px

เรื่อง : I Refuse to become scumbag in tokyo ไม่อยากเป็นเศษสวะในโตเกียว
ตอนที่ 6 ร้านสะดวกซื้อ


ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนเมษายน ดังนั้นอุณหภูมิในขณะนี้ก็จะค่อนข้างหนาว

 

ขณะนี้ชิชิโอะก็เป่าลมอุ่นๆจากปากของเขาใส่มือเพื่อทำให้มือของเขาอุ่นแต่ว่ามันก็ไม่เพียงพอซึ่งเขารู้สึกเสียใจที่ไม่ยอมสวมเสื้อผ้ามากกว่านี้ จากนั้นร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นในขณะเงยหน้ามองดูท้องฟ้า ซึ่งเขาพบว่าเขามองไม่เห็นดวงดาวเหมือนตอนที่เขาอยู่เกียวโตเนื่องจากที่นั่นอากาศบริษัทและไม่มีรถยนตร์มากเท่าไหร่แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เกลียดเมื่อแบบนี้เนื่องจากเขาเคยอาศัยอยู่ในเมืองแบบนี้มาก่อนเมื่อชาติที่แล้วของเขา

 

จากนั้นชิชิโอะก็หันไปมองต้นซากะรุที่กำลังบานสะพรั่งและเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมดอกไม้นี้ถึงได้เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้สนใจความงดงามของต้นไม้นี้เท่าไหร่เนื่องตอนนี้มันอากาศหนาวมากแถมเขายังหิวมากด้วย เขาจึงรีบวิ่งไปร้านสะดวกซื้อเพราะเขาจำได้ว่าในร้านสะดวกซื้อนั้นน่าจะมีของกินที่อุ่นๆ

 

--

 

หลังจากผ่านไป 15 นาที ชิชิโอะก็ได้เดินทางมาถึงร้านสะดวกซื้อ น้าของเขาได้บอกกับเขาว่าที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับหออยู่แต่เขากลับคิดว่ามันไกลมากทีเดียว แม้จะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็ยอมรับเลยว่าการวิ่งนั้นทำให้ร่างกายอบอุ่นดีเหมือนกัน

 

ในขณะเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อ ประตูร้านก็ได้เปิดออกอัตโนมัติพร้อมกับที่ชิชิโอะได้ยินเสียงต้อนรับลูกค้าจากพนักงานร้าน

 

“ยินดีต้อนรับค่ะ…”

 

เสียงของพนักงานร้านก็ดูจะไร้ชีวิตชีวามากซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าพนักงานร้านั้นเหนื่อยเพียงใดแต่อย่างไรก็ตาม ชิชิโอะก็ไม่ได้ประหลาดใจนักเมื่อเขาคำนึงถึงการทำงานอันแสนน่าเบื่ออยู่ตลอดตั้งแต่เช้าถึงเย็นและตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้าในขณะต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อและนี่ยังรวมถึงการจัดของที่นำมาขายในร้านสะดวกซื้อด้วย

 

ชิชิโอะนั้นเข้าใจดีว่าพนักงานร้านนั้นได้ทำสิ่งที่เขากล่าวมาข้างบนทุกๆวัน ทุกๆสัปดาห์ ทุกๆเดือนและทุกๆปี

 

แม้ว่าพนักงานคนนั้นจะเป็นคนที่ร่าเริงมาตั้งแต่เริ่ม แต่หลังจากพวกเขาได้เจอกับความเป็นจริง พวกเขาก็กลับกลายเป็นพวกที่ดูไร้ชีวิตชีวา

 

ทางชิชิโอะนั้นก็เดินไปทางส่วนขายอาหารโดยไม่ได้สนใจการทักทายอะไรนัก เขานั้นยอมรับว่าร้านสะดวกซื้อในประเทศนี้ช่างอุดมสมบูรณ์มากๆเมื่อได้เห็นว่าที่นี่มีอาหารหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็น ข้าวปั้น ข้าวกล่องอาหารทอด โอเด้งและอื่นๆอีกมากมายและเมื่อถึงเวลา 21.00น. ก็จะมีการลดราคาอาหารพวกนี้เหลือครึ่งนึง

 

ชิชิโอะนั้นยอมรับว่าการคอยถึงเวลา 21.00น.เพื่อให้ลดราครานั้นเป็นเรื่องที่ดีทีเดียวแต่ตอนนี้เขานั้นหิวมากเลยแถมถ้าเขารอ เขาก็ต้องรออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา 21.00น.

 

เมื่อเห็นอาหารอันหลากหลายตรงส่วนขายอาหาร ชิชิโอะก็หยิบข้าวปั้นทูน่ามายองเนสสองอันและอุเมะโบชิหนึ่งอัน เมื่อเขาเลือกอาหารได้แล้ว เขาก็หันไปเลือกเครื่องดื่มต่อแต่ทันใดนั้นเองสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอร์

 

ชิชิโอะนั้นสงสัยว่าด้วยหน้าตาของเขาในขณะนี้ จะทำให้เขาสามารถซื้อแอลกอฮอร์ได้หรือเปล่านะ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็รู้สึกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกแถมเขาก็ไม่ได้สนใจแอลกอฮอร์ในตู้ด้วย ดังนั้นแล้วจึงหยิบน้ำแร่ออกมาแล้วเดินไปที่แคชเชียร์เพื่อจ่ายเงิน

 

ชิชิโอะนั้นยอมรับว่าร้านสะดวกซื้อในประเทศนี้มันทำให้เขาประหลาดใจมาก แต่ทว่าเขาก็อยากจะกินอาหารข้างพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของชุมชนในประเทศนี้แต่เขารู้ดีว่าการตามหาร้านอาหารข้างทางในโตเกียวนั้นแทบจะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลย

 

แม้ว่ามันจะร้านอาหารข้างทางอยู่ แต่ราคาอาหารแต่ละอย่างนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากร้านอาหารปกติเท่าไหร่ซึ่งนั่นทำให้เขาถอนหายใจให้กับวัฒนธรรมการกินอาหารในแถบคันโต

 

ซึ่งชิชิโอะนั้นมาจากคันไซและแม้ว่าเขาจะมาจากเกียวโตแต่วัฒนธรรมการกินอาหารในแถบโตเกียวนั้นเรียกว่าเฟื่องฟูมากและโดยเฉพาะในแถบย่านการค้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาอยู่ในโตเกียวซึ่งเขาสงสัยว่าเมืองนี้จะมีย่านการค้าหรือเปล่า

 

ในขณะที่อยู่หน้าแคชเชียร์ ชิชิโอะก็ได้กลิ่นโอเด้งร้อนๆลอยเข้ามาแต่จมูกซึ่งเขาสัมผัสได้ว่ามันช่างหน้าริ้มลองมาก

 

“เชิญเลยค่ะ!!”

 

แคชเชียร์ก็ตรวจสอบราคาของสินค้าทั้งหมดที่ชิชิโอะหยิบแล้วถามขึ้นว่า “แค่นี้ใช่มั้ยค่ะ?”

 

“เอ่อ โอเด้งเพิ่มด้วยได้ใหมครับ?”ชิชิโอะพูด

 

“ค่ะ จะเอาอันใหนค่ะ?”

 

ชิชิโอะก็มองเห็นโอเด้งมากมายตรงหน้า เขาจึงพูดว่า “หัวไชเท้า ไข่ต้มและทอดมัน”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา แคชเชียร์ก็พยักหน้าและจัดเตรียมโอเด้งให้กับชิชิโอะ จากนั้นแล้วแคชเชียร์คนนี้ก็คำนวณราคาสินค้าทั้งหมดที่ชิชิโอะซื้อ

 

“ทั้งหมดเป็น…”

 

 

ชิชิโอะก็พยักหน้าแล้วจ่ายเงินไปในทันที จากนั้นเขาก็หยิบของทั้งหมดของเขาแล้วไปนั่งกินในพื้นที่สำหรับกินอาหารภายในร้านสะดวกซื้อ ยังไงซะตอนนี้เขาก็อยู่หอคนเดียว ดังนั้นการกินข้างนอก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร

 

แม้จะเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่เขาเสียใจก็คือการที่ไม่มีคนเข้ามาในร้านสะดวกซื้อนอกจากเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทดลองกับระบบโกงของเขาได้เลย

 

หลังจากเขามานั่งลง เขาก็เริ่มกินของที่เขาซื้มาทั้งหมดโดยไม่ลังเลเนื่องจากเขาหิวโหยมาก ซึ่งเขานั้นได้เริ่มกินที่โอเด้งพร้อมกับซดน้ำซุป

 

รสชาติของน้ำซุปโอเด้งนั้นค่อนข้างเข้มข้นมากและเขาก็ตระหนักได้ว่าน้ำซุปนี่มีจุดผิดพลาดเยอะแยะไปหมด

 

‘มันเป็นเพราะ‘ความเชี่ยวชาญในการทำอาหารญี่ปุ่น’หรือเปล่านะ?

 

จากนั้นชิชิโอะก็ตระหนักได้ว่าเขาทสามารถทำให้น้ำซุปของโอเด้งนี้รสชาติดีขึ้นได้  จากนั้นเขาก็วางโอเด้งของเข่าลงแล้วหยิบข้าวปั้นขึ้นมากินทันที แต่ทว่าเขาไม่ได้กัดข้าวปั้นไปในทันทีแต่เขากลับซดน้ำซุปโอเด้งแล้วกินข้าวปั้นไปพร้อมๆกัน

 

จากนั้นชิชิโอะก็หลับตาลงพร้อมกับพยักหน้าเนื่องจากรสชาติมันดีขึ้นกว่าเดิม เขายอมรับเลยว่าการผสมผสานระหว่างข้าวเย็นกับน้ำซุปอุ่นๆนี้มันช่างลงตัวมาก พอกินข้าวปั้นหมด เขาก็กินอาหารทั้งหมดที่เหลือที่เขาซื้อมาโดยไม่ลังเลเพราะเขานั้นหิวมาก

 

เมื่อชิชิโอะกินจนอิ่มหนำสำราญ เขาก็ดื่มน้ำแร่ล้างปากแล้วจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับเก็บกวาดขยะลงถัง จากนั้นในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวกลับหอ เมื่อเขาเดินผ่านตรงโซนนิตยสาร เขาก็หยุดเดินลงอย่างฉับพลัน

 

ในชาติเดิมของเขานั้นไม่มีนิตยสารโป๋ในร้านสะดวกซื้อแต่ทว่าในร้านสะดวกซื้อของประเทศนี้กลับมีอยู่

 

และนี่เป็นอีกครั้งที่ชิชิโอะรู้สึกประหลาดใจในร้านสะดวกซื้อของประเทศนี้ จากนั้นแล้วเขาก็หยิบนิตยสารในนั้นขึ้นมาอ่านโดยไม่ลังเลและพบว่าภายในนั้นมีรูปคอลเล็คชั่นสาวเมดเต็มไปหมด เขาจึงลูบครางอย่างสนใจและพยักหน้าเนื่องจากมันทำให้เขาเข้าใจวัฒนธรรมในเมืองนี้ได้ง่ายขึ้น

 

ในเกียวโต นิตยสารโป๋ส่วนใหญ่จะเป็นภาพผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนแต่ในโตเกียวกลับมีหลากหลายอย่างมาก

 

‘งั้นหรอ…..อย่างงี้นี่เอง…อืม วันนี้ฉันได้รู้เยอะเลย…’

 

ทันใดนั้นชิชิโอะก็รู้สึกว่าเขานั้นเป็นลูกสิงโตตัวน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาซึ่งยังไม่ใช่สิงโตที่แท้จริงแต่เขาก็คิดว่ามันคงจะอีกไม่นานที่เขาจะได้กลายเป็นสิงโตที่แท้จริง

 

ซึ่งโชคดีมากที่ไม่มีใครอยู่ในร้านนอกจากเขากับพนักงานแคชเชียร์ มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาคงมองเขาเป็นตัวน่ารังเกี่ยจแน่ๆเพราะตอนนี้เขากำลังอ่านนิตยสารลามกด้วยสีหน้าจริงจัง ถ้าหากไม่มีคนมายืนมองเขาใกล้ๆ พวกเขาก็คงคิดว่าเขากำลังอ่านหนังสือเรียนอยู่

 

“ยินดีต้อนรับครับ….”

 

จากนั้นจู่ๆ ประตูร้านสะดวกซื้อก็ได้ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงทักทายอันไร้ชีวิตชีวาของพนักงานที่ดังขึ้นอีกครั้ง

 

แต่ทางชิชิโอะนั้นกลับยืนอ่านนิตยสารโป๋ต่อไปโดยไม่แคร์เนื่องจากเขารู้ว่าตามวัฒนธรรมของคนในประเทศนี้เมื่อเห็นเขาทำตัวแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็จะเมินเขาและด้วยความสูงของเขาแล้ว คนจำนวนมากคงคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นแล้ว การอ่านนิตยสารโป๋ในร้านสะดวกซื้อก็คงจะไม่เป็นไรสำหรับเขา

 

จากนั้นในขณะที่ชิชิโอะกำลังอ่านอยู่นั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเนื่องจากเขายอมรับเลยว่าเมดในนิตยสารเล่มนี้ช่างน่ารักมาก แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ในขระที่อยู่ม.ปลาย แต่การชื่อชมในความงดงามของหญิงสาว ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอกมั้ง?

 

ในขณะที่ชิชิโอะกำลังอ่านอยู่นั้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีคนจ้องมองเขาอย่างไม่วางตาซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจแต่เขาก็ตัดสินใจเมิน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาเมินไปอยู่สักพัก เขาก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของคนๆหนึ่งที่มายืนข้างๆเขา ซึ่งเขารู้ดีว่าไม่ใช่ผิดและน่าจะเป็นมนุษย์แน่ๆเพราะเขาได้กลิ่นอันหอมหวานรอยมาแตะจมูกในขณะที่คนๆนั้นยืนอยู่ข้างเขา

 

‘หืม คนๆนี้กลิ่นตัวหอมดีแหะ’

 

“นี่คุณชอบชุดแบบนั้นหรอ?”

 

เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ฟังดูไร้อารมณ์ ชิชิโอะก็รู้ได้ในทันทีว่าคนที่ถามคำถามนั้นออกมาและกำลังยืนอยู่ข้างๆเขานั้นคือผู้หญิง แต่เขาก็เลือกที่จะอ่านต่อไปโดยไม่สนใจ

 

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

 

…คุณไม่แน่ใจหรอ?”ผู้หญิงคนนี้ก็ดูจะสับสนในคำตอบของชิชิโอะเนื่องจากเธอมองเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเขาดูจะสนใจในชุดเมดมากเพราะตอนที่เขากำลังดูนิตยสารรวมรูปสาวเมดนั้น เขาก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา

 

“แม้ว่าผมจะชอบแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะชอบด้วย แต่ละคนนั้นมีความชอบไม่เหมือนกัน ผมคิดงั้นแหละ”ชิชิโอะก็ตอบออกมาด้วยสีหน้าที่อึอัด

 

“งั้นหรอ”

 

ผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้าและตอบออกมาด้วยเสียงไร้อารมณ์ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะยอมรับในคำอธิบายของชิชิโอะ

 

อย่างไรก็ตาม ทางชิชิโอะนั้นกลับไม่สามารถทนรับเรื่องนี้ไหวแล้ว

 

เขาจึงได้ปิดนิตยสารแล้วหันหน้าไปมองผู้หญิงที่ถามเขา แต่ทว่า

 

<พบเป้าหมาย!!>

<ยินดีด้วย ความสามารถทางร่างกายเพิ่มขึ้นสองเท่า!!>

‘….หืม?’

รีวิวผู้อ่าน