ตอนที่ 29 คล้องแขนกินเหล้าตั้งแต่เด็ก
เมื่อหลิวอวี้เหลียนยื่นแก้วให้ หลิวเฟยไม่ได้ยกดื่มแต่อย่างใด เขาเพียงแค่นั่งทานอาหารอย่างสบาย ๆ "ต่อให้พวกเธอยากจะมอมเหล้าฉันขนาดไหน ก็ควรรู้จักมอมแบบเป็นขั้นเป็นตอนหรือเปล่า ? รีบร้อนแบบนี้มันไม่ได้ผลหรอกนะ !"
ได้ยินเขาพูดดังนั้น หัวใจของหลิวอวี้เหลียนก็กระตุกวูบทันที เธอพูดอย่างขุ่นเคืองว่า "พี่อย่าเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย ใครอยากจะมอมให้พี่เมากัน แล้วทำไมพวกเราต้องทำอย่างนั้นด้วย ? "
"เรื่องนี้ก็ต้องถามพวกเธอเองแล้วล่ะ !"
"นี่ ! ทำไมพี่ดื่มเหล้าได้ชักช้าขนาดนี้ ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ? ฉันว่าฉันยังดื่มเก่งกว่าพี่อีก ! "
พูดจบหลิวอวี้เหลียนที่กำลังโกรธเล็กน้อยก็เงยหน้ายกดื่มอีกแก้ว หลิวเฟยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "ฉันทำเพื่อพวกเธอนะเนี่ย รีบดื่มขนาดนั้น ยังไม่ทันได้มอมฉัน เกรงว่าพวกเธอจะเมาเองเสียก่อน แบบนั้นก็ไม่สนุกสิ ! "
ช่วงเวลาดี ๆ ที่มีสาวสวยอยู่ข้างกาย มันเป็นเรื่องที่หาได้ยาก หากพวกเธอเมามายไปซะก่อน แค่คิดก็น่าเบื่อแล้ว
เมื่อหลี่อวิ๋นโหรวเห็นว่าแผนกำลังจะถูกเปิดโปง เธอจึงยิ้มและพูดว่า "นายคิดไปถึงไหนเนี่ย พวกเราแค่เห็นนายทำงานหนัก เลยอยากจะตอบแทนสักหน่อยไม่ได้หรือไง ? ในเมื่อนายพูดเช่นนั้น พวกเราก็จะดื่มช้า ๆ แล้วกัน นายบอกฉันหน่อยสิว่านายมีแผนจะพัฒนาหมู่บ้านหลิวเจียอย่างไร"
เมื่อพูดเช่นนี้ น้ำเสียงของหลี่อวิ๋นโหรวก็อ่อนโยนลงอย่างบอกไม่ถูก แบบนี้เกรงว่าต่อให้คนที่กำลังอารมณ์ขึ้นขนาดไหนมายืนตรงหน้าเธอ ก็ยังอายเกินกว่าจะระบายอารมณ์โกรธใส่เธอได้
หลิวเฟยเหลือบมองเธอและพูดว่า "เธอคิดว่าฉันเหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ ? อย่างไรก็ตามตอนนี้อาหารทะเลอุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านสามารถจับสัตว์น้ำมาขายได้ ให้พวกเขานำรายได้ไปพัฒนาชีวิตของพวกเขาก่อนเถอะ เรื่องนั้นแล้วค่อยว่ากันทีหลัง"
หลี่อวิ๋นโหรวส่ายหน้า "คนที่ไม่คิดการณ์ไกล ความยุ่งยากใจก็จะใกล้เข้ามา นายเคยคิดบ้างไหมว่าเมื่อนายทำประมงแล้ว สักวันสัตว์น้ำในทะเลทั้งหลายก็ต้องหมดไป ถึงเวลานั้นนายจะทำอย่างไร ? "
หลิวเฟยพูดออกไปอย่างส่งเดช "งั้นก็ซื้อเรือลำใหญ่ออกทะเลไปหาปลาไง ! "
"แล้วท่าเรือล่ะ ? "
"สร้างไว้ใต้หน้าผาแล้วกัน ! "
"ก็มีแค่นายเท่านั้นแหล่ะที่กล้าคิดแบบนี้"
"ประเด็นคือมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำไม่ได้นี่……"
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังปะทะกัน หลิวอวี้เหลียนจึงกล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิด “ฉันล่ะยอมพวกพี่สองคนจริง ๆ พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้วยังจะกินข้าวอร่อยอยู่ไหม ? ไว้ค่อยหาเวลาคุยกันใหม่ วันนี้อย่าพูดเลย มา ๆ ชนอีกสักแก้ว ! "
หลังจากที่ทั้งสามคนดื่มจนหมดแล้ว หลิวเฟยมองเห็นใบหน้าแดงก่ำของพวกเธอ มันยิ่งขับทำให้พวกเธอมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น เขาแอบหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวแล้วหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาพร้อมพูดว่า "พวกเธอตระเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะขนาดนี้ เป็นลาภปากของฉันจริง ๆ ฉันควรจะขอบคุณพวกเธอสักหน่อย มา พวกเราดื่มอีกสักแก้วกันเถอะ"
หลี่อวิ๋นโหรวเรอเอิ้กออกมา พร้อมยกแก้วขึ้นมาดื่มต่อ
เมื่อเห็นว่าหลิวเฟยดูแปลก ๆ ไป หลิวอวี้เหลียนจึงชี้นิ้วไปทางด้านหลังเขาแล้วร้องขึ้น "ว้าย……หนู ! "
หลิวเฟยหันหลังกลับไปมอง "มีหนูที่ไหนกัน ? "
"มันวิ่งไปซ่อนอยู่ใต้ตู้แล้ว พี่ลองไปหาดูไหม ? "
หลิวเฟยยกมุมปากขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "ไม่อยากดื่มก็ไม่ต้องดื่ม จะได้ไม่ต้องเสียเปล่า"
หลิวอวี้เหลียนนิ่งไปชั่วครู่ แล้วแสร้งตีหน้าซื่อทำเป็นสงสัย "พี่พูดเรื่องอะไร ? ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย ไม่ใช่ว่าพี่เมาแล้วเริ่มพูดไร้สาระออกมานะ ? "
เธอเป็นคนหน้าด้าน หลิวเฟยรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ในเมื่อเธอจะไม่ยอมรับ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงทำได้แค่เพียงส่ายหัวแล้วก้มหน้ากินอาหารต่อไป
ทั้งสามคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ดื่มด้วยกันอีกหลายแก้ว หลิวเฟยดื่มเหล้าขาวหมดไป 1 ขวดโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนหลิวอวี้เหลียนและหลี่อวิ๋นโหรวก็ดื่มไวน์แดงหมดไป 1 ขวดเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าหลิวเฟยยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเมา หลิวอวี้เหลียนและหลี่อวิ๋นโหรวซึ่งรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยก็เริ่มกลัดกลุ้ม
"ทำไมเขาถึงคอแข็งขนาดนี้ ดูเหมือนว่าต่อให้ดื่มอีกสักพันแก้วก็คงไม่เมา ! "
หลิวอวี้เหลียนเม้มปากก่อนเทเหล้าลงเต็มแก้ว จากนั้นเธอจงใจเดินโซซัดโซเซไปอยู่ด้านข้างหลิวเฟย พร้อมพูดว่า "พี่เฟย ฉันอยากดื่มกับพี่ ! "
หลิวเฟยเหลือบมองไปที่หลี่อวิ๋นโหรวแล้วรีบพูดว่า "อย่าหาเรื่อง ! "
หลิวอวี้เหลียนดึงเสื้อผ้าของเขาและพูดอย่างออดอ้อนว่า "ฉันไม่ได้หาเรื่องนะ ตอนพวกเรายังเด็กก็ดื่มกันแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมพอโตขึ้นมาพี่ถึงอายล่ะ ? ฉันบอกพี่ให้นะว่าชีวิตฉันตอนนี้ก็เหมือนกับการเล่นกันตอนเด็ก ๆ ไม่ได้มีอื่นใดเลย ! ก็แค่อยากดื่มเหล้าด้วยกัน"
เมื่อหลิวเฟยเห็นว่าเธอใกล้จะเอียงเข้าไปในอ้อมกอดของตัวเองแล้ว ในใจก็อดนึกถึงสถานการณ์ตอนวัยเด็กไม่ได้ ด้วยความจนปัญญาที่จะโน้มน้าว เขาจึงกัดฟันและไขว้แขนกับเธอเพื่อยกดื่ม
เมื่อหลี่อวิ๋นโหรวเห็นดังนั้น ดวงตาของเธอก็แปลกไป ไม่นานนักเธอก็ตะโกนขึ้นว่า "พวกนายสองคนสนิทกันมาตั้งแต่ยังเด็กเลยหรือ น่าอิจฉาจังเลย ! ไม่ได้เจอกันมาตั้ง 7 ปีแล้ว จะดื่มแค่แก้วเดียวได้ยังไง แบบนี้ต้อง 3 แก้วไปเลย ! "
หลิวอวี้เหลียนรีบพูดขึ้นทันที "ใช่ ดื่มแก้วเดียวจะแสดงถึงความสัมพันธ์ของเราได้อย่างไร ต้อง 3 แก้วสิ ! "
หลิวเฟยไม่สามารถขัดเธอได้ จึงดื่มไปอีก 2 แก้ว
หลิวอวี้เหลียนโซซัดโซเซกลับไปที่นั่งของตน เธอเร่งให้หลี่อวิ๋นโหรวพูดขึ้นว่า "พวกพี่สองคน คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน อีกคนเป็นเลขานุการ แน่นอนในอนาคตจะต้องเป็นพันธมิตรกันไปอีกนาน ฉันว่านะพวกพี่ต้องดื่ม 3 แก้วแล้วผูกสัญญาใจกันตลอดไป ! "
ตอนนี้ใบหน้าของหลิวอวี้เหลียนแดงก่ำราวกับสีแอปเปิ้ล เห็นได้ชัดว่าเธอเมาอย่างมาก ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่พูดเรื่องแบบนี้ออกมา
หลี่อวิ๋นโหรวมองไปที่หลิวเฟยอย่างเขินอาย เธอกัดริมฝีปากบางแล้วลุกขึ้นยืน
หลิวเฟยเห็นดังนั้นจึงรีบพูดขึ้น "ไม่ดีมั้ง ? จะดื่มอีกหรือ ? ฉันเกรงว่าคู่หมั้นของเธอจะมาฆ่าฉันที่หมู่บ้านหลิวเจียเอาน่ะสิ ! เธอแค่เมาแล้วพูดไปเฉย ๆ "
หลี่อวิ๋นโหรวเหลือบมองไปที่เขาแล้วพูดอย่างไม่เป็นภาษาว่า "ใคร ... ใครอยากดื่มคล้องแขนกับนายหรือ ! ฝันไปเถอะ ! ฉันจะดื่มกับนาย 3 แก้ว จากนี้พวกเราก็จะร่วมเป็นตายร้ายดีไปด้วยกัน ! "
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปหาหลิวเฟยก่อนที่จะยกแก้วดื่มอย่างจริงจัง
เธอทำตัวเป็นทางการเช่นนี้ หลิวเฟยย่อมนั่งไม่ติด เขายืนขึ้นยิ้มและพูดว่า "รอให้เธออยู่ที่หมู่บ้านหลิวเจียครบหนึ่งเดือนก่อน แล้วค่อยว่ากัน"
"นายดูถูกฉันเกินไปแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้หรอก" หลี่อวิ๋นโหรวพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
"จริงหรือ ? "
"จริงสิ ! จะดื่มไม่ดื่ม ? "
"ดื่ม ! "
ทั้งสามดื่มไปสามแก้วติดต่อกัน หลี่อวิ๋นโหรวเรอออกมาหลายอึก ก่อนจะเดินโซเซ ทันใดนั้นร่างกายก็เอนเอียง หลิวเฟยตาไวพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเอื้อมมือคว้าเขาเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนตัวเอง
หลีอวิ๋นโหรวคว้าคอเขาไว้และมองด้วยสายตางุนงง เธอรีบลุกขึ้น จากนั้นกลับไปยังที่นั่งของเธอและก้มหน้ากินอาหาร
หลังจากหลิวอวี้เหลียนกลับมาจากล้างหน้า เธอก็ขยับเก้าอี้ไปนั่งข้าง ๆ หลิวเฟย จากนั้นจึงวางแขนขาวไว้บนไหล่ของของเขาพร้อมพูดว่า "พี่เฟย ทำไมพี่ดื่มเก่งขนาดนี้ ? คอแข็งขนาดนี้ถ้าไม่ยกเหล้าขาวขวดนี้ให้หมด ก็คงจะเสียเปล่าแน่ ๆ มา ๆ ๆ ฉันป้อนพี่เอง ! "
พูดจบ เธอก็ยกแก้วเหล้าขึ้นและป้อนแก่หลิวเฟย
ตอนแรกเป็นแค่ดื่มเหล้านับถือกัน แต่ตอนนี้เริ่มเลยเถิดแล้วและหลิวเฟยเองก็หมดเรี่ยวแรงที่จะบ่นเช่นกัน
เขาดื่มอย่างให้ความร่วมมือพร้อมกับพูดว่า "มันจำเป็นต้องพยายามขนาดนี้เลยหรือ ? ถามมาสิ พวกเธออยากรู้อะไร"
หลี่อวิ๋นโหรวโพล่งออกมาว่า "เจ็ดปีที่แล้วนายไปทำอะไรมา ? "
หลิวเฟยชี้ไปที่เธอและพูดว่า "เปิดเผยออกมาแล้วสินะ ไม่ใช่ว่าอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับฉันหรือ ฉันจะพูดให้ฟังก็แล้วกัน ! "
หลิวเฟยยกเหล้าขึ้นดื่ม พร้อมเล่าเรื่องราวเจ็ดปีที่ผ่านมาให้พวกเธอฟังอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเรื่องที่เคยเป็นทั้งคนงาน ตั้งแผงลอยขายของเล่น เป็นพวกอันธพาลเข้าคุกมาก่อน
ทุกครั้งที่เขาพูดถึงเรื่องตึงเครียดภายใต้ "คำยุยง" ของพวกเธอทั้งสอง เขาจะยกเหล้าขึ้นดื่มเสมอ ดังนั้นหลังจากพูดจบ เหล้าขาวหนึ่งขวดก็ถูกเขาดื่มจนหมด หลิวอวี้เหลียนรีบรินไวน์แดงที่เหลือให้เขาดื่มจนหมด หวังให้เขาไม่มีสติ จะได้หลอกถามต่อ
หลิวเฟยตอบคำถามที่พวกเธอถาม ทั้งดื่มไวน์แดงไปสองสามแก้วแล้วพูดต่อว่า "มีแค่นี้แหละ ฉันออกไปอยู่ข้างนอกไม่ได้จริง ๆ ก็เลยกลับมาอยู่หมู่บ้านหลิวเจียนี้ไง ดูไม่ออกหรือ ? "
หลิวอวี้เหลียนเอียงตัวขึ้นมาจากอ้อมแขนแล้วพูดว่า "โกหก ! แล้วนายไปเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาจากที่ไหนกัน ? "
หลิวเฟยประคองเธอพร้อมพูดว่า "หลังจากทำงานทั่ว ๆ ไปในโรงพยาบาลอยู่สองปีก็ครูพักลักจำมา บังเอิญรู้จักกับแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขาเห็นว่าฉันมีพรสวรรค์ก็เลยรับฉันเป็นศิษย์และสอนวิชาให้ฉันตั้งมากมาย ! "
หลิวอวี้เหลียนหมอบลงบนโต๊ะและพูดว่า "เลิกเสแสร้งได้แล้ว ! พี่เฟย พี่ต้องปิดบังข้อมูลสำคัญบางอย่างไว้แน่เลย"
หลี่อวิ๋นโหรวฟุบลงบนโต๊ะด้วยอาการง่วงนอนและพูดว่า "ใช่ ! โกหกเก่งเกินไปแล้ว ชัดเจนเลยว่านายยังไม่เชื่อใจพวกเรา"
หลิวเฟยกินอาหารเข้าไปหลายคำ เขาใช้มือยันคางและพูดฮึมฮัมออกมามากมาย อย่างไรก็ตามมีไม่กี่คำที่เขาพูดไปมาซ้ำ ๆ ผลลัพธ์คือพวกเธอทั้งสองหลับไปเรียบร้อยแล้ว...
เมื่อเห็นว่าทั้งสองหลับสนิทแล้ว เขาก็ส่ายหัวพลางคิดว่าจะลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง แต่หัวกลับปวดมากจึงฟุบลงบนโต๊ะ คิดว่าจะงีบสักหน่อย สร่างเมาแล้วค่อยว่ากัน ใครจะไปรู้ว่าเขาจะหลับไปจนเช้าตรู่ อีกทั้งหากไม่ใช่เพราะเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของใครบางคนดังขึ้น เกรงว่าเขาคงยังไม่ตื่นแน่นอน
เมื่อตอนที่เขารีบลุกขึ้นยืน สายตาของเขาก็มองเห็นชายชุดดำสามคนวิ่งพุ่งตรงไปยังห้องโถง เขาหยิบขวดเหล้าขว้างไปใส่พวกมันทันที จากนั้นก็รีบตะโกนปลุกหลี่อวิ๋นโหรวและหลิวอวี้เหลียน
ทั้งสองหันหน้ามาเห็นดังนี้ก็ตกใจอย่างสุดขีด แอลกอฮอล์ในร่างกายเปลี่ยนเป็นเหงื่อที่ไหลซึมออกมา
เมื่อชายชุดดำทั้งสามคนเห็นว่าพวกเขาตื่นอยู่ พวกมันจึงไปยืนกั้นประตูไว้
หัวของหลิวอวี้เหลียนยังคงร้อนเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เธอกรีดร้องออกมาพร้อมยกม้านั่งขึ้นและวิ่งเข้าไปหาพวกมัน แต่ไม่นานเธอก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะถูกเตะกลับเข้ามาในห้อง
หลิวเฟยส่ายหน้าและรีบช่วยเธอขึ้นมาและพูดว่า "เธอไม่เป็นไรใช่ไหม แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่อันธพาลระดับเดียวกับพวกอันธพาลครั้งก่อน เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน ! "
หลิวอวี้เหลียนใช้มือปัดจมูก เธอดึงเขาไปอยู่ด้านหลังตนเอง "ไม่เป็นไร ! สู้ไม่ได้ก็ต้องสู้ ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้พวกมันทำร้ายพี่เด็ดขาด ! "
ชายชุดดำทั้งสามเมื่อได้ยินดังนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ชายหนึ่งในนั้นที่มีกรงเล็บเหล็กแหลมอยู่ที่มือ มันชี้นิ้วไปที่หลิวอวี้เหลียนและพูดว่า "คนสวย เรื่องของวันนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบไปให้พ้น ! "
หลิวอวี้เหลียนพูดอย่างดุดันว่า "ทำไมจะไม่เกี่ยวกับฉัน ! เขาเป็นพี่ชายที่ดีของฉัน ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะต้องปกป้องเขา ! "
"เหอะ ๆ ... อ่อนหัดแบบนี้เนี่ยนะ ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่จะต้องปกป้องเธอ ? "
หลิวอวี้เหลียนขมวดคิ้วและพูดว่า "พวกแก ... หมายความว่ายังไง ? "
คนชุดดำคนหนึ่งส่ายหัวและพูดว่า "หลิวเฟย ฉันล่ะนับถือนายจริง ๆ ดูเหมือนว่านายจะเล่นบทฮีโร่ช่วยสาวงามมากเกินไปนะ ลองเปลี่ยนมาเป็นสาวงามช่วยฮีโร่ดูบ้างสิ ! "
หลิวอวี้เหลียนหันหน้าไปมองหลิวเฟยพร้อมพูดว่า "พี่เฟย……พวกมันหมายความว่ายังไงกันแน่ ? "
หลิวเฟยอดไม่ได้ที่จะดีดเข้าที่หน้าผากเธอสักที เขาประคองเธอนั่งบนม้านั่ง จากนั้นจึงกำหมัดแน่นแล้วพุ่งตัวออกไปใส่กลุ่มชายชุดดำ !
ชายชุดดำทั้งสามถอยกลับเข้าไปในลานบ้าน จากนั้นยืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอย่างรวดเร็ว และกรงเล็บเหล็กแหลมคมของพวกมันทำให้หลิวเฟยลำบากใจเป็นอย่างมาก
เพียงแค่หลิวเฟยกระพริบตา เสื้อยืดของเขาก็ขาดหลุดรุ่ย เมื่อหลิวอวี้เหลียนและหลี่อวิ๋นโหรวเห็นดังนั้นก็กลัวอย่างสุดขีด
ในตอนนี้ชายคนหนึ่งได้ชักกระบี่อ่อนข้างกายเขาออกมา บวกกับกรงเล็บเหล็กแหลมคมที่พร้อมจะแทงทะลุหัวใจของหลิวเฟยได้ทุกเมื่อ ดูเหมือนว่าหลิวเฟยพอที่จะหลบได้ แต่ก็อันตรายเป็นอย่างมาก
ทั้งกรงเล็บเหล็กสองอันทั้งกระบี่อ่อนทำให้เขาเกือบจะต้านทานไม่ไหว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ทำให้หลิวอวี้เหลียนและหลี่อวิ๋นโหรวกลัวถึงขีดสุด ทั้งยังมีชายถือกระบองอีกคนหนึ่งที่คอยจับตาดูอยู่ข้าง ๆ ขยับเมื่อไหร่ก็อาจถึงตายได้...