px

เรื่อง : Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี
ตอนที่ 240: ตะไคร่น้ำ


ตอนที่ 240: ตะไคร่น้ำ

 

สถานการณ์แย่กว่าที่ลู่หยวนคาดไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเขาเดินออกจากถ้ำสิ่งที่เขาเห็นคือพืชสีเขียวซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด น้ำที่ท่วมส่วนใหญ่ได้เหือดแห้งไปแล้ว

ในป่ามีลำธารใหม่ๆ ที่น้ำไหลรวยรินเกิดขึ้นหลายสาย และหญ้าที่ถูกตัดบ่อยๆ ก็โตขึ้นสองสามนิ้ว มันสูงถึงระดับความสูงของเด็กในชั่วข้ามคืน แมลงแปลกๆ หลายพันตัวกำลังบินอย่างเริงร่าในระหว่างต้นหญ้า บริเวณนั้นทั้งหมดดูมีชีวิตชีวา

ภาพที่ดูยุ่งเหยิงในป่าเมื่อวันก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ป่ายังไม่ได้ถูกทำลาย ในทางตรงกันข้ามดูเหมือนว่าจะมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น พื้นที่ว่างๆ ก็ถูกพายุเคลียร์ออกไปและมีกิ่งไม้ใหม่ๆ เข้ามายึดครองแทน กิ่งไม้ใหม่เหล่านี้ดูอ่อนแอและเปราะบาง ใบของพวกมันอาจยังไม่เผยออกมาเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันไม่สามารถรอที่จะพิชิตพื้นที่ใหม่ได้

ลู่หยวนถูกครอบงำด้วยป่าอันสดชื่นที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาคงจะคิดว่านี่เป็นภาพลวงตาที่เกิดจากพายุถ้าเขาไม่ได้เห็นแผ่นดินถล่มตรงทางเข้า

อัตราการเติบโตของพืชเร็วเกินไปแม้ว่าจะแค่คืนเดียว ถ้าเกิดพายุขึ้นมาสิบวันผลกระทบคงจะคาดคิดไม่ถึง พืชอยู่ต่ำสุดของระบบนิเวศ ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับพวกมัน ห่วงโซ่ในระบบนิเวศทั้งหมดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก

ลู่หยวนเป็นกังวล เขามองไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนกลับไปที่ถ้ำ ทุกคนข้างในกำลังทำความสะอาดตะไคร่น้ำ หลังจากน้ำท่วมได้เหือดหายไป หินบนพื้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ มันน่าขยะแขยงและมันอาจดึงดูดแมลงจำนวนมาก ดังนั้นในตอนเช้าทุกคนจึงเริ่มยุ่งกับการทำความสะอาด มันกลายเป็นเรื่องยากที่จะทำความสะอาดมากกว่าที่พวกเขาได้คาดไว้ เพราะว่ามันไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังมีชนิดของตะไคร่น้ำ มันจะติดแน่นอยู่กับพื้นที่ได้รับความเสียหาย จึงยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการทำความสะอาด พวกเขาพยายามที่จะกำจัดมันอยู่สองสามชั่วโมง แต่มีเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นที่ทำความสะอาดได้ ส่วนที่ลำบากที่สุดคือรากของมันซึ่งยึดติดกับหิน ทำให้ยากที่จะกำจัด ตราบเท่าที่มีความชื้นเพียงเล็กน้อยมันก็จะกลับมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

ลู่หยวนเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะแนะนำว่า "วิธีนี้ใช้เวลานานเกินไป มันไม่จำเป็นต้องยุ่งยากแบบนี้ พืชทุกชนิดกลัวไฟ เมื่อฟืนข้างนอกแห้งแล้ว พวกคุณสามารถเผามันแล้วก็ทำความสะอาดตะไคร่น้ำได้"

ตอนนี้เขาคิดได้เร็วมากและความคิดใหม่ๆ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ทุกคนต่างตกตะลึงจนหินในมือพวกเขาร่วงหลุดจากมือและมองหน้ากันและกัน สิ่งที่ลู่หยวนแนะนำนั้นง่ายมากและมีประสิทธิภาพ แต่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครสามารถคิดได้

ในความเป็นจริงที่พวกเขามองไม่เห็นก็เพราะด้วยสามัญสำนึกของพวกเขาและติดอยู่ในความคิดที่เชื่องช้า ถ้าตะไคร่น้ำเติบโตขึ้นในบ้านของคนทั่วไป ความคิดแรกของพวกเขาแน่นอนว่าจะต้องหยิบพลั่วออกมามากกว่าที่จะจุดไฟเผามัน นั่นเป็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติ ในขณะไฟไหม้บ้านนั้นไม่ง่ายอย่างที่ได้ฟังมา มันจะมีเพียงแค่ควันและเถ้าที่ไฟทิ้งไว้ข้างหลังซึ่งมีแนวโน้มว่าจะระคายเคืองต่อคนส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดวันสิ้นโลก ทั้งโลกก็เต็มไปด้วยอันตรายและไม่อาจคาดเดาได้ แน่นอนว่าอาจจะถูกฆ่าตายได้ตลอดเวลา ดังนั้นการเน้นรายละเอียดเหล่านี้ก็เท่ากับการฆ่าตัวเอง ความมั่นใจในการอยู่รอดของตัวเองจะต้องเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

ทันใดนั้นนายเฉินเจี๋ยก็กรีดร้องขึ้น

"อ่าาาา!"

หวงเจียฮุยซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอได้มองดูและพูดขึ้นด้วยความตกใจ "ลู่หยวน มาดูเร็ว!"

ลู่หยวนหน้ามุ่ยและรีบเดินไปถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

"ดูที่นิ้วหัวแม่มือของเธอสิ!" หวงเจียฮุยกล่าว

เมื่อมองที่มือของเธอหัวใจของลู่หยวนก็หนักอึ้ง เขาเห็นหญ้าสีเขียวโตขึ้นที่นิ้วหัวแม่มือของเธอ มันมีขนาดประมาณเหรียญหนึ่งเซ็นต์และเมื่อมองจากที่ไกลๆ เหมือนเป็นรอยเปื้อน

เขาจับมือเธอและสัมผัสมันเบาๆ เมื่อตะไคร่น้ำถูกกระตุ้นมันก็หดตัวลงไปในผิวของเธอเหลือเพียงร่องรอยของแสงสีเขียวบนผิวที่นุ่มนวล ไม่มีรูที่ทะลุเข้าไป นอกเหนือจากสีแปลกๆ แล้ว มันแทบจะดูเหมือนกับผิวปกติเท่านั้นที่นุ่มนวลและเปียกชื้นราวกับเคลือบด้วยชั้นครีม

ตอนนี้ทุกคนได้รวมตัวกันอยู่รอบๆ เมื่อเห็นการกลายพันธุ์บนมือของเฉินเจี๋ยทำให้พวกเขาตกใจ และอย่างรวดเร็วพวกเขาเริ่มตรวจสอบผิวของตัวเอง ไม่มีใครพบความผิดปกติใดๆ พวกเขารู้สึกโล่งอกจริงๆ ไม่มีใครคิดว่าตะไคร่น้ำธรรมดาสามารถเป็นอันตรายได้

"มันเกิดขึ้นเมื่อไร?" ลู่หยวนถามเฉินเจี๋ย

"ฉัน ... ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกคันนิดๆ บนนิ้วมือของฉัน ... " เฉินเจี๋ยดูหน้าซีดและตัวสั่น

จู่ๆ หัวใจของลู่หยวนก็สูบฉีดเร็วขึ้น จุดสีเขียวนั้นโตขึ้นในเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น ครอบคลุมทั้งนิ้วมือของเธอ พลังจิตมีพลังในการทำลายล้างพืชได้จำกัด และด้วยเหตุที่มันได้รับการปกป้องโดยชั้นผิวหนัง มันก็จะยิ่งได้ผลน้อยลงที่จะกำจัดตะไคร่น้ำด้วยวิธีนี้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกเดียวในขณะนี้ ลู่หยวนจะลองพยายามดูดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

เขาตั้งสมาธิไปที่พลังจิตของเขา ทันทีนั้นมือของเขาก็สว่างขึ้นด้วยสิ่งที่คล้ายหมอกขณะที่เขาสัมผัสที่ฝ่ามือของเฉินเจี๋ย การสัมผัสเพียงแค่ครั้งเดียวสำหรับเฉินเจี๋ยเธอถึงกับเกือบจะสิ้นสติไป เธอดูซีดเซียวมาก

"เจี๋ยเจ้ารู้สึกอย่างไงบ้าง?" หวงเจียฮุยถามอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มทั้งสองที่มีความสนิทสนมกับเฉินเจี๋ยซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล พวกเขาไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาต่อหน้ากลุ่มผู้ใหญ่

สีหน้าของเฉินเจี๋ยกลับซีดขาวอย่างรวดเร็ว เธออ่อนแอมากจนไม่สามารถยืนได้ ดูเหมือนว่าเธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีอะไรออกมาจากปากของเธอ

ลู่หยวนรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เขารีบตรวจสอบมือของเฉินเจี๋ย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตะไคร่น้ำเคลื่อนผ่านนิ้วมือของเธอและกระจายไปอย่างรวดเร็วครอบคลุมทั้งมือและขยายไปที่แขนของเธอ เพียงเสี้ยววินาทีก็เกือบจะครอบคลุมแขนทั้งสองข้างของเธอ ความเร็วในการเติบโตของมันช่างน่ากลัวจนไม่อยากจะพูด

"เวรเอ้ย!"

พลังจิตของลู่หยวนค่อยๆ ลดลงอย่างรวดเร็ว เขาจับมือของเฉินเจี๋ย แล้วยกแขนของเธอขึ้น เท่านั้นเองเขาก็ตระหนักว่าแขนของเธอส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว

ทุกคนมองไปที่แขนสีเขียวของเฉินเจี๋ยด้วยใจจดใจจ่อ

หัวใจของลู่หยวนรู้สึกหนักอึ้ง เขาไม่เคยคิดว่าตะไคร่น้ำจะดื้อรั้นแบบนี้ มันไม่ได้ถูกทำลายโดยพลังจิต แต่มันกลับเติบโตอย่างรวดเร็วในความพยายามที่จะเอาชนะภัยคุกคาม

ตอนนี้เหลือแค่วิธีเดียวเท่านั้น

"ทุกคนช่วยออกไปข้างนอกก่อนยกเว้นผู้หญิง" ลู่หยวนสั่งอย่างใจเย็น

พวกเขาทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่าเขาหมายถึงอะไรและรู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้วิธีนี้ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างน้อยเธอก็ยังสามารถอยู่รอดได้

ผู้ชายทุกคนเดินออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาออกไปแล้วลู่หยวนก็ถอดเสื้อผ้าของเฉินเจี๋ยและโยนมันลงบนพื้น

เฉินเจี๋ยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นคนอวบอั๋น ร่างกายของเธอโตเต็มที่ก่อนวัย

แม้ว่าเธอจะซีดเซียวมาก จู่ๆ เธอก็อายหน้าแดงเมื่อคิดว่ากำลังเปลือยกายอยู่ต่อหน้ากลุ่มคน โดยเฉพาะต่อหน้าลู่หยวน ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความกระวนกระวายใจ ดูเหมือนกับกวางที่กำลังตื่นตระหนก ลู่หยวนแค่ชำเลืองมอง พยายามหลีกเลี่ยงสายตาของเธอ จ้าวหยาหลี่ไม่สามารถทนได้ต่อไป ดูเหมือนเธอต้องการจะพูดออกมา แต่เธอก็ถูกดึงกลับโดยหวังเชียกวง

"ปิดตาของเจ้าสักครู่นะ มันจะไม่เป็นไร" ลู่หยวนบอกเฉินเจี๋ยอย่างนุ่มนวล ขณะที่เขาดึงดาบ ของเขาออกมา เมื่อถึงเวลานั้นตะไคร่น้ำก็แพร่กระจายไปที่ต้นแขนของเธอ

ใบหน้าที่เขินอายของเฉินเจี๋ยก็กลับมาซีดเซียวอีกครั้ง ริมฝีปากของเธอสั่นสะท้านขณะที่น้ำตาเริ่มไหลลงอาบแก้มของเธอ เธออายุแค่สิบสองปี โดยปกติเธอยังคงอยู่ในโรงเรียนมัธยม แต่ตอนนี้เธอต้องแบกรับความเจ็บปวดแบบนี้

ลู่หยวนถอนหายใจ เขาจับมือเธอและกำด้ามมีดเตรียมที่จะตัดมันออก เมื่อมีดยาวสีเงินกำลังจะลดลงมา ความกลัวอันแรงกล้าเติมเต็มหัวใจของเฉินเจีย มันเต้นแรงขึ้น

"ไม่ ... ไม่ ... " เธอร้องคร่ำครวญ และเริ่มดิ้นรน

"ไม่ต้องกลัวนะ ความเจ็บปวดมันจะแค่แป๊บเดียวเท่านั้น ไม่เป็นไร ถึงจะไม่มีแขนก็ยังอยู่ได้" หวงเจียฮุยพยายามปลอบโยนเธอทันที

"ฉันขอร้องล่ะ โปรดอย่าตัดแขนฉันเลย ฉันไม่อยากเป็นคนพิการ" จู่ๆ เฉินเจี๋ยก็ตะเบ็งเสียงขึ้นมา เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้

อย่างไรก็ตามเธอเป็นแค่เด็กหญิงอายุสิบสองปีเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะเข้มแข็งแค่ไหนจนกระทั่งถึงตอนนั้นเธอก็ยังไม่โตพอ

"ถ้าเราไม่ตัดแขนของเจ้า เจ้าจะตายนะ ไม่ต้องกลัวอีกไม่นานแผลก็จะหาย" หวงเจียฮุยแนะนำเธอ

อย่างไรก็ตามเฉินเจี๋ยรู้สึกสะเทือนอารมณ์อย่างมาก เธอไม่ตอบ เธอเอาแต่ร้องไห้ เวลาที่ดีที่สุดที่จะตัดแขนของเธอได้ผ่านไปแล้ว และตะไคร่น้ำเริ่มแพร่กระจายผ่านทางเลือดของเธอ ก่อนหน้านี้สีเขียวเพิ่งถูกจำกัดไว้ที่แขนของเธอ แต่ตอนนี้มันค่อยๆแพร่กระจายไปที่หน้าอก ท้อง และใบหน้าของเธอ

ลู่หยวนสังเกตและถอนหายใจ เขาต้องหยุดอย่างฝืนใจ ตอนนี้เขาไม่มีทางออกอื่นๆ ตะไคร่น้ำกระจายไปทั่วร่างกายของเฉินเจี๋ยแล้ว ไม่มีความหวังในการรักษาเธออีกต่อไป เขาค่อยๆ เก็บมีดกลับเข้าไปในปลอก เขาชอบเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ เธอเป็นคนที่น่ารัก เฉลียวฉลาด และกระตือรือร้นที่จะช่วยทำอาหารและทำความสะอาดเสมอ เธอถูกใช้งานมากกว่าคนอื่นๆ

ผู้หญิงหลายคนได้สังเกตเห็นภาพนี้ และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป บางคนก็ร้องไห้ตลอดเวลา บรรยากาศก็เงียบลง

หวงเจียฮุย อดถามไม่ได้ "ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้แล้วหรือ"

"เธออาจจะเหลือเวลาไม่มาก" ลู่หยวนกระซิบ เขาส่ายหน้า จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อผ้าของเธอและแต่งตัวให้เธออย่างระมัดระวัง เฉินเจี๋ยหยุดร้องไห้ เธอดูมึนงง

"ลุงลู่ ฉันกำลังจะตายหรือ?" เธอถามทันทีหลังจากที่แต่งตัว

ลู่หยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า "ทุกคนต้องตาย บางคนตายเร็วกว่าคนอื่นๆ เจ้ามีความปรารถนาครั้งสุดท้ายหรือไม่?"

ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกสำหรับทุกคน ดังนั้นมันจึงยิ่งมากขึ้นสำหรับเด็กหญิงตัวน้อย เฉินเจี๋ยสั่นสะท้านและปิดปากแน่นขณะที่น้ำตาเริ่มไหลลงบนใบหน้าของเธออีกครั้ง

"ก่อนที่เจ้าจะตาย ออกไปพูดคุยกับเพื่อนๆ ข้างนอกก่อน" ลู่หยวนกล่าวอย่างนุ่มนวล เขารู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน

เฉินเจี๋ยพยักหน้า เธอร้องไห้ขณะก้าวไปทีละก้าวตรงไปที่ประตู ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นข้างนอกและแสงแดดส่องบนร่างของเธอ ตะไคร่น้ำมันมาที่ผิวอีกครั้ง

เฉินเจี๋ยมองที่ร่างกายของเธอและยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีร่องรอยของความสุข และรอยยิ้มผิวเผิน ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ

ตะไคร่น้ำเร่งตัวขึ้นได้กระจายไปทั่วร่างกายของเธอภายใต้แสงแดด มันใช้เวลาไม่นานก็ครอบคลุมร่างกายของเธอทั้งหมด ทุกคนรวมตัวกันรอบๆ เธอ พวกเขาต่างกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว

รีวิวผู้อ่าน