กงกงวูถือว่าเป็นคนที่อ้วนที่สุดในโรงเรียนมัธยมสังกัดมหาวิทยาลัยทั่วไป นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำให้อาจาร์ยช่วนฟู๊เหลียวอึ้งได้ขนาดนั้น เขาไม่มีความสามารถในการพัฒนาเลยในสายตาของอาจารย์เหลียว แล้วเขายังเดาอีกว่าเด็กนั้นจะยอมแพ้ให้กับการสอบพละแล้วไปทุ่มให้กับการสอบวิชาอื่น เขาอ้วนเกินกว่าจะทำได้คะแนนที่ดีในการสอบพละ แต่ถึงอย่างงั้น หลังจากที่อาจารย์เหลียวเห็นคะแนน20เต็มของกงกงวูในคอมของผู้คุมแล้ว เขาก็ถึงขั้นไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“ขนาดเอาแค่สอบผ่านสำหรับกงกงวูยังเป็นได้แค่ฝันเลย ไม่ต้องไปคิดถึงคะแนนเต็ม พวกผู้คุมสอบเขียนคะแนนของกงกงวูผิดรึเปล่า? เราควรเตือนเขาดีไหม?” เขาทำหัวให้โล่งเพื่อคิดซักพักก็คิดได้ว่า ทำไมเขาต้องหยุดนักเรียนของตัวเองที่ทำคะแนนได้สูงๆ? มันไม่ใช่เรื่องเลย
เสียงของหัวหน้าฮูดังขึ้นอีกครั้ง “ดูนั้นซิ กงกงวูทำคะแนนเต็มในอีก2วิชาที่เหลือด้วย เขาได้คะแนนเต็มหมดทุกวิชา! มีนักเรียนไม่มากหรอกที่จะได้คะแนนต็ม60 เพราะปีนี้เกณการให้คะแนนมันสูง อาจารย์เหลียว กงกงวูนี้เป็นเด็กที่เก่งเรื่องกีฬาที่สุดในโรงเรียนนี้เหรอ?”
“เด็กที่เก่งกีฬา? กงกงวูเนี่ยนะ? ใช่ก็แย่ละครับ น่าจะบอกว่าเขาเป็นเด็กที่เก่งกีฬาซูโม่ญี่ปุ่นที่สุดมากกว่า” อาจารย์เหลียวคิดอยู่ในใจ เขายังคิดหาความเชื่อมโยงระหว่างคำชมของหัวหน้าฮูกับกงกงวูไม่ออก ไม่มีทางน่า เขายิ้มแหยงๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองผงกหรือส่ายหัว วินาทีต่อมาเขาพึ่งนึกได้ว่าหัวหน้าฮูบอกว่าเขาได้คะแนนเต็มหมด
“กงกงวูเนี่ยนะ? ได้คะแนนเต็มหมดเหรอ มันเป็นไปได้ด้วยเหรอพวกผู้คุมตาบอดกันหมดแล้วเหรอ ถึงให้คะแนนกงกงวูเต็มได้เนี่ย”
ช่วนฟู๊เหลียวมองดูจออีกรอบ แล้วก็อีกรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาอ่านไม่ผิด คะแนนกงกงวูได้60คะแนนเต็มจริงๆ
“พระเจ้าช่วย มันเป็นไปได้ยังไง เจ้ากงกงวูนั้นทำยังไงถึงได้คะแนนเต็มได้ แถมยังเต็มทุกวิชาอีก เจ้านั้นมันรอดการดึงข้อมาได้ไงเนี่ย?”ความคิดของอาจารย์เหลียวกำลังติดไฟ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับสนามสอบอื่นเหมือนกัน อย่างเช่นเจ้าบิ๊คแมคดึงข้อ14ครั้งรวดโดยไม่พัก โดดทะลุ2.5เมตร แล้วก็วิ่ง1000เมตรในเวลา3นาที40วิ คะแนนเต็มค่อยๆโชว์ขึ้นมา
มันทำให้ผู้คุมหลายคนอึ้ง แต่มันมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ขนาดนั้น เพราะปรกติก็จะมีผู้เข้าสอบอ้วนๆซัก3หรือ4คนที่ได้คะแนนเต็ม จาก100หรือไม่ก็1000คน นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้
...
การสอบสมรรถภาพของโรงเรียนม.ปลายก็ได้จบลง แต่ถึงอย่างงั้น เจียนกั๋วเฉินก็กลับมายุ่งอีกครั้งนึงเพราะว่าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะมีคลาสเรียนเพื่อสอบวัฒนธรรม เเล้วช่วงนี้ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเปิดรับสมัครคลาสฝึกเพราะผู้เข้าสอบเข้าม.ปลายทุกคนกลับไปพักผ่อนที่บ้านในช่วงหยุดยาวเรียบร้อย อีกอย่างหลังจากสอบเข้าม.ปลายเเล้วก็จะเข้าช่วงหยุดฤดูร้อน 2เดือนของการหยุดฤดูร้อนถือว่าเป็นโอกาศทองสำหรับทำเงินในคลาสฝึก
เจียนกั๋วเฉินไม่ลืมที่จะโทรหาผู้ปกครองเพื่อฟังเสียงตอบรับจากพวกเขา เพราะว่าการแข่งขันระหว่างคลาสฝึกนั้นตึงเครียดมาก นั้นทำให้เสียงตอบรับในด้านดีเป็นสิ่งสำคัญ เทียบกับการโฆษณาประเภทอื่นๆ การรีวิวของผู้ปกครองด้วยกันเองเนี่ยละดีที่สุด คนส่วนมากเลือกที่จะเชื่อญาติ เพื่อน เพื่อนบ้าน หรือ เพื่อนร่วมงานถ้าพวกนั้นบอกว่าดี นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมTalent Education ถึงโทรหาผู้ปกครองทุกครั้งที่คลาสฝึกจบ
“อาจารย์เฉิน ฉันพึ่งโทรถามเรื่องคลาสฝึกสำหรับสอบเข้าม.ปลายเสร็จคะ” อาจารย์สาวเอารายงานผลตอบรับมาให้เจียนกั๋วเฉิน
“เป็นไงบ้าง” อาจารย์เฉินถามโดยไม่มอง
“ความพึงพอใจ100เปอร์เซนเต็มคะ” อาจารย์สาวตอบ
เจียนกั๋วเฉินผงกหัวเงียบ ผลตอบรับ100%ถือว่าเป็นเรื่องไม่แปลกสำหรับเขา เพราะมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคลาสฝึก
พ่อเเม่หลายๆคนเอาลูกมาเรียนไม่ใช่เพราะอยากให้ลูกได้คะเเนนดีๆ เเต่พามาฝึกเพราะอยากให้ลูกออกห่างจากการเล่นเกมส์ พวกเขาอยากที่จะเติมเต็มตารางที่ว่างของเด็ก หรือเเม้เเต่พ่อเเม่บางคนพาลูกสมัครเรียนเพราะว่าเห็นโฆษณาเเล้วรู้สึกว่ามันเป็นเทรนด์ที่ต้องตามกระเเสนิยมให้ทัน บางคนยังพาลูกมาสมัครเรียนเพราะว่าไม่อยากเเพ้ เพราะผู้ปกครองคนอื่นๆก็พาลูกมาสมัครเรียนกันทั้งนั้น เเต่มีอยู่อย่างนึงเเน่ๆ คือไม่มีพ่อเเม่คนไหนให้ความหวังคลาสฝึกมากกว่าโรงเรียน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนที่โรงเรียนของลูก ถ้าคลาสฝึกมันดีจริงจนถึงขั้นทำให้การเรียนของเด็กดีขึ้นได้ เเล้วจะมีโรงเรียนไปทำไม
เพราะว่ามันไม่ได้เป็นที่คาดหวังตั้งเเต่เเรก พวกผู้ปกครองก็เลยไม่ได้รู้สึกไม่พอใจตามไปด้วย คลาสฝึกมันเป็นเหมือน อาหารเสริมหลังมื้ออาหาร ตราบใดที่นักเรียนได้รับอาหารมากพอ เเม้กระทั้งอาหารเสริมเล็กน้อย เเต่มันก็เพียงพอเเล้ว ตราบใดที่อาจารย์สอนอะไรบางอย่างให้กับนักเรียน นักเรียนก็จะพัฒนามากขึ้น ยกเว้นเเต่จะเจอพ่อเเม่ที่เอาเเต่ได้ ผลความพึงพอใจ100%ก็ถือว่าไม่ใช่ข่าวใหญ่โตอะไร
ผมจำได้ว่าเรามีนักเรียน36คนในคลาสฝึกจริงไหม ได้ถามเรื่องคะเเนนพวกเขารึเปล่า ว่ามีเด็กผ่านทั้งหมดกี่คน"เจียนกั๋วเฉินถาม
"ถามเเล้วคะ นักเรียนทั้งหมด36คนผ่านหมดเลยคะ โอกาศผ่านถือเป็น100%เลยคะ!"
อาจารย์ผู้หญิงพูดต่อ
"เราโชคดีมากเลยคะที่นักเรียนทุกคนได้60คะเเนนเป๊ะ เพราะถ้าน้อยกว่านั้นอีกคะเเนนเดียวเด็กพวกนั้นอาจจะสอบไม่ผ่านได้"
อาจารย์ผู้หญิงเป็นอาจารย์สอนดนตรี ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าวิชาพละคะเเนนเต็ม60คะเเนน เธอนึกว่าคะเเนนเต็มอยู่ที่100คะเเนน เเล้ว60คะเเนนเป็นคะเเนนเเบบผ่านคาบเส้น
"คุณว่าอะไรนะ? นักเรียนทุกคนได้60คะเเนนเหรอ?" เจียนกั๋วเฉินเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ
"ประหลาดใช่ไหมละคะ ทุกคน60คะเเนนเท่ากันหมดเลย คาบเส้นผ่านมาเเบบฉิวเฉียด ทำไมไม่มีใครได้เยอะกว่ามาตรฐานเเล้วทำให้ได้อีกซักหน่อยละคะ?" อาจารย์ผู้หญิงถาม
"นั้นก็เพราะคะเเนนเต็มของวิชาพละมันคือ60ไงละ นั้นไม่ใช่เส้นผ่าน นั้นมันคะเเนนเต็ม นี้ไม่ใช่ผ่าน100%เเล้ว นี้มันคะเเนนเเบบperfectชัดๆ" เจียนกั๋วเฉินนั่งไม่ติด เขาถือใบรายงานผลการตอบรับเเล้วอ่านซ้ำเเล้วซ้ำอีก
ถึงเเม้ว่าเจียนกั๋วเฉินจะไม่ได้เข้าไปยุ่งกับกระบวนการฝึก เเต่เขาอยู่ตอนที่รับสมัครนักเรียน เขารู้ดีว่านักเรียนเเต่ละคนเป็นยังไง ทุกๆคนอ้วนๆทั้งนั้น เจียนกั๋วเฉินก็ดีใจอยู่เเล้วถ้าพวกนั้นผ่านการสอบ เเต่ไม่คิดว่าจะได้คะเเนนเต็มกันหมดทั้ง36คน การได้คะเเนนเเบบไร้ที่ติซักคนก็ถือว่าน่าตกใจเเล้วสำหรับเจียนกั๋วเฉิน ไม่ต้องคิดถึงทั้งหมด
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาเองได้เห็นปาฏิหาริย์จากฟ้า
"หลี่ไต้ !เพราะคนๆนั้น! ฉันไม่คิดว่าก่อนเลยว่าเด็กหนุ่มนั้นจะทำฉันตกใจขนาดนี้ นี้มันปาฏิหารชัดๆ!" เจียนกั๋วเฉินพูดชื่อหลี่ไต้ ซ้ำไปมา ให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังสรรเสริญหลี่ไต้