px

เรื่อง : Almighty coach
ตอนที่ 3 เริ่มการฝึก


 

พวกหัวข้อในการสอบสมรรถภาพเข้าโรงเรียนม.ปลายแตกต่างกันไปตามเขต โหยวหาว ที่ๆ หลี่ไต้ อยู่มีการสอบทั้งหมด3ประเภทสำหรับผู้ชาย มีวิ่ง1000เมตร กระโดดไกล แล้วก็ดึงข้อ ส่วนของผู้หญิง ต้องวิ่ง800เมตร กระโดดไกล แล้วก็ซิดอัพ คะแนนเต็มทั้งหมด60คะแนนหมายความว่าแต่ละการฝึกคะแนน20คะแนน

ถ้าเปรียบเทียบกับของผู้หญิงแล้ว การทดสอบของผู้ชายนั้นมันยากกว่าเยอะ แล้วก็จะยากโคตรๆสำหรับกลุ่มก้อนความอ้วนที่อยู่ตรงหน้าเขา

ฐานกระโดดไกลน่าจะเป็นการทดสอบที่ง่ายที่สุด ตราบใดที่มาเข้าสอบก็สามารถผ่านไปได้ง่ายแม้ตัวจะอ้วนก็ตาม สำหรับคนที่มีน้ำหนักเกิน การวิ่ง1000เมตรก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร แต่คำถามน่าจะอยู่ที่ว่าพวกนั้นจะวิ่งไปเข้าเส้นชัยได้ทันไหม เพราะถ้าพวกเขาช้าเกินก็จะไม่ได้คะแนน

ส่วนดึงข้อเหรอ มันเป็นเหมือนนรกของพวกอ้วนเลย สำหรับวัยรุ่นที่ไม่มีการเจริญเติบโตมากพอ ส่วนแขนเนี้ยถือเป็นจุดอ่อนของพวกเขาเลยละ คนที่น้ำหนักน้อยจะได้เปรียบเรื่องดึงข้อมากกว่า เด็กม.ต้นบางคนที่ดูเหมือนจะขาดสารอาหาร ยังสามารถดึงข้อได้หลายโหล ในขณะที่พวกสมส่วนก็จะทำได้ยากขึ้นมา แต่สำหรับพวกน้ำหนักเกินก็จะเป็นอีกแบบเลย พวกนั้นไม่สามารถดึงข้อได้ซักครั้งด้วยซ้ำ

วันนี้ กลุ่มนี้ตั้งใจที่จะมาฝึกในหมวดสุดท้ายทั้งนั้น ถ้าพวกนี้เก่งกีฬา คงไม่ต้องมาเสียตังเพื่อมาลงฝึกคลาสพิเศษหรอก

....

“สวัสดี ฉันชื่อหลี ฉันจะมาเป็นโค้ชให้พวกเธอ จากวันนี้ไป ให้เรียกฉันว่าโค้ชลีแทนคำว่าอาจารย์หลี” หลี่ไต้ ค่อนข้างย้ำคำว่าโค้ช

"เอาละ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ทุกคนมาวอร์มอัพร่างกายตามฉันกัน" ถึงเเม้ว่าหลี่ไต้ จะไม่ได้นับว่าเป็นโค้ชเเต่อย่างน้อย เขาก็ถือว่าเป็นนักศึกษาคณะการฝึกกีฬา ตอนที่เขาเรียนเกรดเขาก็ไม่ได้เเย่ เเล้วก็ไม่เคยสอบตกซักวิชาเลยด้วย ในการเป็นครูหลังเรียนจบ เขาถึงขั้นไปเรียนวิชาการศึกษามาด้วย นั้นทำให้การฝึกกลุ่มเด็กมัธยมต้นนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา

“เเกควรใช้การ์ดทดลองโค้ชตัวท๊อปได้เเล้วนะ” เสียงดังขึ้นในหัวของหลี่ไต้ มันเป็นเสียงของหัวทองคำในระบบโค้ช

"การ์ดทดลองโค้ชตัวท๊อป ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเเล้วถ้าไม่ได้เเกเตือนนะเนี่ย" สติของหลี่ไต้ เข้าสู่ระบบโค้ชเเล้วหยิบบัตรเข้าสู่ตัวเขา ตัวเลข14โผล่ขึ้นมาบนการ์ด

14วัน ตัวเลขนี้จะลดลงตามจำนวนวันที่ผ่านไป การ์ดจะหายไปเมื่อตัวเลขเหลือ0" หลี่ไต้ เช็คสถานะของตัวเองขณะที่ระบบกำลังพูด

ชื่อหลี่ไต้

ระดับโค้ช มือใหม่

อื่นๆ การ์ดทดลองโค้ชตัวท๊อป(เหลือ14วัน)

รายการฝึก

 "เเกต้องทำการเพิ่มชื่อของนักเรียนพวกนั้นเข้าในรายการฝึก ด้วยวิธีนี้จะทำให้การฝึกได้ผลมากขึ้น"ระบบพูดต่อ

"โอเคใส่ชื่อพวกนั้นลงในรายการ เสี่ยวหมิง ฮวง ชุน ลี กงกง วู ... เดี๋ยวนะ รายการนี้มันรับได้ทุกคนเลยเหรอ" หลี่ไต้ ถามขึ้นมา

“ก็ไม่เสมอไปนะ รายการฝึกพวกนี้ต้องเป็นคนที่แกฝึกด้วยตัวเองเท่านั้น ถ้าแกไม่ได้ฝึกคนพวกนั้นอีกแล้ว พวกนั้นก็จะถูกลบออกจากรายการเอง แล้วก็แกสามารถลบชื่อออกจากรายการได้ด้วยตัวเองก็ได้นะ แกลองเพิ่มรายชื่อคนมั่วๆดูซิ” ระบบบอก

หลี่ไต้ ลองทำตามที่ระบบบอก แล้วเริ่มคิดถึงนักกีฬาระดับโลกซักคน แต่ระบบกลับบอกว่าไม่สามารถเพิ่มเข้าในรายการได้ หลี่ไต้ เลยลองเพิ่มเพื่อนร่วมห้องของตัวเองลงไปในรายการ แต่ก็ยังไม่ได้

งั้นก็จริงที่ฉันจะเพิ่มคนที่ฉันไม่ได้ฝึกลงไปในนี้ไม่ได้” หลี่ไต้ ยอมรับแล้วกลับสู่ความเป็นจริงและเริ่มการฝึกของจริง

การดึงข้อเป็น1ในหัวข้อของการสอบสมรรถนะในการเข้าม.ปลาย เน้นการทดสอบการพัฒนาการของร่างกายท่อนบนเช่นเดียวกับแรงในการห้อยตัว หลายๆคนคิดว่าการดึงข้อมันเกี่ยวกับการมีกล้ามเนื้อแขน แต่ในความเป็นจริง มันไม่ใช่แค่มีกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรง แต่รวมถึงกล้ามเนื้อไหล่ที่แข็งแรง และกล้ามเนื้อหลังที่แข็งแรง เหมือนกับพวกเล่นกล้ามในยิม  เอาจริงพวกนั้นฝึกท่าดึงข้อเพื่อฝึกกล้ามเนื้อหลังแทนที่จะเป็นกล้ามแขน

ในการฝึกดึงข้อ มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะเรียนรู้วิธีการใช้แรงของตัวเอง สำหรับคนที่ไม่เคยดึงข้อเลยซักครั้ง มันไม่ใช่ว่าพวกเขามีแรงไม่พอ แต่พวกเขาไม่รู้เทคนิคที่ถูกต้องต่างหาก โดยปรกติแล้วคนที่ไม่เคยดึงข้อเลยซักครั้งสามารถดึงข้อได้1-2ครั้งหลังจากเรียนรู้ท่าที่ถูกต้องแล้ว ภารกิจแรกของหลี่ไต้ คือสอนให้นักเรียนของเขา เคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องและเรียนรู้การใช้กำลังควบคู่ไปกับเทคนิค

การดึงข้อเอาจริงๆเป็นท่าที่มาตรฐานมากๆสำหรับการฝึกกีฬา แล้วมันก็เป็นท่าที่คุ้นเคยกันมากๆสำหรับนักศึกษามหาลัยในคณะฝึกการกีฬา สำหรับเขา มันเหมือนกล้วยเข้าปากในการสอนให้พวกนั้นทำท่าให้ถูกแล้วก็ใช้เทคนิคเพื่อดึงกำลังออกมา

“เสียวหมิง ฮวง ตั้งใจใช้กำลังที่ไหล่ ใช้ไหล่ในการยกตัวขึ้น นั้นละ ดีมาก ออกแรงขึ้นอีก อย่าใช้แค่มือ ใช้พลังจากช่วงส่วนบนทั้งตัว อย่ายกเอวมันไม่ได้ช่วย ยกไหล่ขึ้น ใช่ นั้นละ ดีมาก! ลองดูอีกที!”

 

หลี่ไต้ เริ่มจากช่วยพยุงขาของเสี่ยวหมิงฮวง แต่ตอนนี้เขาปล่อยให้ทำเองทั้งหมด แล้วคอยแนะนำ เสี่ยวหมิงฮวง สามารถดึงข้อได้สำเร็จเป็นครั้งแรกด้วยตัวเองเขาเอง

“ฉันทำได้! ฉันพึ่งยกข้อด้วยตัวเองได้!” เสี่ยวหมิงฮวง ลงมาจากบาร์โหน แล้วร้องดีใจสุดขีด จนนักเรียนคนอื่นมองเขาอย่างอิจฉา

หลี่ไต้ ปาดเหงือที่หน้าผากก่อนพึมพำกับตัวเอง “เสี่ยวหมิงฮวงดูเหมือนจะหนักแล้วก็ช้านะ แต่เขาค่อนข้างฉลาด เข้าทำความเข้าใจได้เร็ว ฉันสอนเขาแค่รอบเดียว แล้วเขาก็เป็นเทคนิคนั้นเลย เขามีพรสวรรค์ด้านกีฬารึเปล่าเนี่ย”

“มันไม่ได้เกี่ยวกับพรสวรรค์หรอก นั้นเป็นเพราะบัตรโค้ชตัวท๊อปทำงานตั่งหาก”ระบบแทรกเข้ามา

“หมายความว่ายังไง” หลี่ไต้ ถามในใจ

“เสี่ยวหมิงฮวงเป็นแค่คนธรรมดา แต่เพราะเขาอ้วนทำให้ทั้งความยืดหยุ่นกับความสามารถน้อยกว่าชาวบ้านเขา แต่ก็เพราะตอนนี้แกเป็นโค้ชตัวท๊อป นั้นทำให้เสี่ยวหมิงฮวงได้ผลลัพท์การฝึกระดับตัวท๊อปไปด้วยเหมือนกัน มันทำให้เขาเรียนรู้เทคนิคการดึงข้อได้ในครั้งเดียว

ระบบหยุดซักพัก แล้วพูดต่อ “ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูกับคนอื่นดูซิ”

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้ง11คนก็สำเร็จเทคนิคการดึงข้อ ส่วนมากพวกเขาเรียนรู้จากแค่การฝึกแค่ครั้งเดียว ซ้อมน้อยมากก็สำเร็จได้ นั้นทำให้หลี่ไต้ รู้ว่าระบบนี้ไม่ได้ล้อเล่น

เทคนิคสำหรับการดึงข้อไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอกแต่ยังไงก็เถอะ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดาที่จะลองแค่ครั้งเดียวแล้วทำได้ นักกีฬาหรือนักเต้นที่โดนฝึกมาอย่างหนักจะใช้เวลาในการเรียนรู้ท่าใหม่ๆได้เร็วกว่าคนธรรมดา นั้นก็เพราะร่างกายของพวกนั้นมีการยืดหยุ่นและความสามารถที่ดี มันต้องใช้เวลานานขึ้นสำหรับคนอ้วนที่จะเรียนรู้ท่าใหม่ๆนานกว่าคนธรรมดาเพราะพวกนั้นไม่มีความยืดหยุ่นในการประสานท่าทาง

แน่นอนมันมีข้อยกเว้นเสมอ ตัวอย่างเช่น จินเป่า ฮง รู้จักกันดีในฐานะของอ้วนพลิ้ว ถ้าดูจากรูปร่างของเขา เขาเหมาะสมกับคำว่า อัจฉริยะ เพราะความยืดหยุ่นและความพลิ้วไหวของเขา ถ้ามีแค่เสี่ยวหมิงฮวงคนเดียวที่ทำได้ หลี่ไต้ ก็พอจะมั่นใจได้หน่อยว่าอาจเป็นพรสวรรค์จริงๆ แต่ทั้ง12คนเป็นเหมือนกันหมด พวกเขาเรียนรู้เทคนิคการดึงข้อได้ในไม่กี่นาทีเหมือนกันหมด มันคงเป็นไม่ได้ว่าทั้ง12คนเป็นอัจฉริยะ มีคำอธิบายได้อย่างเดียวคือระบบโค้ชมันของจริง!

“ระบบโค้ชมันใช้ได้จริงๆวะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพระเจ้าจะประธานระบบโคตรโกงนี้มาให้ฉัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เด็กพวกนี้สามารถได้คะแนนเต็มในการสอบสมรรถนะเข้าม.ปลายได้ใน2อาทิตย์แน่ๆ!” หลี่ไต้ คิดกับตัวเอง

 

รีวิวผู้อ่าน