เล่มที่ 1 ตอนที่ 15 - สาบานว่าจะไม่กลับไปที่เมืองพระจันทร์เงิน
*ปัง* ฉันได้ยินเสียงปีกเครื่องบินฉีกขาด ยานทั้งลำเริ่มหมุนควงสว่าน หัวของฉันกระแทกเกราะป้องกันที่อยู่ด้านหน้า สิ่งที่ฉันเห็นคือโลกกำลังหมุน และสัตว์ประหลาดที่กำลังกลิ้งไปมาอยู่ภายในสายตาที่แสนสับสนวุ่นวายของฉัน
ในที่สุดโลกอันแสนโกลาหลก็หยุดนิ่ง ฉันได้ยินเพียงเสียงหวีดในหู ถ้าหากตัวยานไม่มีถุงลมนิรภัย กระดูกของฉันก็คงจะหักหมดทั้งตัว แม้ว่าตัวอย่างจะหยุดหมุน แต่ในสายตาของฉันโลกก็ยังคงหมุนอยู่ ทันใดนั้นฉันก็เห็นสัตว์ประหลาดพยายามจะลุกขึ้น แต่สุดท้ายมันก็ล้มลง
*เพล้ง*เข็มขัดนิรภัยปลดตัวอัตโนมัติ โล่เกราะป้องกันที่อยู่ด้านหน้าเปิดตัวออก ปล่อยให้ฉันตกลงสู่พื้นดิน *ปัง* ฉันร่วงหล่นลงสู่พื้นดินเหนียวอีกครั้ง ในขณะที่ฉันหมอบคลานอยู่บนพื้น ภายใต้สายตาพร่ามัวที่ฉันเห็นคือสัตว์ประหลาดพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ฉันรู้สึกเหมือนมีหนามทิ่มเข้ามาในจมูก น้ำตาไหลอาบท่วมดวงตา ยิ่งทำให้สายตาของฉันพร่ามัวมากขึ้น
*ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ!!*ท่ามกลางโลกอันแสนเงียบสงัด สัตว์ประหลาดพยายามลุกขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ล้มลงซ้ำแล้วซ้ำอีก *ปัง* เธอล้มลงใกล้ๆที่ฉันอยู่ เธอจ้องมองฉันโดยตรง และเธอก็หายใจยังหอบหืด ขณะที่เธอล้มลงกับพื้น *ฟิ้วว* น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีขาวของเธอ สิ่งนี้มันทำให้ฉันนึกถึงห่านตัวสีขาวที่อยู่ในบ้านปู่ของฉัน ก่อนที่มันจะถูกเชือดดวงตาของมันกรอบกลิ้งไปมาด้วยความสับสน นั่นจึงทำให้ท่านปู่ของฉันฆ่ามันไม่ลง ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่ฉันเข้าใจทันทีว่าสัตว์เองก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
ในขณะที่เรานอนนิ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเราสองคนก็หันเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน เธอกระพริบตาเพื่อขับน้ำตาออก และพยายามลุกขึ้นยืนอีก ใช่ เธอกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอด ฉันจะมานอนร้องไห้ที่นี่ได้อย่างไร หลัวปิง นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาร้องไห้นะ หลังจากที่เธอรอดตาย เธออยากจะร้องไห้เท่าไหร่ก็เชิญเลยตามสบาย
*ฟู่ววว…..*
ฉันเริ่มได้ยินเสียงเบาๆที่ฟังเหมือนเสียง *บรูมม บรูมม* ก่อนที่สายตาพร่ามัวของฉันจะดับลง มันมีแสงดาว แสงดาวกำลังเคลื่อนที่ตรงมาหาฉัน…..
*ตุบบ!!*สัตว์ประหลาดคนนั้นล้มลงอีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ลุกขึ้นยืนไม่ไหวแล้ว
ท่ามกลางความมืด มีมอเตอร์ไซค์คันนึงพุ่งตรงมาแล้วหยุดรถ มีคนสองคนลงมาจากมอเตอร์ไซค์ พวกเขาวิ่งตรงมาหาพวกเรา ซึ่งตอนนั้นหัวของฉันหนักอึ้งมาก ฉันรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าพวกเขาจะเป็นคนของเมืองภูติคราสที่เหอเล่ยเคยกล่าวถึง ฉันกลัวว่าพวกเขาจะมาทำร้ายชีวิตของฉัน
มีคนวิ่งมาแล้วนั่งยองข้างหน้าฉัน อย่างไรก็ตามอาการคลื่นไส้ทำให้ฉันจุก ดวงตาของฉันปิดลงโดยที่ฉันควบคุมมันไม่ได้
"ท่านพ่อ!! คนจากเมืองพระจันทร์เงิน!! ดูนั้นสิ!! มันคือยานหลบหนีที่ออกมาจากยานอวกาศของพวกมัน" ภายใต้สายตาพร่ามัวของฉัน ฉันมองเห็นเป็นใบหน้าที่เลือนลางซึ่งถูกปกปิดโดยผ้าปิดหน้า เหนือผ้าปิดตา มองเห็นเป็นดวงตาส่องประกายแสงอำพันแวววาวคู่หนึ่ง
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของผู้ชาย เสียงของเขาแหบแห้งราวกับกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแรกเริ่ม แต่ก็เป็นเสียงที่ชัดเจน ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ชั่วร้าย ความโลภหรือตื่นเต้น สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกได้ภายใต้น้ำเสียงนั้นคือความตกใจที่เห็นคนหนีรอดออกมาจากกระสวยหลบหนี
"มันแปลกมาก ทำไมเธอถึงได้รับบาดเจ็บหนัก? กระสวยหลบหนีของเมืองพระจันทร์เงินน่าจะปลอดภัยมาก……"ฉันได้ยินเสียงเขาบ่นพึมพำกับตัวเอง "อ๋ออ ผมเข้าใจแล้ว เจ้านกศพคงทำมันพัง มิน่าล่ะ…."
"เมืองพระจันทร์เงิน? นายไปจัดการกับเจ้านกศพตัวเมียตัวนั้นซะ"ทันใดนั้น เสียงของชายวัยกลางคนก็แทรกขึ้นมา เสียงของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นชายวัยกลางคน
"แล้วเขาล่ะ?ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส"
"เมืองพระจันทร์เงินจะส่งคนมาช่วยคนของพวกเขาเอง ในตัวยานมีอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ นายให้แค่น้ำเขาก็พอ ผมเชื่อว่าคนของเมืองพระจันทร์เงินจะต้องมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า ผมเองก็ไม่อยากทำให้พวกเขาเกิดความขุ่นเคืองใจ"ดูเหมือนคนของพระจันทร์เงินจะเคยทำให้พวกเขาปวดหัวมาก่อน เขาจึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว
ให้น้ำ…..กับฉัน….
น้ำ……
"เห้ย นายสบายดีหรือเปล่า? นายได้ยินผมไหม? เอานี่ไปซะ น้ำ"เขาประคองฉันแล้วปล่อยให้ฉันพิงไหล่เขา เขาป้อนน้ำที่แสนสดชื่นให้กับฉัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าพวกเขา…..ไม่ใช่คนเลว
เมื่อตอนที่ฉันเจอกับอาซิงและเหอเล่ย นึกในใจของฉันบอกให้ฉันระแวง แม้ว่าจะเป็นคนที่ถูกขังอยู่ในกรงเดียวกันก็ตาม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฉันจะเชื่อในความรู้สึกของฉัน แต่สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถต้านทานรอยยิ้มที่จริงใจของพวกเขาได้
ฉันออกแรงทั้งหมดจับแขนของเขา เขาตกตะลึงเมื่อฉันเงยหน้าขึ้น ฉันพยายามอย่างมากที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นลม "ช่วยด้วย….ช่วยผมด้วย... ผม...ผม...ผมไม่อยากกลับไป…..เมืองพระจันทร์เงิน.." จากนั้นฉันก็ล้มลงไปในอ้อมแขนของเขา ทุกอย่างที่ฉันมองเห็นกลายเป็นเพียงภาพมืดมน ลุงคนนั้นกล่าวว่า "น่าสนใจจริงๆ มีคนต้องการหนีออกจากเมืองพระจันทร์เงิน แฮรี่ ช่วยชีวิตเขา"
"ครับผม!!"แฮรี่รีบช่วยพยุงฉันขึ้น
"แล้วก็ไปเอาอุปกรณ์ส่งสัญญาณออกจากกระสวยหลบหนี ราฟเฟิลจะต้องตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้เห็นมัน!! นี่คือเทคโนโลยีของเมืองพระจันทร์เงิน"
"ได้เลย!!"ฉันรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังอุ้มฉัน จากนั้นร่างกายของฉันก็ถูกพันด้วยเข็มขัดนิรภัย ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงอ่อนโยนของเขาอีกครั้ง "นั่งตรงนี้ พวกเรากำลังพานายกลับบ้าน"
บ้าน
บ้าน…..เยี่ยมไปเลย….
*กริ่งงง*....ระฆังโรงเรียนดังขึ้น
ฉันมองดูเพื่อนร่วมชั้นวิ่งเข้ามาในห้องเรียน ทุกคนต่างถือเอกสารสอบแอดมิชชัน ในขณะที่ฉันเองก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ ฉันประหม่ามากเพราะการสอบกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
*แกรบ*อาจารย์เริ่มแจกกระดาษ ฉันหยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มเขียน
คำถามข้อแรก - คุณรู้สึกอย่างไร หลังจากได้เดินทางข้ามกาลเวลา?
อะไร? คำถามนี่มันอะไรกัน? บ้าเอ้ย!? ด้านล่างคำถามมีตัวเลือกให้เลือกตอบ
ก.เวรเอ้ย ข.บัดซบ ค.ห่าอะไรเนี่ย ง.เหี้ย
….ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีว่าใครเป็นคนเขียนคำถามนี้? แบบทดสอบทำไมถึงใช้คำพูดหยาบคาย?
จากนั้นฉันก็ชำเลืองมอง มีคำถามข้อที่สอง!!
คำถามที่สองคือ - เมื่อคุณเผอิญไปเจอโจร ส่วนไหนที่ถูกเตะแล้วจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด?
ก.ใบหน้า ข.ท้อง ค.ขาหนีบ ง.ขา
คุณพระช่วย!!
นี่มันคำถามอะไรกัน!?
คำถามข้อที่สาม - คุณคิดว่าคุณตายแล้วหรือยัง?
ฉันตกตะลึงและได้ยินเสียงหึ่งในหู
เสียงหึ่งยืดยาว ทำให้ฉันไม่อาจมีสมาธิอ่านข้อสอบ ฉันมองไปรอบๆ แล้วโลกรอบตัวก็เริ่มหมุน อาจารย์และเพื่อนร่วมฉันยิ้มให้กับฉัน รอยยิ้มของพวกเขาน่ากลัวจนขนลุกซู
"เธอตายแล้ว เธอตายแล้ว เธอตายแล้ว เธอตายแล้ว"พวกเขาพูดพร้อมเพียงกันราวกับหุ่นยนต์
ฉันลุกขึ้นยืนและรีบขว้างเก้าอี้กระแทกฝาผนังส่งเสียงดังโครม ฉันตะโกนใส่พวกเขาว่า "ไม่!1 ฉันยังไม่ตาย!! ฉันยังอยู่!! ฉันยังอยู่!!"
"ฮ่าฮ่าฮ่า"ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้น ก่อนที่โลกทั้งใบจะเงียบลง อาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นของฉันไม่ปริปากพูดอะไรต่อ พวกเขายืนอยู่ที่เดิมไม่มีใครแสดงออกใดๆ
"ฮ่าฮ่า….."เสียงหัวเราะอันแสนโง่เขลาอีกคนก็ดังขึ้น "ไวฟุ(waifu)….."
ไวฟุ?
อะไรคือไวฟุ?
"ฮ่าฮ่า….ไวฟุ"
*จ๋อม*
มีบางอย่างหยดลงบนหน้าของฉัน มันทั้งลื่นและน่าขยะแขยงแฝงไปด้วยกลิ่นสาบเล็กน้อย นี่มันอะไรบ้ากัน!? ฉันเงยหน้าขึ้นและพบกับความตกใจ มันคือหน้ามนุษย์ที่พร่ามัว