เล่มที่ 1 ตอนที่ 12 - องค์ชายซิงชวน
จากความสูงเหนือฟ้า ฉันมองเห็นพื้นที่อันแสนกว้างขวาง โลกอันแสนแห้งแล้งทำให้ฉันที่ตกกังวล - แผ่นดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดินปนเปื้อน ดินช่วยขยายความหมายคำพูดที่พวกเขาพูดถึง เมล็ดพันธุ์จึงกลายเป็นสิ่งมีค่า เสื้อผ้าขาดขาด พลเมืองยาจก นักผจญรังสีและพวกเหนือมนุษย์!!
ทุกอย่างเผยให้เห็นความรกร้าง ความเสียหาย ความยากจนและสิ้นหวัง มันดูเหมือนจุดจบของโลก ผู้คนจมอยู่กับความสิ้นหวัง แต่ละคนใช้ชีวิตไปวันๆเพียงเพื่อความอยู่รอดไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย
"เหอเล่ยยังไม่อยากไปที่เมืองพระจันทร์เงิน?" ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงนักบินพูดคุยกัน ฉันตกใจมาก เหมือนว่านักบินจะรู้ทุกอย่าง นอกจากนี้ จากคำพูดของพวกเขามันฟังดูเหมือนว่าอาซิงจะรู้จักกับเหอเล่ยมานานมากแล้ว
ฉันหันไปด้านข้างเพื่อมองอาซิง เขาเหมือนคนกําลังจะหมดแรงนอนเอนพิงเก้าอี้ เก้าอี้คล้ายวงรีบดบังใบหน้าของเขา ดังนั้นใบหน้าอมทุกข์ของเขาจึงมองเห็นได้ไม่ชัด
"อืม"อาซิงไม่ตอบอะไรมาก
"เฮ้อ เขาทำพลาด ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว"นักบินหัวเราะ
"ไม่ พวกเราได้ประโยชน์ครั้งใหญ่เลย"อาซิงกล่าว เขาแสดงภาชนะสีเขียวที่ดูเหมือนหลอดทดลองในมือ มันคือเมล็ดพันธุ์ที่เหอเล่ยมอบให้เขา
เพราะเก้าอี้บดบังมุมมองของฉัน ทำให้ฉันเกือบจะมองไม่เห็นเขายิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มของเขาเย็นชาราวกับว่าตราบใดที่เขาได้เมล็ดพันธุ์ เขาก็จะไม่สนใจเจ้าของเมล็ดพันธุ์อีกต่อไป
ฉันมองเขาด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าเขาก็สังเกตเห็นว่าฉันกำลังจ้องมอง เขาถึงเอนตัวไปด้านหลังมากขึ้นเพื่อไม่ให้ฉันเห็นหน้า เขาวางมือวันที่เท้าแขนแล้วกดปุ่ม แท่นกลมก็ยกตัวขึ้นมาด้านหน้าของเขา ตรงกลางแท่งมีช่องว่างเป็นรูกลวง เขาใส่หลอดทดลองลงไปในรูและหลอดทดลองก็ค่อยๆหมุนหายไป จากนั้นแท่นกลมก็ยุบตัวลง
ฉันจำไม่ได้ทานตะวันไว้ในมือแน่น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ฉันควรจะเดินทางไปยังเมืองพระจันทร์เงินจริงๆหรือ? แต่ฉันก็ไม่มีที่จะไป เมืองพระจันทร์เงินมีทุกอย่างที่สามารถรักษาฉันได้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่น
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…..?
ฉันควรทำอย่างไรหากพวกเขารู้ว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิง
โลกใบนี้ปฏิบัติต่อผู้หญิงแบบใดกัน?
"องค์ชายซิงชวน ท่านต้องการพาคนผู้นี้กลับกับพวกเราจริงๆเลย?"ทันใดนั้น นักบินก็เปิดปากกล่าว แต่ครั้งนี้เขาเรียกอาซิงว่า….องค์ชาย!!
"ใช่"บทสนทนาดูไม่เป็นทางการแต่อาซิงก็แสดงท่าทีเฉยเมย
"แต่เมืองพระจันทร์เงินรับเฉพาะผู้หญิงและพวกเหนือมนุษย์เท่านั้น"
ฉันประหลาดใจมาก และเป็นไปตามที่คาด ผู้หญิงมีความสำคัญกับโลกนี้มาก!!
"เขาจะถูกขับไล่ออกมาแม้ว่าท่านจะพาเขากลับไป….."
"ข้ารู้"ทันใดนั้น อาซิงก็ตัดจบบทสนทนานักบินด้วยถ้อยคำเย็นชา ราวกับว่าเขาไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระอีกต่อไป น้ำเสียงเย็นชาของเขาเผลอเห็นศักดิ์ศรีที่ไม่ยอมให้ผู้ใดขัดคำสั่ง
นักบินไม่พูดแทรกอีกต่อไป แต่เขาหันมามองฉัน ซึ่งฉันก็ต้องมองเขาด้วยสายตาพร้อมจะมีเรื่อง มันทำให้เขาต้องหันกลับไป
"หยุด"อาซิงออกคำสั่งอย่างฉับพลัน
"ครับ องค์ชาย"นักบินไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ร่างกายของเขาดูตึงเครียด ใบหน้าเริ่มทุกตั้งแต่โทนเสียงของอาซิงเปลี่ยนไป
"หืม"อาซิงหัวเราะเยาะเย้ยหยัน "นายเป็นใครกันแน่" ขณะที่เขาถามเก้าอี้ของฉันก็หันไปหาเขาโดยอัตโนมัติ
ในขณะเดียวกันก็อดของเขาก็หันมาเผชิญหน้ากับฉัน ทั้งสองฝ่ายหันเข้าหากัน
เขานั่งไขว่ห้างแขนซ้ายพาดอกค้ำข้อศอกแขนขวาที่เท้าคาง ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นในลักษณะเย็นชา ความระแวงของฉันตื่นตัวทันทีที่ฉันมองเขา ทำไม? ทำไมเขาถึงทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย?
ฉันจ้องมองเขาด้วยความสงสัย "อะไรนะ?" ฉันรู้สึกว่าอาซิงกลายเป็นคนละคนกับที่ฉันและเหอเล่ยเคยเจอ เขาไม่ใช่คนที่อยู่กับฉันตอนเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย เขาไม่ใช่คนที่พยายามจะรักษาฉันและให้ฉันขี่คอขึ้นมาบนยานอวกาศ เขาแผ่ซ่านความอันตรายออกมาจากตัวเหมือนสิงโตตัวผู้กำลังจะขย้ำเหยื่อ
เข็มขัดนิรภัยรัดตัวฉันที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้แน่นขึ้นจนฉันหนีไม่ได้!!
ฉันคือคนที่เดินเข้ามาในคุกแห่งนี้ด้วยความเต็มใจ!!
อาซิง ไม่สิ ตามที่นักบินบอกเขาก็คือองค์ชายซิงชวน น้ำเสียงที่ไม่พึงพอใจของเขาทำให้นักบินถึงกับเป็นกังวล เขาแสดงรอยยิ้มเย็นยะเยือก ลุกขึ้นยืนตรงหน้าฉันและก้มหน้าจ้องมองฉันพร้อมคิ้วขมวด จากนั้นก็งอตัวใช้มือทั้งสองข้างวางลงบนที่วางแขนเก้าอี้ของฉัน ใบหน้าที่หล่อเหลาป่นทุกข์อยู่ตรงหน้าฉันแล้ว ดวงตาของเขาส่องประกายแสงแวววาวสีม่วง
ฉันได้ตัวเองตัวไปข้างหลัง เพราะร่างกายถูกมัดติดกับเก้าอี้ทำให้ฉันไม่สามารถถอยหลังได้ เขาพูดข้างๆหูว่า "ทุกๆปี จะมีคนมากมายสละเวลาเพื่อที่จะได้ขึ้นมาบนเมืองพระจันทร์เงินไม้จะเข้าถึงข้อมูลสำคัญ หืม"เขาหัวเราะเยาะเย้ยหยัน แสยะยิ้มอย่างดูถูก "หลายต่อหลายคนเสแสร้งทำเป็นบาดเจ็บ และเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากเมืองพระจันทร์เงิน"
ฉันจ้องมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ "นายคิดว่าผมตั้งใจจะบาดเจ็บหรือ!?"
"แล้วไม่ใช่หรือไง?"เขาเดินถอยหลังและกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง รอยยิ้มที่ยิ้มมาหนาวเหน็บกัดกินไปถึงจิตใจ "นายสวมใส่วัสดุที่มันเก่ามาก และตอนนี้มันก็ไม่มีวัตถุดิบเหลือที่จะสร้างมันอีกแล้ว"
ฉันต้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง สิ่งที่ฉันสวมใส่อยู่…….กลายเป็นวัตถุโบราณ!?
"ทั้งพรสวรรค์ของนาย กระบวนการความคิดของนาย ความใจเย็น และแผนการของนายแสดงให้เห็นแล้วว่านายไม่ใช่คนธรรมดา หืม…."เขาลูบคาง เสแสร้งทำเป็นคิดลึก "แต่นายก็ดูไม่เหมือนคนของราชาชูร่า หึ คนในเมืองภูติคราสสกปรกโสโครก พวกมันล้วนน่ารังเกียจ" เขาส่ายหน้า เหตุผลที่เขากลับเหอเล่ยเกลียดคนของเมืองภูติคราสแตกต่างกัน อาซิงเกลียดคนในเมืองภูติคราสเพราะผู้คนในเมืองนั้นน่ารังเกียจ
เขาเลิกขมวดคิ้วแล้วมองกลับมาที่ฉัน "แต่ตัวนายสะอาดมากและ….." เขาหรี่ตาและกล่าวต่อไปว่า "ตัวนายมีกลิ่นหอม "
ฉันหน้าแดงทันที คำพูดของเขาเหมือนกำลังจีบฉันอยู่!! โชคดีที่ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยคราบสกปรก เขาจึงมองไม่เห็นหน้าแดงก่ำของฉัน
เขาเริ่มจ้องมองใบหน้าฉันอย่างจริงจัง ฉันพยายามสงบสติหายใจสม่ำเสมอเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาเขา
"พูดมา นายเป็นใคร? นายมีจุดประสงค์อะไร?"สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา
สายตาของเขาจ้องมองเขาด้วยความไม่เชื่อและตกใจ ผู้ชายคนนี้ทำไมความคิดเปลี่ยนไปไวมาก? ก่อนหน้านี้เขาแสดงทีท่ากังวลบาดแผลของฉัน แม้กระทั่งตอนที่ฉันเดินเท้าเปล่า แต่ตอนนี้เขากำลังตั้งคำถามกับฉัน!?