ตอนที่ 33 ทั้งเสียสติทั้งหัวแข็ง
ในห้องประชุมที่เงียบสงัด นอกจากหลิวเฟยแล้ว ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจ ใจจดใจจ่อมองไปที่ถังชางฉี
พวกเขาคาดเดาไม่ถูกว่านายกคนใหม่ผู้มีท่าทางเคร่งขรึม และไม่ค่อยไว้หน้าใครจะเป็นคนแบบไหน ไม่รู้ว่าเขาจะรับมือกับ "การยั่วยุ" ซึ่งหน้าแบบนี้ของหลิวเฟยยังไง แต่ว่าที่ยืนยันได้แน่นอนก็คือผู้ใหญ่บ้านที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ต้องพบกับหายนะแน่นอน
ถังชางฉีเป็นใคร ?
เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่นายกตำบลโซ่วเฉิงเท่านั้น แต่ยังเป็นคณะกรรมการประจำเขต เป็นรองผู้อำนวยการระดับสูง และเป็นคนที่ทุกคนเรียกว่าข้าราชการดาวรุ่งมาโดยตลอด
เมื่อ 4 ปีก่อน เขาเคยทำให้หมู่บ้านที่ยากจนกว่าหมู่บ้านหลิวหลุดพ้นความยากจนได้ เมื่อ 2 ปีก่อนเขาเคยปรับสภาพท้องถิ่นให้มีเส้นทางที่สดใส ตำบลไท่หยางสามารถพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด
ถึงแม้ว่าผลงานเหล่านี้จะบรรลุผลที่นอกเขตที่พวกเขาอาศัยอยู่ แต่คนจำนวนมากที่นั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ต่างก็รู้ เพราะเขาถูกนำมาเป็นตัวอย่างในการโฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอด
ตอนที่เขาเพิ่งจะมาถึงตำบลโซ่วเฉิง พวกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะถูกโยกย้ายมาที่นี่ แต่ว่าตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งก็มาจับประเด็นการย้ายหมู่บ้านหลิว ทำให้เห็นถึงความต้องการของเบื้องบน เพื่อที่จะให้เขาใช้ประสบการณ์ที่มีอย่างมากมายช่วยเหลือหมู่บ้านหลิวให้หลุดพ้นความยากจน ทำให้ตำบลโซ่วเฉิงพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
ลือกันว่าเขาทำงานเด็ดขาด ปกครองอย่างเข้มงวดมาก ตอนนี้กำลังถูกผู้ใหญ่บ้านตัวเล็ก ๆ ที่หน้าไม่อายขัดขาเขาแบบนี้ แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกว่าหลังจากนี้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มคนนี้ต้องใช้ชีวิตลำบากแน่
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือหลังจากถังชางฉีที่ได้ฟังคำพูดตาต่อตาฟันต่อฟันของหลิวเฟยแล้ว ก็หัวเราะดัง ๆ ออกมาทันที
ทุกคนต่างชำเลืองมองหน้ากัน ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น
หลิวเฟยเองก็ประหลาดใจอยู่บ้าง นายกตำบลคนนี้นิสัยดีมากนี่
"ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่บ้านหลิวเองก็มีโครงการพัฒนาหมู่บ้านหลิวอยู่แล้ว ไม่ลองพูดออกมาให้ทุกคนได้หารือกันดู แบบนี้จะได้เปรียบเทียบกันง่ายหน่อย"
หลังจากที่ถังชางฉีหัวเราะเสร็จ ก็กลับมาทำหน้าจริงจังมองไปทางหลิวเฟยทันที
หลิวเฟยจึงพูดโครงการของตนเองให้ฟัง "วิธีของผมนั้นง่ายมาก สรุปรวมออกมาแค่ 16 คำ เศรษฐกิจสามมิติ ทะเลพื้นดินเชื่อมผูกพัน จัดตั้งบริษัท ชาวบ้านเข้าร่วมหุ้น"
ถังชางฉีค่อนข้างจะสนใจแล้วพูดต่อ "อ้อ ? ลองว่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยได้ไหม ? "
หลิวเฟยพูดอย่างราบเรียบ "เป็นความคิดขั้นต้นเท่านั้น ยังอยู่ในขั้นสำรวจและปรับปรุง อีกอย่างหากพูดแล้วพวกคุณต้องหัวเราะเยาะผมแน่ ดังนั้นตอนนี้ขอไม่พูดแล้วกัน"
เฉินจวินโหรวอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง "บังอาจนัก ! นาย......นายกำลังสร้างความวุ่นวายชัด ๆ ! ท่านนายกตำบลถัง ผมว่าไล่เขาออกไปเถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการประชุมของพวกเรา"
ถังชางฉีโบกมือปัด เขามองไปทางหลิวเฟยอย่างสงบเยือกเย็น "คุณแน่ใจว่าโครงการนี้จะสามารถบรรลุผลได้ใช่ไหม ? คุณสามารถใช้โครงการนี้ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวยินยอมที่จะอยู่ในภูเขาไห่หมิงด้วยความเต็มใจใช่หรือเปล่า ? "
หลิวเฟยพูด "ดูจากตอนนี้ โครงการของผมน่าเชื่อถือกว่าของคุณ"
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง
เขามีเพียงแค่ความคิดขั้นต้นที่ยังไม่สมบูรณ์ แม้แต่ตัวเองยังไม่อาจจะเล่ารายละเอียดโครงการได้ แต่ก็กล้านำมาเปรียบเทียบกับนายกตำบลถัง หนุ่มคนนี้คงบ้าไปแล้วแน่ ?
พวกเขาผ่านการเมืองไม่ก็การค้ามาตั้งหลายปี ยังไม่เคยพบเคยเห็นใครที่จะขวางโลกได้ขนาดนี้ ไม่รู้ระเบียบราชการเอาซะเลย เจ้าหนุ่มนี่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอะไรขนาดนี้ !
หลี่อวิ๋นโหรวทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว หรือจะพูดให้ถูกคือเธอไม่อยากจะสนใจแล้ว เธอกดตัวเขาให้นั่งลง เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกมองว่าสติไม่ดีเช่นเดียวกันกับเขา
ท้ายที่สุดแล้วถังชางฉีเริ่มโมโหเล็กน้อย ที่จริงหากมีอะไรกันก็สามารถพูดคุยกันได้ แต่ที่นายเปรียบเทียบมานั้นหมายความว่ายังไง ? ไม่ใช่เป็นการบ่งบอกว่าโครงการที่ฉันร่างขึ้นมาอย่างลำบากนั้นไม่ได้เรื่องอย่างนั้นหรือ ?
อีกทั้งวันนี้พวกเขายังมีการเตรียมผู้จัดการบริษัทหลายแห่งเข้ามาร่วมประชุมการย้ายหมู่บ้านหลิวและวางแผนใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติของหมู่บ้านหลิวเพื่อพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจ พวกเขาล้วนอยู่ที่นี่ นายก่อความวุ่นวายแบบนี้ จะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ?
เขามองหลิวเฟยที่ยังคงสงบเป็นน้ำแข็งแล้วก็พูดด้วยเสียงเย็นชาเล็กน้อย "คุณบอกว่าโครงการของคุณดีกว่าผมใช่ไหม ? ผมจะให้โอกาสคุณ พูดมา ! หากว่าคุณพูดออกมาไม่ได้ ก็ทำตามที่รองนายกตำบลเฉินพูดเอาไว้ คุณลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านด้วยตัวเองเถอะ หมู่บ้านหลิวเล็กเกินไป ไม่อาจจะรองรับเทพยดาอย่างคุณได้"
หลิวเฟยตอบกลับ "ถ้าอย่างนั้นขอถามนายกตำบลถัง คุณบอกว่าเพื่อบริการพวกชาวบ้าน เลือกทำเลหมู่บ้านใหม่ ห้องพักสร้างเสร็จ การย้ายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ? "
ถังชางฉีโกรธเป็นอย่างมากแล้วพูด "อย่างมากสุด 2 ปี แต่ว่าผมสามารถควบคุมให้อยู่ในหนึ่งปีครึ่งได้"
"แล้วกว่าภูเขาไห่หมิงจะพัฒนาจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้ล่ะ"
"สามถึงห้าปี"
"เวลาเหล่านี้จะราบรื่นไปตลอดใช่ไหม ? "
"ผมดำเนินการตามประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จ"
..
"แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะสมกับหมู่บ้านหลิวใช่ไหม ? "
……
ถังชางฉีโกรธแล้ว แต่ว่าเฉินจวินหรานกลับอารมณ์ขึ้นยิ่งกว่าและพูดนำไปก่อน "หลิวเฟย นายอยากจะพูดอะไรกันแน่ ? ฉันเห็นว่านายก็แค่กำลังก่อความวุ่นวาย ! หรือว่านายดูไม่ออกใช่ไหมว่านายกตำบลกำลังพยายามควบคุมอารมณ์กับนาย ทำไมนายถึงไม่รู้ตัวว่าควรต้องทำตัวยังไงด้วยล่ะ ? "
หลิวเฟยพูดอย่างไม่รีบร้อน "ดูเหมือนว่าช่วงนี้รองนายกตำบลเฉินเลือดลมร้อนมากเกินไปนะครับ จำไว้ว่าต้องกินสาลี่ มะเขือเทศ แตงกวา กินผลไม้จำพวกนี้ให้เยอะหน่อย ที่จริงที่ผมถามแบบนี้ก็แค่อยากจะบอกว่าเวลานานเกินไปแล้ว ไม่ได้มีเจตนาอื่น"
แบบนี้เวลายังนานไปอีกหรือ ?
ทุกคนแทบจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่มีความรู้อย่างที่คิด ไม่รู้อะไรสักอย่างเลย !
หากนายกตำบลถังสามารถใช้เวลาอันสั้น จัดการแก้ไขปัญหานี้ได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เขาจะเข้าใจอะไรล่ะ !
ถังชางฉีมองหลิวเฟยอยู่สักพัก เขาหัวเราะเฝื่อน ๆ แล้วส่ายหัว เขาเป็นคนที่มีประชาธิปไตย เดิมทีเขารู้สึกว่าหนุ่มคนนี้พิเศษโดดเด่น ใจกล้ามาก ดังนั้นถึงได้ให้เขาพูด ใครจะรู้ว่าเขายิ่งพูดยิ่งเชื่อถือไม่ได้
ถ้านี่ไม่ใช่การก่อกวนแล้วคืออะไร ?
"ผู้ใหญ่บ้านหลิว เชิญคุณออกไปเถอะ หลังจากที่ออกไปก็เขียนจดหมายลาออกซะ ผมได้ยินมาว่าชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวเองก็ไม่ค่อยพอใจในตัวคุณนัก หลายวันก่อนเกือบจะลงชื่อปลดคุณออกจากตำแหน่งแล้ว"
หลิวเฟยหัวเราะแล้วพูดต่อ "มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ว่าก็ไม่ได้มีการลงชื่อปลดตำแหน่งนี่ ! คุณอย่าได้รีบร้อนไป ฟังผมให้จบก่อน ! ระยะเวลาในโครงการพัฒนาของผมเป็นประมาณนี้ หนึ่งเดือนเกิดการเปลี่ยนแปลง สามเดือนเห็นเป็นรูปร่าง ครึ่งปีเกิดการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว หนึ่งปีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ สองปีอยู่โดดเด่นเหนือใคร ! "
"ฮ่า ๆ ๆ ! "
"ฮ่า ๆ ๆ ! "
……
เขาพูดแบบนี้ ทุกคนต่างอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นก็พากันหัวเราะเสียงดังจนท้องแข็งออกมา นี่คงเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดที่พวกเขาเคยได้ยินมาในชีวิตแล้ว
หนึ่งปีพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ?
สองปีโดดเด่นเหนือใคร ?
เขาคิดว่ากำลังพัฒนาเศรฐกิจเขตปกครองพิเศษอยู่หรือไง ?
เขาคงไม่ได้มีปัญหาแค่กำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักประมาณตนแล้ว แต่ป่วยเกินเยียวยา ไร้ยารักษาโดยสิ้นเชิง
หลี่อวิ๋นโหรวในเวลานี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะดุเขาแล้ว เธอเอามือปิดหน้า แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ทำไมชีวิตของเธอถึงลำบากขนาดนี้นะ ? ทำไมถึงต้องเจอกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่เหมือนใครด้วยนะ ? รู้สึกขายหน้านัก !
ถังชางฉีหุบยิ้มบนใบหน้า เขากระแอมออกมาหนัก ๆ หลายที ใช้มือชี้ไปที่ประตูแล้วพูดอีกครั้ง "ผู้ใหญ่บ้านหลิว เชิญออกไปก่อนเถอะ หากคุณอยู่นี่ วันนี้คงประชุมกันไม่เสร็จ"
หลิวเฟยจึงพูดดักทางเขา "ผมดูออกว่าคุณเป็นนายกตำบลที่เปิดเผยและใจกว้างมาก เป็นโชคดีของตำบลโซ่วเฉิงของพวกเรา ! ในเมื่อคุณไม่เชื่อผม ผมเองก็มีปัญหาเกี่ยวกับโครงการของคุณ ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่มาแข่งกันสักครั้ง ! คุณผลักดันตามวิธีของคุณ ผมทำตามวิธีของผม ยังไงซะเวลาที่ผมต้องการสั้นและเร็วมากก็รู้ผลตัดสินแล้ว แน่นอนว่าพวกเราต้องได้รับความยินยอมจากพวกชาวบ้าน ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด"
เฉินจวินหรานตบโต๊ะทันทีแล้วพูด "หลิวเฟย นายสร้างความวุ่นวายพอแล้วหรือยัง ? ฉันทนนายมานานมากแล้ว นี่เป็นโอกาสที่สำคัญมาก นายจะกวนประสาทหาอะไร ? นายคิดว่านี่เป็นเรื่องเด็กเล่นย้ายบ้านหรือไง ? นายกตำบลถังมีเวลาว่างมาเล่นกับนายอย่างนั้นหรือ ? ไปให้พ้น ไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ! "
ถังชางฮีพูดอย่างสงบ "พอแล้ว ผู้ใหญ่บ้านหลิว สำหรับข้อเสนอของคุณวันนี้ ผมขอยังไม่ให้คำตอบ คุณจัดการเอาเองเถอะ"
หลิวเฟยหัวเราะและยืนขึ้นพูด "นี่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว ขอบคุณมากครับ ! "
พูดจบ เขาตบไหล่กลมมนของหลี่อวิ๋นโหรวแล้วพูดเบา ๆ "นายกตำบลคนนี้ไม่เลวเลย เรียนรู้จากเขาให้มากหน่อย ตั้งใจทำให้ดี"
หลี่อวิ๋นโหรวมองดูเขาออกจากห้องประชุมไป ไม่มีอะไรจะพูด คนบ้าที่กินยาผิดน่ากลัวเกินไปแล้ว !
“เอาล่ะ พวกเราประชุมกันต่อ ! ”
หลังจากผ่านเรื่องที่หลิวเฟยสร้างความวุ่นวายนี้ แทบจะไม่ได้ส่งกระทบกับถังชางฉีสักเท่าไหร่ เขายังคงเป็นเจ้าภาพการประชุมด้วยตัวเองต่อไป
พอประชุมเสร็จ สิ่งที่ทำให้หลี่อวิ๋นโหรวคาดไม่ถึงคือเขาให้เธออยู่ก่อนเพียงคนเดียว สอบถามเรื่องสถานการณ์การจับปลาและผลผลิตทางการประมงของชาวบ้านในหลายวันที่ผ่านมานี้ แต่พอหลังจากที่ได้ยินว่าเป็นความคิดของหลิวเฟย เขาก็หัวเราะแล้วไม่พูดอะไร
เธอรีบกลับไปหมู่บ้านหลิว เดิมทีหลี่อวิ๋นโหรวอยากจะถามหลิวเฟยต่อหน้าให้ชัดเจน แต่เมื่อได้ยินเขาต้องการเช่าที่เหนือระดับน้ำทะเล 300 เมตรในราคา 1,000 หยวนต่อหมู่ต่อปี และทางที่ดีควรเป็นพื้นที่ภูเขารกร้างและดินจืด อีกทั้งยังบอกว่าจะเช่า 20 หมู่ คนที่นิสัยอ่อนโยนอย่างเธอยังแทบจะระเบิดคำสบถออกมา
เขายังจะทำอะไรประสาท ๆ อีกแล้วหรอ เอาเงินมาเผาทิ้ง ตั้งใจจะยกกำไรให้กับพวกชาวบ้านมั้ง ?
ระหว่างทางกลับบ้าน ได้เห็นชาวบ้านที่ต้องการให้เช่าพื้นที่ภูเขามากันเต็มลานบ้าน หลี่อวิ๋นโหรวเอามือลูบหน้าอก ผ่อนคลายลงสักพัก ก็เดินไปอยู่ตรงหน้าหลิวเฟนแล้วพูดอย่างโกรธเคือง “หลิวเฟย นายจะทำอะไรกันแน่ ! ทำแบบนี้สนุกมากไหม ? ”
หลังจากที่หลิวเฟยบอกชาวบ้านว่ารอดูสภาพที่ดินค่อยกำหนดราคาเช่า ก็ให้พวกเขาจากไป หลังจากนั้นเขาเดินไปนั่งลงบนที่เก้าอี้ที่อยู่กลางห้องแล้วตอบเธอ “เธอใช้ตาดวงไหนมองออกมาว่าฉันกำลังเล่นอยู่ ? ฉันกำลังจริงจังกับการเช่าที่ดิน ! ”
“นาย......” หลี่อวิ๋นโหรวชี้ไปที่เขา เตะขาเก้าอี้ไปหนึ่งทีแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “ค่าเช่า 1,000 หยวนต่อที่ดินภูเขา 1 หมู่ ราคาแบบนี้นายกล้าเปิด นับถือเลย ฉันภูมิใจที่หมู่บ้านหลิวมีผู้ใหญ่บ้านแบบนาย ! พวกเราหยุดพูดเรื่องนี้ก่อน วันนี้ในห้องประชุมนายเป็นบ้าอะไร ? ยังดีที่นายกตำบลถังนิสัยดี ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้นายคงจะโดนไปแล้ว ! ”
หลิวเฟยพูด “หรือว่าเธอดูไม่ออกว่าฉันตั้งใจยั่วให้เขาโมโหหรือ ? ”
หลี่อวิ๋นโหรวตกใจแล้วพูดต่อ “นายเป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านตัวเล็ก ๆ ไปยั่วนายกตำบลดาวรุ่ง นายป่วยหรือไง ! ”
หลิวเฟยพยักหน้าแล้วพูดต่อ“พูดไม่ผิด ฉันป่วยจริง ๆ แต่ว่าป่วยเพราะอะไร เชื่อว่าอีกไม่นานเธอเองก็จะเข้าใจ”
“เข้าใจอะไรล่ะ ? นายในตอนนี้เป็นแค่ตัวตลกในสายตาของพวกผู้นำชุมชนทั้งหมดแล้ว หากเรื่องในวันนี้แพร่ไปถึงในอำเภอหรือไม่ก็ในเมือง เหอะ ๆ......ตำแหน่งของนายก็จบสิ้นแล้ว ใช้วิธีนี้มาจบตำแหน่งตัวเองก็แปลกเกินไปแล้ว ! ”
หลิวเฟยบิดขี้เกียจที่เอวด้วยท่าทางสบาย ๆ แล้วพูด “เธอเห็นว่าฉันเป็นคนสนใจตำแหน่งอย่างนั้นหรือ ? บอกความจริงกับเธอก็ได้ หากว่าชาวบ้านไม่รวมตัวกันปลดฉันออกจากตำแหน่ง ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนี้ฉันไม่เป็นก็ได้ ฉันเป็นแค่ชาวนาชาวไร่ตัวเล็ก ๆ ก็ยังคงนำพาให้พวกเขาเจริญรุ่งเรืองได้เหมือนกัน เธอเชื่อไหม ? ”
“อย่าขี้โม้ นายมันเกินจะเยียวยาแล้ว ! บางทีอาจจะเหมือนที่รองนายกตำเฉินบอกไว้ นายมันโคลนที่เน่าเหม็นอย่างที่สุด ใครอยู่ใกล้นายต่างก็รู้สึกรังเกียจนาย ! ”
หลิวเฟยหัวเราะแล้วพูด “ดูเหมือนว่าเธอเองก็คิดแบบนี้สินะ งั้นฉันขอแนะนำให้เธอรีบย้ายออกไปเถอะ ไม่ก็กลับไปแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอซะ ไม่อย่างนั้นคงมีสักวันที่เธอจะถูกฉันกลืนจนกลายเป็น ‘โคลน’ ถึงเวลานั้นไม่มีใครต้องการแล้วอย่ามาโทษฉันแล้วกัน ! ”
“ฉันน่ะหรือ ไร้ยางอายจริง ๆ ”
หลี่อวิ๋นโหรวสบถใส่เขา เธอเดือดพล่านจนหายใจไม่ทันขณะเดินกลับห้องนอนไป
หลิวเฟยส่ายหัวแล้วตะโกนไล่หลัง “พวกเธอใจร้อนไปแล้ว ชอบด่วนสรุปเกินไป สิบวันให้หลัง ฉันจะทำให้พวกเธอตาสว่างเอง ! ”
หลี่อวิ๋นโหรวตะโกนตอบกลับมา “พูดง่าย ๆ อย่างกับตัวนายเป็นเครื่องบินรบมหัศจรรย์ ฉันไม่อยากจะสนใจนายแล้ว ! ต่อจากนี้ไม่ต้องมาพูดกับฉัน เดี๋ยวฉันจะซวยไปด้วย”
หลิวเฟยเถียงกลับ “ทุกครั้ง คนที่มาคุยกับฉันก่อนดูเหมือนว่าจะเป็นเธอนะ ? โดยเฉพาะผู้หญิงมีเจ้าของ ฉันระมัดระวังหลบเลี่ยงมาตลอดนั่นแหละ”
“นาย ! ถ้าอย่างนั้นก็คอยดู ! ”
……