px

เรื่อง : ระบบรีสอร์ทเจ้าสัว
ตอนที่ 4 เมืองเทียนฟู


ตอนที่ 4 เมืองเทียนฟู

      เหตุผลที่ฉัน้ลือกเมืองแห่งนี้ ไม่ใช่เพราะคำแนะนำของระบบเพียงอย่างเดียวแต่ยังเป็นเพราะที่นี่มีอาหารอร่อยมากมาย(และผู้หญิงสวยๆอีกเยอะด้วย)

     อย่างไรก็ตาม “หวังเยว่” ก็อยู่เมืองนี้ด้วยเช่นกัน! หลี่หยางนึกถึงชื่อนี้ทันทีเมื่อมาถึงเมือง เมื่อย้อนไปตอนเขายังอยู่มัธยม หวังเยว่นี่เองที่เป็นผู้หญิงที่เขาแอบชอบ

       ในตอนอยู่มัธยมนั้นหลี่หยางกับหวังเยว่ต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หวังเยว่ถือเป็นผ็หญิงหนึ่งคนที่สวยที่สุดในห้อง มีคนแอบชอบ และติดตามเธอมากมาย บางคนนั้นทั้งหล่อและรวยกว่าหลี่หยางมาก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลี่หยางไม่เคยสารภาพออกไป

       ต่อมาเมื่อเขาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย การติดต่อระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆจนแทบจะไม่ได้ติดต่อกัน แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังมีการพูดคุยกันบ้างบางครั้งในกลุ่มเพื่อนของเขา

        แน่นอนว่ามันมีความรู้สึกบางความรู้สึกในโลกที่แม้จะรู้สึกแต่มันก็ไร้ประโยชน์ หลี่หยาวงจึงไม่เคยคาดหวังอะไรและยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ความรู้สึกที่เขามีก็เริ่มเจือจางลงเรื่อยๆจนเหลือแค่เพียงรูปถ่าย

        เขาแค่คิดว่าเขาต้องไปที่เมืองนั้นเพื่อทำการพัฒนาธุรกิจและพบปะกับเพื่อนบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมหาลัยของหวังเยว่ก็อยู่ที่เมืองนี้ และเขาได้รู้มาว่าหลังจากเรียนจบหวังเยว่ก็ยังคงทำงานอยู่ที่เมืองนั้น  เธอน่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเมืองนี้เป็นอย่างดี เขาจึงคิดที่จะไปหาเธอซักหน่อยเผื่อจะได้เรียนรู้อะไรจากเธอบ้าง

      ตอนนี้เขาสามารถตัดสินใจเลือกเมืองได้แล้ว หลี่หยางจึงไม่มัวเสียเวลา เขาจองเที่ยวบินและโรงแรมทางออนไลน์ในทันที โชคดีที่นี่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ตั๋วเครื่องบินกับที่พักจึงจึงราคาค่อนข้างถูฏ

       แม้ว่าในตอนนี้หลี่หยางหลี่หยางจะมีเงิน500,000 หยวนในบัญชีของเขา แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะประหยัดและจองโรงแรมที่ราคาถูกที่สุดเอาไว้ เพราะยังไงซะเขาก็มาที่นี่เพื่อเริ่มต้นธุรกิจไม่ใช่มาพักผ่อน

       หลังจากจองตั๋วเครื่องบินเสร็จนั้นหลี่หยางก็เริ่มเก็บกระเป๋า  บ้าเช่าของเขาจะครบกำหนดในอีก 2 เดือนดังนั้นเขาจึงมีรีบเก็บข้าวของมากนัก ยังไงมันก็คงไม่สายเกินไปที่จะกลับมาเก็บข้าวของหลังจากเขาตั้งรกรากที่นั่นเสร็จ

       หลังจากยีนยันกำหนดการเดินทางเสร็จแล้วนั้น หลี่หยางก็คิดที่จะติดต่อเพื่อนเก่าของเขาหวังเยว่ ในตอนนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่มีแอพที่สามารถใช้ติดต่อเธอได้เลย เขาจึงกดเข้าไปในระบบร้านค้าและสั่งซื้อโทรศัพท์มาในราคร 2,000 หยวนพร้อมทั้งติดตั้งแอพต่างๆในทันที

        เมื่อเขาเปิดแอพอ WeChat เขาก็พบกับรายชื่อของหวังเยว่ เขารีบส่งข้อความหาเธอ “นี่เพื่อนเก่า เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”

       หวังเยว่ไม่ได้ตอบเขาทันที หลี่หยางรอสักครู่  เมื่อเห็นว่ายังไม่มีการตอบกลับเขาจึงเริ่มศึกษาคู่มือการท่องเทียวของเมืองในโทรศัพท์เขาในทันที  และตรวจสอบเอกสารทั้งที่เขาต้องใช้ในการเปิดโรงแรม

         หลี่หยางนั้นรู้ดีว่าการทำการบ้านล่วงหน้าเท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงการหลงทางในอนาคตได้  

         หลังจากนั้นไม่นานหลี่หยางกก็ได้รับข้อความตอบกลับจากหวังเยว่ “ฉันพึ่งประชุมเสร็จนะ”

         “พอดีฉันจะไปที่เมืองในสุดสัปดาห์นี้ ไม่รู้เธออยากจะมากินข้าวด้วยกันหน่อยไหม” หลี่หยางตอบ

         “ฉันมีงานต้องทำในช่วงระหว่างวันนะ ไว้วันเสาร์ตอนดึกฉันจะติดต่อกลับไปนะ”

         “โอเค!” หลี่หยางตอบ

       หวังเยว่ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าโอเคเช่นกัน การสนทนาจึงจบลง

         หลังจากอ่านข้อความเสร็จหลี่หยางก็ยังคงศึกษาเกี่ยวกีบกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าและทำความเข้าใจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองอย่างช้าๆ เมืองแห่งนี้นั้นสามารถเรีบกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “ดินแดนห่งความอุดมสมบูร์”(สุวรรณภูมิ)

         ในตอนเย็นโทรศัพย์ของหลี่หยางก็ได้รับข้อความจากทางธนาคารว่าบัญชีธนาคารของเขาได้มียอดเงินเพิ่มขึ้นมาอีก 100,000 หยวน หลี่หยางนั้นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาได้คิดเอาเองว่าทางระบบคงทำการเพิ่มงบประมาณการลงทุนให้

         แต่ในเวลานั้นเองแม่ของเข็โทรมา “พ่อของลูกเขาขอให้แม่โทรมาบอกลูกนะ 100,000 หยวนนั้นพ่อเขาให้แม่บอกกับลูกว่า “ลูกต้องมีเงินไว้ใช้เปิดธุรกิจให้มากๆเข้าไว้ เพราะฉะนั้นพ่อจะเป็นคนหาทุนให้เอง แต่แกอย่าได้คิดจะไปยืมเงินกู้เชียว”

          เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่ของเขาพูดมานั้น หลี่หยางก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นหัวใจในทันที ถึงพ่อของเขาจะเป็นคนปากร้าย แต่ในใจของพ่อเขาก็ยังคงเป็นห่วงเขาอย่างเงียบๆ

         เขารู้ว่าเงินจำนวนนี้คือเงินที่เขาทำงานเก็บส่งให้พ่อแม่ของเขา

        “แม่ครับ พวกเรามีเงินทุนมากพอแล้วในการเปิดธุรกิจ และต้นทุนโรงแรมที่เราจะเปิดก็ไม่ได้สูงมากนัก แถมผลตอบแทนก็จะสสามารถคืนทุนได้อย่างรวดเร็ว” หลี่หยางกล่าว

        “เก็บเงินไว้ก่อนเถอะ ลูกยังหนุ่มและยังมีเรื่องให้ใช้เงินอีกมากพ่อกับแม่แก่แล้วไม่ต้องใช้เงินอะไรเยอะหรอก แต่ลูกต้องดูแลตัวเองดีๆนะ แม้จะยุ่งแค่ไหนก็กินอาหารให้ครบ 3 มื้อและอย่านอนดึกมากนักละ..”แม่สั่งเขาอย่างไม่สามารถปฎิเสธได้

      “ไม่ต้องห่วงนะแม่ ผมจะดูแลตัวเองอย่างดีแน่นอน” หลี่หยางกล่าว เขารู้ดีว่าว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ เขาก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาพ่อแม่เสมอ

      หลังจากคุยโทรศัพท์กับแม่เสร็จ หลี่หยางก็ดูเหมือนจะมำลังใจมากขึ้น เนื่องจากพ่อและแม่ของเขานั้นตัดสินใจที่จะสนับสนุนเขา เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่ต้องการทำให้พวกท่านผิดหวัง

     วันรุ่งขึ้นหลี่หยางก็ได้ขึ้นเครื่องบินมุ่งไปยังเมืองด้วยความคาดหวังที่เต็มเปี่ยม

    สามชั่วโมงผ่านไป เขาก็ได้เดินทางมาถึงสนามบินเฉิงตู ทันทีที่เขาก้าวลงมาจากเครื่อง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอากาศที่นี่นั่นสดชื่นอย่างมาก แม้ว่าอากาศจะร้อนกว่าทางเหนือแต่นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู่สึกสดชื่นขึ้นมา

        ผู้คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมานั้นมีหน้าตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

          บางทีการเดินทางอาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนเมืองและเปลี่ยนอารมณ์

       หลังจากเขาได้รับกระเป๋าของเขาแล้ว เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินตามป้ายบอกทางและนั่งไปยังใจกลางเมืองในทันที

       เนื่องจากโรงแรมที่เขาจองนั้นราคาค่อนข้างถูก มันจึงตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ค่อยดีมากนัก มันไม่ได้ตั้งใกล้สถานที่ท่องเที่ยวและไม่ได้ตั้งใกล้กับสถานีรถไฟเลย หลี่หยางต้องนั่งแท็กซี่เพื่อที่จะมาให้ถึงที่โรงแรม

      หลี่หยางเช็คอินและเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่โรงแรมตอนประมาณบ่ายโมง เขายังคงไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าเพราะเขาเก็บท้องไว้รอลิ้มรสอาหารพื้นเมืองของที่นี่

      สถานที่แรกที่หลี่หยางไปคือ ตรอกกวนไฉ่ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 3 กิโลเมตร

       หลังจากรอรถประจำทางไม่กี่นาที หลี่หยางก็ได้ขึ้นรถ บนรถมีคนอยู่จำนวนมาก เขาได้ยินในสิ่งที่ผู้คนกำลังคุยกันอย่างตื่นเต้น เมื่อเขามาถึงตรอกเขาก็ได้ลงเช็คอินในอินเตอร์เน็ตไปด้วย

       หลังจากมาถึงตรอกหลี่หยางก็ได้พบกับรูปปั้นนกสีบรอนซ์ตั้งอยู่หน้าป้ายรอรถประจำทาง

        ในตอนนั้นเองเด็กสาวทั้ง 4 คนนที่ลงรถมาพร้อมกับหลี่หยางก็รีบวิ่งเขาไปถ่ายรูปกับรูปปั้นอย่างตื่นเต้น

         “นี่พี่ชาย รบกวนช่วยถ่ายรูปให้กับพวกเราหน่อยได้ไหม” หญิงส่าวในชุดนางฟ้ากล่าวขณะเดินไปทางหลี่หยาง

         “ได้เลย ไม่มีปัญหา”

        “ขอบคุณนะพี่ชาย”

        หลี่หยางหยิบโทรศัพท์ของหญิงสาวมาและเริ่มถ่ายรูปให้กับพวกเธอทั้ง 4

        แม้ว่าหลี่หยางจะไม่เคยมีแฟนแต่เขาก็พอรู้วิธีการถ่ายรูปอยู่บ้าง หลี่หยางรู้ว่าเขาต้องนั่งยองๆเพื่อจะถ่ายรูปให้หุ่นสาวๆออกมาดุผอมเพรียว

      “ยกนิ้วให้เลยคะพี่ชาย” เมื่อเห็นหลี่หยางนั่งยองๆถ่ายหญิงคนหนึ่งในกลุ่มก็ยิ้มและพูดกับเขา

     เมื่อสาวๆจัดท่าทางถ่ายรูปกันเรียบร้อยแล้ว หลี่หยางก็เริ่มถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว

     “ขอบคุณนะพี่ชาย “ หญิงสาวรีบขอบคุณทันทีหลังถ่ายเสร็จ

     หลี่หยางหยิบโทรศัพท์คืนพวกเธอ

     “ไหนให้ฉันดูหน่อยว่าเป็นยังไง” 

     “ฉันด้วยสิ”

      “หืม..  พวกเธอทั้งสามคนโพสท่ากันแต่ฉันไม่ได้ทำ พวกเธอทำให้รูปฉันดูเป็นผู้หญิงหน้าบานโง่ๆ

      “มันก็แค่ท่าโพสพื้นฐานเอง”

     “โอเค ครั้งนี้รอดูฉันทำให้พวกเธอสามคนดูเหมือนกับแม่มดแก่ๆ”

      “ เธอกล้าดียังไง” เด็กหญิงเริ่มเดินเข้าตามหลี่หยางเขาไปในตรอกและทิ้งเพื่อนเธอไว้

        ตรอกกวนไฉ่ นั้นเป็นถนนของราชวงศ์ในสมัยโบราณถนนเส้นนี้ประกอบด้วยตรอกซอยแยกย่อยไปเรื่อยๆ ถนนทั้งหมดทำมาจากหินสีห้า ที่ดูเรียบร้อยสะอาดตา เมื่อคุณเดินเขามาคุณก็จะได้เผชิญกับบรรยากาศที่หลากหลายทางวัฒนธรรม

      นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของหลี่หยาง เขาเลือกจะทิ้งความทุกข์และปัญหาทั้งปวงและมีความสุขอย่างเงียบๆในเวลานี้ หลี่หยางจึงตระหนักได้ว่า “ชีวิตก็สามารถมีความสุขแบบนี้ได้เหมือนกัน”

      ตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายจนถึงร้านขนม และมันมีร้านอาหารพื้นบ้านมากมายนับไม่ถ้วน กลิ่นหอมของอาหารนานาชนิดนั้นยั่วยวนฝูงชนที่เดินผ่านไปมา แต่หลี่หยางได้มีอาหารในดวงใจของเขายู่แล้ว

     เฉาโจวเสียบไม้ ,เยลลี่เต้าเจี้ยว,บะหมี่.. “พอกินหมดก็รุ้สึกสดชื่นดีจริงๆ”

 แน่นอนว่าหลี่หยางไม่ได้ให้ความสำคัญกับการกินเพียงอย่างเดียว ระหว่างทางเขายังได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรีสดริมทาง”นี่มันดีจริงๆ”

 

อ่านก่อนใครได้ที่ : นอนน้อย โนเวล

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน