ตอนที่ 50 เอาชีวิตมาล้อเล่น
ต้นไม้ต้องมีเปลือก คนต้องมีหน้าตา
ในโอกาสที่เป็นทางการเช่นนี้ และยังมีหน้าที่สำคัญในการเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลเฟิ่งหวงในการอภิปรายครั้งนี้ ก็คงมีแต่หลิวเฟยเท่านั้นที่หน้าด้านพอจะตอบคำถามแบบนี้ออกมาได้
นายแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลเฟิ่งหวงทนนั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว มีบางคนถึงกลับลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไป ทว่าหลิวเฟยกลับพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งรั้งพวกเขาไว้
“นิยาม ? พวกเราโตกันขนาดนี้แล้ว ยังจะเล่นเกมส์ท่องหนังสือกันอยู่อีกหรือ ? ยิ่งไปกว่านั้นการแพทย์แผนจีนนั้นความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง ส่วนตัวผมคิดว่าตัวเองไม่สามารถให้คำนิยามออกมาได้ ! คุณยามาโมโตะ คุณมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับการแพทย์แผนปัจจุบันไม่ใช่หรือ ? ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยให้คำนิยามการแพทย์แผนปัจจุบันให้ผมเข้าใจหน่อยได้ไหม ? ”
เมื่อฟังเขาพูดแบบนี้ยามาโมโตะ ไดยสึ ก็ตอบกลับอย่างดูถูก “คุณกำลังเล่นเกมส์เตะบอลล่ะสิ ตอนนี้ก็เตะบอลมาให้ผมอีกแล้ว”
หลิวเฟยยิ้มน้อย ๆ “ดูคุณสิ ผมเป็นแค่หมอเถื่อนคนนึง แต่คุณถึงเป็นถึงอัจฉริยะหนุ่มที่มีชื่อเสียงของวงการแพทย์ศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น หากคุณเองยังไม่สามารถให้คำนิยามที่ถูกต้องเกี่ยวกับแพทย์แผนปัจจุบันที่คุณชำนาญได้ อย่างนั้นคุณจะมาบีบบังคับนักเรียนปลายแถวอย่างผมทำไมกันครับ ? ”
ยามาโมโตะ ไดยสึที่ถูกเขายั่วยุก็ตอบโต้ทันที “เหอะ......ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่าคุณมาก่อนเลย! มันจะไปยากอะไร ? การแพทย์แผนปัจจุบันคือการแพทย์ที่อ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ของประเทศแถบตะวันตก ! ”
หลิวเฟยขมวดคิ้วแล้วพูด “คุณนักเรียนหัวกะทิยามาโมโตะ คุณคงไม่ได้เอาแต่ท่องหนังสือใช่ไหม แบบนี้ก็เหมือนกับคำนิยามที่เขียนเอาไว้บนหนังสือ คุณทำวิจัยวิชาการแบบนี้กลับไม่สามารถเข้าใจในแบบคุณเองได้ ช่วยอธิบายให้เข้าใจง่ายหน่อยได้ไหม ? ”
ยามาโมโตะถูจมูกไปมา “การแพทย์แผนปัจจุบันก็คือวิทยาศาสตร์การแพทย์”
หลิวเฟยส่ายหัวแล้วพูด “ขอโทษนะครับ ผมยังไม่เข้าใจครับ พวกเราเลิกพูดแบบเป็นทางการซะทีเถอะ ช่วยทำให้มันง่ายกว่านี้หน่อย ! ”
“การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นวิชาความรู้ที่ประเทศฝั่งตะวันตกใช้บำบัดรักษาคนไข้ แบบนี้ควรจะเข้าใจได้แล้วมั้ง ? อย่าให้ผมต้องดูถูกระดับไอคิวของคุณเลย ! ”
หลิวเฟยหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะฝืนใจให้คำนิยามการแพทย์แผนจีนตามวิธีที่คุณพูดแล้วกัน แพทย์แผนจีนก็คือวิชาความรู้ที่ประเทศจีนไว้ใช้บำบัดรักษาคนไข้ คุณเองก็คงเข้าใจแล้วมั้ง ? ”
“คุณ ! ”
ยามาโมโตะโกรธมาก ที่หลิวเฟยพูดวกไปวนมาขนาดนี้ที่แท้ก็เพื่อหาทางเอาตัวรอด ใช้คำพูดของเขามาอุดปากเขาเอง เจ้าเล่ห์จริง ๆ
นายแพทย์ทุกคนของโรงพยาบาลเฟิ่งหวงที่ดูสถานการณ์อยู่ต่างก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
นี่เป็นบทสนทนาที่ฟังดูตลกสิ้นดี ดูเหมือนจะไร้เดียงสา ทว่าหลิวเฟยกลับเล่นได้อย่างราบรื่น !
เห็นได้ชัดว่าเขารู้อยู่แล้วว่ายามาโมโตะ ไดยสึคิดจะใช้คำถามที่พื้นฐานที่สุดมาเล่นงาน เขาเลยใช้วิธีที่ได้ผลที่สุดเล่นงานกลับไป
ความจริงแล้วไม่ว่าจะแพทย์แผนจีนหรือแผนปัจจุบันต่างก็มีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง ล้วนผ่านเรื่องราวในอดีตจนตกตะกอน คิดจะใช้แค่คำสองคำมาอธิบายความหมายทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
การเผชิญหน้ากันครั้งแรกของพวกเขาก็คือการใช้ “คำนิยาม” มาทำให้อีกฝ่ายอับอายอย่างไม่ต้องสงสัย หลิวเฟยเองก็ใช้วิธีของยามาโมโตะ ไดยสึตบหน้ากลับไป ถึงแม้การตบนี้จะไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ก็พอทำให้เขารู้ว่าถึงหลิวเฟยจะประวัติการเรียนที่ต่ำ แต่ไอคิวและอีคิวนั้นไม่ได้ต่ำไปด้วย
“พอแล้ว การเล่นปาหี่แบบนี้ถือซะว่าเป็นการอุ่นเครื่องละกัน พวกเราเข้าเรื่องกันเถอะ พูดมาเถอะ ทำไมคุณถึงได้คิดว่าการแพทย์แผนจีนเป็นขยะล่ะ ? ”
หลิวเฟยที่เห็นยามาโมโตะ ไดยสึโมโหจนหน้าแดง เขาก็เป็นฝ่ายโยนคำถามขึ้นมาบ้าง และนี่ก็ยังเป็นคำถามสำคัญของการอภิปรายครั้งนี้ด้วย
ยามาโมโตะ ไดยสึถูกจี้ใจดำ “เพราะว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์จอมปลอม สิ่งต่าง ๆ มากมายที่อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ! ”
หลิวเฟยถามอย่างอดทน “อย่างเช่น ? ”
“การแพทย์แผนจีนของคุณนั้นกล่าวถึง ‘ธาตุทั้งห้า’ ‘ลมปราณ’ แล้วก็อย่างอื่นอีกเยอะแยะ ทั้งหมดนี่ต่างก็เชื่อถือไม่ได้ ก็แค่เรื่องหลอกลวงประชาชนทั้งนั้น ! ”
หลิวเฟยกระตุกยิ่มมุมปาก “คุณยามาโมโตะ ที่จริงข้อวิพากษ์ของคุณผมไม่ได้อยากจะแย้ง แต่เพื่อหน้าตาของการแพทย์แผนจีนยังไงผมก็ต้องโต้แย้งสักหน่อย”
เมื่อหลิวเฟยพูดจบแล้วก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปยืนอยู่หน้าเขา “ก่อนอื่นเลย คุณบอกว่าไม่ใช่วิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์จอมปลอม คุณอธิบายได้ไหมว่าสิ่งไหนถึงเรียกว่าวิทยาศาสตร์ ? คำว่า‘วิทยาศาสตร์’ เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน แต่สำหรับแพทย์แผนจีนนั้นมีมาหลายพันปีแล้ว การแพทย์แผนจีนมีประวัติยาวนานกว่าวิทยาศาสตร์มาก ! ”
เขาหยุดไปสักพักแล้วพูดต่อ “ประการที่สอง ข้อพิพาทที่มีต่อการแพทย์แผนจีนมาตลอดร้อยปีนี้ พวกเราแพทย์จีนล้วนถูกแพทย์แผนปัจจุบันอย่างพวกคุณมาสวมหมวกให้ว่า ‘ไม่ใช่วิทยาศาสตร์’ ไม่ก็ ‘วิทยาศาสตร์จอมปลอม’ และขนาดของหมวกใบนี้พวกคุณก็เป็นคนกำหนดให้อีก คุณไม่รู้สึกว่ามันตลกหรือ ? ถ้าหากยึดตามมาตรฐานของพวกเรา การแพทย์แผนปัจจุบันของพวกคุณก็คือ ‘การรักษาตามอาการ ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ’ เจ็บหัวหาหมอหัว เจ็บขาหาหมอขา แล้วก็มีพวกหลอกลวงเหมือนกัน แล้วจะพูดถึงวิทยาศาสตร์เพื่ออะไร ? ”
ยามาโมโตะ ไดยสึที่ได้ฟังก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นมาพูดตาต่าตาฟันต่อฟัน “ไร้สาระ ! ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายยาจนถึงการรักษาการแพทย์แผนปัจจุบันยึดตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่แพทย์แผนจีนของพวกคุณอาศัยแค่ประสบการณ์ทั้งนั้น ! ”
หลิวเฟยพูดยิ้มๆ “เรื่องนี้ผมจะไม่แย้งก็คงจะไม่ได้ ถึงแม้พวกเราจะอยู่ในศตวรรษที่ 21 แล้ว แต่ก็อย่าได้ลืมบรรพบุรุษสิ แต่ก่อนมนุษย์อยู่รอดมาได้อย่างไร ? ไม่ใช่อาศัยประสบการณ์หรือไง ? มาถึงตรงนี้ ผมขอพูดสักหน่อยแล้วกัน”
ยามาโมโตะ ไดยสึที่ได้ฟังเขาพูดแบบนี้ก็เกิดสมองตื้อขึ้นมาฉับพลัน เวลานี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ หลี่เจิ้งอีจึงพูดกับหัวหน้านายแพทย์ข้างกายเขา “เห็นไหม ? มีเหตุผลมีหลักการ พูดแทงใจดำ หลิวเฟย เวลาเอาจริงกับเวลาที่ไม่เอาจริงน่ากลัวกว่ากันเยอะ ยามาโมโตะแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว ! ”
หัวหน้านายแพทย์พูดอย่างประหลาดใจ “เขา......เขาจบแค่มัธยมปลายจริง ๆ หรือ ? เขาสรุปบทสรุปนี้ได้ลึกซึ้งมาก ! ”
“ฮ่าๆๆ......ต้องขอยืมคำนั้นของเขามาใช้ ประสบการณ์ ! สิ่งที่เรียนได้จากหนังสือก็คือความรู้ แต่ประสบการณ์การรักษาคนไข้ที่สะสมมานานก็เป็นความรู้เช่นกัน อีกทั้งความรู้ส่วนนี้มีประโยชน์มากกว่าในหนังสือซะอีก ! ”
หัวหน้านายแพทย์พยักหน้า “ถูกต้อง ! น่าละอายใจนัก คิดไม่ถึงว่านอกจากฝีมือการแพทย์ของเขาจะยอดเยี่ยมแล้ว เขายังเข้าใจการแพทย์แผนจีนได้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย ! ”
……
คณะแพทย์ที่มาดูงานต่างเห็นท่าไม่ดีจึงกระซิบกระซาบกันเป็นภาษาญี่ปุ่นออกมาเพื่อให้คำแนะนำกับยามาโมโตะ ไดยสึที่สมองตื้ออยู่ตอนนี้
ในมุมมองของพวกเขา การประลองครั้งนี้พวกเขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด หากว่าแพร่ออกไปว่าวงการการแพทย์ญี่ปุ่นที่พวกเขาภูมิใจแพ้ให้กับหมอชาวบ้านชาวจีนเล็ก ๆ คนหนึ่ง พวกเขาต้องขายหน้าครั้งใหญ่ !
ยามาโมโตะ ไดยสึดึงสติกลับมาอย่างรวกเร็ว “ไม่เลวเลยหนิ ดูไม่ออกเลยว่าจะเรียนไม่จบมัธยมปลาย ! แต่ยังไงผมก็จะบอกว่าการแพทย์แผนจีนของพวกคุณเป็นแค่วิทยาศาสตร์จอมปลอม ! ถ้าคุณแน่จริงก็ใช้ความสามารถมาพิสูจน์ให้ผมเห็นสิ ! ”
หลิวเฟยถอยหลังไปหลายก้าวแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นส่ายหน้าแล้วพูด “พูดตามตรง ผมไม่ได้สนใจที่จะถกปัญหานี้กับคุณเลย เพราะมันไม่มีประโยชน์ใด แต่ในเมื่อถกกันแล้วคุณยังจะมาเล่นไม้นี้อีก ไม่คิดว่ามันยิ่งไร้ประโยชน์หรือไง ? ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแล้วหักนิ้วมือไปพูดไป “แพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันมีต้นกำเนิดแตกต่างกัน ทฤษฎีพื้นฐานแตกต่างกัน วิธีการวินิจฉัยโรคแตกต่างกัน การรักษาแตกต่างกัน ไม่มีสิ่งใดเทียบได้เลย ! แต่จุดที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือเส้นทางที่ต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกัน ต่างก็ทำเพื่อช่วยชีวิตคน ! เดิมทีทั้งสองก็ควรจะเข้ากันได้ ทำไมต้องดึงดันที่จะแยกทั้งสองออกจากกันให้ได้ด้วย ? ”
ยามาโมโตะ ไดยสึพูดอย่างเด็ดขาด “เพราะว่าการแพทย์แผนจีนนั้นไม่คู่ควร ! ”
“อย่างนั้นหรือ ? เหอะ ๆ......ผมขี้เกียจจะเปลืองน้ำลายกับคุณแล้ว คำถามสุดท้าย ทำยังไงคุณถึงจะขอโทษต่อการแพทย์แผนจีน บอกมาเลย ! ”
ยามาโมโตะ ไดยสึครุ่นคิดสักพักแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ง่ายมาก ขอไม่ปิดบัง ผมป่วยเป็นโรคประหลาดหายได้ยาก หากคุณใช้วิธีจับชีพจรวินิฉัยโรคของผมออกมาได้ ผมจะยอมขอโทษสำหรับสิ่งที่ผมพูดไป ! ”
ที่จริงทุกคนต่างก็ดูออกว่าการอภิปรายระหว่างเขากับหลิวเฟยนั้นเขาเสียเปรียบแล้ว ! เขาแค่ดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ หากอภิปรายกันแบบนี้ต่อไปเขายิ่งเสียหน้า
อีกทั้งเขาเองก็ยอมรับแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาทั้งสองจะพูดกันเพียงผิวเผินแล้วจะหาข้อสรุปได้ ในเมื่อหลิวเฟยอยากจะเห็นเรื่องจริงนัก งั้นเขาก็จะให้ความร่วมมือ !
หลิวเฟยประเมินท่าทางของเขาแล้วเดินไปจับชีพจรให้เขา จับได้สักพัก เขาก็ขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ในใจยามาโมโตะกลับหัวเราะยกใหญ่
“ทำไม พวกแพทย์จีนอย่างคุณทำไม่ได้ใช่ไหม ? ”
ผ่านไปห้าหกนาทีแล้ว แต่ก็เห็นหลิวเฟยก็ยังจับชีพจรอยู่ ยามาโมโตะจึงดึงมือกลับอย่างไม่สบอารมณ์
หลิวเฟยเดินถอยไปแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณไม่ได้ป่วย”
ในใจยามาโมโตะเต้นไม่ตึกตัก จากนั้นก็ส่ายหัวระรัวแล้วพูด “คุณคิดว่าผมตั้งใจโกหกคุณหรือ ? เหอะ ! ”
หลิวเฟยพูด “ตอนแรกผมเดาว่าคุณคิดจะโกหกผมจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เพื่อชีวิตของคุณแล้ว ผมคงต้องยอมหลงกล ตอนนี้คุณยังไม่มีอาการชั่วคราว แต่เมื่ออาการกำเริบขึ้นมาจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ! ”
“ฮ่าๆๆ......”
ยามาโมโตะ ไดยสึเมื่อได้ฟังก็ชี้หน้าเขาแล้วหัวเราะไปสักพักและไม่ให้โอกาสเขาได้แก้ตัว เขาเดินกลับไปที่นั่งของเขาแล้วหยิบผลตรวจร่างกายสองฉบับล่าสุด “พอดีเลย เนื่องจากมีความจำเป็นบางอย่าง ก่อนที่ผมมาที่ประเทศจีน ผมได้ไปตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลสองแห่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น และนี่คือตัวชี้วัดและผลรายงานการวินิจร่างกายของผม ผมถามคุณหมอใหญ่หลิวหน่อย อาการป่วยของผมมาจากสาเหตุใด ? ”
หลิวเฟยไม่ตอบโต้ แล้วเขาก็ส่งผลให้นายแพทย์ทุกคนที่โรงพยาบาลเฟิ่งหวงได้ดู หลังจากที่พวกเขาได้ดูก็เอามือกุมขมับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ดูเหมือนครั้งนี้หลิวเฟยจะฉลาดผิดที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาได้ตกหลุมพรางที่ยามาโมโตะขุดเอาไว้ แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากถูกตบหน้าอย่างแรง !
ผลตรวจของโรงพยาบาลหนึ่งแห่งอาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ แต่นี่โรงพยาบาล 2 แห่ง และยังเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุด 2 แห่งของประเทษญี่ปุ่นอีกด้วย สถิติที่จะข้อผิดพลาดพร้อมกันเท่ากับศูนย์......
ยามาโมโตะ ไดยสึเห็นหลิวเฟยที่ตกตะลึงทำหน้าไม่ถูกยืนอยู่ตรงนั้น ก็ได้ตบบ่าเขาแล้วพูด “หากคิดที่จะสู้กับผม ? ท้ายที่สุดคุณก็หลงกลแล้ว ! ครั้งนี้คุณควรยอมรับได้แล้วมั้ง ทำให้คนที่ไม่ป่วยกลายเป็นป่วยได้ มีแต่พวกแพทย์จีนอย่างคุณที่ทำออกมา ! การแพทย์แผนจีนของพวกคุณก็แค่วิทยาศาสตร์จอมปลอม ขยะ เป็นเพียงป้ายร้านที่มีไว้หลอกเงินจากความยากลำบากมานับพันปีก็เท่านั้น ! ”
หลิวเฟยที่ได้ฟังเขาพูดเยาะเย้ยมาสักพักก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เยาะเย้ยจบหรือยัง ? อคติที่คุณมีต่อการแพทย์แผนจีนนั้นมากมายจริง ๆ ! ”
ยามาโมโตะ ไดยสึพูดอย่างเย็นชา “ไม่ใช่อคติ แต่เพราะมันก็เป็นแค่ขยะ ไม่ควรมีตัวตน ! ไม่อย่างนั้นโรงพยาบาลของชาวจีนอย่างพวกคุณทำไมถึงได้ทิ้งการแพทย์แผนจีนแล้วมาใช้การแพทย์แผนปัจจุบันล่ะ ? ”
หลิวเฟยถอนหายใจยาวแล้วมองหน้าเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณยามาโมโตะ คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังเอาชีวิตมาล้อเล่น ! ”
……