px

เรื่อง : เกิดใหม่ทั้งทีขอลิขิตรักเอง (นิยายแปล) **จบแล้ว**
ตอนที่ 10 เงินหาย


ตอนที่ 10 เงินหาย

 

วันที่ 20 เดือนสิงหาคม เป็นวันที่จางฉุ้ยเหลียนจะได้รับหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัย

 

เช้าตรู่วันนี้เธอได้ปั่นจักรยานบรรทุกกล่องยา 2 กล่องที่เธอปะติดเมื่อวานไปส่งที่โรงพยาบาล เมื่อนำกล่องลังเหล่านั้นไปส่งที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเตรียมตัวไปโรงเรียน

 

ปะติดกล่องกระดาษลัง 2 กล่อง ได้ค่าจ้าง 1.5 เฟิน เพราะอย่างนั้นจางฉุ้ยเหลียนจึงเร่งทำงานอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้เธอสามารถปะติดกล่องลังได้วันละ 500 กล่องเลยทีเดียว ซึ่งกล่องลังทั้งหมด 500 กล่อง ก็คิดเป็นเงิน 3 หยวน 7.5 เหมา

 

ตอนนี้เธอก็ปะติดกล่องลังมาได้ 1 เดือนเต็มแล้ว และเธอก็มีเงินอยู่ในมือจำนวน 120 หยวน หลังจากนี้อีกสองสามวันเธอต้องเตรียมตัวเก็บของไปมหาวิทยาลัย ถึงตอนนั้นหลังจากที่ตัดค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเล่าเรียนออก เธอก็ยังมีเงินเหลือเพียงพอตลอด 1 ภาคเรียน

 

จางฉุ้ยเหลียนคิดคำนวณแล้วว่า ถ้าอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ตัวเธอนั้นก็จะหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำ หลังจากนั้นพอปิดเทอมภาคฤดูหนาวเธอก็จะกลับมาที่บ้านทำงานปะติดกระดาษลัง ทำซ้ำ ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เธอก็อาจจะหาเงินเรียนมหาวิทยาลัยได้จนจบ

 

แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่เธอกำลังจะเก็บเงินจำนวน 3 หยวน 8 เหมา ที่ตัวเองหามาได้วันนี้มาเก็บไว้ในกล่องเหล็กที่เธอเอาไว้ใช้เก็บเงิน ตอนที่เธอเปิดกล่องเหล็กนั่นออกมา เธอก็เห็นว่าเงินในกล่องเหล็กมันหายไปหมดแล้ว

 

จางฉุ้ยเหลียนถึงกับเหงื่อแตกเปียกชุ่มไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความร้อนใจ หัวใจเต้นระทึก เธอพลิกของไปทั่วทั้งห้องของเพื่อหาเงิน แม้กระทั่งเตียงเธอก็พลิกหาดูจนทั่ว แต่ก็ไม่เจอเลยแม้แต่เฟินเดียว เธอคิดขึ้นได้ในทันทีว่าอาจจะเป็นพ่อกับแม่ที่เป็นคนเอาเงินของเธอไป

 

ในตอนที่จางฉุ้ยเหลียนกำลังวิ่ง ตึก ๆ ออกไปข้างนอกด้วยความร้อนใจ ก็มีผู้หญิงร่างผอมตัวดำคนหนึ่งเดินเข้ามายังลานบ้านของเธอ หล่อนพูดกับจางฉุ้ยเหลียนว่า “จางฉุ้ยเหลียน เธอไปโรงเรียนมารึยัง ? หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยของเธอถึงมาแล้วนะ มหาวิทยาลัยครูน่ะ

 

จางฉุ้ยเหลียนเบิกตากว้างในทันที ถึงแม้ว่าหน้าตาของหล่อนจะยังดูเด็กแต่โครงร่างของหล่อนนั้นก็โน้มไปทางผู้ใหญ่ซะมากกว่า หล่อนคือเหลิ่งลี่ผิง หัวหน้าห้องของเธอนั่นเอง หล่อนเป็นคนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เมื่อชาติที่แล้ว พื้นฐานทางครอบครัวของหล่อนนั้นก็อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง และหล่อนยังเป็นคนที่บอกกับจางฉุ้ยเหลียในชาติที่แล้วอีกด้วยว่าหล่อนเอาเงินไปโรงเรียนเพียงแค่ 80 กว่าหยวนเท่านั้น

 

ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า จางฉุ้ยเหลียนไม่ได้พูดเรื่องที่ตัวเองกำลังทุกข์ใจกับเงินที่หายไปให้อีกฝ่ายฟังแต่อย่างใด เธอยิ้มแห้ง ๆ ไปทางเหลิ่งลี้ผิงแล้วพูดว่า “ฉันกำลังเตรียมตัวจะไปโรงเรียนน่ะ เธอไปเอาหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยมาแล้วอย่างนั้นหรือ ? ”

 

เหลิ่งลี่ผิงกางหนังสือแจ้งจากทางมหาลัยที่อยู่ในมือออก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจว่า “อื้อ ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัย H ได้  สาขาบัญชี หลังจากที่เรียนจบฉันก็จะเข้าไปทำงานในธนาคาร ” 

 

จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้า อนาคตของเหลิ่งลี่ผิงนั้นชัดเจนแล้วว่าหลังจากเรียนจบหล่อนจะเข้าไปทำงานในธนาคาร ก่อนเธอตาย เหลิ่นลี่ผิงที่เพิ่งจะมีอายุ 40 ต้น ๆ ก็ได้เป็นผู้จัดการประจำสาขาไปแล้ว

 

หล่อนเป็นเพื่อนนักเรียนที่ดีที่สุดในบรรดาเพื่อนในห้องเรียน แต่พอเห็นหล่อน เธอก็รู้ได้ในทันทีว่ามันจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของโชคชะตาอย่างแน่นอน

 

จางฉุ้ยเหลียนกล่าวลาเหลิ่งลี่ผิง แล้วปิดประตูลงกลอน จากนั้นเธอก็วิ่งไปยังถนนใหญ่ด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ จนกระทั่งเห็นพ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังขายซาลาเปาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่

 

เมื่อเห็นจางฉุ้ยเหลียนวิ่งเข้ามา พ่อจางก็คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยปากพูดว่า “ฉุ้ยเหลียน เมื่อกี้พ่อได้ยินว่าเพื่อน ๆ ในห้องของแก สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วนะ

 

คนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในยุคสมัยนี้มีจำนวนน้อยมาก วันนี้เป็นวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยว่าลูกของใครสอบติดบ้าง นั่นจึงถือว่าเป็นข่าวดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

 

จางกว่างฝูอ้าปากพูด จนคนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยิน จึงอดที่จะอิจฉาไม่ได้ เมื่อเช่าหวาได้ยินข่าวก็ตั้งใจชูหางของตัวเองขึ้นมาทันใด จากนั้นก็พูดต่ออีกว่าลูกสาวของตนนั้นอ่านหนังสือด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะประชดประชันลุงของจางฉุ้ยเหลียนว่า “ถ้าเราไม่เอาเงินไปส่งลูกเรียนล่ะก็ เราก็คงจะมีเงินสร้างบ้านเหมือนกับคุณลุงของจางฉุ้ยเหลียนไปแล้วล่ะ”

 

ความหมายแฝงในคำพูดของเช่าหวาก็คือ ลูก ๆ ของคุณลุงสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย คุณลุงมีเงินเหลือเพราะไม่ต้องส่งลูก ๆ เรียน และได้นำเงินส่วนนี้มาสร้างบ้านใหม่

 

จางฉุ้ยเหลียนอดที่จะดึงตัวเช่าหวามาถามไม่ได้ เธอถามออกไปด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “แม่ แม่ได้แตะต้องเงินที่อยู่ในห้องของหนูรึเปล่า ? ”

 

เช่าหวาตกใจขึ้นมาทันทีทันใด จากนั้นก็ยกฝ่ามือขึ้นมาตีอีกฝ่าย “พูดบ้าอะไร ฉันจะไปแตะต้องเงินในห้องของแกทำไม ? ” จากนั้นหล่อนจึงถามต่อไปว่า “ทำไม ? เงินของแกมันหายไปอย่างนั้นหรือ ? ”

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนได้ยินดังนั้นและเห็นว่าเช่าหวาไม่ได้มีทีท่าว่าจะเป็นคนขโมยเงินของเธอไปแต่อย่างใด เธอถึงกับน้ำตาคลอเบ้า และพยักหน้าด้วยความร้อนใจ : “อื้อ เงินในห้องของหนูมันหายไปหมดเลย

 

เมื่อเช่าหวาได้ยินก็รีบบอกจางกว่างฝูทันที จากนั้นก็รีบพาจางฉุ้ยเหลียนวิ่งกลับไปที่บ้านด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงบ้าน สภาพทุกอย่างภายในบ้านยังดูสะอาดเรียบร้อยไม่มีร่องรอยของการงัดแงะของพวกขโมยแต่อย่างใด

 

“ฉุ้ยเหลียน แกไปเอาหนังสือแจ้งจากมหาวิทยาลัยที่โรงเรียนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะช่วยแกหาอีกแรง ถ้าไม่เจอจริง ๆ ก็ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

 

คำพูดของเช่าหวาทำให้จางฉุ้ยเหลียนที่กำลังกระวนกระวายใจนั้นได้สติ จากนั้นเธอก็รีบไปเอาจักรยานที่จอดอยู่ข้างบ้านปั่นตรงไปที่โรงเรียนทันที เมื่อมาถึงโรงเรียนเธอก็ไม่รอช้าแต่อย่างใด ตรงเข้าไปรับหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยแล้วกลับบ้านทันที

 

ตอนขาไปเธอยังคงร้อนใจ แต่พอขากลับเธอก็ใจเย็นลงมากแล้ว จางฉุ้ยเหลียนยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ในเมื่อในบ้านของเธอก็ไม่ได้มีร่องรอยของการงัดแงะจากพวกขโมยเลย เช่าหวาก็ไม่ได้เป็นคนเอาเงินของเธอไป อีกทั้งเช่าหวาก็ไม่ได้ด่ากราดเสียงดังและไม่ได้บ่นพึมพำว่าทำไมไม่เก็บเงินให้ดี แต่กลับบอกให้เธอไปเอาหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยที่โรงเรียนแทน ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วว่าเช่าหวาจะต้องรู้ว่าใครเป็นหัวขโมยอย่างแน่นอน

 

จางฉุ้ยเหลียนยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เธอปั่นจักรยานกลับบ้าน แต่ในระหว่างทางกลับบ้านเธอกลับเจอเพื่อนร่วมห้องของน้องชายของเธอเข้าพอดี หลี่หยวนเหอเป็นเพื่อนเสเพลของจางฉุ้ยจวิน ปกติแล้วสองคนนี้มักจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

 

“หลี่หยวนเหอ ? ” เมื่อเห็นว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในละแวกบ้านของตัวเอง จางฉุ้ยเหลียนก็อดที่จะตะโกนเรียกชื่อเขาออกไปไม่ได้ “นายจะไปไหน? ”

 

หลี่หยวนเหอพูดขึ้นโดยไม่คิดว่า “ก็เพิ่งกลับมาจากบ้านพี่ไง

 

“นายไปทำอะไรที่บ้านฉัน ? เสี่ยวจวินล่ะ ? ” จางฉุ้ยเหลียนลงจากรถจักรยาน เธอเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจว่าหลี่หยวนเหออาจจะร่วมมือกับเฉินฉุ้ยจวินขโมยเงินของเธอก็ได้

 

หลี่หยวนเหอเบะปากแล้วพูดว่า “จางฉุ้ยจวินซื้อเครื่องเล่นเกมมาใหม่ แม่พี่ไม่ให้ฉันเล่นด้วย ชิ อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ กลัวว่าเครื่องเล่นเกมจะพังรึไง

 

เกิดเสียงระเบิดตู้ม ตามมาด้วยเสียงวิ้ง ๆ ขึ้นมาในหัวของจางฉุ้ยเหลียน  เธอเข้าใจทุกอย่างในทันที จางฉุ้ยจวินนั้นชอบเล่นเกมมากไม่ว่าจะเครื่องเล่นเกมแบบตลับยี่ห้อเสี่ยวป้าหวังหรือว่าตู้เกม ไปจนถึงเครื่องเล่นเกมวีซีดี หรือไม่ก็เกมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์ จางฉุ้ยจวินล้วนแล้วแต่ชื่นชอบมันทั้งนั้น เขามักจะเสียเวลาและเสียเงินไปกับเกมไปจำนวนมาก

 

จางฉุ้ยเหลียนเข็นรถจักรยานตรงกลับไปที่บ้านในทันทีโดยไม่สนใจหลี่หยวนเหออีก เมื่อมาถึงลานหน้าบ้าน เธอก็โยนจักรยานลงไปบนพื้น แล้วพุ่งตรงเข้าไปในบ้านด้วยความโกรธในทันที

 

เมื่อเห็นจางฉุ้ยเหลียนวิ่งกลับมา จางฉุ้ยจวินและเช่าหวาสองแม่ลูกก็แสดงท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่าหวายังถามเธอด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นอีกว่า “กลับมาแล้วเหรอ รีบเอาหนังสือแจ้งจากทางมหาวิยาลัยมาให้ฉันดูหน่อยสิ

 

จางฉุ้ยเหลียนไม่สนใจแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอแต่อย่างใด เธอเดินตรงเข้าไปตะคอกใส่จางฉุ้ยจวินทันที “แกไม่รู้หรือว่านั่นมันเป็นเงินที่ฉันหามาด้วยความยากลำบากเพื่อจะเข้ามหาวิทยาลัยน่ะ หา ? ทำไมแกถึงได้เหมือนสัตว์เดรัจฉานแบบนี้ กล้ามาขโมยเงินที่ฉันเก็บไว้เพื่อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ? แกนี่มันไม่เอาการเอางาน แล้วยังมาทำลายอนาคตของฉันอีกอย่างนั้นหรือ ? ”

 

เมื่อถูกจางฉุ้ยเหลียนด่ากราดโครม ๆ จางฉุ้ยจวินก็ตกใจขึ้นมาในทันที เขาไม่เคยเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว เขาจึงเชิดคอพูดกลับไปว่า “พี่พูดอะไร ใครขโมยเงินของพี่ไม่ทราบ

 

เช่าหวารีบรุดขึ้นมาดึงตัวของจางฉุ้ยเหลียนให้ออกไปทันที ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “แกพูดอะไร ? เขาเป็นน้องแกนะ จะไปขโมยเงินของแกได้ยังไง

 

จางฉุ้ยเหลียนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “แม่ แม่กำลังทำร้ายเขาอยู่นะ เขาทำผิดแต่แม่ก็ไม่สั่งสอนเขา  หลังจากนี้เขาโตไปถ้าเขากลายไปเป็นฆาตรกร แม่จะยังปกป้องเขาอยู่อีกไหม ? แม่ยังจะปกป้องเขาอยู่ใช่ไหม ? ”

 

เช่าหวาผลักจางฉุ้ยเหลียนก่อนจะแผดเสียงแหลมด่ากราดออกไปว่า “แกพูดบ้าอะไร ? แกทำเงินหาย ทำไมถึงได้มาโทษน้องแบบนี้ ? แกเก็บเงินไม่ดีเอง บางทีแกอาจจะเอาเงินนั่นไปใช้แล้วก็ได้

 

“หนูเอาเงินนั่นไปใช้เองอย่างนั้นหรือ ? งั้นหนูถามแม่หน่อย ถ้าเขาไม่ได้ขโมยเงินของหนูไป แล้วเขาจากเอาเงินที่ไหนไปซื้อเครื่องเล่นเกม ? ” จางฉุ้ยเหลียนชี้ไปทางจางฉุ้ยจวิน แล้วถามเช่าหวาเสียงแข็ง

 

“เครื่องเล่นเกมบ้าอะไร เช่าหวาพึมพำขึ้นมาเบา ๆ เมื่อเห็นดวงตาของจางฉุ้ยเหลียนเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด หล่อนจึงได้หาเหตุผลมาให้กับลูกชายของตัวเองในทันที “นั่นมันไม่ใช่เครื่องเล่นเกม ฉันเห็นว่าน้องแกเรียนไม่เก่ง ก็เลยซื้อเครื่องพิมพ์ดีดมาให้เขามาใช้ในการเรียนเท่านั้นเอง

 

จางฉุ้ยเหลียนเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะ พร้อมกับพยักหน้า “แล้วแม่เอาเงินมากมายขนาดนั้นจากไหนไปซื้อเครื่องพิมพ์ดีดที่ไม่มีประโยชน์เครื่องนั้นให้เขา แล้วหนูล่ะ ? เงินที่หนูต้องใช้เข้ามหาวิทยาลัยจะทำยังไง ? แม่ก็เอาไปด้วยใช่ไหม ? ”

 

เช่าหวาตะคอกเสียงแหลมกลับไปว่า “แกบอกว่าจะหาเงินเอง.........” เมื่อพูดไปได้ครึ่งประโยค หล่อนก็พูดอะไรไม่ออกอีก  เพราะหล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเงินค่าเล่าเรียนที่จางฉุ้ยเหลียนหามาด้วยความยากลำบากถูกลูกชายของหล่อนขโมยเอาไปซื้อเครื่องเล่นเกมหมดแล้ว

 

“แม่ บางเรื่องไม่ต้องพูดออกมาเราก็รู้อยู่เต็มอก อีกสองสามวันหนูก็ต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว หนูคงหาเงินค่าเล่าเรียนไม่ทันแล้ว เอาอย่างนี้ หนูขอยืมเงินค่าเล่าเรียนสำหรับเปิดภาคเรียนนี้กับแม่ก่อน  ปีหน้าตอนปิดภาคเรียนหนูก็ค่อยออกไปหางานทำและเอาเงินมาคืนแม่ แบบนี้ตกลงไหม ? ” จางฉุ้ยเหลียนวิงวอน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลับฝีปากกับแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ ถึงอย่างไรการเข้ามหาวิทยาลัยก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว มีแต่ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพียงเท่านั้นถึงจะมีอนาคตที่ดีได้

 

“หา ? ฉันจะเอาเงินจากไหนมาให้แกเล่า เงินในบ้านก็เป็นเงินที่ได้จากการนึ่งซาลาเปาขาย ฉัน.......... ” เมื่อเช่าหวาได้ยินว่าลูกสาวของหล่อนจะมายุ่งกับเงินของหล่อน หล่อนก็บันดาลโทสะขึ้นมาในทันที

 

จางฉุ้ยเหลียนพูดออกไปด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า : “แม่ หนูเป็นลูกสาวของแม่นะ ถือซะว่าหนูยืมแล้วกัน ? หนูจะหามาคืนให้แม่เอง แม่จะให้หนูไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเพียงเพราะเงินจำนวน 180 หยวนนี่อย่างนั้นหรือ ? ”

 

เช่าหวาก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นหล่อนก็เดินไปนั่งที่เตียงอย่างช้า ๆ “รอให้พ่อแกกลับมาก่อนแล้วกัน เราค่อยมาว่ากันอีกที

 

จางฉุ้ยเหลียนแผดเสียงแหลมออกมา “มีอะไรต้องมาคุยกันอีก ? แม่ให้เงินเสี่ยวจวินไปซื้อเครื่องเล่นเกมราคา 100 หยวนได้ แต่แม่กลับเอาเงินให้หนูยืมเพื่อไปเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้อย่างนั้นหรือ ? พอหนูได้เข้าเรียนแล้วหนูก็จะหาเงินมาให้พ่อกับแม่ได้ไง แม่ยังไม่เข้าใจอีกหรือ ? ”

 

เช่าหวาเจ็บปวดใจกับคำพูดของลูกสาวมาก จากนั้นหล่อนก็คว้าขวดปาลงไปบนพื้นจนมันแตกละเอียด “ทำไม ? เงินของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เรื่องของฉัน แกไม่ต้องมายุ่ง ถ้าแกอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไปหาเงินเรียนเอง แกอดทนได้อยู่แล้วนี่ ทำงานเก็บเงินได้ตั้ง 100 หยวน แกก็ไปหาเงินมาอีกสิ

 

จางฉุ้ยเหลียนเสียใจมาก เธอยืนมองจางฉุ้ยจวินโดยไม่พูดอะไรออกมา แต่จู่ ๆ เธอก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจางฉุ้ยจวิน แล้วยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า “เสี่ยวจวิน แกเอาเครื่องเล่นเกมไปคืนเดี๋ยวนี้ แล้วเอาเงินมาคืนฉัน

 

จางฉุ้ยจวินที่ถูกจางฉุ้ยเหลียนขู่ให้ตกใจกลัวและเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ  จนตอนนี้เขาก็ตกมาอยู่ตรงกลางระหว่างแม่และพี่สาวของเขาแล้ว

 

นิสัยของเขาเหมือนกับแม่มาก  ชอบโวยวายเป็นที่สุด เขายื่นมือออกไปปัดมือของจางฉุ้ยเหลียนอย่างแรง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า “ใครใช้เงินพี่ไม่ทราบ? นั่นมันเงินที่แม่ให้ฉันต่างหาก พี่มีสิทธิ์อะไรมาเอามันไปจากฉัน

 

จางฉุ้ยเหลียนเบิกตาโตพร้อมกับตะโกนออกไปว่า “นั่นมันเงินเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของฉันนะ

 

จางฉุ้ยจวินตะโกนกลับไปด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่า “ใครสนว่าพี่จะเข้าได้หรือไม่ได้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่

 

จางฉุ้ยเหลียนแสยะยิ้มออกมา จากนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าว แล้วพูดว่า “ได้ จางฉุ้ยจวิน แกพูดเองนะ ว่าแกไม่ได้ขโมยเงินของฉันไป ? ได้ แกปากแข็งไปให้ตลอดแล้วกัน ฉันจะคอยดูว่าต่อหน้าตำรวจแกจะยังจะปากแข็งได้อยู่อีกไหม

รีวิวผู้อ่าน

mibalaska
1525 วันที่แล้ว

อยากพิมพ์หยาบมากไม่ไหว กับนางเอก หัวอ่อน..... .....เอ้ย อะไรวะเนี่ย นิยายแบบนี้ เอานิสัยที่คนเขียนโดนมา มาแต่งไง............ อายุ 42 42 แล้วนะส......... ความการอ่านฉลาดเหมือน เรื่องย่อมีป่าว.......


  แสดงความคิดเห็น