ตอนที่ 17 พูดคุยกันครั้งแรก
หวังเย่ามองไปที่อีกฝ่ายและพูดอย่างถ่อมตัว “อันที่จริงแล้วมันอยู่ระดับทอง เลเวล 20 ”
“อะไรนะ ระดับทองเลเวล 20 งั้นหรือ ? ” จ้าวเมิ่งซีแปลกใจ “ นี่...นายทำได้ยังไง ? นายรู้ไหมว่าในโรงเรียนนอกจากสัตว์อสูรของฉันแล้ว ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนที่อยู่ระดับทองอีก และยิ่งเป็นสัตว์อสูรเลเวล 20 ก็มีอยู่ไม่มาก”
“ฉันรู้ว่าเธอพูดถึงอะไร” หวังเย่ายิ้มออกมา “ความฝันของฉันคือการเป็นคนที่แข็งแกร่ง ระดับทองเลเวล 20 เป็นแค่จุดเริ่มต้น”
“นายนี่ไม่คิดจะถ่อมตัวเลยสินะ ” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมา “แล้วนายก็ยังไม่โตพอด้วย ถึงนายจะดูเหมือนผู้ใหญ่ก็จริง แต่ก็ยังไม่โตสักหน่อย ”
“เธอจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก อายุน่ะมากำหนดความเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก ความเป็นผู้ใหญ่มันขึ้นอยู่กับความคิด” หวังเย่าเถียงกลับ
“แต่ฉันไม่คิดว่านายเป็นผู้ใหญ่เลยสักนิด” จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้น
“หือ...ดูนั่น เทพธิดากำลังคุยกับใครอยู่น่ะ ? ” ตอนนั้นเองก็มีบางคนเห็นพวกเขาและพากันอุทานออกมา
นักเรียนต่างก็พากันหันกลับมามองและถึงกับไม่สนใจการต่อสู้บนเวที
“นั่นหวังเย่า หวังเย่าไม่ใช่รึไง ? ! ” ไม่นานก็มีคนจำหวังเย่าได้
แต่มันก็มีหลายคนที่ไม่รู้จักเขา “หวังเย่าเป็นใครกัน ? ”
“หวังเย่าไง นายไม่รู้จักรึไง คนที่ฆ่าสัตว์อสูรกว่าสิบตัวคือเขานี่แหละ แถมเขายังเขียนจดหมายรักให้กับจ้าวเมิ่งซีด้วยนะ แต่จ้าวซวนเจอเข้าซะก่อน ดังนั้นหวังเย่ากับจ้าวซวนจึงเป็นศัตรูกัน” นักเรียนอีกคนตอบกลับ
คนพวกนี้พูดคุยกันโดยไม่สนใจว่าคนอื่น ๆ จะได้ยินหรือเปล่า
“นายเขียนจดหมายมาให้ฉันจริง ๆ เหรอ ? ” จ้าวเมิ่งซีได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นมา
“ใช่ ฉันเขียนจริง ๆ ” หวังเย่ายอมรับตามตรง หน้าตาของจ้าวเมิ่งซีนั้นสวย มีใครบ้างที่ไม่อยากจะคบกับเธอ
“งั้นทำไมฉันถึงไม่ได้รับจดหมายล่ะ ? ” จ้าวเมิ่งซีถามขึ้นมา เรื่องนี้เธอไม่อาจจะเข้าใจได้เลย
“มีคนขวางฉันเอาไว้” หวังเย่าสับสน จ้าวเมิ่งซีเหมือนไม่ใช่คนที่เข้าได้หายากเลย แล้วทำไมเธอถึงได้ดูห่างเหินกับคนอื่น ๆ แบบนี้ล่ะ ?
“ใคร ? จ้าวซวนสินะ ? ” จ้าวเมิ่งซีส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “ นายนี่ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยจริง ๆ ลูกผู้ชายน่ะกล้าทำก็ต้องกล้ารับ เมื่อเริ่มลงมือแล้วก็ต้องต่อให้จบ นายไม่กล้าส่งจดหมายรักให้ฉันด้วยซ้ำ นี่ก็เห็นแล้วว่านายน่ะไม่กล้าพอ”
คำพูดแปลก ๆ นี้ไม่ใช่แค่ดูถูกเขาแต่มันยังทำให้หวังเย่าสับสน ทำไมเธอถึงต้องให้เขาไปไล่จีบเธอด้วย ?
มันไม่มีเหตุผล นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้คุยกันแท้ ๆ
หวังเย่าได้สติกลับมา เขายังคงแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมาและพูดขึ้น “อันที่จริงฉันไม่ส่งก็ถือว่าดีแล้ว ถ้าฉันส่งไปจริง ๆ ถ้าเธอมาเป็นแฟนฉัน ฉันคงดูแลเธอไม่ได้”
“ดูแลไม่ได้งั้นหรือ ? ” คำพูดนี้ทำให้คนมากมายต่างก็แปลกใจ
“ฉันได้ยินไม่ผิดสินะ ? หวังเย่าบอกว่าเขาคงดูแลจ้าวเมิ่งซีไม่ได้ ดังนั้นเขาถึงไม่ส่งจดหมายรักให้เธอ ไม่ใช่เพราะว่าถูกจ้าวซวนทำให้อับอาย ? ”
“โว้ววว หวังเย่ามันกล้าพูดจริง ๆ กดไลค์ให้เลย เอาจริงป่ะ คนสวยขนาดนี้ใครบ้างจะไม่ชอบ ? แต่ว่าจ้าวเมิ่งซีเป็นลูกรักของผบ. จ้าว พ่อของเธอน่ะเป็นคนที่โด่งดังที่สุดในเมือง เขาช่างกล้าบอกว่าจะดูแลจ้าวเมิ่งซี นี่มันฝันกลางวันชัด ๆ ”
“โอ้ หวังเย่านี่ใจกล้าดีจริง ๆ ฉันล่ะอยากเป็นแฟนเขาชะมัด ”
ถึงพวกผู้ชายจะด่าหวังเย่า แต่พวกผู้หญิงกลับชื่นชมเขา
ยังไงซะ ในโลกนี้ไม่มีคำพูดไหนหอมหวานไปกว่านี้แล้ว
จ้าวเมิ่งซีหน้าแดงและเงียบไปสักพัก เธออยากจะปั่นหัวอีกฝ่าย แต่กลับเป็นเธอเองที่ต้องโดนปั่นหัวแทน
“นายก็ดีแต่พูด” สุดท้ายเธอก็ได้แต่เฉไฉ
ความหมายของหวังเย่าคือเขามีปัญหาเรื่องดูแลเธอ ?
คำตอบนี้ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายคิดจะไล่จีบเธอรึไง ?
“ช่างเถอะ” หวังเย่ายิ้มออกมาและเดินจากไปทันที
นักเรียนที่อยู่ข้าง ๆ พากันเบิกตากว้าง หวังเย่าคนนี้เป็นคนเดินหนีจากเทพธิดาเองงั้นหรือ ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทั่วไปจะทำกัน
มันก็เหมือนการโทรคุยกับผู้หญิงนั่นแหละ จะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าวางสายก่อนกัน ? !
จ้าวเมิ่งซีเองก็รู้สึกอายขึ้นมา เธอไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน
หวังเย่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นแค่เด็กยากจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำตัวราวกับไม่สนโลก
จ้าวซวนที่อยู่ไกลออกไปก็เห็นฉากนี้ เขาขมวดคิ้วพร้อมความโกรธเกรี้ยวที่แทบจะระเบิดออกมา
“ไม่ใช่ว่ามันโดนขัง 13 วันรึไง ? มันถูกปล่อยตัวออกมาได้ยังไง ? จ้าวหลินนี่ทำงานไม่ได้เรื่องจริง ๆ ”
ตามความสัมพันธ์แล้ว จ้าวหลินเป็นญาติของเขา แต่จ้าวซวนไม่คิดจะให้เกียรติอีกฝ่าย ในมุมมองของเขาแล้ว อีกฝ่ายเป็นแค่หมารับใช้เท่านั้น
กริ๊ง !
จ้าวซวนหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของพ่อ สีหน้าของเขาก็ต้องบิดเบี้ยวไป
“แกมีเรื่องแล้ว ดูสิ่งที่แกทำสิ แกรู้ไหมว่านักเรียนที่แกไปอัดน่ะมีผู้ตรวจสอบขั้น 4 คอยหนุนหลังเขาอยู่”
“ผู้ตรวจสอบขั้น 4 งั้นหรือ ? ”
จ้าวซวนเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ “พ่อ เป็นไปได้ยังไง พ่อแม่ของมันตายไปแล้ว มันไม่มีที่พึ่ง มันจะมีคนแบบนั้นคอยหนุนหลังได้ยังไง... ”
“ฉันจำเป็นต้องโกหกแกรึไง ? ตอนนี้อธิบดีจ้าวได้เปลี่ยนโทษให้เขาโดนขังแค่ 8 ชั่วโมง ส่วนแกกับพวกของแกต้องโดนขัง 24 ชั่วโมง แกรีบไปที่สถานีตอนนี้เลยเข้าใจไหม ? ”
ตอนแรกพวกนี้ควรโดนขังแค่ 16 ชั่วโมง แต่จ้าวเสี่ยงซวนอยากจะเอาใจหลี่ว่านเฟิง เขาจึงเพิ่มโทษขึ้นไปอีก
เมื่อพูดจบ พ่อของจ้าวซวนก็วางสายไปทันที
จ้าวซวนหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม เขาถึงกับปล่อยโทรศัพท์หลุดมือตกลงไปที่พื้นและตะโกนออกมา
“หวังเย่า แกกับฉันจะอยู่ร่วมโลกด้วยกันไม่ได้เด็ดขาด ! ”
คนรอบตัวหันกลับมามองไปที่เขาพร้อมกับคิดว่าเขาคงไม่พอใจที่หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีพูดคุยกัน
หวังเย่ายังเดินออกไปไม่ไกลนัก เขาเองก็ได้ยินที่จ้าวซวนตะโกนมา เขาอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นออกมา
การแก้แค้นครั้งนี้ถือว่าน่าพอใจแล้วแต่จากนั้นเขาก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา “ใครต้องกลัวใครกันแน่ ? ”
ชีวิตน่ะเต็มไปด้วยเรื่องไม่แน่นอน
หวังเย่าได้ยืมหนังสือจากห้องสมุดมาหลายเล่ม มันคือเรื่องก่อนและหลังยุคสัตว์อสูร เนื้อหาในหนังสือทำให้เขาเข้าใจโลกนี้ได้ชัดเจนกว่าเดิม
เนื้อหาของ 30 ปีแรกของยุคสัตว์อสูรและ 30 ปีต่อมานั้นถูกเขาจดจำได้ทั้งหมด
เมื่อยุคสัตว์อสูรโด่งดังขึ้น สัตว์อสูรทุกแบบล้วนถูกบันทึกไว้เพื่อให้ผู้คนได้เรียนรู้ข้อมูลของมัน
ตอนนี้หวังเย่ารู้จักสัตว์อสูรหลายตัวแล้ว ส่วนใหญ่นั้นเป็นสัตว์ มีส่วนหนึ่งที่เป็นพืช มันมีบางส่วนที่เป็นเซลล์ขนาดเล็กที่มองไม่เห็น ซึ่งมีคุณสมบัติความเป็นกรดที่สูงอยู่ด้วย
มันยากที่จะคิดได้ว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ แบบนั้นก็ยังกลายพันธุ์จนเป็นอันตรายได้ มันทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา
ยกตัวอย่างเช่นปรสิต หลังจากที่กลายพันธุ์แล้ว มันก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นมา เมื่อมันเข้าไปในร่างกายมนุษย์ ไม่ถึง 30 นาทีก็สามารถขยายพันธุ์และยึดครองอวัยวะภายในของมนุษย์ เพื่อดูดซับสารอาหารอย่างบ้าคลั่งได้