px

เรื่อง : เกิดใหม่ทั้งทีขอลิขิตรักเอง (นิยายแปล) **จบแล้ว**
ตอนที่ 13 หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยถูกทำลาย


ตอนที่ 13 หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยถูกทำลาย

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนได้ยินคำพูดของแม่ผู้ให้กำเนิด เธอก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที “ไม่ได้  หนูต้องเอามันไปคืนตอนนี้ ถ้าหนูเอาไปคืนตอนบ่าย เถ้าแก่เจ้าของร้านเขาก็ไม่รับแล้ว หนูจะเอาเงินจากไหนไปเรียนมหาวิทยาลัยล่ะ

 

จางฉุ้ยจวินผลักจางฉุ้ยเหลียนลงไปกองกับพื้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้าเธอ “เข้ามหาวิทยาลัย อะไร ๆ ก็เข้ามหาวิทยาลัย มันมีดีอะไรนักหนา เพราะพี่อยากจะเข้ามหาวิทยาลัย ถึงได้มาโวยวายในบ้านทุกวันจนทุกคนในบ้านรู้สึกอึดอัดกันหมด เอาแต่ทำเสียงดังตึงตังจนคนในบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน สอบเข้ามหาวิทยาลัยมันวิเศษมากนักรึไง

 

เมื่อพูดจบเขาก็โยนเครื่องเล่นเกมในมือลงไปบนพื้น จากนั้นเขาก็ใช้เท้ากระทืบสองสามทีแล้วเดินออกไป จางฉุ้ยเหลียนรีบลุกขึ้น และเดินเข้าไปตรวจสอบดูว่าเครื่องเล่นเกมพังไปแล้วหรือยัง

 

แต่ในตอนนั้นเอง จางฉุ้ยจวินก็วิ่งเข้าไปในห้องของจางฉุ้ยเหลียน แล้วกวาดหาของไปทั่วทั้งห้องของเธอ ในที่สุดเขาก็เจอหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยที่วางอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วพุ่งตรงไปยังห้องครัวในทันที

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นว่าเครื่องเล่นเกมนั้นยังใช้งานได้ ยังไม่มีส่วนไหนพัง เธอจึงกอดมันไว้ด้วยความโล่งอก แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงจางฉุ้ยจวินตะโกนออกมาจากในครัว “ฉันเผาหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยของพี่แล้ว ฉันจะรอดูว่าพี่จะทำยังไง อะไรที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยฉันจะทำลายมันให้หมด ฉันจะไม่ให้พี่ได้เข้าเรียนที่ไหนได้อีกเลย

 

เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็พากันวิ่งเข้าไปในห้องครัว แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยของเธอถูกเผา เธอจึงได้พุ่งเข้าไปในกองไฟนั้น แต่หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยก็ถูกเผาไปเกินกว่าครึ่งแล้ว เธอจึงทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง

 

ส่วนจางกว่างฝูและเช่าหวาต่างก็ตกใจกับการกระทำของลูกชาย และด้วยความที่พวกเขารู้อยู่ว่าการที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้มันยากลำบากมากขนาดไหน

 

หลังจากที่จัดการเผาหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยแล้ว จางฉุ้ยจวินก็เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ เขาจึงได้วิ่งเข้าไปกอดเช่าหวาเอาไว้แน่น เช่าหวากัดฟันด้วยความโกธรและตีเขาอย่างแรงไปทีหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามจางฉุ้ยเหลียนว่า “ฉุ้ยเหลียน หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยโดนเผาหมดแล้วจะทำยังไง ? ไอ้หยา ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว แล้ว... แล้ว... เราจะขอหนังสือจากทางมหาลัยใหม่อีกรอบได้ไหม ? ”

 

จางฉุ้ยเหลียนยังคงนั่งอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย  เธอไม่รู้ว่านี่เป็นโชคชะตาของเธอรึเปล่า ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาที่เธอไม่สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้เลย

 

“ฉุ้ยเหลียน ! ” เช่าหวาดึงตัวลูกสาวที่กำลังตกอยู่ในอาการตกใจจนนั่งนิ่งเหม่อลอยขึ้นมาจากพื้น

 

จางฉุ้ยเหลียนหยิบหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยที่ถูกเผาขึ้นมา ก่อนจะปลายตามองไปทางน้องชายด้วยสายตาเกลียดชัง ทุกการกระทำของจางฉุ้ยจวินในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของเธอราวกับภาพยนตร์ ตัวเธอนั้นยอมแลกทุกอย่างเพื่อเขาอย่างไม่เสียใจ

 

ตอนนี้ชีวิตในอดีตและหลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่มันก็ได้ผสานเข้าด้วยกัน ความกลัว ความกังวล ความหวาดวิตกรวมทั้งความไม่แน่นอนหลังจากที่เธอได้กลับมาเกิดใหม่ต่างก็ถูกกระตุ้นออกมาจนหมดสิ้น  ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเธอพยายามอย่างมากในการปกปิดความกังวลและไม่ปลอดภัยเหล่านี้ในใจของเธอมาโดยตลอด

 

ตอนนี้ทุกอย่างที่เธอคาดหวังไว้มันได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว ฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของจางฉุ้ยเหลียนก็ได้ถูกทำลายลงไปเช่นเดียวกัน

 

เธอแผดเสียงตะโกนอย่างสุดกำลัง “จางฉุ้ยจวิน ฉันจะทำให้แกตายไปพร้อมกับฉัน ” เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้น แล้วหยิบมีดหั่นผักที่วางอยู่ในครัวขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปหาจางฉุ้ยจวินในทันที

 

จางฉุ้ยเหลียนรีบวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว เช่าหวาที่คอยให้ท้ายลูกชายของตัวเองมาตลอดจึงรีบเข้าไปจับขาของจางฉุ้ยเหลียนไว้พร้อมกับตะโกนออกไปเสียงดัง “ฉุยเหลียน แกอย่าทำแบบนี้เลย อย่า

 

จางฉุ้ยเหลียนเตะเช่าหวาออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี จากนั้นก็วิ่งออกไปยังลานหน้าบ้านราวกับคนบ้า มองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของจางฉุ้ยจวิน

 

เธอถือมีดหั่นผัก พร้อมกับวิ่งออกจากบ้าน  เธอถามหาแต่น้องชายของเธอด้วยความโมโห  “เห็นจางฉุ้ยจวินไหม ? เห็นจางฉุ้ยจวินรึเปล่า ? ”

 

ตอนนี้เป็นเวลาที่ทุกคนกำลังออกจากบ้านไปทำงาน หรือบางคนหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็จูงเด็กน้อยออกไปเดินเล่นข้างนอก เมื่อเห็นจางฉุ้ยเหลียนนักเรียนมัธยมปลายคนนี้กำลังถือมีดเดินตามหาน้องชายของเธอไปทั่วทุกสรทิศ ก็มีบางคนชี้ไปยังทิศทางที่จางฉุ้ยจวินวิ่งไป

 

จางฉุ้ยจวินวิ่งหนีมาที่บ้านของหลี่หยวนเหอ เมื่อเข้ามาในบ้าน เขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาคนของตระกูลหลี่ที่กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ทันที “เร็ว ช่วยหาที่ซ่อนให้ฉันที พี่สาวฉันบ้าไปแล้ว จางฉุ้ยเหลียนกำลังจะฆ่าฉัน

 

หลี่หยวนเหอตกใจขึ้นมาทันทีทันใด จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “อ่า ? ไม่มีทาง แค่เครื่องเล่นเกมเครื่องเดียว หล่อนถึงกับต้องฆ่านายเลยหรือ ? ”

จางฉุ้ยจวินมองไปทางพ่อแม่ตระกูลหลี่ พวกเขาก็มีอาการตกใจไม่น้อย ก่อนจะพูดพึมพำขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักว่า “ก็ใครให้เธออยากขายเครื่องเกมของฉันล่ะ ฉันโกรธมากเลยเผาหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยของเธอทิ้ง”

 

“อ่า ” พ่อแม่ของหลี่หยวนเหอตกใจยิ่งกว่าเดิม นั่นมันหนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยเลยนะ สำหรับพวกเขาแล้ว นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มาก หลายวันมานี้พวกเขาได้แต่อิจฉาตระกูลจางที่ลูกสาวได้กลายเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย

 

“เด็กคนนี้ ทำไมถึงได้สร้างเรื่องวุ่นวายได้ขนาดนี้ แม่ของหลี่หยวนเหอพูดกับจางฉุ้ยจวินด้วยความเกลียดชัง

 

ในตอนนั้นเองจางฉุ้ยเหลียนก็เดาเส้นทางที่จางฉุ้ยจวินจะหนีไปหลบซ่อนตัวได้ เธอเดินดุ่ม ๆ อย่างน่าเกรงขามตรงไปยังเส้นทางนั้นในทันที นอกจากเธอแล้วยังมีกลุ่มคนเดินตามเธอมาอีกเป็นจำนวนมากเพื่อตามมาดูเหตุการณ์นี้รวมทั้งพ่อแม่ของเธอที่กำลังตกอยู่ในอาการตกใจจนสติกระเจิดกระเจิงก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน

 

“จางฉุ้ยจวิน จางฉุ้ยจวิน” จางฉุ้ยเหลียนวิ่งมาถึงหน้าบ้านของหลี่หยวนเหอ แล้วพุ่งเข้าไปตะโกนเสียงดังภายในบ้านของตระกูลหลี่ เพราะสายตาเธอดี เธอจึงเห็นเงาของจางฉุ้ยจวินที่อยู่ในบ้านจากทางหน้าต่างได้อย่างชัดเจน

 

เมื่อจางฉุ้ยจวินได้ยินเสียงของพี่สาว เขาก็เกิดอาการสั่นเทาไปทั่วทั้งตัวในทันที เขากระโดดขึ้นไปบนเตียงของตระกูลหลี่ ก่อนจะเปิดหน้าต่างแล้วกระโดดหนีไป

 

จางฉุ้ยเหลียนพุ่งเข้าไปในบ้าน พร้อมกับถือมีดราวกับคนบ้า ก่อนจะถามขึ้นด้วยความโกรธว่า “จางฉุ้ยจวินล่ะ หมอนั่นไปทางไหนแล้ว ? ”

 

เธอก้าวเท้าเข้าไปใกล้หลี่หยวนเหอทีละก้าว  ๆ  หลี่หยวนเหอตกใจกลัวจนฉี่ราดกางเกง ความจงรักภักดีต่อเพื่อนเมื่อสักครู่นี้หายไปจนหมดสิ้น จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางหน้าต่างด้วยความหวาดกลัว “เขาหนีไปทางนั้นแล้ว

 

จางฉุ้ยเหลียนกระโดดขึ้นไปบนเตียง  จากนั้นก็โน้มตัวแล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่าง ในตอนนั้นเองพ่อแม่ของหลี่หยวนเหอก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็เดินออกไปลากพ่อแม่ตระกูลจางให้ตามสองพี่น้องนั้นไป

 

จางฉุ้ยจวินจะหนีไปที่ไหนได้ ในตอนนี้ที่เขากำลังตื่นตกใจอยู่นั้นเขาก็หันไปมองพี่สาวของตัวเองที่วิ่งตามมาด้านหลังว่าเธอไล่ตามเขามาถึงไหนแล้ว แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของเขาจะมีความสามารถมากขนาดนี้ ไม่นานเธอก็ไล่ตามเขามาได้ทัน

 

จางฉุ้ยจวินยังเด็ก เมื่อเห็นพี่สาวกำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ เขาก็ตกใจกลัวจนสุดขีด ไม่กล้าย่างเท้าหนีไปไหนแต่อย่างใด เขาหลบซ่อนตัวอยู่ตรงมุมกำแพงพร้อมกับร้องไห้งอแงเสียงดัง

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนยกมีดขึ้นเธอกลับลังเลไม่ยอมลงมือ จนกระทั่งพ่อแม่ของเธอและทุกคนต่างก็ไล่ตามมาได้ทัน และได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญนี้

 

เช่าหวาร้องไห้ออกมาเสียงดัง หล่อนวิ่งเข้ามากอดปกป้องจางฉุ้ยจวินไว้ หล่อนร้องไห้ไปพลางและถามจางฉุ้ยจวินไปพลาง  “จวินเอ๋อ ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม หล่อนไม่ได้ทำร้ายลูกใช่ไหม

 

หลังจากนั้นก็หันกลับมาด่าลูกสาวของตัวเอง “แกบ้าไปแล้วหรือ? นี่น้องชายแกนะ เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยรึไง

 

คุณน้าเฉินที่ได้ยินข่าวก็รีบตรงเข้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที เมื่อมาถึงหล่อนก็เห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนได้ถูกทุกคนดึงตัวออกไปแล้ว หล่อนกำลังจะอ้าปากพูดโน้มน้าวจางฉุ้ยเหลียน แต่กลับได้ยินคำพูดของเช่าหวาเสียก่อน ความโกรธของหล่อนจึงได้ปะทุขึ้นมาทันทีทันใด “พอแล้ว หุบปากไปเลย คำพูดของเธอนั้นแหละที่เป็นตัวกระตุ้นจางฉุ้ยเหลียน

 

เมื่อเช่าหวาเห็นว่าลูกสาวของตัวเองถูกดึงตัวออกไปแล้ว และเห็นว่าลูกชายของหล่อนไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ หล่อนจึงได้คลายความกังวลลง  แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็พากันทอดถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนนั้นเสียโอกาสทางการศึกษา อีกทั้งยังยังรุมด่าจางฉุ้ยจวินลูกชายของหล่อน หล่อนจึงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาและรุดหน้าเข้าไปด่ากราดทุกคน “คุณพระคุณเจ้า ฉันไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรเอาไว้กัน แกอยากจะฆ่าก็ฆ่าฉันเลยสิ  ฉันก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปนักหรอก

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นท่าทางของแม่ตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกแย่มากขนาดนี้ เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ เธอส่งเสียงร้องไห้ครวญครางจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จนทำให้เหล่าหญิงสาวที่อยู่โดยรอบต่างก็กรูกันเข้ามากอดปลอบเธอ

 

คุณน้าเฉินตบไปบนไหล่ของจางฉุ้ยเหลียนเบา ๆ แล้วพูดเสียงดังว่า “เด็กน้อย ไม่เป็นไรนะ นี่แหละชีวิต เธอเป็นคนเรียนดีเรียนเก่ง รอไปอีกสักปี อ่านหนังสือทบทวนความรู้ใหม่อีกครั้ง แล้วค่อยไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีกว่านี้ดีกว่าก็ได้

 

เมื่อคนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย รออีกสักปี แล้วค่อยไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีกว่านี้ก็เป็นความคิดที่ดี

 

จางฉุ้ยเหลียนไม่ใช่คนคิดในแง่ลบ และความคิดเห็นนี้มันก็ทำให้สติของเธอกลับมา พริบตาเดียวก็มีภาพ ๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของเธอ เธอคิดว่าเธอควรจะถือโอกาสในช่วงที่ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ทำงานหาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียนน่าจะดีกว่า

 

ในเวลานี้เช่าหวาก็ไม่กล้าที่จะพูดยั่วยุลูกสาวของตัวเองอีก หล่อนได้แต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนว่า “ที่น้าแกพูดก็ถูก แกเรียนเก่ง  แกค่อยไปสอบใหม่ปีหน้าก็ได้  ครั้งนี้ ฉันจะสนับสนุนแกเต็มที่เลย

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนได้ยินคำพูดของเช่าหวาเธอกลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งมันแต่อย่างใด ตรงกันข้ามคำพูดของเช่าหวามันกลับย้ำเตือนสติเธอว่าเธอนั้นได้กลับชาติมาเกิดใหม่ และก่อนที่เธอจะตายลูกสาวของเธอก็โตจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ดังนั้นบทเรียนสมัยมัธยมปลายเธอจึงลืมมันไปหมดแล้ว พูดได้เลยว่าเธอไม่มีหวังอีกต่อไปแล้ว

 

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จางฉุ้ยเหลียนก็ได้ตะโกนด่าออกไป “ถ้าปีหน้าหนูสอบไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง ? ครั้งนี้ที่หนูสอบได้ แม่ก็ยังไม่เคยสนับสนุนหนูเลย แล้วปีหน้าหนูต้องดิ้นรนทำงานหาเงิน แล้วยังต้องหาเวลามาอ่านหนังสืออีก หนูจะสอบติดได้ยังไงกัน

 

เมื่อทุกคนได้ยินก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย คุณน้าเฉินถึงกับต้องปาดน้ำตาและด่าเช่าหวาออกไปว่า “คนอย่างเธอน่ะหรือจะสนใจลูก ขนาดลูกชายของเธอ เธอยังสอนเขาไม่ได้จนกลายเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแบบนี้ เธอกลับบ้านไปต้องตีสั่งสอนเขาแล้วล่ะ” แต่ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกไปแบบนั้นมันก็เท่านั้น เพราะเช่าหวาจะตีสั่งสอนลูกชายหรือไม่นั้นเธอก็ไม่ได้เห็นกับตาของตัวเองอยู่ดี

 

เช่าหวาเป็นคนปากไม่ดี เป็นเพราะความปากไม่มีหูรูดของหล่อนที่ไปพูดกระตุ้นให้ลูกสาวโกธรจนแทบทนไม่ไหวลุกขึ้นมาไล่ฆ่าคนแบบนี้ แล้วยังไม่มีจิตสำนึกโดยการมาพูดทำร้ายจิตใจให้ลูกสาวของตัวเองจนร้องไห้เสียใจอีก

 

พฤติกรรมแบบนี้จึงทำให้ผู้คนต่างก็รุมตำหนิหล่อน หล่อนปาดน้ำตาพร้อมกับจ้องมองไปทางจางฉุ้ยเหลียน “เอาล่ะ ให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะ เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว แกจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ล่ะ

 

เมื่อเช่าหวาพูดประโยคนี้ออกมา ก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ผู้คนต่างก็พากันหยิบยกเหตุผลขึ้นมาว่ามันไม่ใช่ความผิดของจางฉุ้ยเหลียน เมื่อได้ยินดังนั้น เช่าหวาจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่หล่อนก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่ความผิดของจางฉุ้ยเหลียน แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมเสียหน้าต่อหน้าคนพวกนี้อย่างแน่นอน

 

หล่อนจึงเดินเข้าไปดึงตัวของจางฉุ้ยเหลียนที่ร้องไห้จนหมดแรงทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นด้วยความโกรธ แต่ไม่ว่าหล่อนจะดึงยังไงจางฉุ้ยเหลียนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว  ความโกธรของหล่อนจึงประทุขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบไปที่ใบหน้าของจางฉุ้ยเหลียน “เอาล่ะหยุดร้องไห้ได้แล้ว กลับบ้าน อย่ามาทำเรื่องขายหน้าที่นี่

 

จางฉุ้ยเหลียนถูกแม่ของตัวเองตบไปที่ใบหน้าด้วยฝ่ามืออย่างแรง ทำให้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับโกธร และถามเช่าหวาออกไปว่า “เธอตีหล่อนทำไม

 

“ถ้าเธอเก่งนักก็ไปสั่งสอนลูกชายเธอโน้นสิ

 

“ทำไมไม่ไปตีลูกชายของตัวเองล่ะ

 

“มีแม่แบบนี้ โคตรซวยเลยจริง ๆ

 

คนอื่นพูดอะไรกันเธอเองก็ได้ยินไม่ชัด แต่เธอเห็นเช่าหวาตอกกลับคนพวกนั้นไปด้วยความโกธรว่า “นี่มันลูกของฉัน ฉันจะทำอะไรก็ได้ ทำไม ต่อให้ฉันจะเอาลูกสาวไปขาย ถึงยังไงคนนอกก็ไม่เกี่ยว

 

จางฉุ้ยเหลียนระเบิดความโกรธออกมาอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ออกแรงผลักเช่าหวาออกไป แล้วก็วิ่งออกไปราวกับคนบ้า เธอวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครวิ่งไล่ตามเธอได้ทัน

 

คุณน้าเฉินมองไปยังเช่าหวาที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เธอจะตบหน้าขาตัวเอง และพูดออกมาด้วยความตกใจว่า “แย่แล้ว หล่อนคงไม่ได้ไปฆ่าตัวตายหรอกนะ

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เกิดความกลัวขึ้นมาในใจของเช่าหวา เพราะเหตุการณ์เมื่อเช้าที่จางฉุ้ยเหลียนพยายามจะฆ่าลูกชายของหล่อน มันก็ทำให้หล่อนคิดว่าจางฉุ้ยเหลียนต้องกล้าที่จะทำเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน

 

หล่อนพยายามควบคุมสติ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่มีทางหรอก เดี๋ยวหล่อนร้องไห้เสร็จก็กลับบ้านเองนั่นแหละ ” เมื่อพูดจบหล่อนก็กวาดตามองหาสามีของตัวเอง แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา หล่อนจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “พ่อของหล่อนคงจะไปตามหาแล้วล่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก

 

เช่าหวาไม่ได้สนใจความวุ่นวายของทุกคนแต่อย่างใด หล่อนรีบกลับบ้านของตัวเอง แต่เมื่อหล่อนเดินเข้ามาในบ้าน หล่อนก็เห็นสามีและลูกชาย รวมทั้งพ่อตาแม่ยายของหล่อนนั่งอยู่ในบ้าน

 

หล่อนอึ้งไปเล็กน้อย และถามออกไปว่า “ทำไมคุณถึงอยู่บ้านล่ะ ? กลับมาตั้งแต่ตอนไหน ? ”

 

จางกว่างฝูถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ฉันกลับมาพร้อมกับเสี่ยวจวิน ฉุ้ยเหลียนล่ะ ? ”

 

เช่าหวาจึงพูดออกไปว่า “ไอ้หยา เธอเพิ่งวิ่งออกไปเมื่อกี้ คงไม่ได้ไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายหรอกมั้ง”

 

รีวิวผู้อ่าน

mibalaska
1116 วันที่แล้ว

ขอข้ามตอน ละไม่ไหวเว้ย อะไรนักหนา หาเงินได้ หาเงินเก่งไม่ออกไปนอกบ้านเหมือนนิยายอื่นซักที อ่านจนแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งละ กุไม่อ่านละ ข้ามตอนเอา


  แสดงความคิดเห็น