(update ทุกวันๆละ 2 ตอนน้า แต่บางวันอาจมากกว่านั้น)
เล่มที่ 1 ตอนที่ 4 - เผ่นหนีออกด้านนอก
"เร็วเข้า!! รีบๆ!!"เขาทนไม่ไหวและเริ่มถอดกางเกงออก เสียงที่ได้ยินมีเสียงเดียวคือเสียงหัวเข็มขัดกระทบอยู่ในกรงขังอันแสนเงียบและมืดมิด
ฉันเชื่อมือไปจับใบหน้าเปื้อนฝุ่นของเขา ขณะที่เขาพยายามจะจูบฉัน ฉันจะกดลงบนจุดชีพจรบริเวณลำคอด้วยนิ้วหัวแม่มือส่งผลให้เขาเป็นลมทันที
หึ!! นี่เป็นวิธีที่ได้ผลจริงๆ!!
ฉันค่อยๆถอยแล้วปล่อยให้เขาล้มฟุบลงกับพื้น ทุกคนที่เห็นถึงกับอ้าปากค้าง ฉันส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนเงียบและบอกว่าเราจะช่วยทุกคน
คนในกรงปิดปากเงียบทันทีและจ้องมองมาที่พวกเราอย่างตื่นเต้น พวกเขาจ้องมองเหอเล่ยด้วยสายตาที่เหมือนกับรู้จักเป็นการส่วนตัว
ฉันหยิบกุญแจและลุกขึ้นยืน ก่อนจะโยนกุญแจให้กับเหอเล่ยที่ยังคงตกใจตาค้าง "รับไปสิ!!"
เขารีบคว้ากุญแจ ในขณะที่อาซิงที่นอนอยู่ขดอยู่มุมห้องขังก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน ฉันตกใจมากที่ได้เห็นใบหน้าเต็มของเขา!!
อาซิงไม่เพียงแต่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ใบหน้าของเขายังใสสะอาดมาก!! เขาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เขามีกล้ามที่ดูโค้งมน ข้างแรมเล็กน้อย ดวงตาสองชั้น ขนตางอนยาว ดวงตากลมโตอันทรงสเน่ห์สะท้อนแสงต่างๆ สีดวงตาสีม่วงประกายระยิบระยับราวกับแสงกระทบคลื่น
จมูกโด่ง ริมฝีปากแดง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับประธานนักเรียน!! ด้วยรูปลักษณ์ดังกล่าว เขาไม่เหมือนกับคนที่กำลังสั่นกลัวก่อนหน้านี้เลย ถ้าหากพิจารณาจากสิ่งที่พ่อสอนให้รู้จักอ่านใจคน ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าเขากำลังแกล้งทำเป็นกลัวเพื่อซ่อนอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย การปลอมตัวหรือความลับไม่ช่วยอะไรเลย สิ่งที่ช่วยคือวิธีการและกลยุทธ์ในการเอาตัวรอด หากคำทำนายเรื่องอาซิงถูกต้อง เขาคงจะเป็นคนที่มีความสงบนิ่งมากกว่าเหอเล่ย
อาซิงมองคนที่อยู่บนพื้นด้วยความตกใจ ก่อนจะฟื้นคืนความสงบและมองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นห่วง ทันใดนั้นเขาก็จ้องมองผิวไหล่ที่เปิดเผยของฉัน "นายได้รับบาดเจ็บ?" ความเป็นห่วงเข้ามาแทนที่ความกังวลของเขา
ฉันหันมองหน่อยของตัวเองด้วยความตกใจ โชคดีที่มีคราบสกปรกเปรอะเปื้อนใบหน้าของฉันทำให้เขามองไม่เห็นว่าฉันกำลังหน้าแดง สิ่งที่เขาเห็นมันไม่ใช่ผ้าพันแผล แต่….อะแฮ่ม มันคือสายเสื้อใน มันคงจะแปลก ถ้าหากเด็กผู้หญิงจะไม่สวมชุดชั้นใน ด้วยบรรยากาศที่ดูมืดมน ผนวกกับโชค ทำให้พวกเขามองเห็นสายชุดชั้นในไม่ชัด
ฉันรีบดึงเสื้อปิดกระดุม รูดซิปเสื้อแจ็คเก็ต และกรอกตามองเขา "ถ้าหากว่าผมรู้ว่าคุณหน้าตาดีขนาดนี้ ผมก็คงส่งคุณไปหลอกเขาแทน"
สีหน้าของอาซิงแข่งชื่อ เขากัดฟัน กลิ้งกลอกดวงตาสีม่วง มันช่างเป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ มันเกือบจะดูเหมือนว่าเขาพยายามจะใส่อะไรเข้าไปในดวงตา เขาซ่อนอะไรกันแน่? แล้วตัวตนที่แท้จริงของเขาคืออะไร?
ใครจะไปสน? ฉันต้องเอาตัวรอดเป็นอันดับแรก
"หยุดมองได้แล้ว!! รีบไปช่วยคนอื่นก่อน!!"เหอเล่ยเดินผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว อาซิงกับเขาน่าจะมีอายุที่เท่ากัน อายุประมาณ 18 ปี
เมื่อคำพูดเตือนสติฉันกลับอาซิงให้กลับมาสู่โลกความจริง อาซิงก็เริ่มแสดงสีหน้าตื่นตระหนก และพยายามซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉัน เขาจับชายแขนเสื้ออย่างกับเด็ก ทั้งๆที่เขาสูงเกือบจะเท่าเหอเล่ย
พวกเราเดินตามหลังเหอเล่ยไปอย่างกระชั้นชิด เขาซ่อมตัวอยู่ด้านข้างกรงขนาดใหญ่ และชะเง้อคอมองดูรอบรอบ เขาหันกลับมาพูดกับพวกเราด้วยน้ำเสียงปานกระซิบว่า " ผมจะไปช่วยพวกเขา พวกคุณรออยู่ตรงนี้!!" สายตาของเขานิ่งและเฉียบคมราวกับทหารหนุ่มในช่วงสงคราม ท่าทางความเป็นผู้นำของเขาทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ เหอเล่ยทำให้หัวใจของฉันเต้นระรัวพร้อมกับเลือดที่เดือดพล่าน
ช่วยไม่ได้ พ่อของฉันครั้งหนึ่งเคยสังกัดอยู่ในกองทหารหน่วยรบพิเศษ และฉันก็ชื่นชอบผู้ชายที่รักการต่อสู้ ฉันจึงรู้สึกกระปรี้กระเป๋าทุกครั้งที่อยู่ไกล
ฉันพยักหน้าทันที ในระหว่างที่เหอเล่ยจากไป ฉันก็ชะเง้อหน้าออกไปมองรอบๆ แต่แล้ว มือคู่หนึ่งก็กดลงบนหัวไหล่ของฉัน อาซิงแนบอิงหลังของฉันเพื่อช่วยมอง เขาทิ้งตัวลงบนตัวของฉันจนทำให้ฉันเกือบล้ม ฉันจึงรีบถอยห่างด้วยสัญชาตญาณเพราะไม่ชอบให้ผู้ชายแปลกหน้าแตะต้องตัว ซึ่งมันทำให้เขาสะดุดล้มหน้าแทบเท้า
"อย่ามาแตะตัวผม"ฉันเอามือกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่มีความสุขเพราะถูกสัมผัสตัวจากคนแปลกหน้า
แต่การกระทำของเขาช่างตรงกันข้าม เขาถอดรองเท้า และสวมเข้าที่เท้าของฉัน "ใส่เอาไว้ " เขายิ้มพร้อมกับดวงตาสีม่วงส่องประกายแวววาว
ฉันต้องมองรองเท้าที่เป็นสิ่งของชิ้นเดียวที่อาซิงใช้งานและเป็นคราบสกปรก ฉันรับรองเท้าของเขามาสวมใส่ มันอบอุ่นแต่ใหญ่เกินไป ทำให้มันกลายเป็นภาระมากกว่า ฉันจึงถอดแล้วส่งคืนให้กับเขา "รองเท้าของนายใหญ่เกินไป ถ้าผมใส่เดินเกรงว่ามันจะล้มแทน"
เขารับรองเท้ากลับมาแล้วมองดูสักพักใหญ่ จากนั้นก็มองไปยังคนที่อยู่ในกรงเดียวกับฉัน พวกเขาสวมรองเท้าแตะฟาง!!
เขาเดินตรงไปหาผู้ชายคนนึง พร้อมกับยิ้มและชี้นิ้วลงไปที่รองเท้า "ผมขอแลกเปลี่ยนรองเท้าของผมกับคุณได้หรือไม่ "
ผู้ชายคนนั้นประหลาดใจ พร้อมกับรีบถอดรองเท้าแตะฟางออกโดยไม่ลังเล แล้วรีบสวมรองเท้าของอาซิงอยากมีความสุข อาซิงเอารองเท้าแตะฝากมาให้ฉันและพูดว่า "สวมใส่รองเท้านี้ ข้างนอกเต็มไปด้วยหินมากมาย"
ฉันรู้สึกประทับใจมาก เขาใช้รองเท้าที่ดูดีของเขาแลกกับรองเท้าแตะฟางเพื่อให้ฉันได้ใช้ แม้ว่ามันจะยังคงใหญ่ แต่ก็สวมใส่ได้อย่างสบาย
"แล้วนายล่ะ?"จากนั้นฉันก็มองไปที่เท้าของเขา เขาสวมใส่ถุงเท้าที่ดูหนามาก " ถุงเท้าพวกนี้หนาเหมือนกับใส่รองเท้า"
"ขอบคุณนะ!!"ฉันรีบสวมรองเท้าแตะฟางแสนหยาบและสกปรกที่เขาแลกมาเพื่อให้ฉัน อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่สวมอะไรเลย
"เสื้อตัวนี้ทำมาจากอะไร? ทำไมมันถึงไม่เสียหายหลังจากสัมผัสกับกรด?"ทันใดนั้น อาซิงก็ดึงเสื้อของฉันและตรวจสอบอย่างละเอียด
*เพี๊ยะ* ฉันตีมือของเขา "อย่ามาแตะตัวผม อย่าคิดว่านายจะกลายเป็นเพื่อนผมเพียงเพราะนายมอบรองเท้าให้กับผม!!" จะเป็นอย่างไรถ้าหากเขารู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง แม้ว่าเขาจะถูกคุมขังเหมือนกัน แต่ฉันก็ต้องคอยระแวงทุกคน
เขายิ้มและก้มหน้า จากนั้นก็ทำตัวเหนียมอาย แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ชุดนักเรียนของฉัน
ชายคนนี้แปลกมาก ตอนเราออกมาจากกรง เขาก็ดูไม่ได้รีบร้อนอะไร ยิ่งตอนนี้ เขาพยายามจะศึกษาวัสดุที่ใช้ทำชุดนักเรียน? เขาดูใจเย็นเกินไป มันคือความฉลาดหรือความเขลา?
ฉันแอบมองเขาขณะที่ฉันจัดแจงแต่งกายชุดนักเรียนให้เรียบร้อย เมื่อพูดถึงคุณภาพชุดนักเรียน ต้องยกนิ้วให้เลย!! มีอยู่ครั้งหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นของฉันทำกรดซัลฟิวริกหกระหว่างเรียนคาบวิชาเคมี เขาใช้ชุดนักเรียนของตัวเองเช็ดทำความสะอาด โดยที่ชุดนักเรียนไม่เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว…..
ฉันหันหลังกลับ และชะเง้อหน้าออกมานอกกรงเพื่อดูเหอเล่ย เขาหายไปจากสายตาของฉันเร็วมาก ในขณะที่ฉันตกใจ เขาก็ออกมาจากกรงอีกกรง และโบกสะบัดมือให้กับพวกเราเพื่อส่งสัญญาณว่าปลอดภัยแล้ว
พวกเราทำตามทันที ผู้คนที่อยู่ในกรงต่างให้ความร่วมมือไม่มีใครส่งเสียงรบกวน เหอเล่ยเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ในไม่ช้า พวกเราก็มองเห็นร่าง 3 ร่างยืนเคียงข้างกันและยิ้มอย่างมีเลศนัย ระหว่างร่างทั้ง 3 ก็ยังมองเห็นเป็นกองไฟ และร่างอันยุ่งเหยิง 2 ร่าง