“ไอ้เวรเอ๊ย! แกใช้เวทย์เนโคร......!”
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค พลั่วก็กระแทกเข้าที่หน้าของเธออีกครั้ง แม้ว่าเลือดจะสาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่แต่เธอก็ยังไม่ตาย
เจ้าชายก้มหน้ามองโมเรียนที่กำลังเสียเลือดมากและอยู่ในสภาพสับสนก่อนที่จะพูดออกมาเสียงดัง “ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสินเธอ แต่พวกชาวบ้านจะเป็นคนตัดสินเอง”
จากนั้นเขาก็ถอยหลบไปด้านข้าง แม้กระทั่งเด็กสาวผมเงินก็ยังปล่อยมือออกจากโมเรียน
ไม่นานนัก ชาวบ้านก็เข้ามาหาเธอจากทุกด้าน เธอมองดูท่าทีของพวกเขาแล้วสีหน้าของเธอก็ซีดเผือด
“ด..ได้โปรดเถอะ ว..ว...ไว้ชีวิต.....!”
เธอถูกปิดปากอย่างรวดเร็วและจากนั้นก็ถูกลากตัวออกไปจากถ้ำ ในที่สุด ทั้งกลุ่มก็กลับไปถึงโบสถ์ ชาวบ้านที่เหลืออยู่ได้รับรู้ถึงการกระทำที่ชั่วร้ายของเธอ
ผู้คนที่ไม่พอใจปาหินใส่เธออย่างไร้ความปราณี เมื่อเธอมีสภาพโทรมเกินจะเยียวยาแล้ว พวกเขาก็มัดตัวเธอแล้วลากกลับเข้าไปในป่าก่อนที่จะจับเธอแขวนคอแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ให้ตายไปเอง
หลังจากนั้นไม่นาน สัตว์ร้ายที่กำลังหิวโหยก็ผ่านมาพอดีแล้วพวกมันก็เข้ามากัดกินเธอ
สามวันให้หลัง ตัวเธอก็ได้กลายเป็นซอมบี้ ในขณะที่ยังถูกห้อยอยู่บนต้นไม้นั้นเธอมีสภาพยับเยินจนดูไม่ได้เลย
เจ้าชายมองภาพที่เห็นนี้แล้วเดาะลิ้น “แม้ว่าที่นี่จะเป็นโลกแฟนตาซี แต่สภาพในช่วงยุคกลางก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี”
ซอมบี้โมเรียนที่ถูกมัดคอห้อยต่องแต่งอยู่กำลังดิ้นไปมาในขณะที่ร้องโหยหวนเสียงดังสนั่น
ถ้าไม่มีนักบวชทำพิธีชำระล้างให้เธอ เธอก็ต้องอยู่ในสภาพอันเดทแบบนี้ไปเป็นสิบๆปี หรือบางทีอาจจะเป็นร้อยปีก็ได้
นี่คือชะตากรรมที่รออยู่สำหรับเนโครแมนเซอร์ที่พึ่งพาเวทมนตร์แห่งความตาย
“แบบนี้มันเลวร้ายเกินไปแล้ว ฉันอยากจะสืบเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับภาคีทมิฬ แต่ก็นั่นแหล่ะนะ”
ถ้าแค่เขามีสกิลพูดคุยกับวิญญาณเหมือนเนโครแมนเซอร์จริงๆก็คงจะเยี่ยมไปเลย น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มีความสามารถแบบนั้น
แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้สำคัญนักหรอกเนื่องจากเขายังคงเป็นเจ้าชาย
หลังจากที่เขาถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ อิทธิพลของเขาในฐานะผู้มีความเป็นไปได้ว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ก็ลดลงไปค่อนข้างมาก แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีคนที่เคลื่อนไหวเพื่อกำจัดเขา ซึ่งบางทีคงกลัวว่าถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาพนี้ เขาก็อาจจะเป็นภัยคุกคามกับพวกเขาได้
เมื่อมองแบบนี้เขาก็พอจะนึกถึงคนที่ดูน่าสงสัยได้อยู่จำนวนนึง
อย่างเช่น...
“พวกพี่น้องของฉันสินะ”
พี่น้องจากราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีโอกาสได้รับสืบทอดบัลลังก์ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขากำลังหมายตาเขาอยู่
“หนอย ไอ้พวกเลือดเย็น ไม่นึกเลยว่าฉันต้องมาพัวพันกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจแบบนี้ด้วย....”
เจ้าชายเดาะลิ้นอีกครั้งในขณะที่ส่ายหัว
แต่ไม่ว่ายังไง ม่านเหตุการณ์แม่มดมอร์กาน่าก็ได้ปิดฉากลงแล้ว
พวกเขาอยู่ในดินแดนวิญญาณแห่งความตายที่ภูมิภาคทางตอนเหนือ ช่วงเวลาสำหรับ ‘กระแสแห่งความตาย’ ช่วงเวลาที่สัญชาตญาณแห่งความตายตื่นขึ้นกำลังเข้ามาใกล้พวกเขาอีกครั้ง
**
ชาร์ลอตรู้สึกสนใจในตัวเด็กชายที่ถูกเรียกว่าเจ้าชาย
ในระหว่างการป้องกันฝูงซอมบี้ และในช่วงที่ทำพิธีศพใหญ่ เธอได้สังเกตเขาจากระยะไกลๆ
เธอได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเขา หนึ่งในนั้นบอกว่าในขณะที่เธอยังไม่ได้สติ เจ้าชายได้ดูแลเรื่องการขนย้ายร่างกายที่เหลืออยู่ของพ่อแม่เธอและทำพิธีศพให้พวกเขาอย่างเต็มใจ
เธอเฝ้ามองเจ้าชายน้อยคนนี้ทำพิธีศพเป็นจำนวนมากตลอดทั้งคืนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้กระทั่งตอนที่ทุกคนเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เขาก็ไม่ได้พักผ่อนและทำงานต่อไป เขาสวดภาวนาด้วยความใส่ใจอย่างเต็มที่เพื่อให้ดวงวิญญาณที่จากไปได้เจอสถานที่ที่ดีในชีวิตหลังความตายของพวกเขา
ในขณะที่เฝ้ามองเขานั้น เธอก็รู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอ ผู้มีพระคุณของเธอ และเขายังเป็นผู้ช่วยเหลือในอีกแง่นึงด้วยจากการที่เขาช่วยทำพิธีศพให้กับพ่อแม่ของเธอ
“เจ้าชายเป็นคนยังไงกันแน่นะ?”
คำถามของชาร์ลอตต์ได้รับคำตอบจากเด็กสาวที่อายุเยอะกว่าและพวกป้าๆในหมู่บ้าน
เขาเป็นตัวบัดซบ หนอนแมลง ขยะที่กู่ไม่กลับแล้ว และไอ้โง่ที่ฆ่าตัวตายหลังจากที่จีบผู้หญิงไม่ติด คำวิจารณ์ทุกรูปแบบที่เกี่ยวกับเขาได้ถูกส่งต่อมาผ่านการกระซิบเข้ามาในหูของเธอ
เธอขมวดคิ้วแน่นหลังจากที่ได้ยินคำวิจารณ์ทั้งหมดนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากจะรู้ ซึ่นมันก็จบลงด้วยการที่ชาร์ลอตต์จ้องเขม็งใส่พวกชาวบ้านผู้หญิง
“จะว่าไป เอาจริงๆมันก็รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนนะ”
“นั่นสิ ตอนนั้นเขาเองก็ทำพิธีศพให้พ่อของฉันด้วยความใส่ใจอย่างดีเหมือนกัน”
“ใช่ๆ แล้วครั้งนี้เขาก็ช่วยทุกคนเอาไว้ด้วยไม่ใช่หรอ?”
พวกเธอรู้สึกขอบคุณเจ้าชาย นอกจากนี้ดูเหมือนว่าพวกเธอกำลังพึ่งพาเขาอยู่ด้วย
ชาร์ลอตต์นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอสนับสนุนเจ้าชายในตอนที่อยู่ในถ้ำ
‘เขาทั้งตัวเตี้ยแล้วยังเด็กอยู่มากเลย’
ใช่แล้ว รูปร่างของเขานั้นทั้งเตี้ยและผอมมากๆ เขาเด็กกว่าเธอด้วยซ้ำ แต่ว่าด้วยหน้าที่ดูเด็กกว่าเธอนี้ เขากลับต่อสู้กับเจ้าหมียักษ์ได้ด้วยร่างเล็กๆนั่น และถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยผู้หญิงที่ถูกลักพาตัว
‘เขาเป็นคนที่มีความเอาใจใส่มากจริงๆ’
แต่ในตอนนั้นเอง ผู้หญิงที่ชื่อโมเรียนคนนั้นก็ได้ทรยศความไว้ใจของเขา เธอพุ่งเข้าใส่เจ้าชายน้อยแล้วพยายามจะฆ่าเขา
ซึ่งชาร์ลอตต์ก็ได้รีบเข้าไปหยุดเหตุการณ์นั้นอย่างรวดเร็ว
จริงๆแล้วทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
ในตอนที่เธอรู้สึกตัว เธอก็กระโดดขึ้นสูงแล้วคว้าผมของผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็จับศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับพื้น เธอถึงกับจ่อมีดไปที่คอของผู้หญิงคนนั้นจนเกือบจะฟันเป็นแผลใหญ่แล้วด้วยซ้ำ
แม้แต่เธอก็ยังตกใจกับการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของตัวเอง
ร่างกายของฉันมันเบาแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วหรอ?
สุดท้ายแล้วผลก็คือผู้หญิงคนนั้นเป็นเนโครแมนเซอร์ ชาร์ลอตต์รู้เรื่องนั้นหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นกับเจ้าชายคุยกันไปได้ซักพัก
ชาร์ลอตต์ไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกัน แต่เธอมั่นใจว่าเนโครแมนเซอร์หญิงคนนี้กำลังหมายปองชีวิตของเจ้าชาย และเพื่อจุดประสงค์นั้นชาวบ้านหลายคนจึงต้องตาย
ซึ่งเจ้าชายก็ไม่ได้ยกโทษให้คนแบบนี้
ในท้ายที่สุดโมเรียนก็ถูกจับแขวนคอทั้งเป็นในป่า
มันเป็นโชคชะตาที่น่าสยดสยองจริงๆ
และนี่ก็คือบทสรุปของเหตุการณ์นี้
ชาร์ลอตต์กับชาวบ้านที่เหลืออยู่เริ่มสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่และออกล่าซอมบี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ จากนั้นพวกเขาก็ช่วยเจ้าชายทำพิธีศพ
ในตอนที่สถานการณ์ดำเนินไปตามปกติด้วยสภาพเช่นนี้ ชาวนากริลก็เข้ามาพูดคุยกับเธอ
“ชาร์ลอตต์ ถ้าไม่ติดขัดอะไร สนใจจะมาอยู่กับฉันไหม?”
เขายิ้มอย่างเก้ๆกังๆในขณะที่ถามเธอ เธอไม่มีที่อยู่อีกต่อไปแล้วและนี่ก็คือเหตุผลที่เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกโดยนัยว่าเธอยินดีจะไปอยู่ด้วย แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงมองไปทางเจ้าชายที่อยู่ในโบสถ์
“มีใครอยู่ที่นั่นคอยช่วยเหลือเจ้าชายรึเปล่า?”
“ช่วยเหลือเจ้าชายหรอ? ช่วยที่ว่านี่... อ๋อเธอหมายถึงผู้ดูแลสุสานใช่ไหม?”
เธอส่ายหัว
เธอไม่ได้หมายถึงหน้าที่ผู้ดูแลสุสาน แต่หมายถึงคนที่คอยทำความสะอาดโบสถ์จัดการดูแลมันเช่นเดียวกับทำงานงานจิปาถะอื่นๆ
สภาพแวดล้อมแบบนี้มันไม่โหดร้ายสำหรับเจ้าชายหนุ่มที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเกินไปหน่อยหรอ? อย่างน้อยมันก็ควรจะมีคนยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาบ้างไม่ใช่รึไง?
“อ๋อ เธออยากทำงานเป็นหญิงรับใช้หรอ?”
ชาร์ลอตต์พยักหน้าเป็นการตอบสนอง
แต่ว่ากริลกลับแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา “เรื่องมันเป็นแบบนี้ คือว่าพาลาดินได้บอกกับพวกเราว่าไม่ต้องจัดหาคนใช้เอาไว้ใกล้ตัวเขา ซึ่งเหตุผลก็เพราะ...”
เพราะเขาเป็นตัวบัดซบ เขาถูกเนรเทศเพื่อให้นิสัยของเขาเปลี่ยนไปไปในทางที่ดีขึ้น
พาลาดินบอกว่าการให้เขามีคนรับใช้ก็มีแต่จะทำให้เด็กชายคนนี้ทำตัวอวดดีขึ้นไปอีกแทนที่จะหวนนึกถึงอดีตที่ทำไว้และเริ่มมีความรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมา
กริลครุ่นคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูดกับชาร์ลอตต์อีกครั้ง “มันมีอีกทางนึง บางทีนี่อาจจะได้ผลก็ได้ถ้าเธอตัดสินใจที่จะบวชเป็นแม่ชี”
“แม่ชีหรอ?”
“อืม ก็มันเป็นโบสถ์ใช่ไหมหล่ะ? ถ้าเธอเข้าไปเพื่อศึกษาความศรัทธา พวกพาลาดินก็อาจจะไม่ว่าอะไรก็ได้”
ชาร์ลอตต์พยักหน้า
วันต่อมา เธอก็กลับไปที่โบสถ์
เธอเจอเจ้าชายอยู่ที่ห้องสมุด เขากำลังยุ่งอยู่กับบันทึกที่ไปกู้คืนมาจากถ้ำเนโครแมนเซอร์
“ซับซ้อนชะมัด ถ้าขืนปล่อยไปทั้งแบบนี้ ฉันได้ถูกลอบสังหารแน่ๆ ถ้าไม่มีโล่คอยปกป้องฉัน....ฉันจะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน และในส่วนของสกิลอาชีพของฉัน ฉันจะต้อง....”
โล่หรอ?
ไม่ใช่แค่นั้น ลอบสังหารด้วย?
ชาร์ลอตต์เข้าไปใกล้เจ้าชาย เขาสะดุ้งหลังจากที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของมนุษย์คนอื่นและซ่อนหนังสืออย่างมีพิรุธ
เธอเอียงคอในขณะที่จ้องมองเขา
ซึ่งเขาก็ได้พูดกับเธอในขณะที่ขมวดคิ้วแน่น “อะไรกันเนี่ย? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? วันนี้ฉันไม่มีกำหนดการต้องทำศพใครซักหน่อย อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้พักผ่อนซักวันนึงไม่ได้รึไง?”
“ฉันอยากมาชดใช้หนี้ค่ะ”
“หนี้อะไร?”
เธอคิดอยู่ในใจ ‘อ้ะ ฉันทำผิดพลาดเข้าซะแล้วสิ’ ‘หนี้’ ไม่ใช่คำที่เหมาะสมกับการนำมาใช้ที่นี่
เธอควรจะบอกว่าความเมตตาที่เขาแสดงให้เธอ....
ในขณะที่กำลังรู้สึกเสียใจกับคำพูดที่เธอเลือกใช้ ชาร์ลอตต์ก็พยายามเอ่ยปากพูดอีกครั้ง
“เดี๋ยวนะ เธอกำลังหมายถึงเรื่องเมื่อตอนนั้นหรอ?” เจ้าชายพูด
จากนั้นเขาก็ดูมีสีหน้าประหลาดใจ ด้วยเหตุผลบางประการ เขารีบเดินถอยกลับไปแล้วแอบเอื้อมมือไปหยิบพลั่วคู่ใจของเขา
ว่าแต่ทำไมเขาถึงแสดงท่าทีแบนนั้นนะ?
อ้ะ หรือว่าบางทีเขาอาจจะยังมีธุระที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยที่จำเป็นต้องเข้าร่วม?
“ลืมๆเรื่องอดีตไปไม่ดีกว่าหรอ? ฉันหมายถึงการพบกันครั้งแรกของพวกเรามันไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าจดจำถึงขนาดต้องเก็บเอาไว้แบ่งปันกันนี่ถูกไหม?”
สมกับเป็นเจ้าชาย หัวใจของเขานั้นมีความเมตตาแฝงอยู่ เขาถึงกับบอกให้เธอลืมความใจดีที่เขาเคยแสดงให้เธอด้วย แต่ว่า.... เธอจะกล้าทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?
เขาช่วยชีวิตเธอและประกอบพิธีเพื่อให้พ่อแม่ของเธอได้พักผ่อนอย่างสงบสุขไม่ใช่หรอ?
“ฉันอยากรับใช้ท่านค่ะ”
“เอ๊ะ?”
“แล้วก็...”
ชาร์ลอตต์นึกถึงคำว่า ‘โล่’ ขึ้นมา
เธอจำได้ว่าเจ้าชายถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ และผู้หญิงเนโครแมนเซอร์คนนั้นยังหลุดคำว่า ‘ลอบสังหารออกมาด้วย’
มีคนพยายามจะสังหารเจ้าชายคนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่เขาถูกเนรเทศนั้นต้องเป็นแผนการเจ้าเล่ห์ของใครบางคนแน่ๆ
ไม่มีทางที่เจ้าชายแบบนี้จะเป็นตัวบัดซบไปได้หรอก
สายตาของชาร์ลอตต์ได้ย้ายไปที่หนังสือที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น
[คู่มือฝึกดาบของจักรวรรดิ]
[เทคนิคการป้องกันตัวของจักรวรรดิและแนวทางการฝึกฝน]
[วิธีการใช้และควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์สำหรับพาลาดิน]
มีหนังสืออยู่ที่นี่มากมาย
โล่... เขากำลังค้นหามันอยู่
เขากำลังค้นหาคนที่จะมาปกป้องเขา
อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอเสนอตัวพูดออกไปอย่างเปิดเผย เขาคงจะปฏิเสธเธอแน่ๆ เพราะมันเป็นงานที่อันตราย
“ฉันอยากจะขอเข้ามาบวชเป็นแม่ชีของที่นี่ค่ะ”
นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะตัดใจจากเรื่องนั้น ไม่มีทางหรอก เธอจะต้องปกป้องคนๆนี้ให้ได้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงแสร้งขอรับบทเป็นแม่ชีแทน ในฐานะแม่ชี เธอก็จะได้ศึกษาหลักความเชื่อของเขาและฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะได้ปกป้องเขาเมื่อเวลามาถึง
เด็กสาวอาจจะไม่สามารถปกป้องเจ้าชายได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ว่าเธอก็ยังตัดสินใจที่จะทุ่มทุกอย่างโดยไม่สนใจความจริงข้อนี้ และอีกอย่างนึงมันน่าจะมีทางที่แม่ชีจะเปลี่ยนเป็นพาลาดินได้ด้วยการฝึกฝนทักษะดาบ
นี่เป็นหนทางเดียวที่เธอจะตอบแทนความใจดีที่เขาแสดงให้เธอได้ เธอจะปกป้องเจ้าชายที่ไร้ที่พึ่งคนนี้
“เพราะฉะนั้น...”
ชาร์ลอตต์ยิ้มให้เขา
“...ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
[16. เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด -4 (ส่วนที่ 1 และ 2 ) จบ]