ตอนที่ 28 น้องเสี่ยวเว่ย
หวังเย่าแสดงสายตาที่เย็นชาออกมา การถามข้อมูลส่วนตัวนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตลาดมืดควรจะทำ
แต่สายตาของอีกฝ่ายไม่ได้คาดคั้นแค่สงสัยเท่านั้น
พนักงานเสิร์ฟที่อยู่ข้าง ๆ ก็มองมาที่เขาด้วยความสงสัยเช่นกัน
หวังเย่าคิดสักพักก่อนจะบอกตามความจริง “ในอีกไม่กี่เดือนฉันจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว”
ได้ยินแบบนั้น เย่เหยียนก็อ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ เขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไง แต่สุดท้ายก็ได้พูดขึ้นว่า “แปดเทพ คุณคือเด็กอัจฉริยะ นี่ยิ่งทำให้คุณโดดเด่นขึ้นไปอีก ฉันคิดเรื่องของคุณเอาไว้เยอะมาก ถ้าคุณไม่ถือสา ฉันขอเรียกคุณว่าน้องได้รึเปล่า ? ”
หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจนัก “แน่นอน ฉันไม่ได้คิดอะไรมากหรอก”
เย่เหยียนยิ้มออกมาด้วยตาที่เป็นประกาย “น้องแปดเทพ วันนี้คุณทำงานมาหนัก คุณต้องพัก ฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันจะให้เสี่ยวเว่ยคอยดูแลคุณ เธอน่ะรอบคอบ ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่”
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เดินออกจากห้องไป
หวังเย่าอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ เจ้าเฒ่านี่กลับไม่ใส่ใจความรู้สึกของเสี่ยวเว่ยและถึงกับปล่อยให้เธอมาดูแลเขา
แต่การที่มีเสี่ยวเว่ยดูแลเขาก็ถือว่าดี ยังไงซะการอยู่คนเดียวมันก็น่าเบื่อ
เสี่ยวเว่ยพึมพำออกมา “คุณแปดเทพ ฉันจะพาคุณไปที่ห้อง”
“ได้” หวังเย่าลุกขึ้นพร้อมกับเดินตามเธอไป เขามองไปที่ร่างของเสี่ยวเว่ยและเริ่มคิดว่าอยากจะเห็นหน้าตาจริง ๆ ของเธอ
“ เสี่ยวเว่ย ”
“หือ”
“ในเมื่อเธอรู้อายุจริง ๆ ของฉันแล้ว งั้นฉันก็แก่กว่าเธอแค่ปีเดียว เธอเรียกฉันว่าพี่รึเรียกชื่อเฉย ๆ ก็ได้”
“จริงหรือ” เสี่ยวเว่ยดีใจขึ้นมา “ให้ฉันเรียกคุณแบบนั้นได้จริง ๆ หรือ ? ”
“ฉันว่ามันก็ดีกว่าการพูดคุยแบบเป็นทางการไม่ใช่รึไง ? ยังไงซะการเรียกว่าคุณก็ดูห่างเหินกันเกินไป”
อย่างน้อยก็ดีกว่าถูกเรียกแบบเหินห่างจากคนที่อายุไล่เลี่ยกัน แค่ไม่เปิดเผยชื่อจริงก็ถือว่าดีแล้ว สุดท้ายหวังเย่าก็พูดขึ้น “เรียกฉันว่าแปดเทพก็พอ”
“นั่น...มันไม่เหมาะ ถ้าคุณเย่เหยียนได้ยินฉันเรียกคุณแบบนี้ เขาต้องดุฉันแน่ ๆ ” เสี่ยวเว่ยแสดงท่าทีหนักใจออกมา
“งั้น...เรียกฉันว่าพี่แปดเทพก็ได้ ในทางกลับกันแล้ว ฉันจะเรียกเธอว่าน้องเสี่ยวเว่ยก็แล้วกัน” หวังเย่าเสนอ
“ก็ได้ เรียกว่าน้องก็ฟังดูรื่นหูดี” เสี่ยวเว่ยหัวเราะออกมา
...
คืนนั้น หวังเย่านอนอยู่ในห้องรับแขกด้านในโดยมีเสี่ยวเว่ยนอนอยู่ด้านนอก บางทีเพราะรู้สึกเบื่อทั้งสองคนจึงนอนคุยกันอยู่เกือบทั้งคืน
เพราะการที่ทั้งสองคุยกัน ทำให้กว่าจะนอนก็ดึกมากแล้ว
หวังเย่ารู้ว่าเสี่ยวเว่ยไม่มีญาติ เธอมีญาติเป็นผู้ปกครองโดยที่ผู้ปกครองของเธอเป็นแค่ไอ้ขี้เมา
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสารเธอขึ้นมา
เขาหลับได้ไม่นาน ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าด้านนอกนั้นเริ่มมีแสงสว่างสลัว ๆ แล้ว
หวังเย่าไม่อาจจะหลับได้อีก เขาใส่หน้ากากแล้วเดินออกมานอกห้องก่อนจะพบเสี่ยวเว่ยนอนอยู่ ผ้าห่มของเธอตกอยู่ที่พื้น เขารีบเดินเข้าไปห่มผ้าให้กับเธอก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของเธอ
ตอนนั้นเขาก็ใจสั่นขึ้นมา ใบหน้าที่ดูน่ารักนี้ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
เมื่อเห็นเปลือกตาที่สั่นพร้อมกับใบหน้าที่สดใส หวังเย่าก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที
เธอสวยไม่ต่างจากจ้าวเมิ่งซีเลย
เมื่อเห็นแบบนั้น ใจของหวังเย่าก็เริ่มเต้นรัวพร้อมกับความคิดที่ฟุ้งซ่าน แต่เมื่อเขาหยิกต้นขาของตัวเองและสูดหายใจเข้าลึก ๆ ความคิดเหล่านั้นก็หายไป เขาได้กลับไปที่ห้องอีกครั้ง เขาไม่อยากให้เสี่ยวเว่ยรู้ว่าเขาเห็นหน้าตาของเธอแล้ว
“ในเมื่อฉันเรียกเธอว่าน้อง งั้นก็มากินข้าวด้วยกันสิ ฉันกินคนเดียวไม่อร่อย” ตอนที่เสี่ยวเว่ยเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟในห้อง หวังเย่าก็เชิญเธอมากินด้วยกัน
“มันไม่ดี ฉันทำงานอยู่” เสี่ยวเว่ยส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรนี่ ถึงทำงานก็ต้องกินอะไรบ้าง เธอต้องเหนื่อยอีกทั้งวัน ยิ่งไปกว่านั้นมันก็น่าเบื่อที่ต้องกินคนเดียว” หวังเย่ายังยืนกราน
“งั้นก็ขอบคุณ” เสี่ยวเว่ยยิ้มออกมา แม้ว่าเธอจะใส่หน้ากากอยู่แต่ก็เห็นสายตาที่มีชีวิตชีวาของเธอได้
ในตอนเช้าการประมูลจะเริ่มประมาณ 11 โมง ด้านนอกจะถูกปิดทางเอาไว้ไม่ให้ใครเข้ามาในระหว่างการประมูล
ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากแห่กันมา ทุกคนพากันสวมหน้ากากและเดินไปมาในตลาดมืด
เมื่อหวังเย่าออกมาจากห้องพักและเข้าไปในตลาดมืด เขาก็พบว่าที่ลานนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินไปเดินมารวมถึงคนที่ขายของ ราวกับว่าที่นี่เป็นตลาดสด
แต่ฉากแบบนี้คงอยู่แค่ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ประตูห้องโถงจะเปิดออก เผยให้เห็นห้องโถงที่หรูหรา
นี่คือห้องที่ใช้สำหรับการประมูล
แต่คนทั่วไปไม่อาจจะเข้าไปได้ เพราะพวกเขาต้องจ่ายคนละ 3,000 เครดิต
แน่นอนหลังจากที่ประมูลเสร็จนั้นผู้จัดงานจะทำการคืนเครดิตให้ 2,000 เครดิต
หรือในอีกความหมายคือแค่ตั๋วเข้าก็มีราคา 1,000 เครดิตแล้ว
หากนับจากคนกว่า 90% ที่นี่ที่เข้าร่วมกันหมด พวกเขาจะได้เงินมากขนาดไหน
แต่หวังเย่าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเข้า เขาดึงบัตรแขกกิตติมศักดิ์ออกมาก่อนจะเข้าไปได้ทันที
ห้องประมูลนี้ใหญ่โตมาก มันจุคนได้มากกว่าพันคน ไม่ถึง 10 นาที คนก็เข้ามาจนเต็มห้อง ยังไงซะการประมูลนี้ก็จัดขึ้นทีละครึ่งปี
ทันทีที่คนเต็มห้อง ประตูก็ถูกปิดลง พวกเขาไม่อาจจะออกไปจากห้องได้ ส่วนคนด้านนอกก็ได้แต่รอจนกว่าการประมูลจะจบ พวกเขาถึงจะออกไปจากตลาดมืดได้
ในเวลาเดียวกันแสงไฟในห้องโถงก็ดับลง มันเหลือไฟแค่บนเวที ทำให้บรรยากาศดูราวกับหนังกำลังจะเริ่มฉาย
หวังเย่าพยักหน้าด้วยความพอใจกับการเพิ่มความตื่นเต้นนี้
การจัดแจงแบบนี้ไม่ใช่แค่เพิ่มบรรยากาศให้กับการประมูล แต่ยังรับรองว่าข้อมูลของผู้ประมูลจะไม่ถูกเปิดเผย
ในความมืดนี้ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่พนักงานประมูลนั้นจะมีกล้องมองในที่มืด ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าใครบ้างที่ทำการประมูล
ชายสวมหน้ากากคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาบนเวทีจนเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนโดยรอบ
หวังเย่าลองตรวจสอบอีกฝ่าย ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายคือผู้ใช้อสูรขั้น 5 เย่เหยียน
ด้านหลังเย่เหยียนมีสาวใช้หลายคน แต่ละคนถือพานที่มีผ้าสีแดงปิดเอาไว้ หนึ่งในนั้นสวมหน้ากากแมว
ไม่ผิดแน่ นั่นคือเสี่ยวเว่ย
“ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาเข้าร่วมการประมูลของตลาดมืดในทุก ๆ 6 เดือน ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริง ๆ นับว่าเป็นโชคดี ที่สินค้าในการประมูลครั้งนี้มีคุณภาพที่ไม่เลว และยังมีจำนวนมาก ถึงจะมีผู้คนเข้าร่วมเยอะแต่ก็ต้องสร้างความพอใจให้กับทุกท่านได้แน่....” เย่เหยียนพูดเปิดพิธีและเมื่อเห็นว่าได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว เขาจึงเลิกไร้สาระ
“ฉัน เย่เหยียน ผู้ใช้อสูรขั้นที่ 5 ของตลาดมืดเขตเหนือเมืองอรุณ ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนดูแลการประมูลเอง”
หลังจากที่โบกมือ สาวใช้คนหนึ่งก็ก้าวออกมาพร้อมกับป้ายไม้
“ชิ้นแรกคือลูกปัดมังกรดำ”