ตอนที่ 47 อุบายเพื่อช่วยเลขา
"ปั๊ก ! "
หมัดของหลิวเฟยพุ่งใส่หน้านายตำรวจอย่างแรง นายตำรวจโกรธมากจึงยื่นมือมาออกมาจะจับกุมเขาทันที ทว่าหลิวเฟยเหยียบเท้าเขาก่อนแล้วใช้ศอกกระทุ้งไปทางด้านหลัง เขาเจ็บจนร้องไม่ออก
ตำรวจหลายนายเห็นเข้าก็เข้ามาลงมือใส่หลิวเฟยพร้อมกันอย่างไม่ลังเล แต่ว่าหลิวเฟยเปลี่ยนท่าทางพลิกไปพลิกมา และใช้สองกระบวนท่านั้นเยียบเท้าและศอกกระทุ้งโจมตีใส่ !
แม้สองกระบวนท่านี้จะไม่ได้มีพลานุภาพมากนัก แต่เมื่อเขาเป็นใช้กระบวนท่าแล้วก็ไม่สามารถมีใครมาต้านทานได้
หลี่อวิ๋นโหรวเครียดมาก เธอมองดูสถานการณ์อย่างหมดเรี่ยวแรงที่จะถากถางเขา
เขาทำร้ายตำรวจ แต่ไม่ยอมคิดวิธีช่วยเธองั้นหรือ ?
ชายที่ข่มขู่เธอเมื่อเห็นภาพนี้ก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ เหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า
เจ้าหมอนี่ป่วยหรือเปล่า ? บรรยากาศตึงเครียดขนาดนี้ เขามาทำบ้าอะไรที่นี่ ?
หานอิงที่มองหลิวเฟยเองก็แทบกระอักเลือดออกมาเช่นกัน เธอรีบรุดไปข้างหน้าเขาแล้วพูดว่า "หลิวเฟย นายประสาทหรือไงฮะ ? ไสหัวไป ! "
หลิวเฟยจับไหล่มนของเธอแล้วผลักเธอไปไกลหนึ่งถึงสองเมตรทางทิศที่คนร้านยืนอยู่ จากนั้นชี้มาที่ตัวเขาเอง แล้วชี้ไปที่นายตำรวจที่โดนเขาชกไปในตอนแรก
"เสี่ยวอิง เธอพูดมา เธอจะเลือกเขาหรือว่าจะเลือกฉัน ? "
"นายป่วยแล้วมั้ง ? "
หานอิงไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่จึงยื่นมือไปจับกุมเขา
ทว่าเธอกลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่มีเเรงพอที่จะยกมือเขาไขว้ไปด้านหลัง
โหลวหลวนเห็นว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปต้องเกิดเรื่องแน่นอน จึงรีบโบกมือให้นายตำรวจห้าหกคนเข้าไปจัดการหลิวเฟยพร้อมกัน
หลิวเฟยใช้หานอิงเป็น "หลัก" แล้วเกาะตัวเธอพลางหลบซ้ายหลบขวาอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าคนร้ายถูกดึงดูดความสนใจจนไม่ได้ระมัดระวัง ทันใดนั้นหลิวเฟยก็เตะเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนกระเด็นไป แล้วยื่นมือซ้ายไปล็อคคอของหานอิง ใช้เธอเป็นเกราะกำบัง มือขวาหยิบเข็มเงิน 2 เล่มออกมาจากกระเป๋าข้างเอวแล้วเขวี้ยงออกไปอย่างชำนาญ
"ฉึบ ! "
"ฉึบ ! "
"โอ๊ย......"
เข็มหนึ่งพุ่งออกไปอีกเข็มพุ่งตามอย่างว่องไวใส่คนร้าย คนร้ายเพียงรู้สึกว่ามีอะไรพุ่งเข้ามาแต่ก็หลบไม่พ้น เข็มปักเข้ากลางฝ่ามือที่เขาถือมีดสั้นอยู่ ทันใดนั้นแขนทั้งแขนก็กระตุกเกร็งจนมีดสั้นที่ถือร่วงจากมือ และเขายังรู้สึกว่าที่เอวเหมือนถูกอะไรทิ่ม จากนั้นเขาก็ทนไม่ไหวจนหัวเราะก๊ากออกมา
ตั้งแต่ตอนที่หลิวเฟยเขวี้ยงเข็มออกไปจนถึงตอนที่คนร้ายหัวเราะออกมา เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว เพียงช่วงสั้น ๆ นอกจากหลิวเฟยแล้ว คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตามไม่ทัน
หลิวเฟยส่งสัญญาณให้หลี่อวิ๋นโหรวที่กำลังยืนงงอยู่ จากนั้นหลิวเฟยเหยียบเท้าใส่หานอิงทันทีโดยไม่พูดอะไร แล้วทำท่าใช้ศอกกระทุ้งใส่เธอเช่นกัน ทว่าเขารู้สึกว่าที่ศอกสัมผัสกับบางสิ่งนุ่ม ๆ ถึงได้รู้ว่าโจมตีเข้าใส่ในที่ที่ไม่ควรเข้าแล้ว......
หลี่อวิ๋นโหรวที่เห็นเหตุการณ์ในที่สุดก็ได้สติกลับมา เธอยกเท้าขึ้นกระทืบคนร้ายอย่างแรงแล้วใช้ศอกกระทุ้งไปทางข้างหลัง เมื่อสะบัดตัวหลุดออกจากคนร้ายได้ก็รีบวิ่งไปหาหลิวเฟย
หลิวเฟยเองไม่กล้าประมาท เขารีบพุ่งตัวเข้าไปรับ เมื่อเห็นคนร้ายยังหัวเราะและคันจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว เขาค่อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วเดินไปชกเขาจนสลบเหมือดไป จากนั้นก็ดึงเข็มเงินบนมือของเขาออกมา
พวกนายตำรวจที่เห็นฉากนั้น ในที่สุดก็ได้พอเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่าสีหน้าของพวกเขาดูไม่ดีเลย โดยเฉพาะโหลวหลวนและหานอิง
โหลวหลวนเดินไปหาหลิวเฟยอย่างเดือดพล่าน "ฉันรู้ว่านายมีความสามารถ แต่นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องถึงชีวิต ทำไมนายถึงพุ่งเข้าใส่โดยไม่บอกกันสักคำแบบนี้แหละ ? หากเกิดเหตุไม่คาดคิด นายจะรับผิดชอบไหวไหม ? "
หานอิงเข้าสมทบ "นายดึงความสนใจของเขา วิธีฉวยโอกาสแอบโจมตีนั้นเป็นวิธีที่ไม่เลวเลย แต่นายคิดบ้างไหมหากเข็มของนายแทงไม่ถูกเขาจะทำยังไง ? หากว่ามันแรงไม่พอที่จะทำให้เขาเจ็บจนปล่อยมีดจะทำยังไง ? "
เมื่อพวกเขาสองคนพูดแบบนี้ พวกตำรวจเองก็พากันตั้งข้อสังเกต
หลิวเฟยพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ไม่มีคำว่าหาก ! ผมมั่นใจว่าทำสำเร็จถึงได้ทำแบบนี้ ! พูดตามจริงแล้ว เดิมทีผมสามารถใช้เข็มจัดการเขาได้เลย แต่เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดคิดที่พวกคุณพูดถึง จึงได้เสียเวลาทำเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้น”
ตั้งแต่ที่เขาใช้เข็มเงินเป็นอาวุธลับ หลายปีมานี้เขาไม่เคยลงมือพลาดสักครั้ง
วันนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุสุดวิสัยเขาถึงได้ทำเพื่อรับประกันความปลอดภัยสามข้อ
ข้อแรกคือใช้เข็มเงินธรรมดาแทงไปที่จุดต้าเซวี๋ยบนฝ่ามือของผู้ร้าย ทำให้แขนที่ถือมีดสั้นกระตุกเกร็งจนถือของไม่ได้ ข้อสองใช้เข็มเงินชนิดพิเศษแทงจุดเสี่ยวเซวี๋ยตรงเอวของเขา เพื่อทำให้เขาหัวเราะจนยากที่จะควบคุมตนเองได้และรู้สึกคันยุบยิบจนจิตใจสับสนวุ่นวาย ไร้ความสามารถที่จะตอบโต้ ข้อสามคือส่งสัญญาณให้หลี่อวิ๋นโหรวใช้ท่าเหยียบเท้าและศอกกระทุ้ง เพื่อให้เธอมีเวลาพอที่จะใช้สองกระบวนท่านี้สะบัดหนีออกจากคนร้ายมาได้
ทั้งหมดนี้เป็นการรับประกันได้ว่าสามข้อเหล่านี้สามารถรับประกันความปลอดภัย เชื่อถือได้ อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนร้ายโจมตีกลับ ! และยังทำให้เขารู้ว่าคนร้ายคนนี้เป็นชาวบ้านธรรมดา ถ้าหากว่าเขาเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีฝีมือ บางทีหลิวเฟยก็อาจจะเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น
ข้อกังขานี้เดิมทีเขาเองก็สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เขาเคยใช้เข็มเงินพิเศษจัดการกับหลิวเป้าและหวังไฉ ในตอนนั้นพวกเขายังไม่ยอมรับ เขาเองก็ไม่คิดที่จะพูดซ้ำอีก
เขาเข้าใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตำหนิและกล่าวโทษในตอนนี้ก็เป็นเพราะยังมีจิตใจที่หวาดผวา แต่กลับไม่มีใครที่จะยอมรับว่าผลสุดท้ายนั้นก็ออกมาดีมากเช่นกัน
เขาถูจมูกแล้วเดินไปหาพวกตำรวจที่เขาทำร้ายแล้วกล่าวขอโทษจากใจจริง "ขอโทษด้วยจริง ๆ เมื่อกี้ที่ทำก็เพื่อที่จะช่วยชีวิตคนเท่านั้น"
หลี่อวิ๋นโหรวรีบวิ่งไปยืนข้างกายเขา จากนั้นก็พูดกับพวกตำรวจ "ขอบคุณพวกคุณมาก ขอบคุณมาก ฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณพวกคุณยังไง ทำให้พวกคุณถูกรังแกแล้ว"
เดิมทีพวกเขาโกรธหลิวเฟยมาก แต่เมื่อเห็นสาวงามขอบคุณพวกเขาไม่หยุด พวกเขาเองก็ไม่อยากจะพูดให้มากความ
หลี่อวิ๋นโหรวเอียงศีรษะมองหน้าหลิวเฟยน้อย ๆ แล้วเม้มปาก เดินไปหาโหลวหลานที่ยังคงทำสีหน้าไม่ดีอยู่เหมือนเดิม "ผู้กำกับโหลว คือว่า......ฉันรู้ว่าการที่เขาพุ่งเข้าใส่พวกคุณโดยไม่ได้บอกพวกคุณก่อนแบบนี้ก็ออกจะเกินไปหน่อย แต่จากเมื่อกี้ที่เขาส่งสัญญาณให้ ฉันใช้สองท่านั้นไม่หยุด มันอาจจะให้ผู้ร้ายคนนั้นสังเกตเห็น เขาเลยต้องดึงความสนใจ เขามีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดี "
โหลวหลวนมองตาหลิวเฟยแล้วถอนหายใจยาว "ช่างเถอะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คอของเธอเลือดยังไหลอยู่เลย รีบไปโรงพยาบาลทำแผลเถอะ"
หลี่อวิ๋นโหรวพยักหน้าแล้วใช้มือกุมคอ แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเธอก็ครางอย่างเจ็บปวดเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
หลิวเฟยที่เห็นเธอเกือบจะล้มลงไปก็ส่ายหัวแล้วเดินไปข้างหลังเธอ ใช้มือช้อนเอวอุ้มขึ้นมา แล้วเดินอุ้มเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร
หลี่อวิ๋นโหรวดิ้นรนอยู่สักพัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าอยู่บนแขนเขา ยอมให้เขาอุ้มแต่โดยดี
เมื่อถึงบ้าน หลิวเฟยหยิบกล่องยาของตัวเองมาช่วยทำแผลให้กับเธอ จากนั้นช่วยเธอยืดข้อเท้า แล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น "ไม่ต้องเป็นห่วง ขาไม่เป็นไร คอคงจะโดนมีดบาด อาการไม่หนักมาก"
"อืม......"
หลี่อวิ๋นโหรวตอบกลับเบาหวิวแล้วเงยหน้ามองตาเขาน้อย ๆ พลางพูดราวเสียงกระซิบ "ขอบคุณที่นายช่วยชีวิตฉันไว้ ! "
เมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่เธอพูดแก้ต่างแทนเขาอยู่ต่อหน้าสารวัตรและพวกตำรวจ หลิวเฟยจึงหัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูด "เธอกำลังผวาใช่ไหม ? เธอไม่โทษฉันที่ทำบุ่มบ่ามหรือ ? วันนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วมั้ง ! "
"ฉัน......"
หลี่อวิ๋นโหรวอยากจะพูดต่อ แต่ก็หยุดไว้ เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้รู้สึกแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้ให้ความรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่งละมั้ง ?
หากว่าวันนี้คนที่ถูกคนร้ายจับนั้นเป็นชาวบ้านคนอื่นแล้วเขาใช้วิธีนี้ช่วย บางทีหลังจากจบเรื่องเธอเองก็คงตำหนิเขาเช่นกัน ทว่าคนที่ถูกช่วยเป็นตัวเธอ ในชั่วเวลานั้นร่างกายของเธอรู้สึกตกใจแต่ไม่มีอันตราย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรไปตำหนิหรือกล่าวโทษเขามั้ง ?
เมื่อเห็นเธอพูดไม่ออก หลิวเฟยได้แต่ส่ายหัวแล้วพูดต่อ "คงไม่ใช่ว่าตกใจจนสติยังไม่กลับมานะ ? พูดตามตรงถึงแม้ว่าเวลาปกติฉันดูเหมือนคนไม่ได้ความ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องถึงชีวิติ ฉันตั้งใจกว่าใครทั้งนั้น ! เธอช่วยชาวบ้านอย่างองอาจกล้าหาญแบบนี้ ฉันจะให้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอได้ยังไง ! แต่ว่าดูไม่ออกเลยจริง ๆ เธอเองก็เซ่อไม่น้อย"
"นายนั่นแหละที่เซ่อ ! "
หลี่อวิ๋นโหรวกรอกตาขาวใส่เขา ใบหน้าค่อย ๆ แดงขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
หลิวเฟยมองดูใบหน้ารูปไข่งดงามและริมฝีปากบางแดงสีผลเชอร์รี่ของเธอ ในใจพลันเกิดหวั่นไหวขึ้นมาจึงรีบเมินหน้าหนแล้วพูดในใจ ‘หลิวเฟยเอ๋ยหลิวเฟย นายกำลังคิดอะไรน่ะ คนเขามีคู่หมั้นแล้ว อย่าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ได้ไหม ? ’
ทันใดนั้น หลิวอวี้เหลียนพาชาวบ้านเข้ามาแล้วถามโน่นถามนี่ เมื่อแน่ใจว่าหลี่อวิ๋นโหรวไม่ได้เป็นอะไรมากก็วางใจ
โหลวหลวนให้คนพาตัวคนร้ายกลับไปที่สำนักงานตำรวจแล้วก็ได้พาหานอิงมาหาหลิวเฟยที่บ้าน
โหลวหลวนพูดเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อมทันที “ถึงแม้ว่าวิธีของนายยังต้องรอการประชุม แต่ที่สำคัญตอนนี้ก็คือคนไม่เป็นอะไรแล้ว ดังนั้นทางตำรวจเรายังไงก็ต้องขอบคุณนายมาก”
หลิวเฟยตอบกลับ “ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน การปกป้องชาวบ้านคือสิ่งที่ผมควรทำ ไม่มีอะไรต้องขอบคุณทั้งนั้น เพียงแต่ผมหวังว่าพวกสหายที่ถูกผมทำร้ายจะไม่ถือโทษโกรธผม......”
โหลวหลวนพูด “เห้อ นายเองก็แสดงละครเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนร้าย และเท่าที่ฉันรู้ นอกจากสหายคนแรกที่นายลงมือหนักไปหน่อย คนอื่นก็ไม่ได้รุนแรงอะไร พวกเขาเป็นคนมีความคิด ไม่ถือสาหรอก”
“แบบนั้นก็ดี ! ”
หลิวเฟยหัวเราะ หานอิงกลับโมโหแล้วดึงเขาไปที่ห้องนอนต่อหน้าทุกคน จากนั้นดวงตากลมโตจ้องมองไปที่เขา
หลิวเฟยรีบยกสองมือขึ้นมาป้องหน้าอกแล้วพูด “เธอ......เธอจะทำอะไร? ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ระวังกระทุ้งไปโดนเธอแล้ว......แต่ว่านั้นก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เธออย่ามามั่วนะ ! ”
พูดถึงตรงนี้ หลิวเฟยอดไม่ได้ที่จะมองหน้าอกขนาดอลังการของเธอแล้วแอบอุทานในใจ ‘ตรงนั้นมันช่างเติบโตได้ดีจริง ๆ ......’
หานอิงสังเกตเห็นสายตาของเขา ดวงตายิ่งเบิกกว้างแล้วพูด “ไปตายซะ ! เลิกแกล้งได้แล้ว บนโลกนี้ยังมีอะไรทำให้คนอย่างนายหลิวเฟยกลัวได้ ? ”
หลิวเฟยยิ้มแล้วพูด “ประสาทเพิ่งจะได้ผ่อนคลาย อย่าสร้างเรื่องตึงเครียดอีกเลย พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไร ? ”
หานอิงเดินไปหาเขาสองก้าวแล้วพูดกระชับได้ใจความ “ทั้งหัวเราะทั้งคัน สีข้างเอวมีรอยจุดแดง เรื่องทั้งหมดนี้ฟังดูคุ้น ๆ นะ นายว่าไหม ? ”
เมื่อได้ฟัง ในใจหลิวเฟยถึงกับสะอึก แม่นางคนนี้ช่างสักเกตรอบครอบนัก ดูเหมือนว่าจะปิดบังต่อไปไม่ได้แล้ว ทว่าเขาเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง
เขาเดินไปยืนหน้าเธอแล้วถามย้อน “เธออยากรู้ ? ”
หานอิงกรอกตาขาวใส่เขา “อย่ามาไร้สาระ ! เร็วเข้า บอกความจริงมา ! ”
หลิวเฟยเอียงศีรษะเข้าไปกระซิบข้างหูเธอ “คุณตำรวจหาน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร หากคุณมีฝีมือก็หาหลักฐานมาจับผมสิ ! คนที่ช่วยชีวิตคนถูกจับ เรื่องแบบนี้ก็นับว่าแปลกดีใช่ไหม ? ”
“นาย ! ”
หน้าหนาขนาดนี้คงเอาไปใช้แทนก้นหม้อได้แล้ว !
หานอิงระบายความโกรธด้วยการยกเท้าเหยียบเขา หลิวเฟยรีบยกขาหลบ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังใช้ศอกกระทุ้งอย่างแรงไปข้างหลัง หลิวเฟยหลบได้อย่างราบรื่น จากนั้นก็หมุนตัวโผล่มาด้านหน้าเธอแล้วหัวเราะ
“ไม่เลวนี่ เรียนรู้ได้เร็วมาก มีคุณสมบัติมากที่จะเป็นลูกศิษย์ของฉัน แต่ว่าคิดจะกราบอาจารย์ตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะนะ คุณตำรวจหาน ! ”
……