ตอนที่ 39 ทอดปาท่องโก๋
เช้าตรู่ของวันที่ 25 ตงลี่หวาค้นเอาเสื้อโค๊ทตัวใหญ่ที่ปกติแล้วเซี่ยจวินไม่ค่อยชอบใส่ มาให้จางฉุ้ยเหลียนใส่เพื่อกันความหนาวเย็น เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเธอทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปนอกบ้าน
สองแม่ลูกพากันปั่นรถจักรยานออกมาจากบ้าน พวกเธอทั้งสองคนปั่นจักรยานกันไปคุยกันไปอย่างสนุกสนานจนมาถึงตลาด ตลาดแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านตระกูลเซี่ยมากนัก เมื่อล็อครถจักรยานเรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็สะพายกระเป๋าผ้ากันคนละใบ และเดินเบียดเสียดฝูงชนเข้าไปในตลาด
ความจริงแล้วในตลาดแห่งนี้มีคนมาเดินเล่นดูของมากกว่าคนที่มาซื้อของเสียอีก ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า ผู้คนในสมัยนี้ยังมีฐานะไม่ดีนัก ของหรืออาหารที่ใช้ฉลองในวันปีใหม่ก็ล้วนแล้วแต่ทำเองทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่าจะต้องซื้อของให้เด็ก ๆ ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเยอะแยะมากมาย
สองแม่ลูกเดินควงแขนกันตั้งแต่ปากทางเข้าตลาดจนถึงท้ายตลาด ที่พวกเธอมาที่ตลาดในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาซื้อป้ายมงคลตุ้ยเหลียน และป้ายอักษรฝู จากนั้นก็ซื้อพวกผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิล แล้วก็กล้วย ที่มักจะหาซื้อได้อยากกลับไปด้วย ซึ่งราคาของเหล่านี้ก็ค่อนข้างสูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว แต่สุดท้ายตงลี่หวาก็ยอมควักเงินจ่ายเพื่อซื้อมันกลับมาที่บ้าน
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนเห็นว่าตงลี่หวาต้องการที่จะซื้อเสื้อผ้าให้เธอ เธอจึงบอกให้ตงลี่หวาซื้อยางรัดผมลายดอกไม้ให้เธอแทน แต่ไม่ว่าอย่างไรตงลี่หวาก็ไม่ยอม สุดท้ายเธอจึงต้องลากหล่อนตรงกลับบ้าน
“ลูกจะรีบกลับบ้านทำไม ไหน ๆ เราก็ออกมาแล้ว เดินดูของสักหน่อยเถอะ!” ตงลี่หวารู้ทันความคิดของลูกสาวของตัวเองดี หล่อนรู้ว่าจางฉุ้ยเหลียนเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์มากแค่ไหน เธอไม่มีทางยอมเอาเงินของตัวเองมาซื้อของสิ้นเปลืองพวกนี้แน่ เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงอยากจะซื้อของพวกนี้ให้กับจางฉุ้ยเหลียน
“แม่จะซื้ออะไรให้หนูคะ ถ้ามันแพงก็ไม่ต้องซื้อนะคะ! ” จางฉุ้ยเหลียนพูดออกไปพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินลูกสาวพูดแบบนั้น ตงลี่หวาก็หัวเราะออกมาทันที จากนั้นจึงพูดออกไปว่า “แม่อยากจะซื้อปาท่องโก๋ ขนมก้านบัว แล้วก็ขนมงาทอดสักหน่อยน่ะ ”
จางฉุ้ยเหลียนขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดกับตงลี่หวาออกไปว่า “แม่ไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ ขนมพวกนั้นราคามันแพงจะตายไป”
ตงลี่หวายิ้มและพูดออกไปว่า “ฉลองปีใหม่ทั้งที เราก็ซื้อสักหน่อยเถอะ แล้วอีกอย่างพ่อของลูกก็ชอบกินขนมพวกนั้นมากด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของตงลี่หวา จางฉุ้ยเหลียนก็ถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว เธอคิดถึงราคาของผลไม้ทั้งหมด 5 เหมา ที่แม่ของเธอซื้อมาก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าแม่ของเธอใช้เงินไปเยอะมากแล้วจริง ๆ เธอจึงขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า “แม่คะ ที่บ้านเรามีน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ไม่ใช่หรือคะ หนูทำปาท่องโก๋เป็น เราทำกันเองเถอะค่ะ ! ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ จางฉุ้ยเหลียนก็นึกขึ้นได้ว่าตงลี่หวาเป็นคนที่ดื้อดึงมากคนหนึ่ง เพราะไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็จะซื้อปาท่องโก๋กลับไปที่บ้านให้ได้ ถึงแม้ว่าคนในบ้านจะบอกว่าไม่ต้องซื้อมาก็ตาม
เมื่อคิดได้ดังนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็รีบเดินเข้าไปลากแขนของตงลี่หวาตรงกลับบ้านในทันที เมื่อเห็นสองแม่ลูกเดินกลับเข้ามาในบ้าน เซี่ยจวินก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พวกเธอทั้งสองคนใช้เวลาในการเดินตลาดไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ เขาจึงหันไปมองหน้าภรรยาของตัวเอง และถามออกไปด้วยความสงสัยว่า “ทำไมเดินกันแป๊ปเดียวเองล่ะ ซื้อของเสร็จแล้วหรือ ? ”
น้ำเสียงที่เซี่ยจวินถามภรรยาของตัวเองออกมามันแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ราวกับว่าตงลี่หวาปฏิบัติกับจางฉุ้ยเหลียนอย่างไม่เป็นธรรมอย่างไรอย่างนั้น
“พ่อคะ! หนูเป็นคนอยากกลับบ้านเองแหละค่ะ เพราะแม่อยากจะซื้อปาท่องโก๋ แล้วก็ขนมงาทอด หนูคิดว่าขนมพวกนั้นราคามันแพงเกินไป ก็เลยบอกแม่ให้กลับมาทำเองที่บ้านดีกว่าน่ะค่ะ !” จางฉุ้ยเหลียนพูดอธิบายพร้อมกับถอดผ้าพันคอออก
“ไอ้หยา! ราคามันก็ไม่ต่างกันมากนักหรอก!” เมื่อเซี่ยจวินได้ยินความตั้งใจของลูกสาว เขาทอดถอนหายใจออกมา
จางฉุ้ยเหลียนเดินไปรับถุงที่ตงลี่หวากำลังถืออยู่มา จากนั้นเธอก็ล้วงเอาของที่อยู่ในถุงออกมาทีละชิ้น ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับตงลี่หวาว่า “เดี๋ยวหนูเอาลูกพลับแช่แข็งออกมาละลายให้แม่กินก่อนดีกว่า ส่วนของพวกนี้เดี๋ยวหนูเป็นคนเก็บเอง!”
จางฉุ้ยเหลียนไม่กล้าพูดเรื่องที่เธออยากจะขายปาท่องโก๋ เธอจึงทำเพียงแค่ถามตงลี่หวาออกไปว่า “แม่คะ คนส่วนมากเต็มใจที่จะซื้อปาท่องโก๋ แทนที่จะทำเองอย่างนั้นหรือคะ ? ”
ตงลี่หวาก็ไม่ได้คิดมากอะไรกับคำพูดของลูกสาว หล่อนยื่นลูกพลับแช่แข็งไปให้กับจางฉุ้ยเหลียนพร้อมกับเปิดทีวี จากนั้นก็ตอบจางฉุ้ยเหลียนออกไปว่า “ใช่สิ คนส่วนมากเขาก็ซื้อปาท่องโก๋กินทั้งนั้นแหละ เขาไม่ทำเองหรอก แล้วอีกอย่างที่ร้าน พวกเขาก็ทอดปาท่องโก๋ในน้ำมันเยอะ ๆ มันเลยทำให้ปาท่องโก๋กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน อีกทั้งยังหอมอร่อยมากอีกด้วย”
จางฉุ้ยเหลียนครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดออกไปว่า “แม่คะ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนะคะ หนูคิดว่าหนูทอดปาท่องโก๋อร่อยกว่าพวกเขาแน่นอนค่ะ ”
ตงลี่หวาคิดสักพัก จากนั้นหล่อนก็ถามจางฉุ้ยเหลียนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อว่า “ลูกทอดปาท่องโก๋เป็นด้วยหรือ ? ”
จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้าเป็นการตอบรับ “แม่คอยดูได้เลยค่ะ ปาท่องโก๋ของหนูต้องอร่อยกว่าที่แม่ซื้อมาจากร้านอย่างแน่นอน ! ” ความจริงเมื่อชาติที่แล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็มักจะทอดปาท่องโก๋กินเองอยู่บ่อย ๆ ไม่ต้องพูดถึงน้ำมันที่ร้านขายปาท่องโก๋ใช้ทอดซ้ำเลย เพราะในตัวปาท่องโก๋ที่พวกเขาขาย พวกเขาก็ผสมสารอะไรบ้างก็ไม่รู้ เมื่อคิด ๆ ดูแล้วเธอก็ไม่อยากจะกินมันเลยจริง ๆ
จางฉุ้ยเหลียนปั่นจักรยานออกมาจากบ้าน เธอตรงไปที่ร้านค้าสหกรณ์ที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านของเธอเพื่อซื้อยีสต์ เพราะเธอจะเอาไปหมักแป้งปาท่องโก๋ ปกติแล้วคนที่มาซื้อยีสต์ก็ต้องเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ขายพวกซาลาเปา หมั่นโถว หรือปาท่องโก๋ เมื่อเจ้าของร้านได้ยินว่าจางฉุ้ยเหลียนต้องการที่จะมาซื้อยีสต์ เขาจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ตงลี่หวาก็กลายมาเป็นลูกมือให้กับจางฉุ้ยเหลียน หล่อนมองไปทางจางฉุ้ยเหลียนที่กำลังเทแป้งลงไปในถาด จากนั้นก็ใส่ยีสต์ เบคกิ้งโซดา เกลือ น้ำอุ่น และน้ำมันลงไปเล็กน้อยจากนั้นก็เริ่มนวดแป้งจนผสมเข้ากันดี
“ต้องใส่เบคกิ้งโซดาด้วยอย่างนั้นหรือ ? บ้านเราก็มีโซเดียมคาร์บอเนตกับแป้งอยู่แล้วนะ! ” ตงลี่หวารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะหล่อนไม่รู้มาก่อนเลยว่าปาท่องโก๋ต้องใส่เบคกิ้งโซดาด้วย
“เบคกิ้งโซดามันทำให้แป้งหมักตัวเร็วค่ะ หนูก็เลยใส่เบคกิ้งโซดาลงไปด้วย! ” จางฉุ้ยเหลียนพูดไปด้วยพร้อมกับนวดแป้งไปด้วย เมื่อนวดแป้งจนเข้าที่แล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็พักแป้งเอาไว้ จากนั้นเธอก็หันมาถามตงลี่หวาว่า “เมื่อกี้แม่ใส่แป้งกี่ถ้วยคะ ? เราจะได้คำนวณน้ำมัน เกลือ และก็เบคกิ้งโซดาว่าต้องใส่เท่าไหร่ เผื่อจะได้จดสูตรเอาไว้ไปทำขาย!”
ตงลี่หวายิ้มพร้อมกับยื่นมือออกไปลูบหน้าของจางฉุ้ยเหลียนด้วยความเอ็นดู: “ไม่ต้องหรอก ลูกจะทำขายทำไม ทำกินเองที่บ้านก็พอแล้ว!”
จางฉุ้ยเหลียนส่ายหน้า “ถ้าเราไม่ลอง เราก็จะไม่รู้นะคะว่ามันจะขายได้รึเปล่า ? ตอนที่เราทอดเสร็จ เราก็ลองชิมดูก่อนว่าปาท่องโก๋ที่เราทำมันอร่อยรึเปล่า ถ้ามันอร่อยเราก็เอาออกไปขายกัน แล้วเราก็ขายให้ถูกกว่าร้านในตลาด แม่ว่าวิธีนี้ดีไหมคะ!”
ตงลี่หวามองเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็พูดออกมาว่า: “พ่อของลูกคงไม่ให้ทำหรอก!”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของตงลี่หวาจะราบเรียบ แต่ก็ถือว่าหล่อนตกลงแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เซี่ยจวินอนุญาตเท่านั้น เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่อนุญาตแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็ยิ้มออกมาจนตาหยี “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปพูดกับพ่อเอง!”
หลังจากที่พักแป้งจนได้ที่แล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็นำแป้งมานวดต่อ เธอคลึงแป้งออกมาเป็นเส้นยาว ๆ จากนั้นก็ตัดมันออกเป็นสองเส้น ใช้ตะเกียบกดมันไว้เล็กน้อย จากนั้นจึงตั้งกระทะและเทน้ำมันถั่วเหลืองลงไป รอจนน้ำมันร้อนได้ที่แล้ว เธอก็หย่อนแป้งปาท่องโก๋ลงไปทอดในกระทะ
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง ทางด้านตงลี่หวาก็กำลังใช้ตะเกียบพลิกปาท่องโก๋ในกระทะอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นหล่อนก็คีบชิ้นที่สุกแล้วออกจากกระทะทีละชิ้น ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ใจของหล่อนมันรู้สึกเบิกบานมากขนาดไหน
จางฉุ้ยเหลียนคีบปาท่องโก๋ออกมาจากน้ำมันที่กำลังร้อนระอุ จากนั้นก็ยื่นมันไปให้กับตงลี่หวา พวกเธอทั้งสองต่างก็ลองชิมปาท่องโก๋กันคนละชิ้น เมื่อได้ลองชิมแล้วรสชาติมันก็ไม่เลวเลยทีเดียว
“ไปสิ เอาไปให้พ่อของลูกชิม!” ตงลี่หวาดันหลังจางฉุ้ยเหลียนเล็กน้อย พร้อมทั้งขยิบตาให้เธอหนึ่งที ตงลี่หวาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าปาท่องโก๋ที่พวกเธอทำมันจะขายได้หรือเปล่า เมื่อเห็นท่าทางของตงลี่หวา จางฉุ้ยเหลียนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับเดินถือจานที่ใส่ปาท่องโก๋สองสามชิ้นเข้าไปในบ้าน
“พ่อคะ พ่อลองชิมหน่อยสิคะว่ามันเป็นยังไงบ้าง ? ” จางฉุ้ยเหลียนพูดพร้อมกับยื่นตะเกียบไปให้กับเซี่ยจวิน
เซี่ยจินกัดเข้าไปหนึ่งคำ จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ไม่เลวเลย อร่อยมาก!”
จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มและพูดออกมาว่า “ในตลาดขายปาท่องโก๋ชิ้นละ 5 เหมา หนูกับแม่ก็เลยอยากจะลองเอาปาท่องโก๋ออกไปขายดูน่ะค่ะ หนูว่าจะขายชิ้นละ 2 เหมา พ่อคิดว่าดีไหมคะ ? ”
เซี่ยจวินขมวดคิ้ว และพูดออกไปว่า “มันจะไม่ขาดทุนหรือ ? ”
ตงลี่หวาที่กำลังยืนอยู่ด้านนอกประตูกระจกได้ยินคำถามของสามี หล่อนก็ตอบออกมาเสียงดังว่า : “คุณ ! ปาท่องโก๋ชิ้นหนึ่งต้นทุนยังไม่ถึง 8 เฟินเลยนะ!”
จางฉุ้ยเหลียนพยักหน้าเห็นด้วย : “ใช่ค่ะ ต้นทุนปาท่องโก๋หนึ่งชิ้นก็ไม่ได้สูงอะไรขนาดนั้น หนูกับแม่คิดคำนวณพวกค่าวัตถุดิบที่นำมาทำปาท่องโก๋ รวมทั้งค่าน้ำมันแล้ว ถึงอย่างไรเราก็ยังได้กำไรค่ะ!”
เซี่ยจวินส่ายหน้า “คนอื่นเขาจะมองว่าเราไปแย่งลูกค้าของเขารึเปล่า!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ขณะนั้นเองตงลี่หวาก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “เราไม่ได้ไปแย่งลูกค้าของพวกเขาเสียหน่อย อีกอย่างมันก็เป็นสิทธิ์ของลูกค้าว่าเขาจะเลือกซื้อของใคร!”
เซี่ยจวินยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ “พวกเธอสองคนออกไปขายเถอะ ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว ถ้าขายไม่ออก เราก็กินกันเอง!” ตงลี่หวาก็คิดเหมือนกับที่เซี่ยจวินพูด ถ้าขายไม่ได้ก็แค่กินเอง มันก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร
สองแม่ลูกร่วมมือร่วมใจกัน จางฉุ้ยเหลียนยังคงนวดแป้งอยู่ในบ้าน ส่วนตงลี่หวาก็ออกไปยืมกล่องโฟมเก็บอุณหภูมิมาจากเพื่อนบ้าน เมื่อหล่อนกลับมาที่บ้าน จางฉุ้ยเหลียนก็ทอดปาท่องโก๋เสร็จไปแล้ว 2 กระทะใหญ่ ๆ สองแม่ลูกช่วยกันเก็บปาท่องโก๋ลงไปในกล่อง เมื่อเก็บเสร็จแล้วก็พากันเข็นรถจักรยานออกไปจากบ้าน
“ปาท่องโก๋จ้า ปาท่องโก๋ ปาท่องโก๋ร้อน ๆ เพิ่งทอดมาใหม่ ๆ เลยจ้า!” ตงลี่หวาตะโกนเรียกลูกค้าอย่างไม่เขินอาย จางฉุ้ยเหลียนก็ไม่อายเช่นเดียวกัน เธอตะโกนออกมาเสียงดัง และยังไปยืนตะโกนเรียกลูกค้าอยู่หน้าปากทางเข้าตลาดอีกด้วย
คนจำนวนมากที่กำลังเดินออกมาจากตลาด ต่างก็พากันเดินเข้ามาสอบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที “พี่สาว พี่ขายขายอะไรหรือ ? ”
ตงลี่หว่ายิ้มและพูดตอบออกไปว่า “ไอ้หยา ก็ไม่ได้ขายอะไรพิเศษหรอก!ก็แค่ปาท่องโก๋ธรรมดา ๆ เธออยากจะซื้อไหมล่ะ เราขายชิ้นละ 2 เหมาเอง! ”
ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะพูดออกไปว่าถ้าขายแพงใครเขาจะซื้อกัน แต่เมื่อหล่อนได้ยินราคา หล่อนก็อดที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกใจไม่ได้ “ชิ้นละ 2 เหมาอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ ไหนลองเปิดให้ฉันดูหน่อยสิ!”
จางฉุ้ยเหลียนเปิดกล่องโฟมเก็บอุณหภูมิออก จากนั้นก็หยิบปาท่องโก๋ที่กลิ่นหอมเย้ายวนออกมา มันทั้งชิ้นใหญ่ อีกทั้งยังราคายังย่อมเยาอีกต่างหาก
หญิงสาวคนนั้นมีท่าทีลังเลเล็กน้อย จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “ในตลาดขายตั้ง 5 เหมา ของพี่สาวขาย 4 เหมายังได้เลย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เธอล้วงมือเข้าไปหยิบปาท่องโก๋จากในกล่องออกมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ยื่นมันไปให้กับผู้หญิงคนนั้น: “คุณน้าลองชิมดูก่อนสิคะ รสชาติอร่อยอย่าบอกใครเลย ความจริงแล้วเราจะขายแพงแบบนั้นก็ได้ แต่เราคิดว่ามันแพงเกินไปน่ะค่ะ”
หญิงสาวคนนั้นที่กำลังพูดชำเลืองตามามองจางฉุ้ยเหลียนแวบหนึ่ง เมื่อเห็นความน่ากินของปาท่องโก๋ที่จางฉุ้ยเหลียนกำลังถืออยู่ หล่อนถึงกับเงียบเลยทีเดียว หล่อนรับปาท่องโก๋นั้นมาชิม ไอร้อนถูกพ่นออกมาจากปาก จนต้องแบ่งกัดทีละนิด
“คุณน้าจะซื้อไปสักหน่อยไหมคะ เอาไปฉลองปีใหม่ก็ได้ ปาท่องโก๋ที่หนูกับแม่ทำมันทั้งถูกทั้งสะอาด ในตลาดขายชิ้นหนึ่งตั้ง 5 เหมา หนูขายชิ้นหนึ่งแค่ 2 เหมาเอง ถ้าคุณน้าซื้อสามชิ้นหนูก็จะขายให้คุณน้าแค่ 5.3 เหมาค่ะ ถ้าคุณน้าไม่ซื้อตอนนี้ หลังจากนี้เราก็อาจจะขึ้นราคาเป็นชิ้นละ 3 เหมา สองชิ้น 5 เหมาแล้วนะคะ!” จางฉุ้ยเหลียนเริ่มใช้ทักษะการพูดโน้มน้าว หญิงสาวคนนั้นก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ปาท่องโก๋ที่จางฉุ้ยเหลียนขายถูกกว่าร้านในตลาดมาก ถ้าหล่อนซื้อในตลาด 5 เหมาหล่อนก็ได้แค่ 1 ชิ้นเท่านั้น แต่ถ้าหล่อนซื้อที่จางฉุ้ยเหลียน 5 เหมา หล่อนได้ตั้ง 3 ชิ้น เหมือนซื้อหนึ่งแถมสองอย่างไรอย่างนั้น ยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้จะหาของราคาถูกแบบนี้ได้อย่างไร ไม่ซื้อคงไม่ได้แล้ว
สุดท้ายหล่อนก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “งั้นฉันซื้อก็ได้ อ้อ ฉันเอา 3 ชิ้นนะ!”
จางฉุ้ยเหลียนคลี่ยิ้มออกมา “คนที่บ้านคุณน้ามีเยอะไหมคะ ทำไมไม่ซื้อไปสัก 10 ชิ้นล่ะคะ ถ้าคุณน้าไปซื้อร้านในตลาด 10 ชิ้นก็ 5 หยวนเลยนะ แต่ถ้าคุณน้าซื้อกับหนู 9 ชิ้นก็แค่ 1.5 หยวนเอง แล้วหนูก็จะแถมให้คุณน้าอีก 1 ชิ้น ดีไหมคะ ? ”
คุณพระคุณเจ้า ทำไมมันถึงได้ถูกขนาดนี้ หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ตงลี่หวาเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน และหล่อนก็รู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหล่อนเข้าไปขวางตอนนี้ มันก็อาจจะเป็นการเหยียบเท้าของจางฉุ้ยเหลียนได้
“เรายังไม่ทันได้เริ่มขาย คุณน้าก็มาอุดหนุนเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว หนูขอแค่ระหว่างทางที่คุณน้าเดินกลับบ้าน คุณน้าช่วยโฆษณาปาท่องโก๋ให้หนูก็พอค่ะ แค่นี้หนูก็ดีใจมากแล้ว ! เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุณน้าช่วยโฆษณาให้หนู หนูก็จะแถมปาท่องโก๋ให้คุณน้า 1 ชิ้นค่ะ!”
เมื่อจางฉุ้ยเหลียนพูดจบ หญิงสาวคนนั้นก็อดที่จะยกมือขึ้นมาทาบอกไม่ได้ จากนั้นหล่อนจึงพูดออกไปว่า “ได้ เธอรอดูได้เลย รับรองว่าปาท่องโก๋ของเธอจะต้องขายดีแน่นอน”
เมื่อหล่อนพูดจบ หล่อนก็เริ่มตะโกนโฆษณาขายปาท่องโก๋ให้กับจางฉุ้ยเหลียนตามที่หล่อนสัญญาเอาไว้ทันที “ปาท่องโก๋จ้า ปาท่องโก๋! ”
เพื่อที่จะได้ปาท่องโก๋ฟรี หล่อนจึงตะโกนไปทั่วทั้งตลาด เสียงของหล่อนดังกระฉ่อนไปทั่ว และนั่นมันก็ทำให้ผู้คนต่างก็สนใจตงลี่หวาและจางฉุ้ยเหลียนเพิ่มมากขึ้น
หล่อนมองไปทางหญิงสาวสองสามคนที่กำลังเดินสวนมา จากนั้นก็ตะโกนออกไป “ภรรยาของเหล่าโจว ทางนี้ ๆ มานี่เร็ว นี่เด็กคนนี้ขายปาท่องโก๋ถูกมากเลยนะ แล้วก็อร่อยมากด้วย รีบซื้อเถอะ ไม่งั้นช้าหมดอดกินนะ!”
สาว ๆ เหล่านั้นไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด พวกหล่อนถามกลับมาว่า “ราคาเท่าไหร่ล่ะ?”
หญิงสาวที่กำลังช่วยโฆษณาปาท่องโก๋ ก็ชำเลืองตามามองที่จางฉุ้ยเหลียนแวปหนึ่ง จากนั้นก็หันไปกระซิบกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ ชิ้นละ 3 เหมา สองชิ้น 5 เหมา ถูกกว่าซื้อร้านในตลาดอีกนะ!”
เมื่อพูดจบหล่อนก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก เพราะหล่อนซื้อปาท่องโก๋จากจางฉุ้ยเหลียนมาได้ในราคาแค่ 5 เหมา 3 ชิ้น อีกทั้งหล่อนซื้อ 9 ชิ้น ยังได้แถมฟรี 1 ชิ้นอีกต่างหาก แต่คนอื่น ๆ ที่ซื้อหลังจากหล่อนจะได้ซื้อในราคา 2 ชิ้น 5 เหมา
เมื่อได้ยินราคาของปาท่องโก๋ หญิงสาวเหล่านั้นก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดด้วยความตกใจออกมาทันที “2 ชิ้น 5 เหมา ถูกกว่าร้านในตลาดตั้งครึ่งหนึ่งเลยนะ!”
หนึ่งในกลุ่มสาว ๆ นั้น ก็ได้ซื้อปาท่องโก๋จากร้านในตลาดมาเช่นเดียวกัน เมื่อได้ยินว่าที่นี่ขายปาท่องโก๋ถูกว่า หล่อนก็อดเจ็บใจขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นหล่อนจึงพูดออกไปว่า: “เป็นไปไม่ได้หรอก ถูกขนาดนี้มันต้องไม่อร่อยแน่ ๆ! ”
หล่อนจึงเดินเข้าไปหาจางฉุ้ยเหลียน เมื่อหล่อนเห็นกล่องโฟมเก็บรักษาอุณหภูมิ หล่อนก็พูดออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “ไอ้หยา ไม่ได้ทอดใหม่ ๆ นี่เอง ฉันก็ว่าทำไมมันถึงได้ถูกขนาดนี้!”
เมื่อได้ยินที่หญิงสาวคนนั้นพูด จางฉุ้ยเหลียนก็รีบเปิดกล่องออกทันที จากนั้นเธอก็พูดออกไปว่า : “ปาท่องโก๋ของหนูเพิ่งจะทอดมาสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ ถึงแม้ว่าคุณน้าจะชอบซื้อของสดใหม่ แต่ถึงอย่างไรพอกลับไปถึงบ้านมันก็เย็นชืดอยู่ดี”
หญิงสาวเหล่านั้นเข้าใจความหมายที่จางฉุ้ยเหลียนต้องการจะสื่อดี พวกหล่อนจึงต่างทยอยกันเข้ามาชิมปาท่องโก๋กันคนละชิ้น เมื่อได้ชิมปาท่องโก๋ของจางฉุ้ยเหลียนแล้ว ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า และพูดออกมาว่า “อร่อยมาก อื้อ ไม่ร้อนมากด้วย”
“2 ชิ้น 5 เหมา ก็ถือว่าสมราคาดี” เมื่อหญิงสาวเหล่านั้นเห็นว่าปาท่องโก๋ของจางฉุ้ยเหลียนนั้นทั้งอร่อยทั้งราคาถูก พวกหล่อนจึงต่างทยอยควักเงินกันออกมาจ่าย
มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังยืนมุงกัน พวกเขาก็จะเดินเข้ามามุงด้วย เมื่อเห็นว่าเป็นปาท่องโก๋ที่ขายในราคาถูก พวกเขาต่างก็อยากจะซื้อ!
“ไม่มีแล้วหรือ? ไอ้หยา ฉันยังไม่ได้ซื้อเลย พี่สาว จะทอดอีกไหมจ๊ะ ? ” มีคนที่ยังไม่ได้ซื้อ ถามออกมาอย่างร้อนใจ
ตงลี่หวาก็รีบตอบผู้หญิงคนนั้นออกไปว่า “ทอดจ๊ะ ทอด!”
จากนั้นจางฉุ้ยเหลียนก็พูดขึ้นมาอีกว่า : “ถ้าคุณป้าซื้อไปตอนนี้ พอคุณป้ากลับไปถึงบ้านปาท่องโก๋มันก็คงจะเย็นชืดหมดแล้ว เอาแบบนี้ดีไหมคะ คุณป้าอยากได้เท่าไหร่ เดี๋ยวหนูกับแม่จะกลับไปทอดที่บ้าน หลังจากที่เราทอดเสร็จ เราก็จะเอาปาท่องโก๋ไปส่งให้คุณป้าถึงหน้าประตูบ้านเลยค่ะ!”