ตอนที่ 44 โมโหเพราะสาวงาม
ราคาตอนตั้งแผงลอยคือลูกละ 5 เหมา
ราคาหลังเข้าไปในบริษัทครึ่งกิโล 100 หยวน !
เว่ยเซิ่งเทียนรู้ดีว่าเขาตั้งใจตั้งแผงลอยขายของเพื่อดึงดูดความสนใจจากตน แต่ความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังทำให้เขายากที่จะรับได้
และมั่นใจเลยว่าพนักงานในบริษัทของตนที่ซื้อเชอร์รี่ของเขาก่อนหน้านี้ หากมารู้ราคาในตอนนี้จะต้องรู้สึกว่าตัวเองกินทองคำเข้าไปแน่ ๆ…...
เขาชำเลืองมองหลิวเฟยแล้วส่ายหน้า “ผมยอมรับเลยว่าไม่เคยเห็นเชอร์รี่พันธุ์นี้ของคุณในตลาดมาก่อน อีกทั้งคุณภาพของมันยังดีมาก แต่ในเมื่อคุณปลูกเชอร์รี่ลูกใหญ่ขนาดนี้ และคุณก็รู้ว่าหลายปีมานี้ราคาเชอร์รี่ตกต่ำลง ราคาสูงเช่นนี้ยังไงก็ขายไม่ได้หรอก ! ”
หลิวเฟยยิ้ม “เท่าที่ผมคิดไว้ มันต้องขายได้อย่างแน่นอน ! ของหายาก ล้ำค่าราคาแพง เชอร์รี่ของผมไม่เพียงแต่เป็นสายพันธุ์ใหม่เท่านั้น แถมยังอร่อย สีสันและขนาดยังแตกต่างจากเชอร์รี่ทั่วไป หลังจากวางขายในตลาดต้องมีการแย่งชิงเกิดขึ้นแน่นอน ! ”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็พูดขึ้นต่อ “ตอนนี้ขึ้นอยู่กับประธานเว่ยแล้วว่าจะร่วมกันต่อสู้กับผมไหม หากว่าสามารถเจาะตลาดได้แล้ว สินค้าชนิดนี้จะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน”
สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง แต่เว่ยเซิ่งเทียนยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นมีมากเหลือเกิน เขากำลังคิดอยู่ว่าจะโน้มน้าวให้เขาลดราคาลงอีกอย่างไร ใครจะไปรู้ว่าหลิวเฟยกลับพูดขึ้นมา “ดูเหมือนว่าท่านประธานจะกังวลมากเกินไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจะไปหาบริษัทอื่นแล้วกัน เชื่อว่าต้องมีบริษัทที่ตกลงยอมร่วมงานกับผมอย่างแน่นอน ”
สินค้าก็คือทุน !
ไม่ต้องพูดถึงเลยสำหรับสินค้าที่มีคุณภาพดีเช่นนี้ !
หลิวเฟยวางแผนจะกดดันเขา ใม่ให้เขามีเวลาคิดนานเกินไป เขารู้ดีว่าสำหรับคนมือสะอาดอย่างเว่ยเซิ่งเทียน ไม่เคยขาดจิตวิญญานของการกล้าเสี่ยง เขาขาดแต่เพียงความเชื่อมั่นในตัวคู่ค้าเท่านั้น
เว่ยเซิ่งเทียนเห็นว่าเขาจะไปจริง ๆ จึงยิ้มและพูดว่า “คุณนี่ใจร้อนเกินไปแล้ว เอาอย่างงี้ พวกเรามาเซ็นสัญญาความร่วมมือเรื่องราคากันเถอะ ยังไงซะเชอร์รี่ของคุณล็อตแรกก็มีไม่มาก พวกเราดูตลาดไปก่อน แล้วค่อยคุยกันเรื่องสัญญาระยะยาว”
นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้จริงที่สุด หลิวเฟยไม่มีเหตุผลที่ต้องปฎิเสธ เขาจึงตกลงเซ็นสัญญาอย่างง่ายดาย
เว่ยเซิ่งเทียนมองสำรวจหลิวเฟยจากหัวจรดเท้า “คิดไม่ถึงว่าคนหนุ่มอย่างคุณจะมีชั้นเชิงและกล้าหาญแบบนี้ เมื่อผมมองไปก็เห็นเงาตัวเองตอนที่กำลังเริ่มทำกิจการใหม่ ๆ สู้ ๆ นะ ผมเชื่อว่าเราจะต้องร่วมทำธุรกิจกันอย่างมีความสุขแน่นอน”
“ท่านพูดเกินไปแล้ว ! ผมเพิ่งจะก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจ ไม่สามารถเทียบท่านได้หรอก” หลิวเฟยกล่าว
เว่ยเซิ่งเทียนหัวเราะเสียงดัง “ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ! เป็นเพราะเราคุยกันถูกคอ คืนนี้ว่างไหม ? ไปทานข้าวด้วยกันสิ ? ”
หลิวเฟยกำลังจะตอบตกลง เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้น เขาควักออกจากกระเป๋ามาดูและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “เอ่อ……ประธานเว่ย ขออภัยจริง ๆ ผมมีเรื่องด่วนอยู่ในมือ ต้องไปจัดการเดี๋ยวนี้ ไว้วันหน้าผมจะขอเลี้ยงคุณเอง ! ”
“ไม่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบไปเถอะ แต่อย่าลืมส่งสินค้าให้ตรงเวลาล่ะ ! ” เว่ยเซิ่งเทียนพูดกำชับ
“เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว”
หลิวเฟยวิ่งลงจากตึกอย่างรีบเร่ง รปภ. หน้าประตูเห็นเขาถือเอกสารไว้ในมือ ดูเหมือนว่าเขาจะร่วมทำงานกับท่านประธานแล้วจริง ๆ จึงเข้าไปขวางไว้และกล่าวขอโทษโดยไว
เขาไม่มีเวลาสำหรับเรื่องไร้สาระแบบนี้ จึงใช้มือผลักพวกเขาออก “จริงอยู่ที่ร่วมมือกันสำเร็จแล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นคนใจแคบขนาดนั้น จากนี้พวกคุณก็ฉลาดหน่อยก็แล้วกัน ผมมีเรื่องด่วน ไปละ ! ”
พูดจบ เขาก็หายควับไป
รปภ.ทั้งสองมองหน้ากัน บนหน้ามีคำว่า “อ่อนหัด” เขียนอยู่ตัวใหญ่
เพียงไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับตกลงนรกนี่มันทรมานเหลือเกิน นับตั้งแต่วันนี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาจะไม่ดูถูกคนอื่นอีกต่อไปแล้ว……
……
ภายในบ้านพักตากอากาศสุดหรู
โม่อวี้สวมชุดยูนิฟอร์มหญิงยืนตัวสั่นอยู่มุมกำแพงราวกับเหยื่อที่กำลังรอเวลาถูกเชือด หลู่อิงปินที่อยู่ห่างจากเธอเพียง 2 เมตรจ้องเธอราวกับเตรียมพร้อมที่ตะครุบเหยื่อ
เธอไม่คิดเลยว่าหลู่อิงปินจะจับเธอมามัดไว้ในบ้านพักสุดหรูของเขาตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้
โทรศัพท์มือถือของเธอถูกเขายึดไป ตอนนี้เรียกได้ว่าลำบากสุด ๆ เธอไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย
หลู่อิงปินใช้มือจัดเน็คไทและหัวเราะอย่างร้ายกาจ “โม่อวี้ ช่วงนี้ผมคิดถึงคุณใจแทบขาด ! ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่เป็นผล ถ้างั้นคงต้องใช้ไม้แข็งซะแล้ว ยังไงซะคุณก็อย่าคิดจะหนีไปจากกำมือผมเลย”
พูดจบ เขาก็ถูมือไปมา และเดินเข้าหาโม่อวี้ด้วยสีหน้าหื่นกาม
โม่อวี้แผดร้องสุดเสียง “ไอ้สารเลว หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! แกรู้จักกฎหมายไหม ? คอยดูนะ ฉันจะฟ้องแก ! ”
หลู่อิงปินใช้มือชี้ไปที่ตัวเอง จากนั้นออกเราะออกมาเสียงดัง “ฟ้องผมหรือ ? ผมมีอะไรกับแฟนของผม มันผิดกฎหมายตรงไหน ? ที่รัก อย่าขัดขืนเลย วันนี้เรามาคืนดีกันเถอะ คุณไม่ต้องห่วง ต้องจากนี้คุณจะมีผมอยู่เสมอ ผมจะปฎิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี”
โม่อวี้กัดฟันกรอด “หลู่อิงปิน แกไม่คิดว่าตัวเองน่าขยะแขยงบ้างหรือไง ? สิ่งที่ฉันผิดพลาดที่สุดในชีวิตคือได้รู้จักกับสวะอย่างแก ! จากนี้ไปฉันจะไม่ให้แกมาแตะต้องตัวฉันแม้แต่ปลายนิ้ว ! ”
“งั้นหรือ ? ถ้าอย่างงั้นวันนี้ผมต้องแตะต้องตัวคุณให้ได้ ! ”
หลู่อิงปินยิ้มอย่างเย็นชา เขาพุ่งตัวเข้าหาโม่อวี้ โม่อวี้พยายามหลบอย่างสุดกำลังแต่กลับถูกเขาจับไว้ได้ เธอโกรธมากและตบไปที่ใบหน้าเขาสองทีอย่างเต็มแรง
หลู่อิงปินกระตุกแก้มทั้งสองข้าง ใช้มือเช็ดเลือดที่ปาก ทันใดนั้นเขาก็คว้าผมงามของโม่อวี้ไว้ ก่อนกระชากเธอขึ้นไปบนเตียงอย่างแรงและตะโกนเสียงดังว่า “นางโสเภณี พูดดี ๆ ไม่ชอบ ต้องให้ใช้กำลัง ! ฉันหมดความอดทนกับคุณแล้ว ! คุณจะเอายังไง ? คุณชอบไอ้หลิวเฟยนั่นใช่ไหม คิดจะปกป้องมันงั้นหรือ ? เหอะ ๆ…… ไม่คิดว่ามันตลกหน่อยหรือ ใครจะมาชอบผู้หญิงตกอับที่ผ่านมือฉันมาแล้วอย่างคุณ ? ”
โม่อวี้มองเขาด้วยสายตาโกรธแค้น “ก็ฉันชอบเขาไปแล้ว ทำไงได้ ? เขาจะชอบหรือไม่ชอบฉัน ก็เรื่องของเขา แต่ฉันจะจดจำเขาไว้ในชีวิตและฉันเต็มใจที่จะร่วมสุขร่วมทุกข์ไปพร้อมกับเขา ! ”
คำพูดของเธอทำให้หลู่อิงปินโกรธขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้หลิวเฟยกลายเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของเขาไปแล้ว เขารับไม่ได้ที่ผู้หญิงของเขาทิ้งเขาแล้วไปเลือกหลิวเฟยแทน
นี่คือความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงของเขา!
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนทะเยอทะยานสูง หากสิ่งใดที่ไม่สามารถเป็นของเขาได้ เขาก็ต้องทำลายมันด้วยมือของเขาเอง
“คุณทำให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ ยิ่งคุณชอบมัน ฉันก็ยิ่งต้องทำลายคุณ ! ”
หลังจากหลู่อิงปินกระชากเน็คไทออก เขาก็ถอดเสื้อ แยกเขี้ยวยิงฟันกระโจนเข้าใส่โม่อวี้
โม่อวี้พยายามต่อต้านอย่างสุดกำลัง แต่ต่อหน้าเขา เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงบอบบางคนหนึ่ง จะเอาแรงที่ไหนมาสู้เขา ดังนั้นเธอจึงถูกหลู่อิงปิงจับตัวไว้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อสายตามองเห็นร่างเปลือยของเขา โม่อวี้ก็กลัวเป็นอย่างมาก เธอทำอะไรไม่ถูก เธอจินตนาการว่าหลิวเฟยได้มาปรากฎตัวในช่วงเวลานี้ แต่เมื่อหลู่อิงปินฉีกเสื้อผ้าเธอเป็นชิ้น ๆ อย่างบ้าคลั่ง ภาพนั้นก็เลือนหายไปทันที
เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้ และเธอไม่อยากยอมจำนนต่อไอ้คนพรรค์นี้ จะทำอย่างไรดี ?
เธอยกกำปั้นขึ้น ดวงตาทั้งสองจ้องไปที่หลู่อิงปิน “ถึงวันนี้ฉันต้องตายก็ไม่ยอมให้แกทำสำเร็จหรอก ! ”
หลู่อิงปินยิ้มเยาะ “เป็นโสเภณีแต่ยังแสร้งว่าบริสุทธิ์งั้นหรอ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม ? ฉันจะปล่อยคุณไปเพราะยังไม่อยากให้คุณตาย ! ”
พูดจบ เขาก็บีบคอเธอแล้วยื่นมือไปหยิบเข็มฉีดยาในลิ้นชักข้างเตียง และเข็มฉีดยาก็พุ่งใส่ต้นขาของเธอ
ไม่นาน โม่อวี้ก็รู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งตัว ร่างกายร้อนวูบวาบ และหลู่อิงปินก็ไม่ได้ขืนใจเธอแล้ว เขาจับเธอพลิกตัวนอนแผ่บนเตียง “ขืนใจผู้หญิงแบบไร้ยางอายแบบนี้แหล่ะมันคือสไตล์ของฉัน ! โม่อวี้ อย่าขัดขืนเลย ฟังเสียงหัวใจแล้วรีบมาปรนนิบัติสามีของคุณเร็วสิ ! ”
“ไอ้เดรัจฉาน ! ”
โม่อวี้รู้ดีว่าเขาทำอะไรกับเธอ และรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่กล้าฆ่าเธอ เธอกัดริมฝีปากจนเลือดออก พยายามควบคุมแรงกระตุ้นภายในร่างกาย แต่ไม่นานเธอก็พบว่ายานั้นรุนแรงมากจนเธอไม่สามารถควบคุมมันได้ หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าเธอคงต้องปรนนิบัติเขาจริง ๆ
ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ฟันขาวกัดเข้าที่ลิ้น……
ด้านนอกของบ้านพักตากอากาศ หลิวเฟยมาถึงหน้าประตู เขาเห็นบอดี้การ์ด 6 คนกำลังยืนคุ้มกันอยู่ จึงรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่พูดอะไร
“แกเป็นใคร ? รู้ไหมว่าที่นี่บ้านของใคร ? อยากตายหรือไงห๊ะ ! ”
บอดี้การ์ดคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างดุดัน แต่หลิวเฟยกลับเมินเฉย
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งหกคนเห็นดังนั้น ก็คำรามและพุ่งตัวเข้าใส่เขาทันที
“ป๊าบ ! ”
“เพี๊ยะ ! ”
“โอ้ย…”
หลิวเฟยที่เกรี้ยวโกรธราวกับเป็นอสูรกายร้าย เขาแผดเสียงออกมา มือและเท้าออกกำลังฟาดฟันสะเปะสะปะไปทั่ว ทว่าเพียงแค่พริบตา บอดี้การ์ดทั้งหกก็ล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น
“พวกไม่เจียมตัว ! ”
เมื่อเห็นพวกเขาคร่ำครวญอยู่ที่พื้น หลิวเฟยก็บ่นพึมพำออกมา เขาเดินต่อไป พอเดินได้ 15 เมตร ก็มีบอดี้การ์ดอีก 6 คนเข้ามารุมล้อมเขา ในมือแต่ละคนถือกระบองไฟฟ้าเอาไว้
หลิวเฟยใช้มือเช็ดจมูก ก่อนลงมือจัดการกับบอดี้การ์ดที่อยู่ตรงหน้าทีละคน เข้าใช้เท้าเตะจนกระเด็น จากนั้นแย่งกระบองไฟฟ้ามาควงฟาดฟันราวกับกำลังแสดงกายกรรมอยู่ หลังจากนั้นไม่นานทั้งหกคนก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอย่างโอดครวญ
หลิวเฟยโยนกระบองไฟฟ้าทิ้ง เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องโถง มีชายคนหนึ่งยืนกอดอกด้วยใบหน้าเรียบเฉยยืนอยู่ตรงนั้น แววตาเสือดาวจองเขม็งมาที่เขา
“ไปตายซะ ! ”
หลิวเฟยคำรามแล้วเดินตรงไปข้างหน้า เมื่อกำลังจะเดินผ่านเขาไป ชายหนุ่มก็จับแขนเขาไว้อย่างแรงเพื่อหยุด
มุมปากหลิวเฟยยกขึ้น เขาส่งข้อศอกออกไปเพื่อให้ชายคนนั้นถอยหลัง ชายคนนั้นกวาดขาขวาและนั่นเผยให้เห็นจุดอ่อนของเขา เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ถีบเข้าที่สะโพกเขาอย่างแรง หากว่าถูกเขาเตะเข้าที่ขาจริง ๆ คาดว่าขาของหลิวเฟยคงจะหักไปแล้ว
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเตะขาของหลิวเฟย หลิวเฟยได้นำไปก่อนหนึ่งก้าว เขายกขาขึ้นเตะไปที่หัวของชายหนุ่มอย่างแรง จนชายหนุ่มส่งเสียงร้องออกมา ลงไปนอนกองกับพื้นราวกับเป็นโคลนอ่อนยวบยาบ
“หลิวเฟย หวังว่าจะได้เจอคุณเร็ว ๆ นี้ ! ”
…….
โม่อวี้ที่สิ้นหวังตะโกนออกมาเสียงแหบแห้ง เธอกำลังกัดลิ้นตัวเอง เมื่อได้ยินเสียง “ปัง” ของประตูที่ถูกถีบให้เปิดออก หลิวเฟยก็ได้มายืนอยู่หน้าประตูราวกับเป็นเทวดาจากฟากฟ้าลงมาโปรด