px

เรื่อง : เกิดใหม่ทั้งทีขอลิขิตรักเอง (นิยายแปล) **จบแล้ว**
ตอนที่ 41 สั่งสอน


ตอนที่ 41 สั่งสอน

 

หลี่หงคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ เดิมทีแล้วที่หล่อนมาที่นี่ก็เพราะหล่อนอยากจะมาหักหน้าพี่สามและพี่สะใภ้สามของหล่อนให้อับอายขายขี้หน้า เพราะพวกเขาเห็นคนนอกสำคัญกว่าคนในครอบครัว แต่หล่อนกลับนึกไม่ถึงเลยว่า สองสามีภรรยาคู่นี้จะเอาขนมไปฝากให้หล่อนที่บ้านแล้ว

 

พอมาตอนนี้ หล่อนโดนหักหน้าไม่พอ พวกเขายังมารั้งหล่อนให้ช่วยงานที่บ้านอีก

 

เมื่อเห็นหลี่หงห่อซาลาเปาไส้ถั่วแดงด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจ จางฉุ้ยเหลียนก็อยากจะหัวเราะออกมาด้วยความสะใจจริง ๆ นี่สิถึงเรียกว่าทำอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ

 

“แม่ ที่นี่มีน้ำอัดลมกระป๋องด้วย แม่ ผมอยากกินน้ำอัดลมกระป๋อง” ลูกชายคนสุดท้องของหลี่หงที่มีชื่อว่า เซี่ยหลี่เผิง มักทำตัวราวกับว่าตัวเองอดอยากอย่างไรอย่างนั้น ไปบ้านคนโน้นที คนนี้ที เห็นอะไรก็อยากจะกินของเขาไปเสียหมด

 

เมื่อหลี่หงเห็นลูกชายของตัวเองเดินไปหยิบน้ำอัดลมกระป๋องจากตู้ของคนอื่น หล่อนก็ไม่ได้มีความรู้สึกเกรงใจแต่อย่างใด แต่หล่อนกลับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อว่า “น้าสามของพวกแก เขาซ่อนเอาไว้ให้ลูกสาวของเขากินน่ะ

 

เมื่อพูดแบบนี้ ใครเล่าจะไม่รู้ว่าหลี่หงต้องการจะสื่ออะไร หลี่หงรู้สึกภูมิใจที่ได้พูดแดกดันตงลี่หวา หล่อนอยากจะรู้จริง ๆ ว่าตงลี่หวาจะตอบกลับมาอย่างไร

 

“อ้อ ! น้ำอัดลมนั่นจางฉุ้ยเหลียนเป็นคนซื้อมาน่ะ เพื่อแสดงความกตัญญูกับพ่อของเธอ” ตงลี่หวาพูดอธิบายออกมา แต่หล่อนก็ไม่ได้บอกวิธีเปิดกระป๋องน้ำอัดลมนั่นแต่อย่างใด

 

จางฉุ้ยเหลียนลงมาจากเตียง จากนั้นก็เดินมาแย่งกระป๋องน้ำอัดลมจากมือของเซี่ยหลี่เผิง และนำมันไปเก็บไว้ในตู้ตามเดิม จากนั้นก็ทำการล็อคประตูตู้เอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “อย่ามาหยิบอะไรในบ้านของคนอื่นมั่วซั่วอีก

 

หลี่หงไม่คิดว่าสองแม่ลูกคู่นี้จะขี้เหนียวมากขนาดนี้ นี่ก็วันปีใหม่แล้วแค่น้ำอัดลมกระป๋องเดียวก็ไม่ให้กินอย่างนั้นหรือ

 

หล่อนจึงพูดออกไปด้วยความโกรธว่า “จางฉุ้ยเหลียนจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อน้ำอัดลมกระป๋องล่ะ ? คงจะเป็นเงินที่พี่สามให้หล่อนนั่นแหละ มันก็เหมือนดั่งสุภาษิตที่ว่า ขนแพะงอกจากตัวแพะเอง หล่อนนี่ช่างมีจิตใจที่คับแคบเสียจริง

 

ตงลี่หวาวางแป้งที่กำลังห่ออยู่ลงทันที จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง และท่าทางที่เคร่งขรึมว่า “ฉุ้ยเหลียนไม่ได้ใช้เงินของเรา ตอนปิดเทอมฤดูร้อนหล่อนก็ทำงานหาเงินเอง ตอนที่หล่อนเรียนอยู่ที่วิทยาลัย หล่อนก็ไปทำงานที่โรงอาหารของวิทยาลัย ส่วนช่วงที่หล่อนปิดเทอมฤดูหนาว หล่อนก็ไปหาเงินด้วยการปะติดกล่องลังในเมือง”

 

หลี่หงเบะปาก จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ทำงานหาเงินเองแล้วยังไงล่ะ? การที่หล่อนซื้อของให้พวกพี่ มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ ? ”

 

ตงลี่หวายิ้มและพูดว่า “จะว่าสมควรมันก็สมควรอยู่หรอก แต่เราก็ไม่อยากให้ลูกใช้เงินของตัวเอง

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่หงก็คิดขึ้นมาในใจว่า ไม่ให้กินก็ไม่ให้กินสิ ใครเขาอดอยากขนาดนั้นล่ะ

 

ถึงแม้ว่าหล่อนจะคิดแบบนั้น แต่ลูกชายของหล่อนกลับไม่คิดแบบนั้นเลย เพราะเด็กนั้นอายุยังน้อย จึงยังไม่รู้ความ เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่ไม่ยอมให้เขากิน เขาจึงเริ่มส่งเสียงร้องไห้งอแงออกมา น้ำตาเปียกปอนเต็มหน้าไปหมด 

 

เมื่อเห็นลูกชายเริ่มร้องไห้ หลี่หงจึงด่าลูกชายออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จะร้องไห้ทำไม ? หิวมากนักรึไง ? วัน ๆ เอาแต่ร้องจะกิน ๆ อยู่นั้นแหละ ทำไมไม่สำลักอาหารตายไปเลยล่ะ ไอ้เด็กบ้า

 

ด่าเด็ก แล้วเด็กคนนั้นยังเป็นลูกของตัวเองอีก หล่อนต้องใช้คำพูดที่ไม่น่าฟังอย่างนี้ด้วยหรือ ? จางฉุ้ยเหลียนได้แต่เม้มปากอยู่เงียบ ๆ อยู่ในใจ จากนั้นก็พูดโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนออกไปว่า : “หลี่เผิง ไม่ต้องร้องไห้แล้ว เดี๋ยวพ่อของเธอก็มาแล้ว เมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้า เราก็จะได้กินข้าวด้วยกันไง

 

เมื่อหลี่เผิงได้ยินก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ ร้องไห้ไปชักดิ้นชักงอไป “ผมไม่กิน ผมจะกินตอนนี้ จะกิน จะกิน ฮือ ฮือ ฮือ

 

ในตอนนั้นเอง เซี่ยจวินและน้องชายของเขาเซี่ยโหย๋วก็เดินเข้ามาในบ้านพอดี เมื่อเซี่ยโหย๋วเห็นลูกชายของตัวเองกำลังชักดิ้นชักงอยู่บนพื้น เขาจึงหันไปถามภรรยาของตัวเองด้วยความไม่พอใจทันทีว่า “มีเรื่องอะไรกัน ? ”

 

หลี่หงเมินหน้าหนีไปทางอื่น หล่อนโยนไม้นวดแป้งที่อยู่ในมือทิ้ง จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ฉันไม่รู้

 

หลี่เผิงก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาก็เหมือนกับมีผู้ช่วยชีวิตอย่างไรอย่างนั้น เขารีบคว้าชายกางเกงของพ่อทันที จากนั้นก็พูดออกไปว่า “คุณป้าสามซ่อนของกินอร่อย ๆ ไว้ให้พี่สาว แต่ไม่ยอมให้ผมกิน ฮือ ๆ พ่อ ผมอยากกินน้ำอัดลมกระป๋อง ผมอยากกินน้ำอัดลมกระป๋อง

 

คำพูดของลูกชาย ทำให้สีหน้าของผู้เป็นพ่อแย่ลงไปทันที เซี่ยจวินหลุดขำออกมาและพูดว่า : “น้ำอัดลมกระป๋องเดียวเอง หยุดร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวพี่เขาก็เอาให้แกกินนั่นแหละ เนอะ

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่หงก็บันดาลโทสะออกมาทันที “กินไม่ได้ทำไม ฉันไม่ได้เอาข้าวให้แกกินรึไง ? ทำไมแกถึงได้หิวขนาดนี้ ? เอาข้าวมาส่งให้ที่บ้านเขาเรียกว่ามิตรภาพ แต่นี่มาขอเขากินถึงหน้าบ้าน เขาเรียกว่าขอทาน

 

เมื่อพูดจบ หล่อนก็ด่าสาดเสียเทเสียออกมาไม่หยุด ส่วนน้ำเสียงที่ใช้ก็ไม่น่าฟังเอาเสียเลย จนเซี่ยโหย๋วถึงกับขมวดคิ้วและพูดออกไปว่าว่า “หุบปาก ! เธอจะอยู่ต่อไหม ? ถ้าไม่อยู่ก็กลับบ้านไป

 

เมื่อตงลี่หวาเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มไม่สู้ดีนัก หล่อนจึงพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ฉุ้ยเหลียนไปเอาน้ำอัดลมกระเป๋ามาให้น้องชายของลูกหน่อยสิ” เมื่อพูดจบหล่อนก็หันไปพูดกับน้องชายของสามีอย่างยิ้ม ๆ ว่า “น้ำอัดลมกระป๋องนี้จางฉุ้ยเหลียนใช้เงินที่ตัวเองหามาได้จากการปะติดกล่องลังช่วงปิดเทอมซื้อมา หล่อนซื้อมาให้พ่อของหล่อนเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญู หล่อนไม่ได้จะไม่ให้น้องชายกินหรอก แต่หล่อนก็พูดแล้วว่ารอให้คนมาพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วค่อยกินพร้อมกัน

 

หลี่หงอยากจะหาเหตุผลมาเถียงตงหลี่หวาจริง ๆ  แต่เมื่อหาเหตุผลไม่ได้หล่อนก็แสดงความโกรธออกมาแทน เซี่ยโหย๋วจึงหันไปจ้องภรรยาของตัวเองตาเขม็ง เพื่อเป็นการบอกให้หล่อนหยุดสร้างปัญหาได้แล้ว

 

“เขายังเด็ก ยังไม่เข้าใจอะไรหรอก” เมื่อเห็นว่าหล่อนหาเหตุผลมาเถียงไม่ได้ หล่อนจึงพูดออกไปส่ง ๆ

 

หลี่หงมองไปยังน้ำอัดลมกระป๋องที่อยู่ในตู้ จากนั้นก็บ่นพึมพำในใจว่า : ในตู้ก็มีตั้งหลายกระป๋อง แต่กลับไม่ให้ลูกชายของฉันกินแม้แต่กระป๋องเดียว ขี้งกเสียจริง

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น หล่อนก็พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ พี่สามดูมีความสุขดีนะคะที่ฉุ้ยเหลียนกลับมาบ้านครั้งนี้ ช่วงนี้เห็นพวกพี่ยุ่ง ๆ ทั้งปลูกถั่วงอก ทั้งขายขนมเกลียว พรุ่งนี้ยังต้องฆ่าหมูอีก ไอ้หยา แต่ดูน้องชายของพี่สิ ไม่มีความสามารถเอาเสียเลย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงเจริญมากกว่านี้แล้วล่ะ

 

“เธอจะมาพูดไร้สาระอะไรอีก ” เซี่ยโหย๋วดูออกว่าภรรยาของเขาต้องการที่จะพูดแดกดันพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขา เขาจึงขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า : “พอแล้ว รีบกลับบ้านไปได้แล้ว  ทุกวันนี้ไม่มีความเป็นผู้ดีเอาเสียเลย”

 

“ฉันไม่มีความเป็นผู้ดีตรงไหนไม่ทราบ ก็แค่หยอกล้อกันเล่นเท่านั้นเอง ทำไม มาบ้านพี่ชายคุณ เราพูดหยอกล้อกันไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ ? ” เมื่อหลี่หงเห็นว่าเซี่ยโหย๋วไม่กล้าทำอะไรหล่อน หล่อนก็ยิ่งแสดงความหยิ่งยโสออกมามากขึ้น

 

“เอาล่ะ ๆ น้องห้า เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ  ” ตงลี่หวาเป็นคนที่รักความสงบและไม่ชอบจาไร้สาระให้มากความ ส่วนเซี่ยโหย๋วก็ไม่อยากจะทะเลาะกับภรรยาต่อหน้าคนอื่นเช่นกัน

 

“ถั่วงอกที่ปลูกอยู่ในบ้านมันก็เป็นฝีมือของฉุ้ยเหลียน แล้วผักดองก่อนหน้านี้หล่อนก็เป็นคนทำ ตอนนี้ก็ปีใหม่แล้ว บ้านเราก็ไม่มีผักกวางตุ้งด้วย ถ้าพวกเธออยากจะกินถั่วงอกกับผักดองก็แบ่งเอาไปกินเถอะ” ตงลี่หวาไม่รู้ว่าที่หลี่หงพูดมาก่อนหน้านี้ มันเป็นเพราะหล่อนอิจฉา เธอจึงพูดออกไปอย่างใสซื่อ

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยโหย๋วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาก็พูดออกไปว่า “ไม่ต้องหรอกพี่สะใภ้ บ้านเราไม่ชอบกินผักเท่าไหร่น่ะ

 

หลี่หงหันไปถลึงตาใส่สามีของตัวเอง จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ใครบอกไม่ชอบกิน ? ลูกเราสองคนชอบกินจะตาย ฉันเองก็ชอบ

 

เซี่ยโหย๋วรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก “บ้านเราไม่มีเตียงที่ก่อไฟใต้เตียงได้ หรือว่าไม่มีถั่วเหลืองรึไง เธอปลูกถั่วงอกเองแล้วเธอจะตายอย่างนั้นหรือ ? ชอบกินทำไมไม่ปลูกเองล่ะ ? ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของสามี หลี่หงก็เงียบไปทันที หล่อนหาเหตุผลมาเถียงสามีไม่ได้ หล่อนจึงทำได้แค่หมุนตัวไปทางอื่นและพูดขึ้นว่า “ฉันชอบกิน แล้วฉันต้องทำเองด้วยรึไง? แล้วถ้าฉันชอบกินขนมเกลียวล่ะ คุณจะออกไปซื้อให้ฉันไหม ? ”

 

“ถ้าเธออยากกินขนมเกลียว ที่บ้านของเราก็มีนะ” ตงลี่หวาวางแป้งในมือลง จากนั้นก็พูดหลอกล่อหลี่หงอีกครั้ง

 

“ไม่ต้องหรอก พี่สะใภ้ พี่สามเอาขนมเกลียวไปให้พวกเราที่บ้านแล้วล่ะ ภรรยาของฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ ชอบพูดจาหาเรื่องคนอื่น” เซี่ยโหย๋วรู้สึกเหมือนว่าภรรยาของตัวเองกำลังตบหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไรอย่างนั้น นั่นจึงทำให้เขาอับอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่สะใภ้ของตัวเอง

 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลี่หงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปพูดกับตงลี่หวาว่า “ฉันก็แค่อยากกินแค่คำสองคำเท่านั้น พวกเราเป็นพี่น้องกัน ทำไมพวกพี่จะต้องมาหาช่องทางทำมาหากินกับพี่น้องของตัวเองด้วยล่ะ พี่สะใภ้อยากให้พี่น้องกินข้าวกันไม่ลงอย่างนั้นหรือ

 

เซี่ยจวินขมวดคิ้ว จากนั้นก็ถามออกไปด้วยความสงสัยว่า “ทำไมฉันจะต้องหาช่องทางการทำมาหากินกับพี่น้องด้วยล่ะ เธอหมายความว่าอย่างไร ? ”

 

หลี่หงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา : “ไอ้หยา ฉันไม่รู้เลยนะว่าพี่สามจะเล่นมุกกับเขาเป็นด้วยก็เรื่องที่พี่ทอดปาท่องโก๋ไง ฉันได้ยินมาว่าธุรกิจของพวกพี่กำลังไปได้สวย เอาขนมไปส่งให้ลูกค้าถึงหน้าบ้านทุกวันเกือบเที่ยงคืน  แต่พอเป็นคนในครอบครัวของตัวเอง แค่น้ำอัดลมกระป๋องเดียวก็ให้หลานชายกินไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ ทำไมพวกพี่ถึงได้ขี้งกขนาดนี้

 

จางฉุ้ยเหลียนหมดคำพูดขึ้นมาทันที ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกอีกหรือเนี่ย เธอเงยหน้าขึ้นและพูดออกไปเสียงเบาว่า “คุณน้าก็คิดมากเกินไป  เราก็ไม่ได้อยากออกไปขายปาท่องโก๋ข้างนอกหรอกค่ะ”

 

“ฉันกำลังพูดอยู่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทรกฉัน ? ไม่มีใครสั่งสอนเธอรึไง” หลี่หงถลึงตาใส่ และหันไประบายความโกรธใส่จางฉุ้ยเหลียน

 

ตงลี่หวาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จากนั้นก็เคาะที่นวดแป้งสามครั้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า  “เด็กมันก็แค่อยากแสดงความคิดเห็นไม่ได้เลยรึไง ? ฉันว่ามันก็ไม่เห็นจะเสียมารยาทตรงไหน วันนี้พี่ ๆ น้อง ๆ มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ช่วยพูดจากันดี ๆ หน่อยจะได้ไหม

 

เซี่ยโหย๋วไม่อยากให้สะใภ้ทั้งสองทะเลาะกัน เขาก็จึงรีบเข้ามาลากตัวของหลี่หงให้ออกจากบ้านไปทันที

 

“อย่าลากหล่อนแบบนั้น น้องห้า ถ้าเราไม่พูดกันให้รู้เรื่องวันนี้ ต่อไปเราอาจจะกลายเป็นศัตรูกันก็ได้นะ ” เซี่ยจวินพูดออกมา แต่เซี่ยโหย๋วก็ไม่อยากให้สะใภ้ทั้งสองทะเลาะกัน

 

“เรื่องที่เราทอดปาท่องโก๋ขาย ก็เป็นเพราะว่าวันนั้นเราสองคนแม่ลูกไปเดินตลาด แล้วเราก็เห็นว่าร้านในตลาดขายปาท่องโก๋แพงเกินไป เราก็เลยรู้สึกเสียดายเงิน เราสองคนแม่ลูกเลยกลับมาทำเองที่บ้าน แต่เราก็ทำเยอะเกินไป และเราก็คิดว่ามันน่าจะขายได้ เราก็เลยเอาออกไปขายก็เท่านั้นเอง ” เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่หงก็หัวเราะเยาะออกมาทันที

 

“ฉันรู้ว่าพี่สะใภ้สามไม่ได้พูดโกหก แต่ทำไมพี่จะต้องทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วยล่ะ ทอดเยอะกินไม่หมดก็เลยอยากเอาออกไปขายอย่างนั้นหรือ ทำไมพี่ไม่เอาไปให้ฉันที่บ้านแทนล่ะ ? ” หลี่หงใช้เหตุผลนี้ขึ้นมาอ้าง ตงลี่หวากระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกไปว่า : “ทำไมต้องเอาไปให้เธอที่บ้านด้วยล่ะ ? ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน””

 

เมื่อได้ยินคำพูดของตงลี่หวา ใบหน้าของหลี่หงก็ซีดเผือดในทันที หล่อนได้ยินแค่เสียงของตงลี่หวาที่พูดออกมาว่า “เราแยกบ้านกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ? มันก็ถูกแล้วที่คนเป็นพี่น้องกันต้องช่วยเหลือกัน แต่หลายปีที่ผ่านมานี้สามีของฉันก็ช่วยเหลือครอบครัวของเธอมาตลอด ไม่ต้องย้อนไปไกลเลย แค่ช่วงปีใหม่นี้สามีของฉันก็ส่งไก่ไปให้พวกเธอ 2 ตัวแล้วไม่ใช่หรือ แล้วยังส่งหมูไปให้พวกเธออีกตั้ง 10 ชั่ง ช่วงเทศกาลตวนอู่ สามีของฉันก็ส่งไข่ไปให้พวกเธออีก 5 ชั่ง  แล้วพวกเธอล่ะ เคยให้อะไรเราไหม ? ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หน้าของเซี่ยโหย๋วก็ยิ่งซีดลงไปอีก แต่ถึงอย่างไรหลี่หงก็ยังคงหัวรั้นอยู่ “ก็บ้านฉันมีลูกหลายคน แต่ละวันก็ผ่านไปอย่างยากลำบาก แค่ของแค่นี้ พี่สะใภ้ไม่ส่งมาให้พวกเรามันใช้ได้อย่างนั้นหรือ”

 

จางฉุ้ยเหลียนยิ้มและพูดแทรกขึ้นมาว่า “ไม่ส่งให้ ? ถ้าเราไม่ของให้ คุณน้าก็มาหาเราถึงบ้านเหมือนอย่างวันนี้ไม่ใช่หรือคะ ? ”

 

หลี่หงถลึงตาใส่จางฉุ้ยเหลียน ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้ด่าจางฉุ้ยเหลียนออกไป หล่อนก็ได้ยินเสียงของตงลี่หวาพูดขึ้นมาก่อนว่า “บ้านเราก็ไม่ได้ขาดแคลนของพวกนี้ พี่สามของเธอขาก็ไม่ค่อยดี ฉลองปีใหม่ก็ยังต้องทำงานหนักขนาดนี้อีก ถ้าเสี่ยวหงยังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง เธอน่าจะมาช่วยงานที่บ้านพี่สะใภ้ของเธอบ้างนะ ? ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยโหย๋วก็ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจในทันที “หล่อนก็มาช่วยงานพี่สะใภ้แล้วไม่ใช่หรือ ? ก็หล่อนบอกว่าจะมาช่วยพี่สะใภ้ทำความสะอาดบ้าน แล้วก็นึ่งหมั่นโถว ! ”

 

เมื่อพูดจบ เซี่ยโหย๋วก็เข้าใจได้ในทันที หลี่หงโกหกเขาว่าหล่อนจะมาช่วยพี่สะใภ้ทำความสะอาดบ้าน แต่ความจริงแล้ว หล่อนแอบหนีไปเล่นไพ่นกกระจอกนี่เอง เมื่อเซี่ยโหย๋วรู้ความจริงทุกอย่างแล้วใบหน้าของเขาก็ถมึงทึงขึ้นมาทันที จากนั้นก็กัดฟันถามออกไปว่า “เธอมาช่วยพี่สามทำความสะอาดบ้านทุกปีรึเปล่า ? หา ? ”

 

หลี่หงเริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดออกไปว่า “จางฉุ้ยเหลียนก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ ? ฉันก็เลยคิดว่าที่บ้านของพี่สะใภ้คงไม่ต้องการคนช่วยทำความสะอาดมากขนาดนั้นหรอก

 

ตงลี่หวาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หล่อนเอาแต่นั่งเงียบ เงียบจนได้ยินเพียงแค่เสียงกินน้ำอัดลมกระป๋องของเซี่ยหลี่เผิงเท่านั้น

 

“พี่สะใภ้ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ  ผมไม่รู้เลยจริง ๆ  ว่ายัยคนขี้เกียจนี่จะไม่เคยมาช่วยงานพี่เลย”  เซี่ยโหย๋วไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาจึงขอโทษออกไป ตงลี่หวายิ้มเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรหรอก มันก็ผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่พวกเธอก็น่าจะมีจิตสำนึกกันบ้าง แล้วการที่ฉันกับพี่ชายของเธอไม่มีลูก พวกฉันเลยต้องส่งของไปให้พวกเธออย่างนั้นหรือ เธอคิดว่ามันสมเหตุสมผลรึเปล่า น้องห้า เธอคิดว่าที่ฉันพูดมาทั้งหมดนี่มันถูกต้องไหม

 

ความหมายที่ตงลี่หวาต้องการจะสื่อก็คือ : ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้หล่อนก็แค่ยอมรับมันและไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงเท่านั้น เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้บ้านของหล่อนเป็นคนออกเงินซื้อของทุกอย่างให้พวกเขา แล้วพวกเขาล่ะเคยช่วยอะไรครอบครัวของหล่อนบ้างรึเปล่า

 

เซี่ยโหย๋วจะมีหน้าอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไร เขารีบลากหลี่หงกลับบ้านในทันที ทิ้งเซี่ยหลี่เผิงให้อยู่ที่บ้านของเซี่ยจวินเพียงลำพัง แต่เซี่ยหลี่เผิงก็ไม่ได้สนใจเลยว่าผู้ใหญ่จะทะเลาะอะไรกัน เขายังคงดูดน้ำอัดลมอย่างสบายอารมณ์ต่อไป

 

จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อตะโกนเรียกชื่อของตัวเองด้วยความโกรธ “เซี่ยหลี่เผิง แกยังจะไปกวนเขาอีกหรือ รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยหลี่เผิงจึงใช้มือที่สกปรกของตัวเอง ถือน้ำอัดลมกระป๋องเดินออกไปจากบ้านในทันที

 

เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ตงลี่หวาก็ถอนหายใจออกมา “แย่มากจริง ๆ  ภรรยาของน้องห้าทำให้ฉันโมโหจนจะตายอยู่แล้ว

 

“เธอไม่ต้องโมโหหรอก หล่อนทำตัวเองทั้งนั้น” เซี่ยจวินรู้ว่าวันนี้ที่หลี่หงมาเสียหน้าในบ้านของเขาแบบนี้ หล่อนก็คงจะไม่มาที่นี่อีกพักใหญ่ หล่อนจะไปโทษใครได้ล่ะ ถ้าหล่อนไม่โทษตัวเอง

 

ปกติแล้วหล่อนก็ชอบโวยวายโดยที่ไม่สนใจใครหน้าไหนอยู่แล้ว เพื่อปาท่องโก๋กับขนมเกลียว หล่อนถึงกับต้องวิ่งแจ้นมาเรียกร้องถึงที่นี่ หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นคนนอก แล้วจะมารังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรือ

 

รีวิวผู้อ่าน