px

เรื่อง : หลานชายของจักรพรรดิศักดิสิทธิ์เป็นเนโครแมนเซอร์
Chapter 29: เป็นเจ้าชายนี่มันโคตรเหนื่อยเลยจริงๆ - 3 (ส่วนที่ 1)


 

เคานต์แวมไพร์ฉีกกระชากศพที่นอนกองอยู่บนโล่และกินมันลงไป มันกินแขนขวาเน่าอย่างเสียงดังก้อง

 

เขากำลังเพลิดเพลินกับรสชาติอันแสนโอชะในปากของเขา ร่างกายอันใหญ่โตของเขาสั่นไปมาเล็กน้อย ซอมบี้แบกเกี้ยวจากด้านล่าง พวกมันต่างพบว่ามันเป็นเรื่องที่จะหาสมดุลได้ เคานต์แวมไพร์เดาะลิ้นและหลือบตามองกลับไปยังปราสาทโรเนีย

 

-อ๊า อ๊า!! ฉันรู้สึกได้แล้ว

 

เคานต์สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงสัญญาณของสิ่งมีชีวิต

 

เนื้อสดๆที่มันไม่ได้ลิ้มรสมากว่าห้าสิบปีกำลังรอคอยให้มันไขว่คว้า มันจะมีผู้คนมากมายเท่าใดกันที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกำแพงนั่นอย่างหวาดกลัว? คนหลายร้อย? หลายพัน? บางทีอาจจะหลายหมื่น?

 

มันคงจะสดชื่นแค่ไหนกับการที่มีเนื้อและเลือดสดๆในปากของมัน?

 

กองกำลังของมันจะแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน หลังจากที่มนุษย์พวกนั้นถูกสังหารและเปลี่ยนกลายเป็นทหารอันเดท?

 

สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้รอคอยโอกาสนี้มากว่าห้าสิบปี มันเริ่มต้นมาจากซอมบี้ธรรมดาทั่วไป ที่เดินไปมาโดยใช้สัญชาตญาณ หลังจากนั้นมันก็พัฒนากลายเป็นกูล ก่อนที่จะเปลี่ยนร่างไปเป็นดูลลาฮานและสุดท้ายก็เป็นลอร์ดซอมบี้ และในที่สุดมันก็กลายเป็นแวมไพร์จนได้

 

มันกลายเป็นตัวตนที่สามารถที่จะคิด และสามารถที่จะตัดสิน ได้ด้วยตัวเอง

 

แวมไพร์เคานต์มันรอเวลานี้มานานแค่ไหนกัน?

 

มันมีพลังอำนาจมากพอที่จะสั่งการกองทัพอันเดทได้แล้ว รวมทั้งสามารถที่จะมีกักเก็บพลังมารจำนวนมากได้อีกด้วย

 

การแบ่งชนชั้นของแวมไพร์นั้นวัดจากระดับของพลังมารที่พวกมันมี ถึงแม้ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้จะได้รับการยอมรับโดยแวมไพร์ตัวอื่นและมันยังไม่ได้รับระดับ มันยังรู้สึกมีความมั่นใจในการโอ้อวดพลังของมันเหมือนกับแวมไพร์เคานต์ทำ

 

เคานต์? ข้าสูงกว่าระดับเคานต์นี้เสียอีก

 

ดูกองทัพที่ยิ่งใหญ่นี้สิ! แม้แต่แวมไพร์ที่มีระดับมาร์ควิสยังไม่สามารถที่จะมีกองทัพอันเดทกว่าสองหมื่นตัว!

 

ถูกแล้ว ข้ามันไม่ใช่เคานต์ ข้ามันมากพอที่จะเป็นลอร์ดแวมไพร์ ไม่สิ เป็นราชาแวมไพร์แล้ว!’

 

เคานต์แวมไพร์ลูบที่สร้อยคอของมันที่ใส่อยู่รอบคอ มันเป็นกองภูเขากะโหลกแพะ ซึ่งมันใหญ่ยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก

 

นี่คือ หัวกะโหลกของราชาเนโครแมนเซอร์ เอม่อน!’

 

มันเป็นสิ่งของที่มันทำให้เปลี่ยนกลายเป็นเคานต์แวมไพร์ได้ ซอมบี้ธรรมดาทั่วไปมันไม่มีทางที่จะไปเป็นแวมไพร์ได้ แม้ว่าจะรวบรวมพลังมารกว่าหนึ่งร้อยปีและหัวกะโหลกของมันก็ได้ทำหน้าที่นี้มากว่าหลายสิบปี

 

มันได้ช่วยสัตว์ประหลาดตัวนี้มาหลายต่อหลายสิ่ง อย่างเช่นการรวบรวมพลังมาร รักษาร่างกายของสิ่งมีชีวิตและทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เพียงเวลาไม่นาน มันก็สามารถที่จะก้าวข้ามเคานต์และก้าวเข้าสู่การกลายเป็นราชาแวมไพร์ และในช่วงเวลานี้คือก้าวแรกของมันที่ไปสู่เส้นทางของราชา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มันเตรียมตัวอย่างขยันขันแข็งกว่าหลายสิบปี

 

-ข้าคือราชา เป็นผู้สืบทอดความปรารถนาของพระเจ้าแห่งความตาย ยูได!

 

เคานต์แวมไพร์อ้าแขนออกกว้างอย่างองอาจและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ดวงตาของมันส่องแสงสว่างออกมาจากในกระโหลกของราชาเนโครแมนเซอร์เอม่อน

 

พลังมารแพร่กระจายไปทั่วทุกแห่ง อันเดทสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความตาย พวกมันเงยหน้าขึ้น ในขณะที่ส่งเสียงออกมา

 

-โอ้ อันเดทของฉัน

 

เคานต์แวมไพร์ใช้นิ้วที่อ้วนหนาของมันชี้ไปที่ปราสาทโรเนีย

 

-ไปกำจัดมันซะ...

 

สัตว์ประหลาดฉีกยิ้มและคำรามออกมา

 

-พวกมันจะต้องได้รับบดทดสอบของชีวิต!

 

ทันทีที่คำพูดนี้ออกไปจากปาก อันเดททั้งหมดต่างออกเดินทางพร้อมกัน

 

กองทัพต่างกรีดร้องออกมาและพวกมันต่างมุ่งหน้าไปยังโรเนีย

 

**

 

(มุมมองของอัลเลน)

 

มันเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ฉันถูกขังไว้อยู่ที่นี่

 

ฉันน่าจะถูกปล่อยตัวได้แล้วและด้วยเหตุผลบางอย่าง มันไม่มีใครเดินมาปล่อยฉันออกไป มันเกิดอะไรขึ้น? อย่างน้อย ชาร์ลอตต์ก็น่าจะส่งอาหารเช้ามาให้ฉันได้แล้ว

 

ฉันจับไปที่กรงเหล็กและเหลือบตามองออกไปด้านนอก “โอ้ย มีใครอยู่ตรงนั้นไหม? อย่างน้อยก็ให้อาหารฉันกินหน่อย! ฉันโคตรหิวเลย!”

 

ฉันก็ได้ยินเสียงวุ่นวายด้านนอก

 

“เร็วเข้า เร็วเข้า...”

 

เจ้าเมือง รวมทั้งทหารของเขาต่างเดินมาทางฉันอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังเพลิดเพลินไปกับร่างกายที่บึกบึนและหนวดที่มีสไตล์แบบนั้น สีหน้าของเขาซีดขาวอย่างมาก รวมทั้งคนคุ้มกั้นของเขาด้วย

 

พวกเขาต่างวิ่งมาทางห้องขังเหมือนกับว่าพวกเขากำลังถูกไล่ล่าโดยอะไรบางอย่าง หนึ่งในทหารรีบพยายามเปิดประตูของห้องกรงขังด้วยมือที่สั่นสะท้าน

 

“แม่งเอ้ย! ทำไมมันถึงไม่เปิดกัน??

 

ทหารที่กระวนกระวายใจตะโกนออกมาเสียงดังก้อง

 

เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเจ้าเมืองและเจ้าชายอยู่ใกล้กับเขา

 

“อะไรนะ? มันเกิดอะไรขึ้นแล้วเหรอ?”

 

คำถามของฉันทำให้เจ้าเมืองตัวสั่นสะท้าน เขารีบปาดเหงื่ออันเย็นยะเยียบและตอบกลับ “ผม-มันไม่ได้มากอะไรเท่าไหร่ครับ เจ้าชาย ฮ่าๆๆๆ!”

 

มันไม่ได้มากเท่าไหร่? ทำไมเจ้าถึงเหงื่อตกขนาดนั้นกัน ทั้งๆที่มันเย็นขนาดนี้? อีกอย่างหนึ่งฉันยังเห็นว่าตาของเขาสั่นเครือไปด้วยความกังวลด้วยเช่นกัน

 

ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยและตรวจสอบชื่อของเจ้าเมืองผ่าน [เนตรจิต]

 

[ชื่อ : เจนาล ริปปังค์ (วิสเคานต์)]

 

อายุ : 43

 

ความสามารถพิเศษ : ปลอบโยน สกิลสื่อสาร เมตตา]

 

บ้าอะไรกันวะเนี่ย? ไม่ใช่ว่าเขาถูกลดยศมาที่นี่ เนื่องจากว่าเขาหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีของศาลกัน? ถ้าเขาทำมันแบบนั้น แล้วสถานที่เป็นพระแบบนั้นคืออะไร?

 

เจ้าเมือง เจนาลตบลงไปที่ไหล่ของทหารที่กระวนกระวายใจ “ใจ...ใจเย็นก่อนนะ พ่อหนุ่ม”

 

“ท่าน? ครับ....แน่นอน”

 

ทหารยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่จะปลดล็อคประตูห้องขัง เขาน่าจะพบว่าเจ้าเมืองกำลังทำให้เขาใจเย็นลง ในขณะที่กลัวมากยิ่งกว่าเดิม ซึ่งมันดูน่าสงสารอย่างมาก

 

ในเวลาเดียวกัน เจ้าเมืองฝืนยิ้มและพูดออกมา “พวกเรา....พวกเรามาปกป้องท่าน เจ้าชาย ได้โปรดไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”

 

ในขณะที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ฉันก็ออกมาจากห้องขังและมุ่งตรงไปยังจัตุรัสกลางพร้อมกับพวกเขา ฉันมองเห็นคนนับร้อยเคลื่อนที่ไปที่ไหนบางแห่ง ภายใต้การดูแลของทหาร

 

ฉันสับสนกับบรรยากาศของปราสาท

 

เจนาลออกคำสั่งกับทหาร “ไปบอกท่านฮาร์แมนว่าฉันได้ดูแลเจ้าชายแล้ว”

 

“ครับท่าน!”

 

“ครับท่าน!”

 

เจ้าชายน่าจะเป็นทหารจริงและไม่ใช่นักโทษ ตัดสินจากวิธีที่เขาปฏิบัติตัวของเขากับเจ้าเมือง หลังจากทำแบบนั้น ทหารก็รีบวิ่งออกไป

 

“เจ้าชาย พวกเรากันไปได้ยังครับ? ได้โปรดอนุญาตให้ผมพาคุณไปยังที่ปลอดภัย”

 

“....เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

ฉันแสกนพื้นที่โดยรอบ

 

ทหารต่างเดินกันอย่างวุ่นวายกันบนถนน มีพวกเขาบางคนกำลังอพยพพลเมือง ในขณะที่บางคนต่างสวมชุดออกรบอย่างเต็มรูปแบบ และวิ่งออกไปในอีกทิศทางหนึ่ง

 

“....มันเป็นเพราะคลื่นแห่งความตายครับ ท่านฝ่าบาท”

 

ฝ่าบาท?

 

อ๊า ใช่แล้ว มันเกือบจะวันที่ 25แล้ว

 

มันยิ่งทำให้อันเดทต่างเกรี้ยวกราดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

 

“ฉันคิดว่ามันไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่หนิ? ข้อมูลที่บอกมาคือนั้นคืออย่างมากที่สุด พวกเราจะต้องสู้กับอันเดทสามหรือสี่พันตัว?”

 

นอกจากนี้แล้วเหล่ามอนสเตอร์พวกนี้ก็ไม่ได้มีอุปกรณ์เอาไว้บุกทำลายปราสาทและพึ่งพาแต่สัญชาตญาณดิบของพวกมันเท่านั้น ตราบเท่าที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกำแพง มันก็ไม่น่าจะอันตรายอะไร

 

แน่นอนแหละว่าเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้จะพุ่งชนเข้าใส่กำแพงและนักโทษที่ไม่ได้ฝึกฝนมามากมายเท่าใดก็เพียงพอแล้วที่จะหยุดพวกมัน

 

โชคร้ายสำหรับฉันที่วิสเคานต์เจนาลถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ เขาตอบกลับออกมาและทำลายความคิดอันใสซื่อของฉันไป “สถานการณ์นี้มันแตกต่างไปจากครั้งอื่นครับ ฝ่าบาท ภัยพิบัตินี้มันใหญ่หลวงกว่าแต่ก่อนมาก”

 

“...โอเค เอาละมันมีมากเท่าใดกัน?”

 

“มันมีมากกว่าสองหมื่นตัวครับ?”

 

“ในหนึ่งสัปดาห์?”

 

“...ไม่ละครับ นี่คือจำนวนของมันที่ปรากฏตัวขึ้นวันนี้ ฝ่าบาท พวกมันทั้งหมดต่างเคลื่อนไหวพร้อมกันในวันนี้”

 

ฉันพูดไม่ออกทันทีหลังจากที่ได้ยินมัน นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย? ไม่ใช่ว่ามันจะปลอดภัยดีแล้วงั้นเหรอ? ถ้าซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงปราสาท?

 

“ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม พวกเราจะออกไปพร้อมกัน ฝ่าบาท ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เหมือนเช่นนั้น แต่ผมคิดว่าพวกมันสามารถที่จะบุกปราสาทนี้ได้ ดังนั้นผมต้องการคุ้มกันตัวท่านออกไปยังพื้นที่ปลอดภัยก่อนที่จะ...”

 

“ท่านครับ!”

 

อัศวินคนหนึ่งรีบวิ่งมากระซิบที่ข้างหูของเจนาล

 

“พวกเรา...พวกเราถูกล้อมไว้แล้ว?”

 

“มันมีสัตว์ประหลาดอันเดทมากกว่าสามพันตัวเราดักรออยู่ที่ประตูด้านข้างของเมืองครับ ท่าน”

 

“...พวกมันโจมตียัง?”

 

“ไม่ครับ พวกมันยังคงยืนนิ่งอยู่ มันเหมือนกับว่าพวกมันรอคอยที่จะกลืนกินความหวังในการอพยพหนีของพวกเราครับ ท่าน”

 

....บ้าอะไรวะเนี่ย มันอันตรายมากขนาดนี้แล้วเหรอ?

 

“อื้ม ฝ่าบาท พวกเรากลับไปยังแมนชั่น? พวกเราควรที่จะ...”

 

วู้ชชชช!!

 

บึ้มมมม!!

 

รีวิวผู้อ่าน