เล่มที่ 1 ตอนที่ 19 - ระเบิดอารมณ์ที่อดกลั้น
ฉันไม่แน่ใจว่าฉันนั่งอยู่ที่ตรงนี้นานเพียงใด แต่มันก็นานมากพอที่จะทำให้เมืองใต้ดินค่อยถูกกลืนกินไปด้วยความเงียบ ไฟดับลงทีละดวง ปล่อยให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความมืดมิด อย่างไรก็ตาม โคมไฟที่อยู่ตามถนนก็สว่างขึ้น โคมไฟตามถนนเหล่านี้ไม่ใช่หลอดไฟ แต่มันเป็นสสารเรืองแสงที่ให้ความสว่างในความมืดหลังจากดูดกลืนแสง แสงสีเหลืองที่ออกมาจากพวกมันดูสลัวแต่อบอุ่น
ฉันค่อยๆลุกขึ้นยืนและเริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งของฉันดังก้องอยู่ในเมืองใต้ดินอันแสนเงียบสงบ
ฉันวิ่งลงไปชั้นล่างและยืนอยู่บนจัตุรัสกว้างขวางซึ่งใหญ่กว่าที่ฉันเห็นจากด้านบน ฉันเงยหน้าขึ้นมองโลกซึ่งอยู่ในความมืดมิด โลกที่มีแสงสลัวดูพร่ามัว มันดูไม่สมจริงเลยราวกับว่าฉันเข้าไปอยู่ในรูปถ่ายโมโนโทน
ฉันกำลังวิ่งเหมือนแมลงวันไร้หัว มันเป็นเพียงการวิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยมากกว่ากลัว ฉันเอาแต่วิ่งอย่างบ้าคลั่งอยู่คนเดียวในโลกอันแสนเงียบสงัด ฉันไม่รู้ว่าฉันวิ่งไปที่ไหน แต่ฉันก็เริ่มมองเห็นพืชผล ฉันวิ่งไปตามทางเดินที่ค่อยๆแคบลง มันเริ่มชันและสูงขึ้น ฉันวิ่งไปเรื่อยๆ และในที่สุดฉันก็เห็นประตูบานใหญ่ ฉันวิ่งไปที่ประตูแล้วผลักมันออก
ทันใดนั้นแรงลมกรรโชกพัดมาจากด้านนอก มันรุนแรงเหมือนใบมีดท่ามกลางโลกมืดมิดไร้พรมแดน
ถ้าหากคุณถูกทิ้งเอาไว้ในเมืองแปลก อย่างน้อยคุณก็จะรู้ทิศทางบ้านของคุณ…..
ถ้าหากคุณถูกโยนทิ้งให้รออยู่บนมหาสมุทร อย่างน้อยคุณก็รู้ว่าศพของคุณจะต้องลอยขึ้นฝั่ง
ถ้าหากคุณถูกโยนทิ้งไว้ในทะเลทรายซาฮาร่าอย่างน้อย อย่างน้อยคุณก็รู้ว่าคุณจะต้องตายบนโลก…..
แต่ตัวฉัน ถูกทิ้งเอาไว้บนโลกแล้งแค้นที่ไม่รู้จัก ฉันจะกลับบ้านได้อย่างไร?
"อ๊าาาา….."ในที่สุดฉันก็กรีดร้องสุดเสียง น้ำตาไหลอาบแก้ม ฉันแหกปากตะโกนอยู่ในโลกที่ฉันไม่รู้จัก "อ๊าก!!" ฉันเจ็บคอจนไม่อาจส่งเสียงตะโกนได้อีก ฉันคุกเข่าต่อหน้าโลกอันโดดเดี่ยวและโอบกอดร่างของตัวเอง หลังจากที่ฉันปล่อยให้สมองตึงเครียด สติก็ค่อยหลุดลอย และทรุดลง……
ฉันควรจะทำอย่างไรดี ฉันควรทำอย่างไร ฉันควรจะทำอย่างไร……
*ฮูวววว….. ฮูววว……*เสียงหอนยาวดังขึ้นจากด้านข้าง ฉันจ้องมองไปยังต้นเสียงขณะที่ยังคงร้องไห้ มันคือสัตว์ประหลาด เธอถูกล่ามไว้ข้างประตู ซึ่งเธอกำลังร้องไห้เหมือนกับฉัน ดูเหมือนว่าปีของเธอจะได้รับการรักษา ตัวของเธอนั้นถูกมัดติดอยู่กับท่อนไม้
ฉันเดินตรงไปหาเธอ เธอกำลังก้มหน้า มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีขาว
"พวกเรา….คล้ายกันเลย….หรือว่า….พวกเราจะไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว….?"ฉันถามเธอในขณะที่ฉันกำลังสะอื้น เธอต้องมองกลับมาที่ฉัน ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นและร้องไห้ *ฮูวววว….ฮูววว….*
"ฉัน…….กลับบ้านไม่ได้อีกแล้ว……"ฉันล้มลงตรงหน้าเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธออันตรายแค่ไหน แต่ฉันรู้สึกว่าเธอกำลังเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเป็น พวกเราทั้งคู่ต่างก็เป็นทุกข์ มันเหมือนประตูกาลเวลาถูกเปิดออกหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของฉัน เกราะป้องกันหัวใจของฉันแตกสลาย ความกลัวและความสับสนทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เรื่องราวเริ่มต้นทะลักออกมาจากตัวของฉัน เปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นน้ำตา
*ฮูวววว…..ฮูววววว*
"ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าได้กลับไป ฉันสาบานเลยว่าฉันจะไม่เกลียดอาจารย์ที่สั่งงานเยอะ ฉันจะไม่เกลียดการไปเรียนหนังสือ 9 ปีเต็ม ฉันจะรักการสอบ ใครก็ได้พาฉันกลับบ้านที"
*ฮูวววว…..ฮูววววว*
"ให้ฉันกลับบ้านเถอะ อ๊าาาาาาาา!!"ฉันร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เสียงร้องไห้ของฉันดังกว่าเสียงหอนของเธอ
ฉันกอดหน้าตัวเองที่กำลังทรุดอยู่กับพื้น สายลมกระทบใบหน้าของฉันทำให้น้ำตาของฉันเย็นยะเยือก ท่ามกลางสายตาที่เปียกชุ่ม มีดวงพระจันทร์ 2 ดวงลอยเด่นสง่าอยู่บนท้องฟ้า พวกมันกำลังจ้องมองฉันอย่างเย็นชาและบอกว่าหลัวปิง เธอไม่ได้อยู่บนโลกของเธออีกแล้ว เธอจะต้องพยายามเอาชีวิตรอดในโลกล่มสลายแห่งนี้
*ฮูวววว…..ฮูววววว* เธอโอบกอดร่างของเธอด้วยปีกของเธอ พวกเราต่างนั่งร้องไห้อยู่ตรงข้ามกัน ก่อนที่เธอจะหันมามองฉัน และเอาปีกของเธอโอบกอดฉันเพื่อทำให้ฉันอบอุ่น
บางทีฉันคงจะเบื่อกับการร้องไห้ หรือบางทีฉันอาจจะระบายอารมณ์ความอัดอั้นไปเกือบหมด ฉันหลับลงด้านข้างสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จัก เมื่อถึงเวลาที่ฉันรู้สึกตัว ท้องฟ้าก็สว่างไสว ลำแสงพร่ามัวต้อนรับฉันเพื่อเผชิญหน้าวันถัดไป
ถ้าหากไม่มีเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว ฉันก็คงไม่ตื่น
"ตอนนี้เป็นเดือนกันยายน ดวงอาทิตย์เริ่มส่องสว่างตั้งแต่ทาง 9 นาฬิกา ถึง 4 นาฬิกา…..ดวงอาทิตย์ส่องแสงทุ่งธัญพืชทำมุม 44.9 องศา ผมว่าเราต้องเพิ่มกระจก และตั้งมุมของกระจกเป็น……"
ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเจื้อยแจ้ว และได้รู้ตัวว่าฉันกำลังนอนอยู่ไหนอ้อมกอดของสัตว์ประหลาด สัปปะหลาดนั่งตัวตรงเพื่อห่อหุ้มร่างกายให้กลายเป็นรัง ในขณะที่ตัวของฉันนั้นนอนขดอยู่ในรัง ใบหน้าของเธอกำลังมองตรงไปข้างหน้า เธอไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนกับว่าเธอรู้จักเจ้าของเสียงนั้น
ฉันขยี้ตาและลุกขึ้นมานั่ง ตัวเธอไม่ได้มองที่ฉันเลย ใบหน้าของเธอยังคงต้องไปข้างหน้าราวก็ว่าเธอไม่ได้ตื่นตัว
ในขณะที่ฉันมองเห็นที่ราบกว้างใหญ่ พื้นที่ราบแห่งนี้ดูไม่ได้อุดมสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ได้แห้งแล้งเหมือนที่ที่ฉันเคยเห็น เพราะมันมีหญ้า
หญ้าขึ้นเป็นหย่อมๆ คล้ายกับเศษขนสุนัขที่ผลัดขน ฉันมองเห็นดินเป็นหย่อมๆที่มีหญ้าพริ้วไหวไปตามสายลม
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าสีซีดผิดปกติ และแสงแดดก็ถูกก้อนเมฆหนาบัง โลกทั้งใบกลายเป็นสีขาวอมเขียวในขณะที่มีพระจันทร์เสี้ยวรอยจางจางอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
"ดังนั้นกระจกที่ผมควรจะเพิ่มก็คือ……"
ฉันได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวจึงมองไปยังต้นเสียง ฉันมองเห็นผู้ชายนั่งอยู่ที่ผืนห่างจากเราประมาณ 2 เมตร เขามีผมยาวสีฟ้าอมเทาซึ่งกำลังถูกมัด ในขณะเดียวกันก็มีผมปอยห้อยอยู่ข้างใบหน้า ผมของเขาบินพริ้วไสวไปตามสายลม
เขาสวมเสื้อคลุมมีฮูดขนาดใหญ่คล้ายกับหมิงหยูและมีเข็มขัดผูกที่เอว นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่สะพายข้าง แต่งตัวเหมือนกับเจไดในภาพยนตร์สตาร์วอร์ส แต่ก็ดูเหมือนมิชชันนารีชาวยุโรปด้วย
เขากำลังเขียนอากาศด้วยมือขวา มันเหมือนว่าเขากำลังคำนวณอะไรบางอย่าง จากนั้นเขาก็ยกหนังสือเล่มเล็กๆสีเหลืองที่ดูเก่าแก่ขึ้นมาเขียน "เธอตื่นแล้วหรอ?"
ฉันตกตะลึง เขาคุยกับฉันในระหว่างที่เขาเองก็กำลังคำนวณ?