ตอนที่ 35 ไม่มีเหตุผลมาแต่ไหนแต่ไร
ความเบิกบานใจของชีวิตคือการมีเพื่อนที่ให้ทะเลาะกันได้ทุกวันนี่แหละ
หลิวเฟยรู้ซึ้งถึงนิสัยไม่คิดเล็กคิดน้อยของหลิวอวี้เหลียนดี ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ เขาสามารถพูดทุกเรื่องได้อย่างไม่ถือตัว และถึงแม้ว่าเธอจะโกรธ อย่างไรก็ยังทำหน้าตาทะเล้นใส่เขา
เขาเองก็เป็นคนแบบนี้ นี่เป็นสาเหตุที่พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนเล่นที่ดีต่อกันมาโดยตลอดตั้งแต่เล็กจนโต
พวกเขาทะเลาะกันอีกสักพัก หลี่อวิ๋นโหรวก็เดินพรวดเข้ามาในห้องนอนดึงหลิวอวี้เหลียนออกไป
ผ่านไปสักพัก หลิวอวี้เหลียนกลับมาที่ห้องแล้วพูดต่อ “พี่เฟย ดูเหมือนว่าพี่ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องที่ต้องย้ายหมู่บ้านเลยสักนิด ทั้งฉันและพ่อคัดค้านสุดชีวิต แต่ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีชาวบ้านร้อยละหกสิบที่สนับสนุนการย้ายครั้งนี้ ! โดยเฉพาะหมู่บ้านเสี่ยวหลิว พวกเขาต่างก็สนับสนุน และยังโวยวายที่จะให้ทางตำบลแยกสองหมู่บ้านออกจากกัน ! "
หลิวเฟยหัวเราะแล้วพูดต่อ “ร้อยละหกสิบ ? เจ้านั่นคงกำลังเล่นสงครามเย็นกับฉันอยู่สินะ ? ทั้งวันเธอไม่ตรวจสอบของจริงแต่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ พวกนี้มีประโยชน์ไหม ? เวลาฉันทำอะไร ฉันดูข้อมูลพวกนี้น้อยมาก เพราะแต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่ฟังเหตุผลตัวเลขพวกนี้อยู่แล้ว ! "
“หลิวเฟย ! "
ได้ฟังที่หลิวเฟยว่าร้ายตัวเองอย่างหน้าด้าน ๆ หลี่อวิ๋นโหรวสุดจะทนแล้ว เธอพุ่งพรวดเข้าไปในห้องนอนแล้วมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง
หลิวเฟยใช้มือถูจมูกแล้วพูดต่อ “เธอคิดจะใช้สายตาฆ่าฉันหรือ ? ขอโทษด้วยนะ ตาของเธอก็เหมือนตาแมวน้อย ไร้เดียงสาเกินไป ไม่มีพิษสงเลยสักนิด ! "
“นาย ! " หลี่อวิ๋นโหรวชี้หน้าเขา เธอควบคุมอารมณ์ตัวเองสุดกำลังแล้วพูดต่อ “ฉันขี้เกียจจะสนใจคนแปลกไม่เหมือนใครอย่างนาย ไม่อยากจะขายหน้า ! นายไม่ใช่เอาแต่บอกดูความต้องการของชาวบ้านอย่างนั้นหรือ ? ตอนนี้สถิติก็อยู่นี่แล้ว นายระวังตัวเถอะ”
หลิวอวี้เหลียนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบบอก “พวกชาวบ้านรีบเอาที่ดินมาให้พี่เช่าก็เกรงว่าคงพิจารณาถึงเรื่องนี้ไว้ด้วยมั้ง ? คิดว่าก่อนที่จะย้ายไปก็ได้กำไรจากพี่สักก้อน พี่เฟย ครั้งนี้พี่คงเสียเงินเปล่าแน่ ๆ ”
หลิวเฟยพูดอย่างสงบ “อัตราส่วนร้อยละหกสิบนี้ไม่ได้มีค่ามากพอจะมาอ้างอิง”
หลี่อวิ๋นโหรวพูดอย่างโมโห “นั่นนายบอกว่ามีค่าอะไรอ้างอิง ? นายมันเกินเยียวยาแล้ว ! "
“นั่นเพราะว่าฉันยังไม่ได้ลงมือ......”
“……”
หลี่อวิ๋นโหรวยอมจำนนเลยจริง ๆ คนคนนี้จะหลงตัวเองได้ขนาดไหนนะ ? เธอยอมรับว่าเขาเป็นคนฉลาดอยู่บ้าง แต่การย้ายถิ่นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่สำคัญของชาวบ้าน เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงความคิดชาวบ้าน มันจะเปลี่ยนได้ที่ไหนกัน ?
หลิวเฟยพูด “ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม เวลาอีกไม่นาน ฉันจะปล่อยให้คนส่วนใหญ่รวมถึงชาวบ้านทั้งหมดอยู่ที่ภูเขาไห่หมิงอย่างสบายอกสบายใจ ! และแน่นอนว่าฉันจะไม่บังคับใครเลย”
เมื่อก่อนเขาก็เคยพูดไว้ ทุกคนต่างมีสิทธิ์เรียกร้องชีวิตที่ดีขึ้น
หากเขาต้องการให้พวกเขาอยู่ ก็ต้องให้ชีวิตที่ดีขึ้นกับพวกเขา และต้องดีกว่าพิมพ์เขียวการย้ายถิ่นที่ทางตำบลวาดแผนผังเอาไว้ด้วย
หลี่อวิ๋นโหรวมองเขาที่ยังคงมั่นใจในตัวเอง ยังคงไม่ฟังที่คนอื่นแนะนำ จึงได้แต่ส่ายหัว เพราะไม่อยากพูดอีกแล้ว
หลิวเฟยพูด “เป็นยังไงล่ะ เธอเป็นฝ่ายชวนฉันคุยอีกแล้วนะ ฉันไม่เสียเปรียบใครง่าย ๆ ขอเตือนสักอย่าง เธอเอาการเอางานเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่ทันทำอะไรก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ระวัง......”
พูดถึงตรงนี้ เขาไม่พูดต่อแล้ว
แต่ว่าหลี่อวิ๋นโหรวไหนเลยจะฟังไม่ออก เขาบอกให้เธอระวังประจำเดือนมาไม่ปกตินั่นเอง ที่จริงก็เป็นแบบนั้นไปแล้ว หน้าของเธอแดงก่ำพร้อมตะโกนใส่หน้าเขา “นายมันงี่เง่า รู้จักกับนายก็ซวยไปถึงแปดชั่วโคตรแล้ว นายก็ทำให้มันดี ๆ เถอะ ฉันขอให้นายรนหาที่ตายไว ๆ ! "
มองดูเธอที่จากไปอย่างเดือดพล่าน ดวงตาคู่สวยของหลิวอวี้เหลียนก็หันไปมองหลิวเฟยด้วยสายหยาดเยิ้มแล้วพูด “ฉันว่าให้ฉันทำตำแหน่งเลขาผู้ใหญ่บ้านดีกว่าไหม ฉันเหมาะสมที่สุดแล้ว ! "
หลิวเฟยตีหน้าขรึมทันที “เหอะ......คาดว่าสถานการณ์ของฉันคงย่ำแย่ลงกว่าเดิมน่ะสิ”
หลิวอวี้เหลียนกรอกตาขาวใส่เขาแล้วพูด “พี่นี่มันงี่เง่าจริง ๆ ฉันเองก็ไม่สนพี่แล้ว พี่เกิดเองตายเองดีแล้ว เชอะ ! "
……
วันถัดมา หลิวเฟยมาถึงที่กรมป่าไม้ตำบลโซ่วเฉิงเพื่อทำขั้นตอนการเช่าพื้นที่ภูเขา แต่ผลลัพธ์ก็คือเป็นแค่ฝุ่นในจมูก
ตอนที่เขาโวยวายจะพบหัวหน้าของกรมป่าไม้ เฉินจวินหรานก็โผล่หน้าออกมาแล้ว
เขามองหลิวเฟยหัวจรดเท้าหนึ่งรอบ พลางหัวเราะแล้วพูด “คิดไม่ถึงว่าผู้ใหญ่บ้านหลิวจะเป็นผู้มีอิทธิพล แถมยังรู้จักยกผลประโยนช์ให้คนในหมู่บ้านด้วย ขออภัยที่เสียมารยาทจริง ๆ ขออภัย ! "
หลิวเฟยมองเขาด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง คิดว่าเมื่อสักครู่พนักงานของกรมป่าไม้ได้โทรไปรายงานขอคำชี้แนะจากหมอนี่สินะ ดังนั้นเขาจึงพูดทันทีว่า "ผู้รับผิดชอบควบคุมดูแลพนักงานกรมป่าไม้ที่นี่ก็คือคุณสินะ ? "
เฉินจวินหรานพยักหน้า “ถูกต้อง ! "
เขาพูดประโยคแบบนั้นแล้วไม่พูดอะไรอื่นอีก แต่หลิวเฟยเข้าใจทุกอย่างแทบจะในทันที
เป็นคู่แค้นที่จิตใจคับแคบจริง ๆ เฉินจวินหรานไม่ชอบเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้เรื่องการเช่าที่ดินจำเป็นต้องทำผ่านที่นี่ซะด้วย หากว่าหมอนี่ยอมอนุมัติให้ ม้าคงออกลูกเป็นคนแล้วล่ะ !
ทำยังไงดี ? .. ..
ตอนนี้หลิวเฟยยังไม่มีวิธีที่ดี แต่ก็ไม่ได้กระวนกระวาย
“รองนายกตำบลเฉิน ให้เหตุผลสักข้อเถอะ”
"ข้อแรก พื้นที่ภูเขาที่นายจะเช่าเยอะเกินไป อีกทั้งยังไม่ได้บอกประโยชน์ใช้สอย ข้อสองทันทีที่หมู่บ้านหลิวย้ายออก ภูเขาไห่หมิงทั้งหมดจะยกให้บริษัทท่องเที่ยวมาถือกรรมสิทธิ์เช่า นี่คือสิ่งที่ตำบลได้วางแผนเอาไว้แล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ! นายเป็นข้าราชการระดับหมู่บ้าน ฉันหวังว่านายจะมีจิตสำนึกสักหน่อย ช่วยสนับสนุนการทำงานของตำบล อย่าได้สร้างความยุ่งยากใจ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้น นายคิดว่าผู้ใหญ่บ้านตัวเล็ก ๆ อย่างนายจะรับผิดชอบไหวไหม ? "
หลิวเฟยหัวเราะแล้วพูด "เข้าใจแล้ว เป็นเพราะการย้ายถิ่นใช่ไหม ? "
เฉินจวินหรานก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด "ถูกต้อง จะพูดแบบนั้นก็ได้ ! เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทางตำบลให้ความสำคัญไว้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดใดไม่ได้"
"แต่ว่าชาวบ้านเต็มใจให้เช่า ผมก็เต็มใจจะเช่า พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไม่อนุมัติ ? อีกทั้งก็ยังไม่ได้ย้ายไม่ใช่หรือ ? รอให้ย้ายจริง ๆ แล้ว ค่อยมาคุยกับผม"
เฉินจวินหรานส่ายหัวแล้วพูด "นายไม่กลัวปัญหายุ่งยากที่จะตามมาก็จริง แต่ฉันและสหายในกรมป่าไม้ต่างกลัวความยุ่งยากน่ะสิ ! หลิวเฟย หยุดซะเถอะ เมื่อวานที่นายก่อเรื่องที่ห้องประชุม นายกตำบลถังไม่คิดจะเอาความนายก็ถือว่าเป็นความโชคดีในชีวิตนายแล้ว นายคิดจะเอาอะไรอีก ? อีกทั้งวันนี้เลขาหลี่เอาผลสำรวจความคิดเห็นชาวบ้านมาส่งให้ที่ตำบลตั้งแต่เช้า ร้อยละหกสิบของชาวบ้านยินดีที่จะย้ายออก เรื่องนี้นายยังมีอะไรจะพูดได้อีก ? "
หลิวเฟยคิดไม่ถึงว่าหลี่อวิ๋นโหรวจะทำงานว่องไวแบบนี้ เธอแสดงออกชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายตำบล แต่ว่าก็พอเข้าใจได้ ในตำบลมีแรงกดดันสูง คงมีแต่คนสติไม่ดีเท่านั้นที่จะยืนอยู่ฝ่ายเขา
เขาถูจมูกแล้วพูดต่อ "ก่อนที่หมู่บ้านหลิวจะย้ายถิ่นฐานออกจากภูเขาไห่หมิง ก็ถือว่าผมยังไม่แพ้ ! รองนายกเฉิน กะอีแค่คำพูดประโยคเดียว เรื่องการให้เช่าครั้งนี้ยังมีทางหนีทีไล่อะไรอีกไหม ? "
เฉินจวินหรานพูดอย่างเด็ดขาด "ถ้าหากเป็นคนอื่น ก็ยังพอเจรจาได้ แต่เป็นนาย ไม่ได้เด็ดขาด ! ที่จริงนายควรจะขอบใจฉัน ฉันกำลังช่วยนายประหยัดเงิน! นั่นเป็นเงิน 110,000 เลยนะ หากนายไม่ต้องการจริง ๆ ก็รีบกลับหมู่บ้านหลิวและแจกให้ชาวบ้านไปเลยเถอะ คาดว่าคงกลายเป็นข่าวใหม่แพร่ออกมา ! "
"คุณอย่าเสียใจทีหลังล่ะ ! "
หลิวเฟยพูดทิ้งเอาไว้หนึ่งประโยค แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เฉินจวินหรานส่ายหัวแล้วบ่นกับตัวเอง "เจ้าหมอนี่ ความรู้ด้านการค้าของรัฐบาลและอีคิวนายนั้นเป็นศูนย์เลย ผู้นำตำบลทั้งหมดต่างก็ถูกนายล่วงเกินแล้ว ยังคิดที่จะอยู่ในตำบลอย่างสง่าผ่าเผย เอาจริงหรือเนี่ย ? อ่อนต่อโลกชะมัด ! น่าขัน ! "
เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องคงผ่านไปแบบนี้ ใครจะรู้ว่าในตอนเที่ยง ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวนับร้อยคนล้อมกรมป่าไม้ไว้แล้ว เรียกร้องให้กรมป่าไม้จัดการทำสัญญาการเช่าอย่างเซ็งแซ่
เฉินจวินหรานกดดันเป็นอย่างมากขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าหลิวเฟยจะกล้า "ปลุกระดม" ชาวบ้านด้วยวิธีนี้ เจ้านั่นกำลังรนหาที่ตายชัด ๆ !
เขาออกหน้าเอง โดยเข้ามาประนีประนอมบอกกล่าวเหตุผล แต่ว่าชาวบ้านก็ไม่เอาด้วยกับเขาตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องตรงหน้าจึงยิ่งวุ่นวายขึ้น เขารีบคิดหาวิธีอย่างร้อนใจ ถังชางฉีที่ได้รู้เรื่องก็รีบมายังกรมป่าไม้อย่างเร่งด่วน พร้อมมองมาที่เขาอย่างโกรธเคือง "ในเมื่อเขายินดีที่จะจ่ายเงินสด ชาวบ้านเองก็เป็นผู้ได้ผลประโยชน์ ทำไมถึงไม่จัดการให้ ? "
ฉินจวินหรานพูดด้วยใบหน้าขมขื่น "เจ้าหมอนั่นทำแบบนี้ต้องมีเจตนาอื่นแฝงแน่ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อการย้ายถิ่น"
"กุ้งฝอยสามารถกระพือฟองคลื่นได้ไหม ? "
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เฉินจวินหรานรู้สึกกระดากใจขึ้นมาทันที นี่มันก็คือสถานภาพ ! ต่อให้หลิวเฟยจะอวดดี จะก่อกวนแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น หากแม้แต่เขายังควบคุมไม่ได้ แล้วจะจัดการดูแลตำบลโซ่วเฉิงทั้งหมดได้ยังไง ?
เขารีบควักโทรศัพท์มือถือโทรหาหลิวเฟย จากนั้นก็ชักแม่น้ำทั้งห้า พูดจาไพเราะน่าฟัง ทั้งหมดก็เพื่อเชิญเขามาที่กรมป่าไม้
หลิวเหยเห็นสีหน้าของเขาไม่ดีอย่างมาก เจ้าตัวจึงหัวเราะแล้วพูดต่อ "รองนายกตำบลเฉิน จำเป็นไหมล่ะ ? คุณชอบความเจ็บปวดสินะ ? "
"นาย......รีบไปจัดการสิ ! "
……
หลังจากเฉินจวินหรานจ้องหน้าเขาแล้ว ก็จากไปอย่างเดือดพล่าน เขาไม่คิดว่าจะถูกบีบให้อยู่ในมือของผู้ใหญ่บ้านที่เขาจงเกลียดจงชังแบบนี้ วิธีที่คนคนนี้ใช้ต่างใช้ได้ผล วันหลังเขาจะไม่ระวังตัวคงไม่ได้แล้ว......
หลิวเฟยเข้าไปจัดการอย่างรวดเร็ว จากนั้นเข้าไปในตัวตำบลเพื่อสั่งอุปกรณ์ที่จำเป็นและเต็นท์ หลังจากนั้นก็กลับหมู่บ้านหลิว เขากางเต็นท์เชื่อมพื้นที่นาข้าว 4 หมู่ในบ้านของตนและพื้นที่ที่ผ่านการอนุมัติเปลี่ยนมาเป็นพื้นที่ในความดูแลของเขาให้เชื่อมต่อกัน
ถัดมาอีกสองวัน ด้านหนึ่งเขาอยู่ในเต็นท์ที่กินพื้นที่ 2 หมู่กำลังเพาะปลูกเมล็ดพืช อีกด้านหนึ่งหาคนมาช่วยกางเต็นท์ติดกันอีก 2 หลัง
ถึงแม้พวกชาวบ้านจะไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ว่าเขาควักเงิน พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ
วันนี้ ขณะที่ชาวบ้านทำงานกันด้วยบรรยากาศคึกคัก ชาวบ้านคนหนึ่งรีบวิ่งไปหาหลิวเฟยแล้วพูด "หลิวเฟย คุณ......ต้นอ่อนที่คุณปลูกบนภูเขาพวกนั้นเติบโตอย่างน่ากลัว เมื่อวานที่ฉันเห็น ยังโตแค่สิบกว่าเซนติเมตร วันนี้เห็นว่าโตขึ้นหลายสิบเซนติเมตรแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว ! "
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนต่างก็อดหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่ได้
กำลังล้อเล่นมุกประเทศไหนอยู่ ของแบบไหนที่หนึ่งวันจะโตได้ขนาดนั้น ? ก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะ !
หลังจากนั้นหลิวเฟยให้ทุกคนทำงานกันต่อไป ส่วนตัวเขามาถึงบนเขาดูสิ่งที่เพิ่งปลูกขึ้นในไม่กี่วัน เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดแฝงความนัย "เวลาเร็วขึ้นแล้ว ! "
คำพูดเพิ่งจะหลุดออกจากปากเขา เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หลังจากที่รับโทรศัพท์ ก็เพียงรับฟังที่โม่อวี้พูดอย่างลนลาน "เสี่ยวเฟย แย่แล้ว ! โรงแรมถูกไอ้คนชั่วคนนั้นเพ่งเล็งแล้ว หลายวันมานี้มีแต่คนมาก่อกวน ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก จนกระทั่งวันนี้มีคนมาก่อกวนอีกแล้ว อีกทั้งยังปล่อยข่าวลือ สร้างข่าวให้โรงแรมเสียหาย ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นไอ้ชายชั่วคนนั้นส่งคนมาทำแน่นอน"
หลิวเฟยพูดอย่างไม่ประหลาดใจ "อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่เป็นไร ตอนบ่ายผมไปส่งสินค้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน"
โม่อวี้พูด "เรื่องนี้จัดการยากสักหน่อยนะ เวลาปกติก็มีลูกค้าคอมเพลนเหมือนกัน แบบนี้เรื่องราววุ่นวายผสมกันมั่วหมดแล้ว......"
หลิวเฟยหัวเราะทันที "ไม่เป็นไร ! คุณอย่าลืมสิ ผมก็เป็นหมอคนหนึ่ง ชอบตรวจอาการคนไข้ โดยเฉพาะพวกที่ชอบมีอาการประสาทกำเริบ ! "
……