ตอนที่ 27 กล้าให้ผู้อำนวยการมาเป็นลูกมือ
เมื่อความร่วมมือสิ้นสุดลงและโม่อวี้ต้องลาออกจากงาน ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังแรงกดดันนี้
ตามหลักแล้วหลิวเฟยมีสินค้าอยู่ในมือ เมื่อโรงแรมแห่งนี้ไม่เต็มใจที่จะร่วมมือ ดังนั้นหากเขาจะเปลี่ยนโรงแรมคู่ค้าไปอีกที่หนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น ด้วยอิทธิพลของตระกูลหลู่ในเมืองเฟิ่งหวง จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาโรงแรมที่เขาสามารถค้าขายร่วมกันได้
ดังนั้นถ้าไม่อยากตัดเส้นทางทางการเงินนี้ ก็ต้องไปให้ถึงที่สุด
เขาเหลือบมองโม่อวี้แล้วพูดว่า "เถ้าแก่คุณล่ะ เขาคิดเห็นอย่างไรบ้าง ? "
โม่อวี้ตอบกลับ “เถ้าแก่ของพวกเรายังดีอยู่ คราวนี้อาจเป็นเพราะว่าไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของไอ้พวกสวะนั่นได้ นอกจากนี้ภรรยาของเขากำลังป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะท้าย ๆ เขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลเพื่อดูแลเธอ ส่วนเรื่องโรงแรม รองผู้จัดการจะเป็นคนรับผิดชอบ สำหรับเรื่องช่องทางการจัดหาอาหารทะเลของนาย ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตัวน้อย ๆ อย่างฉันที่ไม่มีค่า ไม่มีความจำเป็นที่โรงแรมจะต้องเป็นศัตรูกับตระกูลหลู่ ดังนั้นการที่พวกเขาทำแบบนั้น ฉันเข้าใจได้"
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เธอก็พูดขึ้นว่า "ต้องโทษฉันเองที่ตาบอด ทำให้เจอคนที่เลวแบบนี้ ขอโทษนะ ที่ทำให้นายต้องลำบาก ! "
หลิวเฟยหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “พวกเราใครกันแน่ที่ทำให้ใครต้องลำบาก พูดไม่ถูกจริง ๆ ผมอยากจะถามคุณสักคำ คุณเชื่อใจผมไหมล่ะ ? ”
โม่อวี้กระพริบตาคู่สวยปริบ ๆ มองไปที่เขาแล้วพูดว่า "แน่นอน ! "
เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอจับคนวิปริตนั่น ทำไมเธอจะไม่เชื่อใจเขาล่ะ ? เธอรู้สึกโชคดีเสียด้วยซ้ำที่ได้พบกับดวงดาวนำโชคในคืนที่มืดมิดเช่นนี้
เมื่อได้รับคำตอบที่ยืนยันแล้ว หลิวเฟยก็ลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าเธอแล้วพูดว่า "ไปกันเถอะ"
โม่อวี้ถาม “ไปไหน ? ”
“ไปปลูกผักทำสวนที่หมู่บ้านหลิวเจียกัน ! ”
พลั่ก !
โม่อวี้หัวเราะคิกคักแล้วยกกำปั้นขึ้นและทุบไปที่เขาทีหนึ่ง "นายยังจะนิ่งเฉยแบบนี้ไปตลอดหรือ นี่มันเวลาไหนแล้ว นายยังจะเห็นเป็นเรื่องล้อเล่นอีกหรือ"
หลิวเฟยยิ้มและพูดว่า "คุณต้องเข้าใจว่าการหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ได้ มาเถอะ ไปซื้อของไปเยี่ยมภรรยาของเถ้าแก่คุณกัน"
โม่อวี้คิดไปคิดมาแล้วพูดว่า "ได้ ! "
ทั้งสองซื้อตะกร้าผลไม้ขนาดใหญ่และช่อดอกไม้ มายังห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลเฟิ่งหวง
ซูเฉียว ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมสวี่รื่อเห็นความตั้งใจของพวกเขา จึงพูดอย่างเหนื่อยหน่ายว่า "ขอบคุณที่มาเยี่ยมภรรยาของผม พวกคุณไปเถอะ พวกเราคนกันเอง อย่าทำให้ต้องลำบากใจกันเลย ? "
หลิวเฟยเหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าของเธอซีดเซียว เธอน่าจะมีอายุราวห้าสิบกว่าปีได้ เขาจึงพูดขึ้นว่า "ประธานซู ผมขอจับชีพจรของภรรยาคุณดูได้ไหม ผมมีทักษะทางการแพทย์ อาจจะช่วยได้“
ซูเฉียวยิ้มอย่างขมขื่น ยังไม่ทันได้พูดอะไร จู่ ๆ เมิ่งจวิน ภรรยาของเขาก็ตะโกนขึ้นอย่างลนลานว่า "ได้โปรดอย่าบังคับพวกเราเลย พวกเราไม่สามารถสู้กับตระกูลหลู่ได้ พวกคุณเปลี่ยนพันธมิตรใหม่ หางานใหม่ไม่ได้หรือ ? ฉันเองก็มีที่เรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจมากพอแล้ว พวกคุณยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ ! "
พูดจบ เธอก็ไออย่างรุนแรง
ซูเฉียวรีบตบหน้าอกเพื่อปลอบประโลมเธอสองสามที เมื่ออารมณ์ของเธอสงบลง เขาก็ลุกขึ้นยืนเชิญพวกหลิวเฟยมาที่ประตูและพูดว่า "พวกเราซาบซึ้งในความเมตตาของพวกคุณจริง ๆ เธอเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย หมอบอกว่าเธออยู่ได้อีกแค่ 1 ปี ผมรู้สึกแย่มาก ๆ พอแล้ว ผมไม่อยากรู้สึกแย่อีกแล้ว ! โม่อวี้ คุณเป็นคนดีมีความสามารถ ถ้าคุณไม่ไหวจริง ๆ ก็ออกจากเฟิ่งหวงเพื่อไปหางานที่อื่นทำเถอะ เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับคุณหรอก"
เจ้าตัวพูดขนาดนี้แล้ว พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก ?
หลิวเฟยเห็นว่าขมับทั้งสองข้างของเขาขาวโพลนไปหมดแล้ว มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ หลังจากปลอบประโลมไปสองสามคำและเตรียมที่จะออกไป ทันใดนั้นมีคนห้าหกคนเดินเข้ามาในโถงทางเดินและร้องไห้เสียงดัง
ทั้งสามเดินไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น ได้ยินเพียงเสียงผู้หญิงอายุสี่สิบห้าสิบห้าปีร้องไห้เสียงดัง "ซานซาน ทำไมชีวิตของลูกน่าสงสารขนาดนี้ ทั้งที่มีพ่อเป็นถึงหมอก็ยื้อลูกไว้ไม่ได้... "
ชายผมขาวสวมเสื้อกาวน์คนหนึ่งร้องไห้อย่างหนักจนถูกหมอหลายคนประคองไว้เช่นเดียวกัน คนรอบข้างต่างคอยปลอบเขา แต่เขาก็ยังคงทุบตีและด่าตัวเองไม่หยุด
ซูเฉียวเห็นดังนี้แล้วก็ถอนหายใจ "ดูท่าจะมีเรื่องเศร้าอีกแล้ว เฮ้อ ... "
ขณะที่หลิวเฟยกำลังจะเข้าไปถาม ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก หมอหลายคนก้มหน้าก้มตาเดินออกมา ในมือเต็มไปด้วยเลือด
หญิงวัยกลางคนเหลือบมองพวกเขา เธอยืนขึ้นและรีบไปที่ห้องฉุกเฉินทันที
ชายผมขาวมองหมออย่างใจเย็น หมอส่ายหัวแล้วพูดว่า "ในตัวเธอมีกระดูกหักมากกว่าสิบชิ้นและมีแผลไฟไหม้เป็นบริเวณกว้าง บวกกับมีเลือดออกมาก และกรุ๊ปเลือด AB negative ของเธอหายากมาก พวกเราพยายามสุดความสามารถแล้ว"
ชายผมขาวดูเหมือนจะเตรียมใจไว้แล้ว เขาทรุดลงกับพื้นและพูดอย่างสั่นเทาว่า “สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในโลกนี้คือพ่อที่เป็นหมอ แต่ไม่สามารถช่วยลูกสาวของเขาได้ ลูกไม่มีทางเลือกแล้ว ดูเหมือนว่า ... "
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็สะอื้นจนพูดไม่ออก
โม่อวี้เอนตัวพิงหลิวเฟยอย่างเศร้าใจ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาเพื่อจับแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังไม่ทันได้จับ หลิวเฟยก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า "เลือดผมกรุ๊ป AB negative ครับ ! "
หมอมองไปที่หลิวเฟยพร้อมพูดว่าา "แม้ว่าเลือดกรุ๊ปนี้จะหายาก แต่โรงพยาบาลก็ยังมีสต็อกเหลืออยู่เล็กน้อย ตราบใดที่เธอไม่ไม่เสียเลือดอีก ก็น่าจะพอ... "
หลิวเฟยพูดขึ้น “งั้นให้ผมลองดูหน่อย ผมอาจจะช่วยเธอได้ ! ”
ทันทีที่เขาพูดออกมา ทุกคนก็เริ่มลุกลี้ลุกลน
หมอมองเขาขึ้นลงแล้วพูดว่า "คุณเป็นหมอหรือ ? คุณมีใบรับรองวุฒิทางการแพทย์ไหม ? "
“ไม่มี”
“แล้วจะมายุ่งทำไม สนุกนักหรือไง ? ”
“คุณคิดว่าผมกำลังล้อเล่นอยู่งั้นหรือ ? รีบเตรียมเข็มเงินสำหรับฝังเข็มไว้ให้ผม 8 เล่ม ! ”
หลิวเฟยเหลือบมองหมออย่างเย็นชา ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เขาบุกเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว หมอหลายคนรีบห้ามปราม แต่ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
เมื่อเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เขาจับชีพจรของหญิงคนนั้น พบว่ามันคลุมเครือจนไม่สามารถมองออกได้ จึงตะโกนขึ้นทันที "เอาเข็มเงินมาให้ผม ผมห้ามเลือดได้ ! ”
"ผมมี มันอยู่ในห้องทำงาน รีบไปเอามาตอนนี้ ขอแค่ให้ลูกผมรอด ! "
ชายผมขาวที่ถูกผยุงมาถึงประตูห้องฉุกเฉิน เห็นสถานการณ์นี้จึงรีบขอให้พยาบาลข้าง ๆ ไปนำเข็มเงินของเขามาให้หลิวเฟย
หลังจากได้เข็มเงินมา หลิวเฟยกางสายรัดออกอย่างชำนาญ เขาหยิบเข็มเงินออกมาแล้วปักเข็มเงินเข้าไปในจุดต่าง ๆ รอบตัวเธอ จากนั้นก็แอบถ่ายปราณห้าชี่ไหลเวียนเข้าไปตามเข็มสีเงิน พร้อมคลึงมันอย่างใจเย็น สองนาทีต่อมาพยาบาลก็พูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ "เลือดหยุดแล้ว ! เลือดหยุดแล้วจริงด้วย ! "
ชายผมขาวเดินไปที่เตียงคนไข้ด้วยความตื่นเต้น เขามองไปที่หลิวเฟยแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า "คุณ ... "
หลิวเฟยพ่นลมหายใจออกมาแล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า “เลือดหยุดไหลแล้ว แต่เธอก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย เตรียมเสื้อกาวน์ มีดอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ให้ผม และผู้ช่วย 3 คนและเตรียมเลือดกรุ๊ป AB negative ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อน ! "
ชายผมขาวกัดฟันและผลักคนที่พยุงเขาสองข้างออกไป "ผมจะช่วยคุณเอง คนอื่นรีบไปเตรียมตัวเร็ว ! "
หมอคนหนึ่งพูดขึ้น "ท่านไปพักเถอะ เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง"
ชายผมขาวพูดอย่างดื้อรั้น "ไม่เป็นไร บนเตียงผ่าตัด ผมจะไม่เอาอารมณ์ส่วนตัวมายุ่งและมีดหลักไม่ใช่ผม"
เมื่อเห็นเขายืนกรานเช่นนี้ หมอก็ไม่ไม่มีทางเลือก จึงหาผู้ช่วยให้เขาอีก 2 คน
หลิวเฟยเหลือบมองชายผมขาวโดยไม่ได้คิดอะไร จากนั้นเขาก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมหน้ากากและเริ่มงานทันที
เวลาผ่านไปแต่ละนาที ทว่าดูเหมือนมันจะยาวนานมาก
หญิวัยกลางคนที่รออยู่โถงทางเดินเป็นเวลา 5 ชั่วโมงแล้ว เธอได้จับมือของโม่อวี้และถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของหลิวเฟย พยายามหาความหวังที่จะช่วยลูกสาวของเธอจากประวัติอันน่าดึงดูดของเขา แต่กลับทำให้โม่อวี้ทำตัวไม่ถูกแบบสุด ๆ
เหตุผลนั้นง่ายมาก จนถึงตอนนี้ความเข้าใจของโม่อวี้เกี่ยวกับหลิวเฟยก็ยังมีข้อจำกัด เธอสามารถบอกพวกเขาได้ในเรื่องทั่วไปว่าเขาเป็นคนมีความสามารถและน่าอัศจรรย์มาก และเราต้องเชื่อใจเขา
ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับซูเฉียว แต่เขาก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยทุก ๆ 1 ชั่วโมงเพื่อดูสถานการณ์
ยังไม่ทันรู้ตัวเวลาก็ผ่านไปอีก 1 ชั่วโมงแล้ว เมื่อประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก ทันใดนั้นทุกคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งอย่างใจจดใจจ่อก็ลุกขึ้นยืนพรวดพร้อมกัน
หลิวเฟยเดินออกมาก่อน เขาถอดหน้ากากอนามัยและพูดว่า "ปลอดภัยแล้ว ! "
เป็นสามคำง่าย ๆ ที่ทำให้คนห้าหกคนถึงกับต้องร้องไห้ออกมา หญิงวัยกลางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลิวเฟยไม่สู้ดีนัก โม่อวี้ก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขา แต่จู่ ๆ หลิวเฟยก็หมดแรงทรุดฮวบในอ้อมแขนของเธอ แก้มของเขาฝังลงบนหน้าอกอันงดงามของเธอได้อย่างเหมาะเจาะ
"หลิวเฟย อย่าทำให้ฉันตกใจสิ ! "
หน้าอกของโม่อวี้สั่นสะท้านและตกใจมาก เธอจึงรีบขอให้คนช่วยประคองเขาลงบนม้านั่ง
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวเฟยก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและพูดว่า "ไม่ ... ไม่มีอะไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย ! "
เหตุผลหลักที่เขาเป็นเช่นนี้ เพราะเขาใช้พลังปราณห้าชี่ไหลเวียนเพื่อช่วยผู้หญิงคนนั้นมากไป แถมยังแบ่งเลือดให้เธออีกด้วย
เมื่อชายผมขาวและหญิงวัยกลางคนเห็นเขาตื่นขึ้นมา พวกเขาตื่นเต้นมากจนต้องคุกเข่าลงและขอบคุณหลิวเฟย หลิวเฟยรีบหยุดพวกเขาและพูดว่า "พวกคุณทั้งสองไม่จำเป็นต้องเป็นต้องทำแบบนี้เลย ผมเป็นหมอ การรักษาคนใข้ให้หายจากความเจ็บป่วยคือความรับผิดชอบของผม ! "
หญิงวัยกลางคนกล่าวพลางเช็ดน้ำตาว่า “คุณเป็นดั่งดวงดาวนำโชคของลูกสาวเรา ไม่เพียงแต่ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่คุณยังมีกรุ๊ปเลือดเดียวกับลูกสาวอีกด้วย ทำให้พวกเราคนหัวขาวไม่ต้องส่งศพคนหัวดำ ตระกูลหลี่ของพวกเราจะไม่มีวันลืม ! "
ชายผมขาวพูดขึ้น “น้องชาย ฉันเห็นการฝังเข็มและการผ่าตัดของคุณ มองแวบแรกก็รู้ว่าคุณเชี่ยวชาญมาก แต่ทำไมคุณถึงไม่มีใบรับรองวุฒิของแพทย์ล่ะ มันจะเป็นไปได้หรือ ? ”
หลิวเฟยกระแอมไอแห้ง ๆ "เรื่องนี้ ... ผมไม่ได้อยู่ในองค์กร พูดตามตรงผมเป็นแค่หมอเถื่อน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีสิ่งนี้ ! "
“แล้วทักษะทางการแพทย์ของคุณล่ะ ? ”
"เรื่องนี้ไม่สะดวกที่จะเปิดเผย โปรดยกโทษให้ผมด้วย ! "
หมอคนหนึ่งพูดออกไปอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า: “นี่ถ้าคุณเป็นแค่หมอเถื่อน ถ้างั้นหมอทั้งโรงพยาบาลเฟิ่งหวงก็ไม่มีที่จะยืนแล้ว ! คุณเป็นมือวิเศษที่ดึงชีวิตของลูกสาวท่านผู้อำนวยการของเรากลับคืนมาจากประตูผี ! ”
“ผู้…อำนวยการ ? ”
หลิวเฟยนิ่งอึ้งขณะเหลือบมองไปยังชายผมขาว
ชายผมขาวพูดขึ้นว่า "ผมลืมแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ ผมคือหลี่จิ้งอี ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้ วันนี้ขอบคุณคุณมากจริง ๆ หรือในอนาคตคุณสามารถทำงานในโรงพยาบาลของเราต่อไปก็ได้ ด้วยทักษะการแพทย์ที่สูงเช่นนี้ รับรองว่าคุณจะได้เงินเดือนสูงแน่นอน และคุณอาจจะกลายเป็นหัวหน้าหมอหรือเติบโตไปได้ในอนาคตต่อ ๆ ไป ! "
หลิวเฟยกระแอมอย่างหนักและมองไปที่โม่อวี้ซึ่งกำลังกลั้นยิ้มไว้ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาคนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเฟิ่งหวง แต่กลับกลายเป็นลูกมือของเขาในการผ่าตัดครั้งนี้ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปก็คงจะเกิดความโกลาหลทั่วทั้งเมืองเป็นแน่...