px

เรื่อง : ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything
Chapter 2: ใครรักข้าในรัศมีสิบเมตร?


 

เฉินเฉินถอนหายใจ มีความเป็นไปได้มากมายที่จะมีสมบัติคล้ายๆกันนี้อยู่ในโลกใบนี้ แต่รูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาของพวกมันได้ปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้ทำให้พวกมันหมดประโยชน์ตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมาจนกระทั่งสูญสลาย

 

“ถ้าแกเป็นกอหญ้า ข้าก็พอจะกลั้นใจกินเข้าไปได้อยู่ แต่แกเป็นอุจจาระเพราะฉะนั้นข้าคงกินไม่ได้หรอก”

 

เฉินเฉินส่ายหัวโดยไม่สนใจกองอุจจาระแล้วเริ่มทดลองการทำงานอื่นของระบบ

 

ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว ดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆลดระดับลงจนตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว

 

เหล่าชาวนาได้กลับบ้านของตนพร้อมกับอุปกรณ์ทำสวนของพวกเขา

 

 

“ระบบ หาคนที่หน้าตาดีที่สุดในระยะสิบเมตรให้ข้าหน่อย!”

 

“ท่านเจ้าของ ได้โปรดมองเข้าไปในกระจกค่ะ”

 

เมื่อได้ฟังคำตอบของระบบ เฉินเฉิน ก็มองเข้าไปในกระจกทองแดงเล็กๆที่อยู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกค่อนข้างพึงพอใจ

 

หลังจากมองไปที่กระจก สีหน้าของเฉินเฉินก็เปลี่ยนไป วันนี้เขามัวง่วนอยู่กับการทดลองระบบ จนลืมทำอาหารให้พ่อแม่ของเขาไปเลย!

 

ในขณะที่เขากำลังซาวข้าวอย่างลุกลี้ลุกลนนั้นเอง พ่อของเขาเฉินชานและแม่ของเขาฉินโหลวก็มาถึงบ้านพอดี

 

“เอ่อ... ท่านพ่อ ท่านแม่...วันนี้ข้าลืมเตรียมอาหาร” เฉินเฉินสารภาพด้วยความเขินอายเล็กน้อยในตอนที่เขาเห็นสีหน้าอันเหนื่อยล้าของพ่อแม่

 

ในทันทีที่เขาพูดออกมาเช่นนั้น ก็มีเสียงนึงดังมาจากข้างนอกบ้านโดยไม่มีโอกาสให้พ่อแม่ของเขาได้ตอบกลับ

 

“ไม่เป็นไร วันนี้เจ้ามากินข้าวที่บ้านป้าก็ได้นะ”

 

เสียงนั้นดังมาจากคุณป้าร่างท้วมคนนึงที่พึ่งจะเข้ามาในห้อง

 

คุณป้าคนนี้เป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา และแม่ของเอ้อหยา เฉินเฉินเรียกเธอว่าป้าหลี่

 

เฉินชานและฉินโหลวถอนหายใจในตอนที่ได้ฟังเช่นนี้ วันนี้พวกเขารู้สึกไม่อยากอาหารเลยจริงๆ

 

ฤดูเก็บเกี่ยวกำลังมาถึงในเร็วๆนี้ แต่เขื่อนต้นน้ำกลับมีปัญหา ส่งผลให้แปลงเกษตรทั้งหมดในหมู่บ้านหินถูกน้ำท่วม ดังนั้นจึงแทบไม่มีอะไรเหลือให้เก็บเกี่ยวเลยในปีนี้

 

และถ้าเป็นแบบนี้หมู่บ้านหินจะจ่ายค่าเช่าที่ดินได้ยังไงกัน?

 

ในยุคนี้การไม่จ่ายค่าเช่าที่ดินถือเป็นเรื่องใหญ่ บทลงโทษที่เบาที่สุดก็คือถูกทำร้าย ถูกขับไล่ออกจากที่ดินเกษตร และถูกเปลี่ยนเป็นผู้ลี้ภัย ส่วนบทลงโทษที่หนักที่สุดนั้นหมายความว่าจะต้องขายลูกของตัวเอง ถูกเนรเทศออกไปเป็นพันไมล์ และจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

 

ในตอนนั้นเองเฉินชานก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน “ลูกเฉิน ทำไมลูกไม่แต่งงานกับเอ้อหยาซะหล่ะ?”

 

“หา?”

 

เฉินเฉินตกตะลึงในตอนที่เขาได้ฟังเช่นนี้ เอ้อหยาอายุแค่ 14 ปี แม้ว่าการแต่งงานในวัยเท่านี้จะถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติในโลกนี้ แต่ชายหนุ่มหน้าตาดีมีการศึกษาอย่างเขาจะยอมรับเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน?

 

นอกจากนี้ ตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็กไม่มีอะไรที่พวกเขามีร่วมกันเลย แล้วทำไมถึงต้องแต่งงานทั้งๆที่ไม่เคยมีเหตุการณ์ความรักหวานๆระหว่างกันหล่ะ?

 

เอ้อหยาโผล่หน้าออกมาจากข้างหลังป้าหลี่ ท่าทีของเธอดูเขินอาย

 

ลูกสาวของชาวนาคนนี้ไม่ได้น่ารักนัก เธอมีผิวแทนดูสุขภาพดี และมีรูปร่างค่อนไปทางผอม

 

เมื่อเห็นสี้หน้าของเอ้อหยา เฉินเฉินก็มีความคิดนึงผุดขึ้นมา เด็กสาวคนนี้แอบชอบเขาหรอ? เธอเคยบอกกับป้าหลี่รึเปล่า?

 

อันที่จริงหน้าตาของเขาโดดเด่นมากในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนแอบชอบเขา แต่ว่า...

 

“ระบบ ในรัศมีสิบเมตรมีใครรักฉันบ้าง?” หลังจากทดลองกับระบบมาแล้วระดับนึง เฉินเฉินก็สามารถถามคำถามนี้ในใจได้

 

“มีสามเป้าหมายค่ะ”

 

หัวใจของเฉินเฉินแทบวูบเมื่อได้ฟังคำตอบของระบบ ตามที่คาดเอาไว้เอ้อหยาตกหลุมรักเขา!

 

สองในสามของเป้าหมายต้องเป็นพ่อแม่ของเขาแน่ๆ ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่จะไม่รักลูกของตัวเอง

 

ส่วนอีกคนนึง มันจะเป็นใครได้หล่ะถ้าไม่ใช่เอ้อหยา? หรือว่าจะเป็นป้าหลี่...

 

“โดดเด่นเกินไปนี่มันก็ไม่ดีจริงๆนะ...” เฉินเฉินพึมพำกับตัวเองแล้วครุ่นคิดว่าจะปฏิเสธการแต่งงานที่ไม่ได้มาจากความรักนี้ยังไงดี

 

ในตอนนั้นเอง ระบบก็เริ่มระบุตำแหน่งของเป้าหมาย

 

“สองเป้าหมายอยู่ตรงหน้าท่าน ส่วนอีกเป้าหมายนึง เดินออกไปข้างหน้าสองเมตรแล้วจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายไปอีกห้าเมตรค่ะ”

 

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เฉินเฉินก็ตกตะลึง

 

แน่นอนว่าตรงหน้าเขาก็คือพ่อกับแม่ แต่อีกเป้าหมายนึงมันไม่ตรงกับตำแหน่งที่เอ้อหยาอยู่

 

ด้วยการเดินตามตำแหน่งที่ระบบบอกโดยไม่ทันรู้สึกตัว เฉินเฉินก็มาถึงเล้าหมูอีกครั้งและยืนอยู่ตรงหน้ากองขี้หมู

 

เขามองไปที่เหลาเฮยที่อยู่ในเล้าหมูในขณะที่เหลาเฮยเองก็มองกลับมาหาเขา

 

มนุษย์กับหมูมองหน้ากันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในช่วงเวลานี้ เฉินเฉินมีความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจของเขา

 

เหลาเฮยเจ้าหมูตัวนี้รักเขาจริงๆ มันช่างน่าตื้นตันอะไรอย่างนี้!

 

ด้วยเหตุผลบางประการ จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเหลาเฮย เจ้าหมูดำตัวนี้ มีความน่ารักและมีความอ่อนโยนอยู่ในดวงตาของมัน

 

“เหลาเฮย ที่ข้าดูแลเจ้ามาหลายปีไม่ได้สูญเปล่าสินะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนนี้เจ้าจะเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสามารถผลิตอุจจาระที่โดดเด่นแบบนั้นออกมาได้” เฉินเฉินพูดอย่างอ่อนโยนในขณะที่เดินไปหาเหลาเฮยแล้วลูบหัวของมัน

 

“อู้ดๆ...”

 

เหลาเฮยร้องออกมาสองครั้งหลับตาแล้วคลอเคลียที่มือของเฉินเฉินอยู่ซักพัก ท่าทีของมันแสดงให้เห็นถึงความดีอกดีใจ

 

เฉินเฉินยิ้มในตอนที่เห็นภาพนี้ ครอบครัวของเขาได้เลี้ยงเจ้าหมูตัวนี้มาเกือบสิบปีแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่มันจะมีความรู้สึกผูกพันกับเขา

 

แต่ถ้าเอ้อหยาไม่ได้ชอบเขา ทำไมพ่อของเขาถึงพูดเรื่องแต่งงานกับเอ้อหยากับเขาหล่ะ?

 

เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขาก็เดินเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

 

ข้างในนั้น พ่อแม่ของเขากำลังพูดคุยกับป้าหลี่อยู่

 

“ถ้าหากครอบครัวของข้าจ่ายค่าเช่าไม่ไหว พวกเราก็ยังพอสละหมูเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อยู่ แต่ครอบครัวของเจ้า....”

 

แม่ของเขาเฉินโหลวมองไปที่เอ้อหยาในขณะที่พูด

 

ป้าหลี่ดูเหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว

 

เจ้าของที่ดินของหมู่บ้านหินนั้นเป็นคนใจจืดใจดำ ถ้าป้าหลี่จ่ายค่าเช่าไม่ไหว พวกเขาก็น่าจะเอาตัวเอ้อหยาไปแล้วขายเธอให้กับซ่องโสเภณี

 

เธอเป็นแม่ม่ายและไม่ได้มีพละกำลังอะไรนัก การที่เธอเลี้ยงเอ้อหยามาได้ถึงขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และถ้าเอ้อหยาถูกขาย เธอคงจะเอาตัวรอดได้ไม่นานนัก

 

 ข้างนอกห้อง เฉินเฉินพอจะเดาเรื่องส่วนใหญ่ได้แล้ว

 

เห็นได้ชัดว่า มีปัญหาที่แปลงเกษตรของหมู่บ้านหิน และพวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายค่าเช่าที่ดินในส่วนของปีนี้ได้

 

พ่อแม่ของเขาเป็นห่วงว่าเอ้อหยาจะถูกลักพาตัวและถูกจับขายให้กับซ่องโสเภณี ดังนั้นพวกเขาก็เลยเสนอให้เขาแต่งงานกับเธอ

 

ในอดีตพ่อของเอ้อหยาใจดีกับครอบครัวของพวกเขามาก ดังนั้นการตัดสินใจของพ่อแม่ของเขาจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

 

ในโลกนี้ ชาวนาทั่วๆไปจะไม่สามารถออกจากหมู่บ้านได้เลย และคู่แต่งงานที่เป็นไปได้ก็มีแค่เพื่อร่วมงานในหมู่บ้านที่มีกันอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น และถึงยังไงมันก็เหมือนกับว่าพ่อแม่ของเขาคงวางแผนจะจับเขาแต่งงานกับเอ้อหยามาตั้งแต่แรกแล้วด้วย

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเฉินเฉินอาจจะยอมรับชะตากรรมของเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีระบบเสริมคนที่จะกลายเป็นอมตะในอีกไม่ใช้ก็เร็ว แล้วเขาจำเป็นต้องยอมแต่งงานเพื่อแก้ปัญหาของคนอื่นด้วยหรอ?

 

แบบนั้นมันคงจะไม่ยุติธรรมกับสถานะของเขา

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็ตรงดิ่งเข้าไปในบ้านแล้วพูดขึ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ มีปัญหาเรื่องค่าเช่าที่ดินสินะครับ? พวกเรายังมีเวลาอีกสามวันก่อนที่จะถึงกำหนดจ่ายใช่ไหม? ในสามวันนี้ ข้าจะหาเงินที่เพียงพอต่อการจ่ายค่าเช่าเอง ข้าทำได้ครับ!”

 

“ค่าเช่ามันมีราคากว่าพันเหรียญเลยนะ เจ้าจะไปทำได้....” ฉินโหลวถูกขัด

 

เฉินเฉินสบัดมือแล้วพูด “ท่านแม่ ท่านยังจำนักบัญชีที่ร้านยาเฮ่เฟิงในมณฑลได้ไหมครับ? เขาบอกว่าข้ามีพรสวรรค์เรื่องตัวเลขก็เลยอยากรับข้าไปเป็นเด็กฝึกหัด ข้าจะไปหาเขา บางทีข้าน่าจะพอขอเบิกเงินล่วงหน้ามาได้บ้าง”

 

“แต่ว่า....”

 

“ไม่มีแต่ครับ ตอนนี้ข้าอายุสิบหกแล้ว จะให้ข้าอยู่บ้านเฉยๆตลอดทั้งวันคงไม่ได้อีกแล้ว นอกจากนี้ เหลาเฮยมันเป็นหมูนิสัยดี อย่าขายมันเลยนะครับ” เฉินเฉินพูดด้วยรอยยิ้มแล้ววิ่งตรงไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน

 

หมู่บ้านหินอยู่ห่างจากมณฑลแค่สิบไมล์ เขาน่าจะไปถึงที่นั่นตอนย่ำค่ำพอดี

 

“ลูกเฉิน! ไปพรุ่งนี้ไม่ดีกว่าหรอ? กลางคืนมันอันตรายนะ!” พ่อแม่ของเขาตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วงจากข้างหลัง

 

“ไม่เป็นไรครับ!” เฉินเฉินตะโกนตอบแล้วเร่งฝีเท้า

 

จัดการตอนกลางคืนมันง่ายกว่าสำหรับเขา ส่วนเรื่องของความปลอดภัยหน่ะหรอ? จะมีอะไรให้กังวลอีกหล่ะ? เขายากจน! จะมีใครที่ไหนอยากมาปล้นเขากัน?

 

รีวิวผู้อ่าน

moomundie
1339 วันที่แล้ว

55555


  แสดงความคิดเห็น