การหลีกเลี่ยงภาษีอย่างสมเหตุสมผลเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทบนโลกพยายามกันอย่างเต็มที่เท่าที่กฎหมายอนุญาต
หากคุณมีทักษะ คุณสามารถสร้างรายได้หลายร้อยล้าน พันล้านปอนด์ อังกฤษทุกปีเช่น Apple หรือ Starbucks ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับรัฐบาลอังกฤษ
รัฐบาลอังกฤษไม่สามารถหารายได้จากพวกเขาได้ แถมต้องคืนเงินภาษีให้กับ Apple และ Starbucks อีก
ทำไมน่ะหรอ? ก็เพราะบริษัทเหล่านี้พบช่องโหว่ด้านภาษีของรัฐบาลอังกฤษ บริษัทเหล่านี้จึงนำธุรกรรมทางธุรกิจที่ทำกำไรส่วนใหญ่ไปจดทะเบียนไว้ในไอร์แลนด์หรือเนเธอร์แลนด์
บริษัทในอังกฤษสามารถรับประกันผลกำไรได้เพียงประมาณ 10% เท่านั้น พวกเขาต้องจ่ายเงินให้กับพนักงานบริษัทในอังกฤษ ดังนั้นจากข้อมูลที่ว่ามาทั้งหมด บริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้จึงสูญเสียเงินในอังกฤษทุกปี การสูญเสียนี้จะไม่ถูกหักภาษีแถมยังสามารถเพลิดเพลินกับนโยบายการขอคืนภาษีของรัฐบาลอังกฤษได้อีกด้วย
มันก็มีข้อมูลที่ตกหล่นไปบ้าง แต่ในความเป็นจริงบริษัทเหล่านี้ทำเงินได้มากกว่าผลประกอบการเสียอีก Apple มีเงินหลายแสนล้านดอลลาร์นอกสหรัฐอเมริกา เงินจำนวนนี้ไม่ได้ส่งกลับไปที่สหรัฐฯ เมื่อไม่มีเข้ามาก็ไม่มีภาษีจากสหรัฐฯ
เฉินม่อรู้สึกว่าเขาต้องเรียนรู้จากบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้เอาไว้บ้าง เพราะทั้งโลกเขาก็หลีกเลี่ยงภาษีอย่างถูกกฎหมายกันทั้งนั้น ตราบใดที่กฎหมายอนุญาตก็ไม่ถือเป็นอาชญากรรม ขนาดราชวงศ์ของอังกฤษก็หลีกเลี่ยงภาษี แล้วเฉินม่อจะโง่จ่ายภาษีมากมายขนาดนี้เพื่อ?
ในวันเดียวกันนั้น เฉินม่อได้เจอกับบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องการจดทะเบียนบริษัท และจดทะเบียนบริษัทสองแห่ง
บริษัท ที่จดทะเบียนในอังกฤษคือ Devonshire Industries ซึ่งเป็นนามสกุลของเขา เขาหวังว่าบริษัทของเขาจะกลายเป็นองค์กรหลักของประเทศเหมือนกับ Stark Industries
สถานที่จดทะเบียนอีกแห่งคือไอร์แลนด์เรียกว่า Irish Import and Export Corporation
เนื่องจากพวกนี้ทั้งหมดสามารถจดทะเบียนได้บนเกาะอังกฤษ เฉินม่อ จึงได้รับใบรับรองการดำเนินงานของทั้งสองบริษัท ในวันรุ่งขึ้น
ในเช้าของวันที่สาม เฉินม่อใช้บริษัทสัญชาติไอริชทำการชำระโดยตรงและมีการเซ็นสัญญาซีดีรอม 5,000 แผ่น โดยให้ส่งซีดีรอมทั้งหมดไปที่หอพักของเฉินม่อ
โทรหาโรเบิร์ต คาร์เตอร์แล้วขอให้เขามาที่หอพักของ เฉินม่อ ด้วยเฉินม่อยังคงต้องการความช่วยเหลือจากเขาในเรื่องสัญญาบางอย่างอยู่
ใช้เวลาไม่นานโรเบิร์ตก็มาถึง หลังจากเคาะประตูเรียกวิลเลี่ยม เขาก็เปิดประตูรับโรเบิร์ตเข้ามาในห้อง แล้วก็ถามตรงๆ เข้าประเด็นทันที : "โรเบิร์ต นายช่วยร่างเอกสารทางกฎหมายให้ฉันหน่อยได้ไหม? แน่นอนว่าฉันจะจ่ายให้นายด้วย"
โรเบิร์ตถามอย่างสงสัย : "เอกสารทางกฎหมายอะไร"
เฉินม่อกล่าวว่า : "ฉันได้รับฟังนายเมื่อสองวันก่อนเรื่องจดทะเบียนบริษัท ฉันเลยมีแพลนว่าจะจดแบบสองแห่งมีบริษัทชื่อ Devonshire Industries ที่จดทะเบียนในอังกฤษกับบริษัทชื่อ Irish Import and Export Corporation ซึ่งจดทะเบียนในไอร์แลนด์ ฉันอยากให้นายช่วยฉันร่างแผนสัญญา ฉันว่าจะใส่ลิขสิทธิ์ของ Plants vs. Zombies ใน Devonshire Industries จากนั้นก็เซ็นสัญญากับบริษัท Irish Import and Export Corporation เพื่ออนุญาตให้ บริษัท Irish Import and Export Corporation ในราคา 1 ปอนด์ต่อสำเนาดิสของเกม Plants vs. Zombies"
โรเบิร์ตมองเฉินม่อแปลกๆ เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนเขาคนนี้เปลี่ยนไปมาก เฉินม่อสร้างความประทับใจให้กับเขาไม่ใช่น้อยๆ หมอนี่ไม่เคยคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายใดๆ มาก่อนเขาถามว่า "พวก นายเรียนคอมพิวเตอร์จริงๆ ไม่ใช่เรียนกฎหมายของเราใช่หรือไหม? นายรู้วิธีหลีกเลี่ยงภาษีแบบนี้ได้ไง แถมเงินก็ไม่ได้ไปที่ธนาคารของไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ไม่สามารถเก็บภาษีของนายได้ นี่เป็นความคิดที่แจ่มแมวสุดๆ ไปเลยวิลเลี่ยม" โรเบิร์ตรู้ว่าเฉินม่อต้องการหลีกเลี่ยงภาษี
เฉินม่อรับฟังด้วยความขบขัน ที่ฉันนี่เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการหลีกเลี่ยงภาษีแล้ว หากนายรู้วิธีหลีกเลี่ยงภาษีของ Apple นายจะไม่ช็อคตายไปเลยหรอ?
"ฉันยังได้ดูเอกสารบางอย่างตอนว่างๆ ฉันยังรู้อีกว่าการหลีกเลี่ยงภาษีเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล โรเบิร์ตจะเป็นปัญหาทางกฎหมายหรือเปล่า ถ้าจะเซ็นสัญญาแบบนี้"
"จะมีปัญหาได้อย่างไง เคสแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งมีนายทำคนแรกซะหน่อย หลายบริษัทในอังกฤษก็กำลังทำแบบนี้อยู่เหมือนกันแหละ" โรเบิร์ตกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
หลังจากที่โรเบิร์ตช่วยเฉินม่อจัดการสัญญาลิขสิทธิ์ เฉินม่อก็หยิบกล่องซีดีขนาด 50 แผ่นออกมา แล้วกล่าวขอโทษโรเบิร์ตว่า : "นายก็รู้สถานการณ์ปัจจุบันของฉัน ฉันให้ได้แต่รางวัลแบบนี้ได้เท่านั้น มีซีดีเกม 50 แผ่นในกล่อง ถ้าฉันมีตังค์แล้วจะขอเลี้ยงมื้อใหญ่ตอบแทนนายนะ"
"โอเค ไม่มีปัญหาหรอกวิลเลี่ยม นายกำลังจะพัฒนาขึ้น ฉันต้องทำให้นายพอใจ ฉันจะได้ไปฝึกงานที่บริษัทของนาย ภายภาคหน้านายจะร่ำรวย ไม่ใช่ว่าพวกเราที่เรียนกฎหมายเพื่อรับใช้คนรวยหรือไง?" โรเบิร์ตกล่าวติดตลก
เฉินม่อรู้ว่าโรเบิร์ตแค่ล้อเล่น พอหมอนี่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลอนดอนเขาสามารถไปทำงานในบริษัทเครื่องหนัง ที่เขาไม่เคยมีได้
เฉินม่อกล่าวด้วยเสียงหัวเราะว่า "ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหาโรเบิร์ตรอให้ฉันโพสต์ก่อนเหอะ ฉันจะขอให้นายเป็นทนายความส่วนตัวของฉัน"
"เอาเลย วิลเลี่ยม" โรเบิร์ตปรบมือกับเฉินม่ออย่างมีความสุข
ทั้งสองคุยกันคุยกันเกี่ยวกับรายละเอียดบางอย่างแล้วโรเบิร์ตก็จากไป เฉินม่อเริ่มโทรหาศิษย์เก่าคนอื่นๆ ที่จ่ายเงินเพื่อตกลงที่จะส่งมอบแผ่นเกมในหอพักของเขา เฉินม่อรอให้ทุกคนมาเอาแผ่นเกมจากในห้องของเขา หลังจากส่งศิษย์เก่าคนสุดท้าย เฉินม่อก็นอนอยู่บนเตียงหลังอาหารเย็นและไม่รู้จะทำอะไรต่อดี
นี่ยุ่งมาครึ่งเดือนแล้วจู่ๆ เขาก็ไม่มีอะไรทำ เฉินม่อรู้สึกเบื่อเล็กน้อย
ฉันยังนั่งสมาธิได้หนิ เฉินม่อไม่ได้ฝึกฝนเวทมนตร์มาสองสัปดาห์แล้ว เขายังไม่ได้คิดวิธีใช้เวทมนตร์อย่างปลอดภัย อันที่จริงส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาไม่กล้าเปิดเผยเวทมนตร์ของเขาเองนี่แหละ
ตราบใดที่เขายังต้องการใช้ชีวิตปกติ เขาไม่สามารถให้ใครรู้ว่าเขาสามารถเวทมนตร์ได้ ไม่เคยเห็นข่าวในโลกนี้ว่าเวทมนตร์มีอยู่จริง เขาไม่ต้องการถูกรัฐบาลจับมาวิจัยหรือถูกชำแหละในฐานะสัตว์ประหลาด
หลังจากนอนเหยียดขาบนเตียง เฉินม่อก็หมกมุ่นอยู่กับการทำสมาธิ จิตของเขาเข้ามาสำรวจภายในใจ เฉินม่อค้นพบว่าพลังจิตในใจของเขาเพิ่มขึ้นมากเพียงใด
ถ้าพลังจิตของเขาคือเมล็ดงาเมื่อสิบห้าวันก่อน ตอนนี้เขาพลังของเขาใหญ่ประมาณผลวอลนัท
เฉินม่อสงสัยว่าเกิดไรขึ้น เขาไม่ได้ฝึกฝนอะไรเลย จะบอกว่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขาจึงเพิ่มขึ้นได้ด้วยตัวเอง
ทันใดนั้น
"ติ๊ง พลังจิตของโฮสต์เข้าสู่ขั้นต้นแล้ว โฮสต์สามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้ด้วยตัวเอง"
หลังจากพูดจบระบบก็ไม่ตอบสนองอีก
นี่คืออำนาจจิตขั้นต้น? นี่ถือเป็นประโยชน์ไม่กี่อย่างของระบบ ดูเหมือนว่าระบบนี้ยังพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง จากนี้ฉันก็ไม่ต้องนั่งสมาธิอย่างหนักทุกวันเพื่อฝึกฝนพลังจิตของฉัน ฉันสามารถเพิ่มพลังจิตได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย นี่คือผลประโยชน์ของคนที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่าหรอ? หรือว่าเป็นเพราะมีระบบ?
วิลเลี่ยมรู้สึกถึงความรู้เวทมนตร์ มนต์คาถาในใจของเขา พลางพบว่าตราบใดที่พลังวิญญาณของเขาสามารถควบคุมเวทมนตร์ได้บวกกับความเข้าใจในศาสตร์เวทย์ มากพอ ตราบนั้นเขาก็สามารถเรียนรู้เวทมนตร์ระดับใดก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัด แต่ในระดับที่น่าขมขื่นนี่...
เฉินม่อยกมือขึ้นเปลวไฟค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือขวาของเขา เมื่อโบกมือเป็นวง เปลวไฟในมือของเขากลายเป็นวงแหวนไฟที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางครึ่งเมตร เฉินม่อคงสภาพนั้นไว้ใช้เวลามากกว่าสิบนาที เขาแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ตอนที่เขาเพิ่งเป็นนักเวทย์ระดับต่ำ เขาสามารถคงสภาพเวทย์ไฟนี่ได้ไม่ถึง 1 นาทีพลังจิตเขาก็หมดแล้ว แต่มาตอนนี้เขาคงสภาพเป็นเวลามากกว่าสิบนาที ก็อย่างที่ว่าเหนื่อยนิดหน่อย และคงจะไม่มีปัญหาถ้าจะคงสภาพไว้ถึง 15 นาที
นี่ไม่ได้หมายความว่าความแข็งแกร่งทางจิตของเขาเพิ่มขึ้นสิบหรือยี่สิบเท่าไปเลยหรือไง
แต่แม่มเอ๊ย โคตรร้อนแถมขาดออกซิเจนนิดหน่อยด้วย เฉินม่อหยุดคาถาไฟทันที แล้วรีบเปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ เขาเอนตัวพิงหน้าต่างพลางครุ่นคิดว่าเขาจะใช้เวทมนตร์โดยที่ไม่มีใครรู้ได้อย่างไรหนอ..
มันจะดีมากถ้าเขาแม่มมีเทคนิคการแปลงร่างของมิสทีค ให้เขาสามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้หรือแม้กระทั่งลายนิ้วมือก็สามารถเลียนแบบได้ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะถูกค้นพบโดยใครก็ตาม มันก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขาอยู่ดี
เมื่อฉันเรียนรู้พอร์ทัลของ Kamar-Taj คงไม่มีใครสามารถจับฉันได้อีก ช่ายเลย ตู่ข้าจะเรียนรู้เวทมนตร์พอร์ทัล ใช้หลบหนีหรือกระทั่งทักษะลอบสังหาร
เมื่อพบแรงจูงใจ เฉินม่อจึงปิดหน้าต่างและดึงผ้าม่านปิด ตอนนี้ก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกเวทย์พอร์ทัล หรือก็คือสร้างประตูวาร์ปนั่นเอง
จิตใจเข้าสู่ระบบแล้วคิดว่าอยากเรียนเวทย์พอร์ทัลจาก Kamar-Taj
ความรู้เวทย์มนตร์ของพอร์ทัลนั้นตราตรึงอยู่ในใจของเฉินม่ออย่างสมบูรณ์ เฉินม่อเรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยตามวิธีการถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ บางทีมันอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นนักท่องวิญญาณ อีกทั้งเขายังเป็นมิตรกับเวทมนตร์อวกาศโดยเฉพาะ
ใช้เวลาไม่นานในการวาดวงเวทย์พอร์ทัลในหอพัก เขาตั้งสถานที่ๆ จะเทเลพอร์ตไป คือในห้องน้ำของหอพักของเขา เขาไม่กล้าตั้งตำแหน่งการเทเลพอร์ตไปที่อื่น
ใครมันจะรู้ว่าจะมีผีตัวไหนอยู่ตรงข้ามของประตูมิติบ้าง มีใครอีกบ้างที่สามารถเห็นผลได้หลังจากเรียนรู้หลายสิบครั้ง เฉินม่อก็ค่อยๆ รู้สึกว่าพลังจิตของเขาสามารถวางตำแหน่งในห้องน้ำของหอพักได้แล้ว วงเวทย์ในมือของเขาก็เปิดออกทันใด เฉินม่อนิ่งอึ้งไป ฉันเห็นทุกอย่างในห้องน้ำผ่านประตูเวทย์มนต์ ทั้งที่นั่งอยู่บนเตียง
เฉินม่อรู้สึกตื่นเต้น ไม่ได้คิดถึงความอันตรายหรือไม่ใดๆ หรือไม่ มุ่งเดินข้ามประตูเวทย์ไปยังห้องน้ำรวดเดียว
เฉินม่อยืนอยู่ในห้องน้ำ พลางมองไปที่มือของเขาและสิ่งของในห้องน้ำ: "ว้าวมันน่าทึ่งจริงๆ ฉันเป็นอัจฉริยะ นี่ตู่ข้าเรียนรู้ได้ไงฟร่ะเนี่ย?
จากนี้ไปใครจะจับฉัน ฉันก็แค่ใช้ทักษะเวทย์มนตร์ที่จำเป็นในการหลบหนีและเดินทางนี่ซะก็จบ
========================