ตอนที่ 36 นอกเมือง
ครูผู้คุมทีมได้ตะโกนเสียงดังขึ้นมา “รีบเอาอาวุธออกมา เรียกสัตว์อสูรของพวกเธอออกมาด้วย เตรียมตัวกันให้พร้อม”
ตอนนั้นทุกคนก็ได้เอาอาวุธของตัวเองออกมา เด็กที่ร่ำรวยหลายคนต่างก็ใส่อุปกรณ์กันครบชุด
จ้าวเมิ่งซีเดินเข้าไปหาหวังเย่าแล้วกระซิบถามว่า “หวังเย่า นายพอจะว่างไหม ช่วยฉันตั้งเต็นท์ได้รึเปล่า ? ”
หวังเย่าเห็นท่าทีเขินอายของเธอก็ต้องใจเต้นรัว เขาตกลงทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ในกลุ่มนี้ถึงจะมีผู้หญิงน้อยแต่ก็มีถึง 12 คน เป็นธรรมดาที่พวกเธอจะเขินอายและไม่ได้ใจกล้าเหมือนกับผู้ชาย ดังนั้นก่อนที่จะเปลี่ยนชุด พวกเธอก็ต้องตั้งเต็นท์ก่อนเพื่อที่จะเปลี่ยนชุดด้านใน
หวังเย่าเคยศึกษาเรื่องการตั้งเต็นท์มานานแล้ว เขาได้วางกระเป๋าลงที่พื้นพร้อมกับเอาอุปกรณ์เต็นท์ออกมาทันที
เต็นท์เหล่านี้คือเต็นท์ที่ทางโรงเรียนแจกจ่ายมาให้ ในกระเป๋ายังมีอาหาร, น้ำและของใช้อื่น ๆ อยู่ในกระเป๋าด้วย
ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักเรียนได้สัมผัสกับความยากลำบากของการทดสอบภาคสนามเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาลดปัญหาได้อีกด้วย
ยังไงซะก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินซื้อถุงยังชีพแบบนี้ พวกนักเรียนทั่วไปไม่ได้มีของติดตัวมามากเท่าไหร่ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ และสิ่งนี้คือวิธีการที่ทางโรงเรียนแก้ปัญหาให้
หวังเย่าที่ตอนนี้ถือว่ารวยแล้วแต่ก็ไม่ได้หลงตัวเอง ยังไงซะเงินที่หามาง่ายก็ใช้ไปได้ง่ายเหมือนกัน เขาไม่อาจจะใช้มันให้สิ้นเปลืองได้
ดังนั้นเขาจึงซื้อแค่อาหารขั้นสูงจากร้านค้าออนไลน์มาเพียงอย่างเดียว เอามาเตรียมไว้หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เขาก็ไม่ต้องขัดสนเรื่องอาหารและยังมีโอกาสรอดที่เพิ่มขึ้น
ใช้เวลาไม่นานหวังเย่าก็ตั้งเต็นท์เสร็จ
จ้าวเมิ่งซียิ้มให้กับเขา ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดข้างในเต็นท์
ระหว่างนั้น หวังเย่าก็ได้มองไปรอบ ๆ
ครูผู้คุมทีมได้เอามีดระดับ C ออกมาพร้อมกับเม่นระดับเงินเลเวล 42 ออกมาด้วย
นักเรียนคนอื่น ๆ ต่างก็พากันเรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมา อย่างไม้มีดของเหลิ่งจื่อมู่และหมาป่าตาแดงของจ้าวซื่อ
จากนั้นพวกเด็กที่ร่ำรวย ก็พากันใส่ชุดอุปกรณ์ของตัวเอง พวกที่จนหน่อยก็ใส่ชุดระดับ D หากฐานะดีขึ้นมาหน่อยก็ชุดระดับ B พวกนั้นต่างก็ใช้มีด, ดาบ, ปืน และหอกเป็นอาวุธ พวกนั้นมีปืนสั้นเหน็บเอาไว้กับตัวเผื่อกรณีฉุกเฉิน
“ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว นายจะเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านในไหม ? ” 5 นาทีต่อมา จ้าวเมิ่งซีก็ออกมาพร้อมกับชุดสีเงิน เธอเดินมาอยู่ตรงหน้าหวังเย่าจนทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา
“ว้าว ต่างกันราวฟ้ากับเหว จากดาวโรงเรียนกลายมาเป็นเทพธิดานักรบ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“อะไรคือต่างกันราวฟ้ากับเหว หวังเย่า ภาษาจีนตอนประถมของนายได้ครูพละมาสอนหรือไง ? ” จ้าวเมิ่งซีกลอกตาใส่ หากต่างกันราวฟ้ากับเหว การสวมใส่ชุดอุปกรณ์ของเธอวันนี้ก็ดูแย่กว่าที่เธอสวมใส่ชุดธรรมดานะสิ
“ฉันเองก็ไม่มั่นใจ แต่เธออาจจะพูดถูกก็ได้ มันไม่ใช่ความลับอะไร ครูสอนภาษาของฉันน่ะโชคร้าย เมียของเขาได้หนีไปกับผู้ชายคนอื่น เพื่อจะออกไปตามหาตัวเมียของเขา เขาก็ได้ขอลาหยุด เขาลาไปเป็นเทอม และครูที่มาสอนแทนก็สอนได้ไม่ดีเท่าไหร่”
เมื่อเห็นหวังเย่าแสดงสีหน้าจริงจังออกมา จ้าวเมิ่งซีก็หัวเราะ “รีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เราจะได้ออกเดินทาง”
หวังเย่าเดินเข้าไปในเต็นท์ เขายักคิ้ว ทุกคนต่างก็รู้ว่าเขาจนและคงไม่มีปัญญาซื้อชุดระดับ B ยกเว้นแค่จ้าวเมิ่งซีที่รู้ว่าเขามีผู้ปกครองที่มีอำนาจ
งั้น....เขาควรใส่ชุดระดับ B ดีรึเปล่า ?
สุดท้ายเขาก็จำคำพูดของทหารที่ประตูเมืองได้ แม้ว่าเรื่องปิดบังฐานะจะสำคัญแต่มันก็สำคัญน้อยกว่าชีวิต หากไม่นับอันตรายในป่านี้แล้วก็ยังมีจ้าวซื่อและเหลิ่งจื่อมู่อยู่อีก ชุดระดับ B สามารถกันกระสุนได้ และยังกันการโจมตีของสัตว์อสูรได้อีกด้วย แถมยังปกป้องเขาจากอาการบาดเจ็บได้ดีทีเดียว
“ใส่ชุดระดับ B ไปเถอะ”
ไม่นานหวังเย่าออกมาพร้อมกับชุดระดับ B ทั้งชุด พร้อมกับอาวุธในมือที่ครบครัน
ทันทีที่เขาปรากฏตัว ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของจ้าวเมิ่งซีก็เปลี่ยนไป เขาดูหล่อเหลาราวกับมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก
“ไม่เลวเลยจริง ๆ นายดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย นายไม่ใช่เด็กขี้แยคนเก่าแล้ว” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมา
“ใครสอนคำพูดแบบนี้ให้กับเธอกัน” หวังเย่ายิ้มที่มุมปาก
“ช่างเถอะ” จ้าวเมิ่งซีหัวเราะออกมา
ตอนนั้นสายตาของคนโดยรอบก็หันมามอง พวกเขาเห็นจ้าวเมิ่งซีใส่ชุดระดับ B แต่เมื่อเห็นหวังเย่าก็ใส่ชุดระดับ B เช่นกัน ก็พากันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา แม้แต่ครูก็ยังสับสน
“หวังเย่า แกเป็นเด็กกำพร้าไม่ใช่เหรอ พ่อแม่ของแกไม่ได้ทิ้งเงินอะไรเอาไว้ให้ แกไปหาชุดระดับ B มาได้ยังไง ? แกขโมยมันมางั้นหรือ ? ” จ้าวซื่อถามขึ้นมา
หวังเย่าหุบยิ้มและพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “นายนี่ใส่ใจเรื่องของฉันน่าดู ถ้านายมีความสามารถพอก็ลองไปขโมยชุดระดับ B มาดูสิ ถ้านายไม่มีความสามารถพอก็ไม่ต้องมาปรักปรำคนอื่น”
จ้าวซื่ออยากจะเถียงกลับ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก “ช่างเถอะ เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกันเอง”
หวังเย่าไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่าย เขาเรียกการ์ฟีลด์ออกมาพร้อมกับปิดสกิลอำพราง ตอนนั้นตัวของการ์ฟีลด์ก็ตัวโตขึ้นมากว่า 2 เมตร มันดูราวกับเสือทันที
ระดับทอง ?
ตอนที่การ์ฟีลด์แผ่คลื่นพลังออกมา ทุกคนต่างก็ทึ่ง พวกเขาไม่คิดเลยว่าแค่แมวบ้านโง่เง่าตัวหนึ่งจะกลายเป็นเป็นสัตว์อสูรระดับทองไปได้
ตอนนั้นสายตาของทุกคนต่างก็แฝงไปด้วยความอิจฉาและเกลียดชัง
เด็กจน ๆ คนหนึ่งมีชุดระดับ B พร้อมกับสัตว์อสูรระดับทอง นี่มันเป็นไปได้ยังไง ?
จากนั้นทุกคนก็ออกเดินทาง เพราะมีสัตว์อสูรกว่า 41 ตัวถูกเรียกออกมา จึงทำให้ผู้คนคลายความกังวลได้อย่างมาก
ระหว่างทางพวกเขาได้เห็นเศษซากปรักหักพังต่าง ๆ ของตึกที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์พร้อมกับถนนที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืช
แน่นอนว่าพวกเขาเห็นสัตว์อสูรรูปร่างประหลาดอยู่ด้วย แต่พวกเขาไม่อาจจะประมาทพวกมันได้ อย่างเช่นมดดำที่มีขาใหญ่เท่ากับขาปู มันดูราวกับว่าแม้แต่กรงเหล็กก็ถูกมดตัวนี้กัดให้ขาดได้
แถมยังมีงูตัวใหญ่ ที่ตัวของมันยาวกว่า 10 ฟุต ลำตัวหนา ผิวหนังของมันมีวงสีแดงเขียวสลับกัน หัวเป็นสามเหลี่ยม พร้อมปากที่กางออกกว้างราวกับดอกไม้บาน
งูตัวนี้โด่งดังไม่ใช่น้อย แถมยังถูกบันทึกข้อมูลเอาไว้อีกด้วย มันเรียกว่างูกลืนกิน ลิ้นของมันคมยิ่งกว่าใบมีด มันล่าสัตว์อสูรอื่น ๆ แล้วฉีกเหยื่อออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะกลืนกินอย่างง่ายดาย
โชคดีที่งูตัวนี้อยู่แค่ระดับเงินขั้นสูงเลเวล 39 มันเกือบขึ้นเป็นสัตว์อสูรระดับลอร์ดแล้ว แต่เพราะบาดเจ็บหนัก พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลกับงูตัวนี้มากนัก
แผลที่ตัวมันนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ มันมีรอยมีดที่ตัวของมันพร้อมกับรอยลูกธนูที่ถูกยิงเข้าใส่ตาของมัน
แน่นอนว่าไม่นานมันคงต้องเจอกับการโจมตีของเหล่าผู้ใช้อสูรและโดนฆ่าไป
บนท้องฟ้ายังมีอินทรีย์ดำตัวใหญ่บินว่อนไปทั่ว ขาของมันใหญ่เท่ากับลำต้นของต้นไม้ มันสามารถยกรถทั้งคันขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งเดินทางเข้าไปลึกเท่าไหร่ พวกเด็ก ๆ ก็ได้เห็นฉากที่น่าประหลาดใจมากเท่านั้น