เมืองดันเจี้ยนในเดือนกุมภาพันธ์เป็นฤดูหนาวที่ช่างมืดมน
ความหนาวเย็นเหมือนเข็มทิ่มแทงกระดูกอย่างต่อเนื่อง มู่หยุนเหยายืนพิงกองหญ้าแห้ง
แขนของนางชุ่มไปด้วยเลือดโดยไม่รู้ตัว แต่รอยยิ้มที่ชัดเจนกระจายไปทั่วใบหน้าอันบอบบางนั้น
“ท่านย่าต่อไปเมื่ออยู่ในศาล ท่านจะต้องคิดอย่างรอบคอบ เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านกำลังจะกล่าวมันออกมา
คำกล่าวที่ผิดพลาดเพียงหนึ่งคำ อาจทำให้ท่านหมดลมหายใจได้
ท่านอาจจะต้องตายตามจางไคชู ไปอยู่ในหลุมฝังศพได้
แต่หากเจ้ากล่าวได้ถูกต้อง เขาก็จะตายแค่เพียงผู้เดียว ซึ่งข้าเชื่อว่า เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ จะมิทำให้ท่านลำบาก”
เสียงนั้นเหมือนนกไนติงเกล แต่สำหรับหลี่ชิ มันเหมือนเขี้ยวของวิญญาณร้ายในยามค่ำคืน
“มู่หยุนเหยาเจ้าเป็นฆาตกร! ผู้พิพากษาจะต้องค้นพบความจริง เจ้าหนีมิพ้นอย่างแน่นอน!”
“ฮ่า! แม้แต่สวรรค์ก็ตาบอดได้ นับประสาอะไรกับผู้คนธรรมดา!
มิฉะนั้นหลังจากหลายปีที่เจ้าทำผิดต่อข้าและท่านแม่ เหตุใดเจ้ายังมิตกนรก?
“เจ้า…เจ้าเป็นปีศาจ! ปีศาจอาฆาต! ผู้พิพากษาจะค้นพบความจริง และหัวของเจ้าก็จะถูกตัดนำไปเป็นอาหารสุนัข!”
หลี่ชิลากขาที่หักของนางไปหลบซ่อนตัวที่มุม
ราวกับว่า การทำเช่นนี้จะทำให้ช่องว่างระหว่างนางกับมู่หยุนเหยากว้างขึ้น
มู่หยุนเหยาเดินไปหาหลี่อย่างใจเย็น จากนั้นได้เหยียดแขนที่บาดเจ็บออก ขณะที่ใบหน้าของหลี่ชิซีดเผือดลงในทันที
“ท่านย่า ผู้คนเชื่อเพียงสายตาของตนเอง อันที่จริงข้าเป็นคนฆ่าเขา
แต่ผู้ใดจะเชื่อว่า ข้าสามารถฆ่าผู้ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่เช่นนั้นได้”
หลี่ชิเกิดอาการตัวสั่นสะท้านโดยมิทราบสาเหตุ ขณะที่นางกรีดร้องและผลักมู่หยุนเหยาลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
ในขณะนี้ผู้คุมท่านหนึ่งเดินมาที่ห้องขัง เมื่อเขาได้เห็นเหตุการณ์นี้ จึงยกกระบองขึ้นมา และชี้มาทางหลี่ชิ ขณะที่จ้องมองด้วยความเกลียดชัง
“แม้จะอยู่ในห้องขังเจ้าก็ยังมิรู้ที่อยู่ของตนเอง! เจ้าต้องการถูกลงโทษใช่หรือไม่? ตอนนี้ผู้พิพากษาเปิดคดีแล้ว รีบไปกันเถิด”
แม้จะอยู่ในคุกใต้ดิน แต่แม่เฒ่าผู้นี้ก็ยังมิลืมที่จะรังแกหลานสาวของตนเอง สมน้ำหน้าที่นางขาหัก!
หลี่ชิเงยหน้าขึ้นมองมู่หยุนเหยาขณะที่สายตาของนางได้พบกับความเย็นชาของมู่หยุนเหยา
และมิสามารถช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเลย และหากรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้กลายเป็นเช่นนี้ คงจะฆ่านางไปก่อนหน้านี้แล้ว!
มู่หยุนเหยาหัวเราะอย่างเย็นชาและยืนขึ้น ขณะที่นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
เมื่อสี่วันก่อนขณะที่มู่หยุนเหยาลืมตาขึ้นและต้องตกตะลึงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ในห้องที่มีขนาดเล็กราวกับรูหนู และใกล้กับนางมีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ไผ่
ชุดน้ำชาที่สะอาดและเรียบร้อยถูกวางอยู่บนโต๊ะ ที่มุมห้องมีตู้เสื้อผ้าเก่าคร่ำครึอยู่อีกหนึ่งตู้
นอกเหนือจากนี้ก็มีแต่ความว่างเปล่า
นี่คือห้องของนางเมื่อตอนอายุสิบสามปี!
มีสาวงามคนหนึ่งเอนกายนอนตะแคงกาย ผมของนางดำราวกับอีกา ร่างที่ผอมเพรียวและบอบบาง
ซึ่งชุดที่เรียบง่ายนั้นมิสามารถเก็บซ่อนอาการที่สง่างามของนางได้ นี่คือมารดาของนาง มีชื่อว่าซูชิง
"ท่านแม่…"
“เหยาเอ๋อฟื้นแล้ว หัวยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” ซูชิงรีบพยุงมู่หยุนเหยาให้ลุกขึ้นนั่ง
จากนั้นน้ำตาได้ร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว
“ทั้งหมดเป็นความผิดของแม่เอง แม่มิสามารถปกป้องเจ้าได้ ย่า…ท่านย่าของเจ้าทำร้ายเจ้าได้อย่างไร”
มู่หยุนเหยาตระหนักว่า ด้านหลังศีรษะของตนเองรู้สึกเจ็บปวด
นางจึงเอื้อมมือไปสัมผัสมันและความเจ็บปวดนั้นทำให้การมองเห็นของนางมืดลงชั่วขณะ
ทันใดนั้นนางก็จำได้ว่า ในเวลานี้บิดาของนางได้ตายจากไปแล้วเป็นเวลาสองเดือน
และท่านย่าได้มาที่บ้านของพวกนาง
ซึ่งมันทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก มู่หยุนเหยาพยายามที่จะกล่าวถึงความรู้สึกบางอย่างกับนาง แต่สิ่งที่ได้รับคือการถูกทุบตี
“ท่านแม่ ท่านแม่!” มู่หยุนเหยาเข้ามาในอ้อมกอดของซูชิง
ความสุขที่ท่วมท้นเติมเต็มเข้าไปในหัวใจของนาง
ซึ่งทำให้น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาทันที นางกลับมาแล้ว นางย้อนกลับมาในตอนที่ฝันร้ายยังมิได้เริ่มขึ้น มารดาของนางยังมีชีวิตอยู่ มารดาของนางจะต้องปลอดภัย!
ซูชิงอยู่ในอาการตกตะลึง แต่ยังคงกอดบุตรสาวของตนเองเอาไว้แน่น
ราวกับว่า นางกำลังกอดสมบัติที่เคยสูญหายไปและได้ค้นหามันพบอีกครั้ง ซูชิงร้องเรียก
“เหยาเอ๋อ”
มู่หยุนเหยากัดลิ้นของตนเอง เพื่อทดสอบบางอย่าง
ซึ่งความเจ็บปวดนั้นนสามารถยืนยันความจริงว่า ในตอนนี้นางมิได้ฝันไป
หากสิ่งนี้เป็นความฝัน นางคงมิต้องการที่จะตื่นตลอดไป สำหรับเรื่องนี้นางยอมแลกกับทุกอย่างที่มี!
ทันใดนั้นเสียงแหลมก็ดังขึ้น
“ซูชิงเจ้าช่างใจดำอย่างที่ข้าคาดไว้ ข้าแค่จะเอาของที่เป็นของลูกชายข้าคืนมา
แล้วเจ้ากล่าวเช่นใดกับข้า?
ฮึ่ม! ข้าจะบอกเจ้าให้รู้ว่า สิ่งใดที่เป็นของลูกชายข้า ก็นับว่าเป็นของข้าด้วย ซึ่งมันถูกต้องตามหลักการของสวรรค์และโลกแล้ว!
เมื่อลูกชายของข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้ามิสามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ตอนนี้เขาตายไปแล้ว เจ้าจะเอาของเขาไปเป็นของตนเองเช่นนั้นหรือ?!
เจ้าช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสาป!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ มู่หยุนเหยารู้สึกราวกับว่ามีสายฟ้านับหมื่นฟาดลงมาที่ศรีษะของตนเอง ขณะที่ร่างของนางสั่นสะท้านด้วยความโกรธแค้น
นี่คือท่านย่าของนาง เสียงของ หลี่ชิ! ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เสียงนี้ฟังราวกับเป็นคำสาป เมื่อใดที่ได้ยินหัวใจของนางก็มักจะสั่นระทึกทุกที