px

เรื่อง : เกิดใหม่ทั้งทีขอลิขิตรักเอง (นิยายแปล) **จบแล้ว**
ตอนที่ 16 คุมเชิงกัน


ตอนที่ 16 คุมเชิงกัน

 

เช้าวันที่สองจางฉุ้ยเหลียนได้กลับมาที่โรงเรียนพร้อมกับเซี่ยจวิน เมื่อชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว

 

ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ทอดถอนหายใจออกมา พร้อมกับพูดว่า “หลังจากที่เธอหนีไปเมื่อวาน พี่ชายของเธอก็มาตามหาเธอที่โรงเรียน แล้วเขาก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ครูฟังหมดแล้ว ครูก็เลยรีบต่อสายตรงไปที่สำนักงานการศึกษาทันที จากนั้นก็ติดต่อไปทางมหาวิทยาลัยของเธอ”

 

เซี่ยจวินถามขึ้นด้วยความร้อนใจว่า “เข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้แล้วหรือครับ ? ”

 

ผู้อำนวยการโรงเรียนส่ายหน้า “มหาวิทยาลัยที่เธอไปสอบนั้นเคร่งครัดมาก ทางโน้นมีกฎระเบียบของตัวเอง ว่าจะต้องใช้หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น ถ้าไม่มีก็ต้องยอมรับและปล่อยวางเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัยในครั้งนี้ไป”

 

เซี่ยจวินกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขาเดินวนไปวนมารอบ ๆ ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงได้พูดอย่างปลอบใจว่า “สถานการณ์ของเธอนั้นค่อนข้างที่จะพิเศษ แต่ทางนั้นก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้และต้องให้เธอรอสอบใหม่อีกทีในปีหน้า ไม่แน่เธออาจจะสอบติดมหาวิทยาลัยชิงหวาที่ดีกว่ามหาวิทยาลัยเดิมที่เธอสมัครไว้ก็ได้นะ อนาคตของเธอก็จะยิ่งสดใสมากกว่าเดิม

 

จางฉุ้ยเหลียนหัวเราะเหอะ ๆ ออกมา เรื่องนี้สำหรับเธอมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเกิดใหม่ก่อนหน้านี้สัก 6 ปี บางทีเธออาจจะทำได้ แต่น่าเสียดายที่เธอต้องมาทบทวนบทเรียนทั้งหมดภายในเวลาแค่หนึ่งปี เธอต้องยอมรับความจริงในเรื่องนี้ซะแล้ว

 

“พ่อคะ ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ เรากลับบ้านกันก่อนเถอะค่ะ ” จางฉุ้ยเหลียนคิดดีแล้ว ระหว่างทางกลับบ้านเธอก็ได้พูดกับเซี่ยจวินว่า “หนูคิดมาดีแล้วค่ะ หนูจะออกไปทำงาน 1 ปี หลังจากนั้นถ้ามีโอกาสก็ค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกที พ่อ พ่ออย่าโกรธหนูเลยนะคะ”

 

เธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าจากนี้ระบบการศึกษามันจะเปิดกว้างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งเธอยังมีโอกาสอีกมากที่จะศึกษาเพิ่มเติมในช่วงเวลากลางคืน

 

แต่เซี่ยจวินกลับไม่คิดอย่างนั้น เขายังยืนยันที่จะให้จางฉุ้ยเหลียนกลับไปเรียนมัธยมซ้ำอีก 1 ปี

 

“พ่อคะ พ่อกลับบ้านไปก่อนนะคะ ” จางฉุ้ยเหลียนยืนพูดกับเซี่ยจวินอยู่ที่ริมถนน : “หนูจะกลับไปเก็บของเพื่อไปหางานทำ หลังจากนี้ถ้ามีโอกาสหนูค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกที พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หนูโตแล้ว พ่อดูสิ เรื่องใหญ่ขนาดนี้หนูยังจัดการได้เลย หลังจากนี้ถ้าต้องเจอกับความยากลำบากสักแค่ไหน มันก็ไม่เกินกำลังของหนูหรอกค่ะ

 

เซี่ยจวินมองไปที่ลูกสาวของตัวเองด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ดูจากวุฒิภาวะที่เหมือนผู้ใหญ่ของเธอแล้ว มันชั่งไม่เหมาะกับใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์ของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

 

“ไม่ต้องเลย พ่อจะไปที่บ้านกับลูกด้วย จะไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เราจะได้พูดออกไปให้ชัดเจนไปเลย เซี่ยจวินขมวดคิ้วไม่เห็นด้วยและยังยืนยันที่จะกลับบ้านไปพร้อมกับจางฉุ้ยเหลียน

 

แต่ถึงอย่างไรคนพวกนั้นก็เป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ ถึงพวกเขาจะปฏิบัติไม่ดีกับเธอ แต่จางฉุ้ยเหลียนก็ไม่อยากที่จะอกตัญญูต่อพวกเขา

 

“พ่อ จางฉุ้ยเหลียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมที่ไม่ไปไหน พร้อมกับมองไปทางเซี่ยจวินด้วยความลำบากใจ เซี่ยจวินเบิกตากว้างอย่างไม่ยอมเช่นเดียวกัน เมื่อจ้องตากันไปมา เขาก็ทอดถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “พ่อไม่ไปด้วยก็ได้ แต่ลูกต้องกลับไปเรียนมัธยมอีกครั้ง ลูกเข้าใจไหม ? ”

 

จางฉุ้ยเหลียนรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจราวกับกินเม็ดบัวแก่อย่างไรอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้ นอกเสียจากพยักหน้ายอมรับเงื่อนไขของเซี่ยจวิน “อื้อ เข้าใจแล้วค่ะ

 

เซี่ยจวินขมวดคิ้วครุ่นคิด  “งั้นเอาแบบนี้ ลูกกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านก่อน จากนั้นก็มาอยู่ที่บ้านของพ่อสักสองสามวัน ดูก่อนว่าทางโรงเรียนเขาจะว่ายังไง  ถ้าไม่ได้จริง ๆ ตอนที่โรงเรียนเปิดเทอมลูกก็ค่อยกลับมาเรียนที่นี่ ตอนนี้ลูกไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ก่อน พอลูกเปิดเทอมก็ตั้งใจเรียนเพื่อไปสอบแข่งขันใหม่อีกทีในปีหน้า” จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้ารับเงียบ ๆ เซี่ยจวินนั้นวางแผนทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ

 

เซี่ยจวินเดินกลับไปที่บ้านตระกูลจางพร้อมกับจางฉุ้ยเหลียน แต่เขาไม่ได้เข้าไปที่บ้านของตระกูลจาง ส่วนจางฉุ้ยเหลียนก็เพิ่งจะเห็นว่าตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอไม่ได้ออกไปขายซาลาเปาที่ริมถนนแต่อย่างใด

 

เธอเดินไปทางกลับบ้านด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ผู้คนที่เห็นเธอต่างพากันชี้มาที่เธอ และกระซิบกระซาบว่าชีวิตเธอของนั้นไม่ดีเอาซะเลยอีกทั้งยังน่าสงสาร และก็มีบางคนที่รุดหน้าเข้ามากล่าวทักทายเธอ

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนกลับมาถึงบ้าน ภาพที่เห็นก็ทำให้เธออดที่จะกลอกตาไปมาไม่ได้ เช่าหวากำลังนอนหลับอยู่ในห้องของจางฉุ้ยจวิน ส่วนจางฉุ้ยจวินก็กำลังนั่งเล่นเกมและหันหลังให้กับเธออยู่อย่างสนุกสนาน จนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าเธอกลับมาที่บ้านในตอนนี้

 

ในห้องครัว สารพัดข้าวของถูกวางกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง ส่วนซาลาเปาจำนวนมากก็ถูกวางทิ้งไว้จนแป้งซาลาเปานั้นแห้งแข็งติดกับถาด เมื่อเห็นว่าวันนี้ไม่มีร่องรอยของการนึ่งซาลาเปา นั่นก็แสดงว่าเมื่อวานพวกเขาขายซาลาเปาไม่ได้

 

จางฉุ้ยเหลียนเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แล้วหยิบเสื้อผ้าสองสามชุดยัดใส่กระเป๋า จากนั้นก็แบกกระเป๋าเดินออกมาจากห้อง เธอผลักจางฉุ้ยจวินที่กำลังเล่นเกมอย่างเมามันอยู่

 

เมื่อจางฉุ้ยจวินหันกลับมาเห็นพี่สาวของตัวเอง เขาก็ตกใจเสียงสั่นในทันที “จะทำไมอะไร ? พี่จะทำอะไร ? ”

 

จางฉุ้ยเหลียนยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันจะทำอะไรน่ะหรือ ? ก็มาเอาเครื่องเล่นเกมน่ะสิ นี่มันเงินของฉัน

 

จางฉุ้ยจวินกอดเครื่องเล่นเกมไว้แน่น ก่อนจะตะโกนออกไปอย่างไม่ยอมว่า “พี่เข้ามหาลัยไม่ได้ แล้วพี่จะเอาเงินไปทำอะไรอีก

 

สองพี่น้องทะเลาะกันจนปลุกเช่าหวาที่กำลังนอนอยู่บนเตียงให้ตื่นขึ้น หล่อนหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้ามา เมื่อหล่อนเห็นว่าจางฉุ้ยเหลียนกำลังสะพายกระเป๋าไว้บนหลังและกำลังยื้อแย่งเครื่องเล่นเกมกับจางฉุ้ยจวินอยู่ หล่อนจึงได้ตะโกนออกไปว่า “จางฉุ้ยเหลียน แกยังมีหน้ากลับมาที่บ้านนี้อีกอย่างนั้นหรือ ? เมื่อวานแกไปอยู่ที่ไหนมา ? ”

 

จางฉุ้ยเหลียนหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปไหนมาอย่างนั้นหรือคะ ? หนูจะไปไหนได้ ก็ต้องไปร้องเรียนต่อศาล ไปสถานีตำรวจท้องถิ่น แจ้งความว่าจางฉุ้ยจวินขโมยเงินของหนูไปซื้อของมาปรนเปรอตัวเอง ตำรวจบอกว่าจะช่วยตัดสินเรื่องนี้ให้ พ่อกับแม่ก็รอดูจางฉุ้ยจวินโดนจับเข้าคุกเข้าตารางได้เลย

 

เช่าหวาไม่เชื่อในสิ่งที่จางฉุ้ยเหลียนพูด เพราะหล่อนรู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน หล่อนจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า “ฉุ้ยเหลียน น้องชายของแกก็ขอโทษแกไปแล้ว เดี๋ยวฉันก็จะชดใช้ให้กับแกเอง แกอย่าทำกับเขาแบบนี้เลยนะ

 

จางฉุ้ยเหลียนยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “ได้ค่ะ แม่ก็ให้เขาเอาเครื่องเล่นเกมมาคืนหนู หนูถึงจะยกโทษให้เขา เพราะเขาไม่รู้ว่าตัวว่าเขาเองทำอะไรผิด แล้วมีสิทธิ์อะไรที่จะมาให้หนูยกโทษให้

 

เช่าหวาหมดปัญญาจึงได้ตวาดใส่จางฉุ้ยจวินไปว่า “เอาคืนให้พี่แกไป

 

จางฉุ้ยจวินเมินหน้าหนีพร้อมกับพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “งั้นแม่ก็ต้องเป็นคนซื้อให้ผม

 

เช่าหวาจึงพูดออกไปโดยไม่คิดว่า “ได้ ฉันจะซื้อให้แก รีบเอาคืนให้พี่แกไปเร็ว ๆ

 

จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มออกมา “ซื้อคืนให้อย่างนั้นหรือ ? ที่แท้แม่ก็มีเงินมากพอที่จะซื้อเกมเครื่องใหม่ให้เขานี่เอง ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เท่าเอาเงินที่แม่จะซื้อเครื่องเล่นเกมใหม่ให้เขามาให้หนูก็ถือเป็นอันจบ ดีกว่าที่หนูขายเครื่องนี้ให้คนอื่นเสียอีก

 

เช่าหวาเบิกตากว้างแล้วพูดว่า “แกโง่รึไง ? ฉันก็แค่พูดหลอกน้องแกไปอย่างนั้นเอง ? ฉันจะไปเอาเงินมาจากไหนมาให้แกล่ะ แกไม่เห็นเหรอว่าสองวันมานี้ฉันขายซาลาเปาไม่ได้เลย

 

จางฉุ้ยเหลียนขี้เกียจจะเถียงกับเช่าหวาต่อ เธอกระชับกระเป๋าสะพายให้มั่นคง ก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยออกมา “เพราะหนูไม่ได้มาช่วยใช่ไหมล่ะ มันถึงได้ขายไม่ออกน่ะ

 

เมื่อเช่าหวาเห็นจางฉุ้ยเหลียนเตรียมจะเดินออกไป หล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะตามไปถามว่า “แกจะไปไหนอีก ? ”

 

จางฉุ้ยหลียนหันกลับมามองเช่าหวา “แม่คิดว่าหนูจะไปไหนล่ะ ? แม่หวังว่าหนูจะไปไหนหรือ ? หนูเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้แล้ว แม่คิดว่าหนูควรจะไปทำอะไรล่ะ ? ”

 

เช่าหวารู้สึกไม่พอใจ “มันยังไม่เปิดเทอม แกคิดว่าฉันไม่รู้อย่างนั้นหรือ กลับมาทำงานที่บ้านซะ

 

จางฉุ้ยเหลียนกลอกตาไปมา “แม่เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดหนูก็จริง แต่หนูไม่ได้รับความเป็นธรรม โดนรังแกมากขนาดนี้ แม่ยังจะให้หนูอยู่ทำงานหาเงินให้แม่อีกหรือ ลูกชายของแม่สร้างปัญหาใหญ่โต แม่ก็ยังไม่เคยคิดที่จะเข้าข้างหนูเลยสักครั้ง ยังให้เขาเล่นเกมต่อ แม่นี่มันสุดยอดมากเลยจริง ๆ

 

จางฉุ้ยเหลียนหมุนตัวพร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินออกไป เช่าหวาจึงรีบตามมาอธิบาย “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง? เขาเป็นแบบนั้น แกจะให้ฉันทำยังไง ? แกโตแล้ว แกก็ต้องยอมให้เขาไม่ใช่รึไง ? ”

 

จางฉุ้ยเหลียนสะพายกระเป๋าเดินต่อไปข้างหน้า เช่าหวายังคงเดินตามหลังมาเรื่อย ๆ สุดท้ายหล่อนก็ถามออกไปว่า “แกจะออกไปหางานทำหรือ ? หางานได้แล้วงั้นหรือ ? ได้เงินเดือนเท่าไหร่ ? ฉันว่าแกมาติดปะกล่องกระดาษยังจะดีซะกว่า มันยังทำเงินได้เยอะกว่าอีก”

 

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนกับเป็ดที่ถูกบีบคออย่างไรอย่างนั้น เพราะตอนนี้เธอเห็นเซี่ยจวินยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่มากนักและกำลังจ้องมองมาทางเธอ

 

เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นเซี่ยจวิน หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมาทันที เธอคิดอย่างดีใจว่าในที่สุดเขาก็มา

 

เช่าหวาหันไปมองทางที่จางฉุ้ยเหลียนกำลังมองอยู่ด้วยความสงสัย แล้วถามขึ้นเบา ๆ ว่า “แกไปหาเขามาอย่างนั้นหรือ ? ”

 

ยังไม่ทันที่จางฉุ้ยเหลียนจะตอบคำถาม หล่อนก็ได้ยินเสียงของเซี่ยจวินตะโกนขึ้นมาว่า “ฉุ้ยเหลียน ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้รึเปล่า ? ”

 

นั้นคือการแสดงประหนึ่งว่าสองพ่อลูกนั้นเพิ่งจะได้เจอกันอย่างไรอย่างนั้น เซี่ยจวินเดินเข้ามาหาจางฉุ้ยเหลียนด้วยรอยยิ้ม “ไอ้หยา ไม่เจอกันตั้ง 6 ปี  สูงขึ้นมากเลยนะเนี่ย

 

จางฉุ้ยเหลียนมองไปทางเซี่ยจวินด้วยความรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเซี่ยจวินก็หันไปพูดกับเช่าหวาด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเห็นว่าโรงเรียนใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ก็เลยมาหาฉุ้ยเหลียนเสียหน่อย หล่อนต้องใช้เงินเข้ามหาวิทยาลัยเท่าไหร่ล่ะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนได้งั้นหรือ ? ”

 

เช่าหวาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี หล่อนรู้ว่าเซี่ยจวินจะต้องมาให้เงินแน่ ๆ แต่หล่อนจะพูดยังไงดีล่ะ ? หล่อนเกาหัวพร้อมกับหัวเราะออกมา “ไอ้หยา เด็กคนนี้มันไม่เอาการเอางานหรอก มันสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้

 

จางฉุ้ยเหลียนเบิกตากว้าง เธอคิดไม่ถึงว่าเช่าหวาจะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้

 

“สอบเข้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ ? ฉันพึ่งไปถามกับทางโรงเรียนมา ทางนั้นเขาบอกว่าฉุ้ยเหลียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นะ เธอคิดอะไรของเธอ ถึงไม่ให้เด็กเข้าเรียน ? เธอไม่มีเงินแต่ฉันมี ฉันพร้อมจะส่งลูกเข้าเรียนได้ ”  การบีบบังคับของเซี่ยจวินทำให้เช่าหวาถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว

 

“อ่า นั่น....” เช่าหวาหาข้อแก้ตัวไม่ได้ หล่อนรู้สึกลำบากใจจนเหงื่อผุดออกมาเต็มใบหน้า

 

“เมื่อก่อนเราก็เคยคุยกันแล้วว่า จะให้ลูกกลับมาอยู่ที่บ้านเพื่อที่ลูกจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย หลายปีมานี้ฉันส่งค่าเล่าเรียนมาให้ลูกตลอด ฉันจำได้ทุกอย่าง พอมาตอนนี้เธอกลับมาบอกว่าลูกสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ เธอช่วยอธิบายเรื่องนี้หน่อยได้ไหม ว่าสรุปแล้วเงินนั่นมันตกไปอยู่ที่ใครกันแน่ ? ”

 

เซี่ยจวินนั้นเข้าใจนิสัยของเช่าหวาเป็นอย่างดี เขาจึงยอมเป็นคนส่งเงินส่งเสียให้จางฉุ้ยเหลียนมาโดยตลอด  และเขาก็ยังเป็นคนที่ชัดเจนและตรงไปตรงมามากอีกด้วย ถ้าไม่ให้จางฉุ้ยเหลียนเข้าเรียน อีกฝ่ายก็ต้องคืนเงินมาให้เขา

 

เช่าหวาหันไปมองทางจางฉุ้ยเหลียนทันที ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “หนังสือแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยของหล่อนก็ไม่มีแล้ว ยังไงก็เข้าเรียนไม่ได้หรอก

 

เซี่ยจวินหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา “พวกเธอนี่มันสุดยอดเลยจริง ๆ  เด็กทุกคนต่างก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยความตั้งอกตั้งใจ แต่พวกเธอกับสร้างเรื่องทำลายมันเสียอย่างนั้น ? ”

 

เช่าหวาเมินหน้าหนีไปทางอื่น โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา เซี่ยจวินจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดกับจางฉุ้ยเหลียนว่า “เอาล่ะ พ่อได้ยินมาหมดแล้ว รอให้โรงเรียนเปิด ลูกก็ค่อยกลับไปเรียนอีกปีหนึ่ง พ่อส่งเงินให้ลูกมาตลอดหลายปี ส่งอีกสักปีมันจะเป็นไรไป”

 

เช่าหวาถึงกับหน้าเสียในทันที จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ว่า “พี่เหล่าเซี่ย เรามานั่งคุยกันในบ้านสักหน่อยดีไหม” เหอะ เห็นแก่เงินจริง ๆ

 

เซี่ยจวินขมวดคิ้วส่ายหน้า “ช่างเถอะ ฉันยังมีงานที่ต้องไปทำ” พูดจบก็หันไปมองจางฉุ้ยเหลียน : “ลูกจะไปไหนหรือ ? ”

 

เช่าหวาคลี่ยิ้มออกมา “อ่า  ฉันคิดว่าช่วงปิดเทอม ฉันจะให้หล่อนไปอยู่บ้านของพวกพี่สักสองวันน่ะ ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้ไป พี่ก็มาพอดีเลย งั้นฉันก็วางใจได้แล้วล่ะ

 

จางฉุ้ยเหลียนอยากจะปรบมือให้กับแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเองจริง ๆ เทคนิคการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสนี่เก่งกาจเสียจริง

 

เมื่อเห็นท่าทางตกใจของลูกสาว เช่าหวาก็ออกแรงผลักจางฉุ้ยเหลียนทันที “ไปสิ ไปอยู่บ้านพ่อบุญธรรมของแกสักสองวัน”

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแม่แบบนี้ จางฉุ้ยเหลียนก็รู้สึกลำบากใจที่จะหันหน้าไปมองทางเซี่ยจวิน เพราะพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอเป่าหูเธอในตอนนั้น มันจึงทำให้เธอไปโวยวายพร้อมกับพรั่งพรูคำพูดที่ทำร้ายจิตใจใส่สองสามีภรรยาตระกูลเซี่ย

 

เธอขึ้นรถกลับบ้าน ระหว่างทางเซี่ยจวินกับจางฉุ้ยเหลียนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เซี่ยจวินนั้นก็คิดว่าจางฉุ้ยเหลียนอาจจะยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องมหาวิทยาลัยของเธออยู่ก็ได้ ส่วนทางด้านจางฉุ้ยเหลียน เธอก็ไม่มีหน้าจะไปพูดกับเซี่ยจวินอีก

 

เมื่อพ่อลูกทั้งสองกลับมาถึงบ้าน หลิวกุ้ยเฟินที่เห็นจางฉุ้ยเหลียนกลับมาด้วย หล่อนก็ดีใจเป็นอย่างมาก “ไอ้หยา ในที่สุดก็กลับมากันแล้ว แม่กำชับกับพ่อของลูกเลยนะว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องเอาลูกกลับมาด้วยให้ได้

 

หล่อนไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องของโรงเรียน แต่หล่อนก็รู้ได้จากสีหน้าของทั้งสองพ่อลูก

 

หลิวกุ้ยเฟินลากจางฉุ้ยเหลียนเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็คลี่ยิ้มแล้วพูดว่า “วันนี้แม่ซื้อเนื้อวัวมาด้วย เรามาย่างเนื้อกินกันดีกว่าเนอะ”

 

รีวิวผู้อ่าน