ผู้บริหารฝ่ายบุคคลเคาะประตูห้อง ก่อนจะเข้าประตูมา เขายิ้มทันทีที่เห็นหน้าของคนที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ "ผอ.ฮาว ได้ข่าวมาว่าคุณพึ่งกลับมาจากการไปเจรจาธุรกิจ เป็นยังไงบ้างครับ?"
"ก็ไม่เเย่นะ ผมทำธุระเสร็จหมดเเล้ว" ผู้อำนวยการฮาวกล่าว เเล้วทำท่าให้เชื้อเชิญให้นั่ง
ผู้จัดการระมัดระวังตัวเป็นพิเศษต่อหน้าฮาว พยายามเคราพเขาให้มากที่สุด
ถึงเเม้ว่าตำเเหน่งของเขาจะเกือบสำคัญเท่าๆกับผอ.ฮาว เเต่เขาไม่ได้มีอำนาจมากกว่าฮาวเลย เพราะเเผนกฝึกซ้อมมีอำนาจมากที่สุดในโรงเรียนกีฬาเเห่งนี้
อีกอย่าง รองประธาน ที่เคยคุมงานอยู่ในฝ่ายบุคคลพึ่งเกษียรอายุออกไป มีข่าวลือมาว่าผอ.ฮาวจะได้เลื่อนตำเเหน่งไปเเทนที่รองประธานที่เกษียรไป ผู้จัดการฝ่ายบุคคลก็เลยต้องให้ความเคราพต่อรองประธานคนต่อไปรวมถึงอาจจะเป็นหัวหน้าฝ่ายงานบุคคลในอนาคต เขาจึงต้องสร้างความประทับใจไว้ให้กับหัวหน้าในอนาคตมากๆหน่อย
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเคลียร์ลำคอเเล้วเปลี่ยนโทนเสียงมาเป็นรายงานการทำงาน "คลาสฝึกฤดูร้อนกำลังจะเริ่มขึ้น เราได้จ้างโค้ชผู้ช่วยมาเเล้ว30คนมาช่วยเรา เเต่เราต้องการให้คุณช่วยจัดสรรพวกนั้นไปตามคลาสต่างๆ ผมเอาข้อมูลมาให้คุณเรียบร้อยละครับ"ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอาเเฟ้มออกมาจากกระเป๋าเอกสารของเขา เเล้วยื่นให้ผอ.ฮาว
"ไม่มีปัญหา ก็เเค่จัดตามตัวเลขของนักเรียนในเเต่ละคลาสใช่ไหมละ" ถึงเเม้ว่าผอ.ฮาวจะพูดเเบบปรกติ เเต่การเเสดงออกของเขาบ่งบอกว่าเขาพอใจมากกับวิธีการพูดของผู้จัดการฝ่ายบุคคล ผอ.ฮาวรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติเหมือนกับว่าเป็นรองประธานเเล้ว ถึงจะยังไม่ได้เป็นก็เหอะ
เขาหยิบเเฟ้มมาเเล้วเปิดไปหน้า2หน้า เลื่อนมองข้อมูลของผู้ช่วยใหม่ มีชื่อหนึ่งที่สะดุดตาเขา
"หลี่ไต้เหรอ" ผอ.ฮาวขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่กำลังจ้องมองเอกสาร
"หลี่ไต้เป็นเด็กมหาลัยที่เรียนจบปีนี้ครับ เขาอยู่คณะฝึกซ้อมการกีฬา เเล้วเขายังมีใบรับรองการสอนด้วย เขาได้คะเเนนเป็นอันดับ1ในการสอบข้อเขียนเเถมยังได้คะเเนนตอนทดสอบร่างกายเหนือกว่ามาตรฐานด้วย ผมคิดว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ยอดเยี่ยมทีเดียว เเล้วผมก็ยังได้ยินมาว่า เขาเคยมีประสบการณ์ในการฝึกนักเรียน30กว่าคนในคลาสฝึกสำหรับสอบเข้าม.ปลายอีกด้วยนะครับ" ผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูดเเนะนำเขาทันที
"มันนี้เอง! กล้าดียังไงมาลองดีถึงที่นี้ มีทางตั้งเยอะที่จะไปขึ้นสวรรค์ แต่โชคร้ายหน่อยที่เเกเลือกทางที่จะลงนรก!" ผอ.ฮาวคิดกับตัวเอง เขาเงยหัวขึ้นวินาทีต่อมาเเล้วพูด "ไม่ เราจ้างหลี่ไต้ไม่ได้"
"ไม่เหรอครับ?" ผู้จัดการฝ่ายบุคคลงงกับสิ่งที่ผอ.ฮาวบอก
ฮาวเริ่มอธิบาย"นักศึกษาในคณะการฝึกการกีฬา เเถมยังมีใบรับรองการสอนอีก คนอย่างเขาน่าจะไปสอบเข้าเป็นพนักงานประจำมากกว่าเป็นเเค่พนักงานอัตราจ้างในโรงเรียนกีฬาของเรานะ ยังไงเราก็เก็บเขาไว้ไม่ได้อยู่เเล้ว น่าจะเป็นการดีกว่าถ้าปล่อยเขาไปหาตำเเหน่งที่ดีกว่า!"
"คุณ หมายความว่า..?"ผู้จัดการฝ่ายบุคคลถามด้วยความไม่เเน่ใจ
"ก็เราให้เขาอยู่กับเราไม่ได้อยู่เเล้วนี้ เราไม่น่าจะเสียทั้งเวลาทั้งเเรงเพื่อรับเขาเข้ามานะ คิดดูซิ เราพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยให้เขาพัฒนากลายเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม เเล้วจากนั้นเราก็เสียเขาไป งั้นเหรอ? มันไม่เสียเวลาเปล่ารึยังไง? เราน่าจะเอาเวลาเเล้วก็ทรัพยากรอันมีค่าของเราไปพัฒนาใครซักคนที่จะขึ้นมาอยู่กับเราดีกว่าไหม ถ้าจะทำเพื่ออนาคตของโรงเรียนเราก็ควรที่จะพัฒนาความสามารถเเล้วก็ให้เขาอยู่ซิ"ผอ.ฮาวพูด
"ตอเเหล! ตอเเหลชัดๆ!" ผู้จัดการฝ่ายบุคคลคิดอยู่ในใจ ถึงตอนนี้เขาก็บอกได้เลยว่า หลี่ไต้คนนี้น่าจะเคยมีปัญหากับผอ.มาก่อน เพราะงี้เขาถึงหาข้ออ้างให้หลี่ไต้ออกไป เเต่ประเด็นคือ ข้ออ้างของผอ.มันดันห่วยเเตกขนาดที่ว่าใครได้มาฟังก็รู้เลยว่าตอเเหล
ถึงผู้จัดการฝ่ายบุคคลจะรู้ว่าผอ.ฮาวกำลังหยามในหน้าที่ของเขาเพื่อล้างเเค้นส่วนตัว เเต่เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปกป้องพนักงานชั่วคราวที่ยังอยู่ในช่วงทดลองงานที่ไม่ได้มีหน้ามีตาอะไร จากอนาคตรองประธานของโรงเรียน เขาผงกหัวเเล้วพูด "ได้ครับ ผมจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้เลยครับ!"
...
"ผมไม่ผ่านช่วงทดลองงานเหรอครับ? นี้ผมโดนไล่ออกเหรอ? ทำไมละครับ? ผมทำอะไรผิด?" หลี่ไต้ถามด้วยความสับสนสุดๆ
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาเขาทำงานอย่างหนักมาก เขาไม่ได้ทำงานดีจ๋าเเต่อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าไม่ได้เเย่ที่สุดในกลุ่มผู้ช่วยใหม่ เอาจริงๆมันมีคนอีกเยอะเลยที่ทำงานได้ห่วยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด เเล้วถ้าพิจารณาจากข้อได้เปรียบทางด้านการศึกษาเเล้วก็คณะ หลี่ไต้ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นคนที่โดนไล่ออกคนเเรก
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลถอนหายใจเบาๆเเล้วมองไปที่หลี่ไต้อย่างสงสาร "นี้เป็นการตัดสินใจจากเบื้องบนของเรา ผมเเค่ทำตามหน้าที่ ผมเคยบอกเเล้วใช่ไหม ว่าผมสามารถไล่ใครออกก็ได้ในช่วงทดลองงานนี้ ผมจะให้โน้ตคุณ ไปหาฝ่ายการเงินเพื่อไปรับค่าจ้างเท่าจำนวนวันที่คุณทำงานเอาละกัน"
"การตัดสินใจจากเบื้องบนเหรอครับ?" หลี่ไต้รู้สึกงงไปมากกว่าเดิม เขาพึ่งมาอยู่นี้ได้ไม่กี่วัน เขายังไม่รู้เลยว่าเบื้องบนนั้นเป็นใคร เเล้วเขาไปมีเรื่องอะไรกับเบื้องบนเเห่งโรงเรียนกีฬา?
หลี่ไต้เป็นคนดื้อ เขาจึงต้องหาความจริงเบื้องหลังของเรื่องนี้ เขาไม่อยากออกไปโดยไม่รู้ว่าทำไมด้วย เขาโทรหาอาจารย์ฉิงฮั๋วซุน ภาวนาว่าเขาสามารถบอกได้ว่าทำไมหลี่ไต้ถึงโดนไล่ออก
ฉิงฮั๋วซุนก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมคนที่เขาเเนะนำมาถึงโดนไล่ออกอย่างไม่มีเหตุผล เขาจึงไปสืบหาข้อมูล เเล้วต่อมาเขาก็โทรหาหลี่ไต้ในตอนกลางวันของวันนั้น
"ได้ไปมีเรื่องอะไรกับผอ.ฮาวรึเปล่า"
ฉิงฮั๋วซุนถามตรงไปตรงมา
"ผอ.ฮาว? ฮาวไหนละครับ?"หลี่ไต้ถาม
"ก็ผอ.ฮาวจากเเผนกฝึกซ้อมไง เขาเป็นคนที่ตัดสินใจว่าคุณต้องโดนไล่ออก"
ฉิงฮั๋วซุนพูด
หลี่ไต้พยายามนึก เเต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าไปเจอกับผอ.ฮาวตอนไหน เขาพูด"ผมไม่รู้จริงๆครับว่าใครคือผอ.ฮาว ผมพึ่งมาอยู่นี้ได้ไม่กี่วัน เเถมผมยังไม่เคยไปที่เเผนกฝึกซ้อมเลยด้วย ผมจะไปมีเรื่องกับเขาได้ยังไงครับ?"
"คิดให้ดีดีซิ ฉั่วเหล็น ฮาวคนนี้ไม่ใช่ใครก็ได้ตามโรงเรียนเรานะ ผมได้ยินมาว่า เขาคนนี้กำลังจะได้รับเเต่งตั้งในช่วงปลายปีนี้ เเล้วกลายเป็น1ในผู้นำของโรงเรียนนี้!"ฉิงฮั๋วซุนกล่าว
"ผมไม่รู้จริงๆว่าผมไปมีเรื่องกับ...เดี๋ยวนะครับ เขาชื่ออะไรนะครับ?" จู่ๆความคิดนึงก็เขามาในหัวหลี่ไต้
"ฉั่วเหล็นฮาว" ฉิงฮั๋วซุนย้ำชื่อนี้อีกครั้ง
"เขาเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ชื่อเฉาเหลียงฮาวหรือเปล่าครับ? คนที่เป็นโค้ชให้กับทีมกีฬาเทศบาลหน่ะครับ?"หลี่ไต้ถามทันที
"นี้ไงคุณจำได้เเล้ว ผมคิดว่าใช่นะ เขามีน้องชายทำงานอยู่ทีมกีฬาเทศบาล เห็นว่าสอนกระโดดไกลอยู่ด้วยมั่ง เเต่ผมไม่รู้ชื่อจริงๆของเขาหรอกนะครับ" ฉิงฮั๋วซุนพูด
"ใช่เขาเเน่ๆ โลกมันกลมจังวะ ดูเหมือนฉันจะไม่มีวันสลัดเฉาเหลียงฮาวออกไปได้ละมั้งเนี่ย" หลี่ไต้รู้เเล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นจนได้ ผอ.ไล่เขาออกเพราะต้องการล้างเเค้นให้กับน้องชาย