาให้กับตัวเอง

หลังจากที่ต้อนรับพวกของซาย ทำให้เกิดความโกลาหล, ฉาวซวนรวบรวมเด็กดุร้ายกลับไปที่ถ้ำ กับการไล่ล่าและการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อารมณ์ไม่เต็มใจของพวกเขาได้รับการระบายออกทั้งหมด ดังนั้นเป็นธรรมดาที่พวกเขาควรจะกลับมาและทำในสิ่งที่ถูกต้อง

เด็กในถ้ำเห็นว่า ฉาวซวนใช้ปลาของเขาเพื่อแลกกับหนังสัตว์ ดังนั้นพวกเขาเอาปลาของพวกเขาและขอให้ฉาวซวนทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับพวกเขา ผู้นำกลุ่มที่ได้รับการแต่งตั้ง ฉาวซวนไม่ได้โง่ และเนื่องจากพวกเขาเองไม่ชอบสื่อสารกับคนอื่น ๆ ในเผ่า พวกเขาถามฉาวซวนจะทำให้เข้าใจ

ในความทรงจำของเด็กบางคน พวกเขาจำได้อย่างเลือนลางว่ามีคนเคยสอนพวกเขาสองสิ่งที่ควรเตรียมและเก็บไว้ก่อนที่ฤดูหนาวมา หนึ่งคืออาหารและสิ่งที่เป็นหนังสัตว์ ในอดีตใครจะช่วยพวกเขาจากความอดอยาก และต่อมาใครจะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกแช่แข็งไปสู่ความตาย แม้ว่าเผ่าจะสำรองหนังสัตว์บางส่วนสำหรับใช้งานในช่วงฤดูหนาว ยังมีเด็กที่มีอาการป่วยเพราะอากาศเป็นประจำทุกปี ก่อนที่พวกเขาได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง พวกเขามีแนวโน้มที่จะปิดตาของพวกเขาเป็นการดีและทำให้ชีวิตของพวกเขายอมจำนนกับฤดูหนาวที่โหดร้าย บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ไม่กี่ปีในถ้ำยังคงมีความทรงจำที่สดใหม่ในช่วงฤดูหนาว มันน่ากลัวมาก ไม่มีใครมีอาหารเพียงพอและในเวลากลางคืนพวกเขามักจะตื่นขึ้นมาเพราะความหนาวเย็น ปล่อยให้อยู่คนเดียวกับความจริงที่ว่าสหายของพวกเขาจะจบลงที่ตายเมื่อไหร่ก้อได้ ดังนั้นตั้งแต่พวกเขามีอาหาร ตอนนี้พวกเขายินดีที่จะสำรองอาหารบางอย่าง และการค้าสำหรับหนังสัตว์

เมื่อเด็กคนหนึ่งพยายามที่จะขอความช่วยเหลือจากฉาวซวน, คนอื่น ๆ ก็ตามมา

ฉาวซวนบันทึกไว้บนผนังกำแพง กลุ่มที่ได้งดเว้น มีปลาจำนวนทำไหร่ และหลังจากที่เขาซื้อขายหนังสัตว์กลับ เขาจะแจกจ่ายให้กับกลุ่มต่างๆตามความเหมาะสม

ขณะที่เขากำลังเขียนบนผนังได้มีคนเข้ามาภายในถ้ำ

ทุกคนลังเลและกลั้นลมหายใจของพวกเขา เห็นได้ว่ามีคนเดินเข้ามาภายใน เช่นนั้นทุกๆห้าคนของพวกเขาได้รวมตัวกัน และจ้องคนที่เข้ามาอย่างระมัดระวัง

ฉาวซวนรู้ว่าคนที่เข้ามาในขณะนี้ เขาเป็นเด็กอีกคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในถ้ำที่มีชื่อว่าม่อเอ๋อร์พ่อม่อเอ๋อร์ เป็นนักรบที่เก่งกาจ แต่เขาก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติภารกิจล่าสัตว์ หลังจากนั้นแม่ม่อเอ๋อร์แต่งงานอีกครั้ง และม่อเอ๋อร์ควรจะได้เข้าร่วมครอบครัวใหม่ตามกฎในเผ่า แต่ครอบครัวที่จัดตั้งขึ้นใหม่มีเด็กมากกว่าหนึ่งคน และเนื่องจากมีความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้, การต่อสู้และความรุนแรงก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

แต่เดิมม่อเอ๋อร์ ได้ชื่อว่า "เอ๋อร์" แต่เนื่องจากพ่อของเขาชื่อ "ม่อ" ตัวเขาเองรวมคำสองคำและให้ตัวเองเป็นชื่อใหม่

ม่อเอ๋อร์ถือมีดหินยาวที่เกือบจะเท่าความสูงของเขา และมองไปรอบๆถ้ำ เขาดมกลิ่นและเงยหน้าขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น เพียงเพื่อจะพบว่าปลาจำนวนมากที่มีฟันคมเล็ก ๆ แขวนอยู่ด้านบน และจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาสีแดงเข้มของพวกมัน

ม่อเอ๋อร์จู่ ๆ ก็เดินถอยหลัง ร่างกายของเขาแข็งเกร็งในขณะที่เขาดึงมีดหินที่เขาผูกไว้บนหลังของเขา

ในเวลาเดียวกันม่อเอ๋อร์ดึงมีดออก เด็กบางคนเข้าใจผิด และคิดว่าเขากำลังพยายามที่จะปล้นปลาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับเครื่องมือที่จับแน่นอยู่ในมือของพวกเขาจ้องมองไปที่ม่อเอ๋อร์ ด้วยความสนใจของพวกเขา

อะไร? ต้องการที่จะปล้นปลาของเรา?!!

ถึงแม้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำเดียวกันนับตั้งแต่ฉาวซวนได้แบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ 5 คนในใจของพวกเขา ทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของพวกเขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นคนนอก กับผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง

"เอาหล่ะ! วางมีดและไม้ทั้งหมดของพวกเจ้า ... ใครที่มีหิน เจ้าคงคิดว่าข้าจะไม่เห็นอาวุธในมือของเจ้าที่อยู่ข้างหลัง! วางพวกมันทั้งหมด! " ฉาวซวนคำรามใส่เด็กทุกคนในถ้ำแล้วเดินไปที่ม่อเอ๋อร์ เขาชี้ไปที่ปลาข้างบนและอธิบายว่า "ตาย."

ม่อเอ๋อร์ขมวดคิ้วและสังเกตอย่างระมัดระวัง ปลาที่มีปากใหญ่ยักษ์และฟันแหลมคมจำนวนมาก เขากุมมีดไว้เพียงเท่านั้น หลังจากที่เขาแน่ใจว่าพวกมันเป็นปลาตายที่ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเขา มันก็ค่อนข้างยากสำหรับเขาที่จะถือมีดขนาดใหญ่เช่นนี้ หลังจากที่เขาเอามันกลับไป,ม่อเอ๋อร์ เหลือบมองไปรอบๆอีกครั้ง

เห็นเช่นนั้น ฉาวซวนสันนิษฐานว่าเขากำลังมองหากู่ "กู่ได้ไปที่เขตเชิงเขาและเขาจะไม่กลับมาในช่วงฤดูหนาว ลุงยี ตั้งข้าเป็นคนที่รับผิดชอบภายในถ้ำ. "

ม่อเอ๋อร์พยักหน้าและไม่กล่าวอะไร สำหรับเขามันไม่สำคัญว่าใครเป็นผู้ดูแลถ้ำ มันเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เขาอึดอัด แบกมีดของเขา ม่อเอ๋อร์ มุ่งหน้าไปยังด้านในลึกของถ้ำ ซึ่งแตกต่างจากครั้งเก่า ทุกคนในถ้ำจ้องมองไปที่เขา ขณะที่เขาเดินและส่งข้อความไปว่าเขาไม่ได้รับการต้อนรับ ในอดีตที่ผ่านมาจะไม่มีใครสนใจว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ หลังจากที่เขาไม่มาบางเวลา พวกเขาเพียงแค่นอนบนพื้นดินอย่างระเกะระกะ

เช่นเดียวกับม่อเอ๋อร์ สงสัยเป็นการส่วนตัวว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาจากไป เด็ก ๆ คนอื่น ๆ ก็คิดเช่นกัน ในอดีตพวกเขาไม่ได้คิด แต่ตอนนี้พวกเขากระตือรือร้นที่จะคิด

มีอีกคนหนึ่ง นั่นหมายความว่าเกมอื่น ๆ จำเป็นจะต้องแบ่งปัน ซึ่งเป็นเช่นความอัปยศ ... ทุกคนมีความคิดของตัวเองและเป็นธรรมชาติที่พวกเขาเหลือบมองไปที่ ฉาวซวนรอการตัดสินใจของเขา

ฉาวซวนเคยได้ยินจากกู่ก่อนหน้านี้ว่าพ่อม่อเอ๋อร์ ทิ้งสิ่งดีๆไว้มากมาย มีดหินที่ม่อเอ๋อร์ ใช้เป็นมรดกจากพ่อของเขา ดังนั้นเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น ๆ ในถ้ำ,ม่อเอ๋อร์ เกิดมาพร้อมกับคาบช้อนเงินในปากของเขา อย่างไรก็ตาม คนรุ่นที่สองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์ไม่เหมือนคนอื่น ๆ เช่นที่เขายังคงกลับมาที่ถ้ำ แทนการใช้ชีวิตที่ดีในเทือกเขา บางครั้งแม่ที่แต่งงานใหม่ของเขาจะลากเขาออกไปจากถ้ำ และมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพวกเขาบนเขา แม้หลังจากที่บางเวลาม่อเอ๋อร์จะกลับไปอยู่ที่ถ้ำอีกครั้ง

บางทีเขาอาจจะต่อสู้กับเด็กคนอื่น ๆ ในครอบครัวใหม่ของเขา และอาจจะด้วยเหตุผลอื่น ๆ เขามักจะกลับมา แต่ไม่มีใครถามเขาว่าทำไม และม่อเอ๋อร์ ไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของเขา เขาเป็นคนที่พูดน้อยมาก และเงียบขรึมมาก เมื่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ เขาจะเพียงพยักหน้าหรือเขย่าหัวของเขา หรืออื่น ๆ ที่เป็นการต่อสู้โดยตรง เขาปะทะกับเด็กคนอื่น ๆ ในถ้ำมีเพียงความประทับใจอย่างเดียว - เขาเป็นผู้เชี่ยวขาญในการต่อสู้ ไม่มีใครเอาชนะเขาได้ รวมทั้งกู่ ซึ่งเดินทางไปยังเขตภูเขาแล้ว ดังนั้นที่พึ่งพิงสุดท้าย ไม่มีใครในถ้ำพยายามที่จะปล้นม่อเอ๋อร์ เป็นธรรมดาที่ใครสักคนจะปล้นสิ่งของจากคนที่อ่อนแอที่สุด และผู้ที่มีสมองงมึนงงพยายามที่จะปล้นม่อเอ๋อร์ ทั้งหมดถูกแทงโดยเขา

"เจ้าจะมาอยู่ในถ้ำสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้?" ฉาวซวนถาม

ม่อเอ๋อร์พยักหน้า

"เยี่ยม เดิมมียี่สิบห้าคนที่อยู่ในถ้ำและข้าแบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม ตอนนี้ตั้งแต่เจ้าบอกว่าจะกลับมา ... "

บรรยากาศตึงเครียดในถ้ำ และทุกคนจ้องที่ฉาวซวนพร้อมกับดวงตาของพวกเขาที่เบิกกว้าง บางคนถึงกับส่ายหัวของพวกเขาขณะมองไปที่ฉาวซวน ราวกับว่าพวกเขากลัวว่าฉาวซวนจะตีความหมายของพวกเขาผิด ว่าพวกเขาไม่ต้องการมีสมาชิกใหม่ ๆ ในกลุ่มของตน

"ดังนั้นเจ้าควรเข้าร่วมกลุ่มของเรา." ฉาวซวนกล่าวชวน

เด็ก ๆ ในอีกสี่กลุ่มรู้สึกโล่งใจมาก และการแสดงออกที่รุนแรงของพวกเขาจางหายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข สำหรับเด็กสองคนที่มีอายุมากกว่าในกลุ่มฉาวซวน พวกเขาไม่ได้มีความสุขกับมัน แต่ตั้งแต่ฉาวซวนได้ตัดสินใจ พวกเขาไม่มีทางเลือกที่จะขัดขืนมัน อย่างไรก็ตามพวกเขาจ้องหน้าม่อเอ๋อร์ และหันไปรอบ ๆ เพื่อเริ่มทอเชือกฟางต่อไป

ม่อเอ๋อร์ไม่ใส่ใจคนอื่นๆที่แสดงกิริยาขับไล่อย่างชัดเจน อย่างน้อยที่สุดฉาวซวนไม่แสดงอาการต่อต้านของเขา ซึ่งมันขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบสนองกลับของเขา เขายังคงนิ่งเงียบเช่นแต่ก่อน

ในเวลากลางคืนเด็กบางคนผล็อยหลับไป และเด็กบางคนกำลังกังวลว่าในวันพรุ่งนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งวันที่ไม่ดีสำหรับการตกปลา และนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมาทอเชือกฟางอย่างไม่มีเหตุผล มันพันกันยุ่งเหยิงอย่างไม่เป็นระเบียบ เช่นนั้นพวกเขาจะสานแล้วรื้อ ทำเชือกฟางอีกครั้งและรื้ออีกครั้งและอีกครั้ง เมื่อพวกเขา โกรธพวกเขาจะใช้ฟันของพวกเขากัดที่เชือกฟาง ซึ่งทำให้ฉาวซวนค่อนข้างกังวล พวกเราจะใช้เชือกเส็งเคร็งเหล่านี้ที่กัดแล้วได้อย่างไร?

กองไฟใกล้ประตูทางเข้าไม่ได้ถูกนำออกไปและผ้าม่านที่ทางเข้าก็ยังคงยกขึ้น แสงไฟค่อนข้างส่องสว่างเห็นได้ชัดเจน เพราะด้านนอกมันมืดแล้ว ดังนั้นนกนางแอ่นราตรีจะหลีกเลี่ยงสถานที่ที่แสงส่องสว่างและสังเกตได้จากระยะไกลเท่านั้น

ม่อเอ๋อร์จับมีดของเขาและเดินเข้ามาใกล้ประตูทางเข้า เขาเสียบมีดยักษ์เก็บไว้ที่หลังของเขา และถือมีดสั้นสองเล่มด้วยมือทั้งสองของเขา เขากำมีดสั้นพลิกไปด้านหลัง และนับตั้งแต่ที่เขาไม่สามารถซ่อนลมหายใจของเขาเหมือนนักรบ นกนางแอ่นราตรีสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขาทันทีที่เขาเดินมาจากประตูทางเข้า

ฉาวซวนนั่งอยู่ข้างกองไฟ มันก็อยู่ไม่ไกลจากทางเข้า และท้องฟ้าจะเห็นได้จากที่นั่น

พระจันทร์เสี้ยวสองดวงลอยอยู่บนท้องฟ้า ใช่ พวกมันมีสองดวง

เมื่อเห็นดวงจันทร์ทั้ง2ดวงลอยอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน ฉาวซวนรับรู้ในเรื่องนี้ สามารถอธิบายได้เพียง ทั้งหมดนี้เป็นโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งห่างไกลจากโลกที่เขารู้จัก กฎระเบียบทั้งหมดและประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าใจไม่สามารถนำไปใช้ในที่นี่

ในช่วงฤดูนี้ ดวงจันทร์ทั้ง 2 ดวงจะลอยเด่นบนฟ้าในทิศทางตรงข้ามกัน พระจันทร์เสี้ยวไม่สามารถให้แสงสว่างที่เพียงพอกับท้องฟ้าที่มืดมิด ดังนั้นมันจึงมืดครึ้มมากกว่าแต่ก่อน

คืนที่มืดมิดและหม่นแสง ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นเมื่อดวงจันทร์ทั้ง 2 ดวงหายไป

สายตาของฉาวซวนไปที่ร่างกายม่อเอ๋อร์ขณะที่ม่อเอ๋อออกจากถ้ำ ตัดสินจากพฤติกรรมของเขาก่อนหน้านี้ และวิธีที่เขาถือมีดเหล่านั้น ตอนนี้ฉาวซวนสามารถบอกได้ว่าม่อเอ๋อร์ มีประสบการณ์อย่างมากในการต่อสู้ ทุกวันเมื่อเด็กคนอื่น ๆ กำลังนอนหลับอยู่ เขาจะเริ่มต้นฝึกฝนมีดของเขา แม้ว่าพ่อของเขาจะจากไป ยังคงมีคนเต็มใจที่จะสอนให้เขา

ถือมีดสั้น,ม่อเอ๋อร์ยืนอยู่ที่นั่นในความเงียบราวกับว่าเขาถูกจ้องมองอย่างสำรวจในที่มืด แต่ ฉาวซวนรู้ว่าม่อเอ๋อร์กำลังรอให้เกมเข้าใกล้เขา

ในความมืดนกนางแอ่นราตรี่บินด้วยความว่องไวอย่างรวดเร็วมาก ไม่มีใครสามารถมองเห็นร่างของพวกมันได้อย่างชัดเจน และมีเพียงเสียงอันแผ่วเบาเท่านั้นที่รับรู้ได้

มีนกนางแอ่นราตรีมากมายที่อยู่นอกถ้ำ และพวกมันยังลังเลเพราะมีแสงออกมาจากถ้ำ มีเพียงไม่กี่ตัวของพวกมันที่กล้าบินเข้าไปหาม่อเอ๋อร์

ได้ยินเสียงเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว นกนางแอ่นราตรีบินใกล้เข้ามา!

ม่อเอ๋อร์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเขาฟันมีดสั้นของเขาไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว!

มันเป็นการตวัดฟันลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล

ควับ!

เขาทำพลาด

มีดทั้งสองเล่มตวัดลงบนผนังถ้ำ เกิดประกายสเก็ดไฟ เพราะเขากำลังยืนอยู่ค่อนข้างใกล้ประตูทางเข้า

นกนางแอ่นราตรีที่โจมตีก่อนหน้านี้ได้หายไป แต่มันทิ้งรอยบาดแผลยาวครึ่งฝ่ามือบนแขนม่อเอ๋อร์

มันเกิดจากนกนางแอ่นราตรีมีจะงอยปากเหมือนพลั่ว แต่ด้วยอิทธิพลจากมีด นกนางแอ่นราตรีเปลี่ยนแปลงมุมโจมตีของมันเล็กน้อย ดังนั้นแผลที่ทิ้งไว้บนแขนของม่อเอ๋อร์ไม่ลึก ถ้าจิกที่ด้านหน้า ม่อเอ๋อร์อาจจะสูญเสียผิวเนื้อบางส่วน แทนที่จะเป็นบาดแผลตื้นๆ

นักล่าที่ดีจำเป็นต้องรู้วิธีการหลบซ่อนตัวและสมบุกสมบัน ม่อเอ๋อร์ไม่ได้เปิดเผยอาการเจ็บปวดใดๆต่อบาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเขาก็ไม่ขมวดคิ้วแม้แต่นิด มือของเขาที่ถือมีดก็ยังคงมั่นคง และเขายังคงแสดงท่าที่เหมือนเช่นแต่ก่อน เขาไม่ได้รักษาบาดแผลของเขาและปล่อยให้เลือดไหลออกจากบาดแผลของเขา

อย่างไรก็ตาม นกนางแอ่นราตรีเหมือนจะรู้สึกถึงกลิ่นเลือดในอากาศ และเริ่มที่จะแสดงอาการกระสับกระส่าย

ฉาวซวนสามารถได้ยินเสียงของนกนางแอ่นราตรีบินในอากาศมากขึ้น

เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น ๆ ในถ้ำ,ม่อเอ๋อร์แข็งแรงกว่ามาก ในอดีตที่ผ่านมา กู่ไม่เข้าใจม่อเอ๋อร์ในเรื่องการใช้นกนางแอ่นราตรีเพื่อฝึกฝนทักษะมีดของเขา ในสายตาของเด็กๆในถ้ำ เขากำลังถามหาความตายด้วยตัวเขาเอง เมื่อม่อเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในถ้ำ พวกเขากระซิบและสงสัยว่าทำไมเขาต้องพยายามอย่างหนักในสถานที่ที่ยากลำบากเช่นนี้ เมื่อเขาสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าและง่ายขึ้น

ซีซาร์ยังถูกกระตุ้นจากนกนางแอ่นราตรีที่บินอยู่นอกถ้ำ ฉาวซวนทำให้มันสงบลงและลุกขึ้นยืนเพื่อนำเขาไปสู่ถ้ำที่ลึกเข้าไป

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เดินไม่กี่ก้าว ฉาวซวนหยุดเดิน เขาได้ยินเสียงร้องแหลมสูง

ตอนแรกฉาวซวนคิดว่าเป็นเสียงที่นึกคิดขึ้นมาเอง และแล้วเขาก็สงสัยว่ามันเกิดจากอาการหูอื้อที่มาจากคิดมากเกินไปหรือเหตุผลอื่น ๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสียงแหลมสูงยิ่งฟังคมชัดมากขึ้นและรุนแรง ราวกับว่าสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงกำลังเข้ามาใกล้

ควับ!

อีกเสียงที่เกิดจากมีดหินและกำแพงหินกระทบกันและในเวลาเดียวกัน เสียงแหลมสูงที่ฉาวซวนได้ยินหายไป

ฉาวซวนมองไปที่ทิศทางอื่น

ม่อเอ๋อร์ถือมีดในมือของเขา และมีดได้ทะลุผ่านร่างนกนางแอ่นราตรี นกนางแอ่นราตรีในที่สุดก็ได้พักผ่อนหลังจากการกระพือปีกของมันและเลือดของมันหยดลงมีดหินสีเทา

นกนางแอ่นราตรีหันกลับมาและบินห่างไกล พวกมันเอ้อระเหยอยู่ในอากาศ

ม่อเอ๋อร์โยนมีดและนกนางแอ่นราตรีที่ตายแล้วเข้าไปในถ้ำข้างมีดยักษ์ที่ม่อเอ๋อร์แบกไว้ที่ด้านหลังของเขา จากนั้นเขาก็ยังคงรอเกมต่อไป

ซีซาร์แยกเขี้ยวยิงฟันของมันไปทางนกนางแอ่นราตรีที่ตายแล้ว และมันก็กระตือรือร้นมากที่จะกัดนกนางแอ่น อย่างไรก็ตาม ฉาวซวนจ้องไปที่จะงอยปากเหมือนพลั่วของนกนางแอ่นและหมกมุ่นครุ่นคิด

รีวิวผู้อ่าน