px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 411 : อาวุโสฟงผิง


บทที่ 411 : อาวุโสฟงผิง

 

 

"พี่ใหญ่หลิงเทียน เมื่อครู่ท่านชั่วร้ายนัก... ฮิฮิ" เสียงที่ส่งผ่านพลังงานต้นกำเนิดจากเสี่ยวจินดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน รู้สึกนางจะสนุกสนานกับเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่น้อย

"เจ้าเห็นแล้วหรือไม่ บางอย่างเราก็สามารถแก้ไขได้ง่ายดาย ...เจ้าไม่จำเป็นต้องฆ่าคนทุกครั้ง"ต้วนหลิงเทียนกล่าวสอนสั่งเสี่ยวจินอย่างอดทน ทั้งยังกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างอันดี

"ข้ารู้แล้วๆ...ต่อไปข้าจะไม่ฆ่าพวกมันแล้ว ข้าจะให้พวกมันแก้ผ้าแล้ววิ่งกลับบ้านด้วยชุดวันเกิดเช่นนี้!!...ข้ามิรู้เลยว่ามันจะสนุกสนานเช่นนี้ ส่วนเจ้าพวกสัตว์อสูรปีศาจตัวอื่น ข้าจะถลกหนังพวกมันออก แล้วค่อยปล่อยพวกมันไป!... " ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงไขสันหลังเมื่อได้ฟังวาจาเสี่ยวจิน...

เจ้าตัวจิ๋วกินจุนี่มันปีศาจน้อยชัดๆ ...

และดูเหมือนนางจะไม่ได้พูดถึงแต่กับคนอย่างเดียวใช่หรือไม่?

นางยังคิดให้สัตว์อสูรปีศาจ หรือสัตว์อสูร ‘ถอดเสื้อผ้า’ ของพวกมันออกด้วย?

นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนาวนัก

สหายตัวน้อยนี่...น่ากลัวยิ่ง!!

หลังจากที่เดินผ่านซอยเล็กๆ ไปไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบถนนใหญ่..

จากคำแนะนำของพลเมืองดีก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนก็เลี้ยวขวา ก้าวเดินไปตามทางอย่างไม่เร่งร้อนอะไร  ส่วนจ้าวเหล่ยนั้น เขาคิดว่าป่านนี้มันคงกลับไปถึงหอการค้ากู่เหอแล้ว

จากที่ต้วนหลิงเทียนรู้มา นอกจากอาวุโสทั้ง 2 แล้ว น่าจะมีศิษย์สายในอีก 3 คนที่ถูกส่งมายังเมืองโบราณชั่วนิรันดร์ จ้าวเหล่ยนี่คงเป็น 1 ใน 3 คนนั่น

"ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 ? คนอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไร" ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ

เข้าเชื่อว่าแม้หอการค้ากู่เหอจะไม่ได้อยู่ในสภาพร่ำรวยล้นฟ้า แต่เพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 พวกมันคงไม่ขาดแคลน ...

ดูเหมือนว่า หอการค้ากู่เหอ จะหวังพึ่งเพียง อาวุโสทั้ง 2 คนเสียมากกว่า

เดินไปคิดไปไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็เดินตามทางมาจนใกล้จะถึงอยู่แล้ว

ตอนนี้เองก็มีเสียงบทสนทนารอบๆ ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

บทสนทนาส่วนใหญ่ก็เป็นการสนุกสนานบนความทุกข์ของผู้อื่น ทับถมกันสนุกปาก

"ฮ่าๆ ...เมื่อกี้พวกเจ้าทันได้เห็นหรือไม่? จ้าวเหล่ยนั่น มันแก้ผ้าวิ่งกลับมา! ตูดเปลือยเปล่าสีดำมีผดนั่น ..ฮ่าๆๆ ข้าขำแทบตายแล้ว!"

"มันมักจะชอบข่มผู้อื่นยิ่งนัก ..อาศัยสถานะศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวของมัน ระรานผู้คนไปทั่ว ... ตอนนี้กรรมคงตามสนองมันแล้ว ผู้ใดกระทำต่อมันเช่นนี้ ข้าอยากคารวะสักจอก"

"ฮ่าๆๆ ข้าเองก็อยากรู้นักว่าเป็นผู้ใดกระทำกับมันเช่นนั้น ...หากข้ารู้ ข้าจักเลี้ยงเหล้านารีแดงคนๆนั้นสัก 3 ไห!"

...

ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปไม่น้อยเมื่อได้ฟังบทสนทนาเหล่านี้

ดูเหมือนว่าจ้าวเหล่ยนั่นจะมีชื่อเสียงไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึง สถานที่ๆดูใหญ่โตกว้างขวางแห่งหนึ่ง

ประตูหน้ามีรูปปั้นพยัคฆ์ศิลาตั้งอยู่ 2 ตัว

“นี่น่าจะเป็นหอการค้ากู่เหอสาขาเมืองโบราณชั่วนิรันดร์ สินะ” ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำออกมา

"ท่านเป็นผู้ใด?" ต้วนหลิงเทียนพบว่าในขณะที่เขากำลังจะก้าวเข้าประตูไป ร่างชายหนุ่ม 2 คนที่ยืนอยู่ข้างประตูพลันสืบเท้าก้าวเข้ามาขวางเขาเอาไว้

นายหนุ่มทั้งสองสวมชุดรูปแบบเดียวกัน ซ้ำที่เสื้อยังมีตราที่ปักไว้ ตรานั้นปักว่า “กู่”

ต้วนหลิงเทียนเดาได้ว่าทั้งคู่น่าจะเป็นคนของหอการค้ากู่เหอ

ต้วนหลิงเทียนค่อยๆยกมือขึ้นช้าๆ ก่อนที่จะ ตบเบาๆไปที่ลายปักบนเสื้อเขาเช่นกัน  ซึ่งแสดงเครื่องหมายที่รู้กันดีว่าเป็นของ นิกายกระบี่ 7 ดาว

“ศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาว?” ทันใดนั้นสองตาของชายหนุ่มทั้ง 2 พลันเบิกกว้างขึ้น

พวกมันรีบหันไปจ้องใบหน้าของต้วนหลิงเทียนอีกครั้งอย่างระวัง สายตาเผยความเหลือเชื่อออกมา...

"ข้ามาหาอาวุโสจ้าวอวี่และอาวุโสฟงผิง" ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้ทั้ง 2 พร้อมพยักหน้าเบาๆ

ถึงแม้ว่าชายหนุ่มทั้ง 2 จะตะลึงไม่น้อยเรื่องอายุของต้วนหลิงเทียน แต่ชายคนหนึ่งยังพอรู้สึกตัวอยู่บ้าง รีบก้าวเข้ามาทักทายต้วนหลิงเทียนตามมารยาทของหอการค้ากู่เหอ “น้องชาย โปรดตามข้ามาด้านใน”

"ขอบคุณพี่ชาย"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะเดินตามเข้าไป

"น้องชาย เจ้าเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาวหรือ?" ชายหนุ่มที่พาต้วนหลิงเทียนเข้ามา กล่าวถามอย่างลังเล

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้ม "ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะเป็นตัวปลอมเหมือนจ้าวเหล่ยใช่หรือไม่ ...ข้าจะมาพบอาวุโสฟงผิงและจ้าวอวี่ถึงที่นี่ทำไมกันเล่า หากว่าข้าเป็นตัวปลอม?"

"มิผิด" ชายหนุ่มคนนั้นเข้าใจได้ในทันที และเขาก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีความกล้าหาญถึงขั้นปลอมตัวด้วย "แล้วเจ้าได้เจอศิษย์สายในของนิกายเจ้า นามจ้าวเหล่ยหรือไม่เมื่อครู่?"

"ข้าเจอแล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

"ตอนเจ้าเจอมัน ... มันยังใส่เสื้อผ้าอยู่หรือไม่?" ชายหนุ่มถาม

"ยังใส่อยู่" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

ชายหนุ่มคนนั้นบังเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ต้วนหลิงเทียนแล้วกระซิบ “เมื่อครู่ข้าเห็นจ้าวเหล่ยแก้ผ้าล่อนจ้อน เผยก้นดำๆเป็นผดเข้ามา...เจ้าได้ทันเห็นหรือไม่ว่าเป็นผู้ใดลงมือกับมัน”

"เป็นข้าเอง" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าอีกครั้ง เรื่องนี้เกรงว่านอกจากกลุ่มคนหน้าเมืองโบราณชั่วนิรันดร์แล้ว คนที่เห็นเหตุการณ์มีไม่มากนัก

"ผู้ใดนะ?" ชายหนุ่มคนนั้นหันมามองต้วนหลิงเทียนแล้วกล่าวถามย้ำอีกครั้ง

“เป็นข้าเอง” ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมาพร้อมยิ้มบางๆ

"เป็นเจ้า?" ชายหนุ่มตะลึงไปในทันใด รู้สึกไม่เชื่ออยู่บ้าง

และเมื่อชายหนุ่มหายตกตะลึง เขาก็รีบกล่าวถามออกมาอย่างสนุกสนาน ทว่าทันใดนั้นเอง...

"ไอหนูเจ้ากลับกล้ามาที่หอการค้ากู่เหอจริงๆ... เจ้าคิดว่าสามารถหลอกบิดาข้าและอาวุโสฟงผิงได้เช่นนั้นรึ?" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราดพลันดังขึ้นมา

เป็นจ้าวเหล่ยที่กลับมาสวมชุดศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินมาจากที่ไกลๆ จ้องมายังต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง

ในแววตาของจ้าวเหล่ยยังเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอันมืดมน มันกล่าวออกมา “ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เจ้ากล้าปลอมตัวเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว...แต่เจ้ากล้ากระทั่งรนหาที่เสนอหน้ามาถึงที่นี่...วันนี้ต่อให้เจ้ามีปีก ก็อย่าหวังว่าจะหนีออกไปได้”

"กล้าปลอมตัวเป็นศิษย์สายในกระบี่ 7 ดาว?" ท่าทางชายหนุ่ม ของหอการค้ากู่เหอ ที่นำต้วนหลิงเทียนเข้ามา เริ่มเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดน่ากลัว มันรีบพุ่งร่างหลบออกไปด้านข้าง ห่างไปจากต้วนหลิงเทียนเสียไกล ราวกับมันกำลังหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ

"น้องชาย...เจ้าไม่ได้เป็นศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวหรือ?" ชายหนุ่มคนนั้นมองไปยังต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มอย่างไม่แยแส “ไม่ใช่ข้าถามท่านแล้วหรือไงตอนที่เดินเข้ามา ...ว่า ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะเป็นตัวปลอมเหมือนจ้าวเหล่ยใช่หรือไม่?  ท่านลืมแล้วเหรอ? ”

ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ รู้สึกวาจาของต้วนหลิงเทียนมีตรรกะที่ดีและมีเหตุผล มันจึงหันไปมองจ้าวเหล่ยด้วยความแคลงใจ

"ฮึ่ม!" จ้าวเหล่ยแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา "ผู้ใดจะไปรู้ว่าเจ้ามีแผนการอุบาทว์อันใด?  แต่ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้! ต่อหน้าข้าจ้าวเหล่ย! แผนอุบาทว์ของเจ้ามิอาจใช้ได้ผล!"

"ขนาดนั้นเลย?" ต้วนหลิงเทียนทำเป็นตาโต ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก "อ่อ..จ้าวเหล่ย พอดีข้าอยากรู้อะไรนิดหน่อย...เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าไม่เหลือเสื้อผ้าใดให้ใส่เลยในแหวนมิติ...  เพราะข้าแค่บอกให้เจ้าเข้าเมืองด้วยชุดวันเกิด แต่ข้าไม่ได้ห้ามสักคำว่าจะไม่ให้เจ้าใส่เสื้อผ้าหลังจากเดินเข้าเมืองไปแล้ว ...ข้าเองยังคิดไม่ถึง..ว่าเจ้าจะมีใจห้าวหาญ  มั่นใจในความงดงามของก้นดำๆเป็นผดของเจ้า! กระทั่งโยนเสื้อผ้าทิ้ง แล้ววิ่งล่อนจ้อนกลับมาถึงที่นี่ นับถือๆ.... " ในขณะที่กล่าวต้วนหลิงเทียนแสร้งระบายลมหายใจ ก่อนที่จะประสานมือคารวะอย่างซูฮกขึ้นมา

"เจ้า ... เจ้า ... " เมื่อคำของต้วนหลิงเทียนดังเข้าหู จ้าวเหล่ยรู้สึกเหมือนเส้นสายอัสนีฟาดเปรี๊ยง  สีหน้าของมันยิ่งมายิ่งดำคล้ำ เต็มไปด้วยความอำมหิต "ไอหนู ตอนนี้เจ้าทำเป็นได้ใจไปเถอะ  ในเมื่อเจ้ากล้ามาถึงที่นี่ แล้วอย่าหวังว่าจะได้กลับไปง่ายๆ!"

ต้วนหลิงเทียนผายมือออกข้างตัวด้วยท่าทางสงบ ก่อนที่จะกล่าวคำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  "ข้าก็ไม่ได้คิดจะไปไหนอยู่แล้ว"

"หืม?" ท่าทางของต้วนหลิงเทียนนั้น นับว่าเกินความคาดหมายของจ้าวเหล่ยไปบ้าง

ตอนนี้ในใจของมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดคามระทึก หวั่นหวาดขึ้นมา

"หรือมันจักเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาวจริงๆ?" ตอนนี้ในใจของจ้าวเหล่ยเริ่มปรากฏความคิดเช่นนี้ ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมา

และเมื่อจ้าวเหล่ยค่อยๆสงบใจแล้วคิดดีๆ...ชายหนุ่มตรงหน้าจะอย่างไรก็เอาชนะมันได้  ถึงแม้ว่ามันจะไม่นับว่าเป็นศิษย์สายในที่แข็งแกร่งอะไรในนิกายกระบี่ 7 ดาว แต่อย่างน้อยๆ มันก็มีระดับบ่มเพาะถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3...!

ในขณะที่ไอเด็กนี่มีอายุราวๆ 22 ปีเท่านั้น

ความสามารถที่ไอเด็กนี่ใช้ออกและเอาชนะมันได้ง่ายดาย นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของชายหนุ่มตรงหน้าเลิศล้ำเพียงใด!

"เป็นไปได้หรือไม่...ว่าในเวลา 2 ปีที่ข้าไม่ได้กลับไปยังนิกาย...จะมีปีศาจน้อยเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมา?" ในใจของจ้าวเหล่ยยิ่งคิดยิ่งสะท้านสะเทือน

“ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้! มันต้องไมใช่ศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาว...มันต้องไม่ใช่แน่ๆ” ในขณะที่คิดมาถึงตรงนี้จ้าวเหล่ยก็กลัวมาก

มันไม่ได้รู้สึกกลัว...เพราะความกริ่งเกรงจะโดนลงโทษเรื่องเข้าใจผิด หรือฉีกจดหมายแนะนำตัวของประมุขนิกายแต่อย่างไร...

สำหรับมัน นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

แต่มันหวาดกลัวว่า...หากไอเด็กนี่เป็นศิษย์สายขึ้นมาจริงๆ และบิดามันได้รู้เรื่องราวความเข้าใจผิดครั้งนี้ ...บิดามันจะไม่ลงมือสั่งสอนไอเด็กนี่ให้มัน...!

มันไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นได้

"จ้าวเหล่ย เกิดอะไรขึ้น?" ทันใดนั้นน้ำเสียงไม่แยแสดังขึ้นไกลๆ สะกิดความสนใจของต้วนหลิงเทียน

เมื่อต้วนหลิงเทียนจับจ้องมองไป ก็พบร่างชายวัยกลางคนสวมชุดลำลองสีฟ้าอ่อน กำลังก้าวเดินมาอย่างเนิบๆ แต่ละย่างก้าวของชายวัยกลางคนบ่งบอกให้รู้ว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา

พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนถูกแผ่ออกไปโดยพลัน และสามารถหยั่งถึงระดับบ่มเพาะของชายวัยกลางคนผู้นั้น ได้ในทันที

ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3!

"อาวุโสฟงผิง" ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัยว่าผู้มาเป็นใคร จ้าวเหล่ยที่อยู่ไม่ไกลพลันหันไปทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

"อาวุโสฟงผิง?" ประกายตาต้วนหลิงเทียนเรืองขึ้นมาเล็กน้อย

ฟงผิงเป็นผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวที่หลิ่งหูจิ่นหง บอกให้เข้ามาพบ และเขายังเป็นหนึ่งในอาวุโสที่ประจำการอยู่ที่หอการค้ากู่เหอแห่งเมืองโบราณชั่วนิรันดร์

"แล้วเจ้าคือ?" หลังจากที่รับการทักทายจากจ้าวเหล่ย ฟงผิงก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน และทันใดนั้นเองเขาก็ขมวดคิ้ว สายตาเริ่มเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าเป็นผู้ใดกัน ใยต้องสวมชุดศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว?”

ด้วยอายุในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน ไม่มีใครเชื่อได้ลงว่าต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาว

กระทั่ง นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 แห่งอาณาจักรพนาคราม ที่มีพรสวรรค์สูงส่ง ยังไม่อาจเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาวได้ หากยังมีอายุเพียงเท่านี้

"อาวุโสฟงผิง ... " ต้วนหลิงเทียนหันไปมองอาวุโสฟงผิง ทว่าเขายังไม่ทันได้กล่าวจนจบคำ ก็ถูกจ้าวเหล่ยขัดจังหวะเสียก่อน

“อาวุโสฟงผิง ไอเด็กคนนี้มันกล้าสวมรอยเป็นศิษย์สายในของนิกายเรา เพื่อกระทำการชั่วช้าบางอย่าง โทษมันสมควรตาย! ..อาวุโสฟงผิงรีบสังหารมันเร็วเข้า เพื่อมิให้เกิดปัญหาใดๆในอนาคต” จ้าวเหล่ยมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต ในแววตาเผยความเย็นชาพร้อมความชิงชังออกมา ขณะที่รีบกล่าวขึ้นเสียงดัง

สีหน้าของอาวุโสฟงผิงเริ่มมืดลงเมื่อได้ยินคำจ้าวเหล่ย เขารีบหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาคมกล้า “ทำไมเจ้าต้องสวมรอย ...ปลอมตัวเป็นคนของนิกายกระบี่ 7 ดาว!?”

"อาวุโสฟงผิง!!" จ้าวเหล่ยรู้สึกกังวลเมื่อเห็นอาวุโสฟงผิงกล่าวถามและเปิดโอกาสให้ต้วนหลิงเทียนอธิบาย "ไอเด็กนี่ วาจามันสับปลับลูกเล่นร้ายกาจนัก! ท่านอย่าได้ให้มันมีโอกาสกล่าววาจาชักจูงใดๆต่อท่าน  รีบสังหารมันเถอะ!"

“ฮ่าๆๆๆๆๆ...!” ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมรู้ดีว่าจ้าวเหล่ยมันมีเป้าหมายอะไร ถึงได้รีบกล่าวออกมาอย่างร้อนรนเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง

เสียงหัวเราะของเขานี้ยังเต็มไปด้วยความไร้กังวล และไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ

 

รีวิวผู้อ่าน