px

เรื่อง : แม่มดสาวมุ้งมิ้ง
ตอนที่ 2 อาจารย์หมอ


 

         แม้บุตรสาวของเธอจะนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรามาแล้วหลายวัน แต่สภาพร่างกายก็ยังคงเป็นปกติดีอยู่ เนื่องจากบรรดาแม่มดเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องทานอาหารเหมือนกับมนุษย์โลกเพราะพวกเขาอิ่มทิพย์

 

 

         ตอนนี้เมื่อหนังสือเล่มนั้นมาอยู่ในมือของตนเองแล้ว แม่มดวัยกลางคนก็บ่นว่า

 

 

        “ทำไมมันถึงหนักอย่างนี้ล่ะ? ”

 

 

        “พูดมากอยู่ได้ เปิดดูสิว่ามันใช่หรือเปล่า? ” เจ้าแมวที่เกาะอยู่บนไหล่ของเธอเริ่มรำคาญ

 

 

         “ก็ได้! ”

 

 

         เมื่อกล่าวจบ เธอก็เปิดปกหนังสือเล่มนั้นอย่างทะนุถนอม แต่ทันใดนั้นเองแสงสว่างอันเจิดจ้าที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันมีแรงดึงดูดมหาศาลดึงร่างของพวกเขาทั้งสองเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วจนน่าขนหัวลุกท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำกล่าวได้

 

 

           “ว้าย!!! มุ้งมิ้ง...เกิดอะไรขึ้น??? ”

 

 

          “จะไปรู้ได้ไง! ...แต่มุ้งมิ้งกลัว..งือ..”

 

 

         “... …”

 

 

         —-

 

 

         ในโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงหลายร้อยกิโลเมตรแห่งหนึ่งมีหญิงสาวอายุประมาณสิบแปดปีเกิดอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชนและนอนหมดสติมาเป็นเวลาร่วมเดือนแล้ว หรือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือ เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานั่นเอง

 

 

         “คุณหมอคะ ลูกสาวของฉันนอนอยู่บนเตียงแบบนี้มาเป็นเดือนแล้วนะคะ เมื่อไหร่เธอถึงจะฟื้นสักที? ”

 

 

         “อาการของเธอก็เป็นปกติทุกอย่างนะครับ แต่ทำไมถึงยังไม่ฟื้น...อันนี้หมอก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เหมือนกันครับ?! ”

 

 

          “ดีนะคะที่เธอมีประกันอุบัติเหตุที่ทางโรงเรียนของเธอทำให้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีปัญหาจ่ายค่ารักษาพยาบาลอย่างแน่นอน”

 

 

          “นับว่ายังมีโชคดีในความโชคร้าย...แต่มันก็เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกครับ” หลังจากเกาศีรษะด้วยความงุนงงแล้ว คุณหมอก็กล่าวอีกว่า

 

 

          “พรุ่งนี้จะมีแพทย์เฉพาะทางที่เป็นอาจารย์หมอจากเมืองหลวงเดินทางมาตรวจดูอาการนะครับ...คุณหมอท่านนี้เก่งมากจริง ๆ ...ท่านจะต้องช่วยลูกสาวของคุณได้อย่างแน่นอน”

 

 

          “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”

 

 

          ทางบ้านของเด็กสาวคนนี้มีฐานะยากจนมาก และมารดาของเธอทำงานอยู่ที่สุขาภิบาลของจังหวัด โดยทำหน้าที่เป็นคนกวาดถนน ส่วนบิดาของเธอก็ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์จึงทำมาหากินไม่ได้และต้องนอนติดเตียงอยู่ที่บ้าน แต่โชคดีที่มีคุณย่าของเด็กสาวคอยดูแลอยู่ แม้ว่าเธอจะมีอายุเจ็ดสิบปีแล้วก็ตาม

 

 

          ครั้งนี้เมื่อบุตรสาวประสบอุบัติเหตุและต้องนอนโรงพยาบาล ผู้เป็นมารดาจึงต้องมาที่โรงพยาบาลทุกวันหลังเลิกงานในเวลาสามโมงเย็นเพื่อนั่งเฝ้าเธออยู่จนมืดด้วยความเป็นห่วงและกลุ้มใจเป็นที่สุดก่อนที่จะเดินทางกลับที่พัก

 

 

           เฮ้อ!!! เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ!

 

 

           ในสังคมยุคปัจจุบัน ครอบครัวคนมีรายได้น้อยอย่างเธอไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับเรื่องอาหารการกิน ทำให้เธอต้องแวะตลาดเพื่อไปซื้อไข่กับผักเพื่อไปทำอาหารค่ำให้กับคนในครัว และมันก็เป็นเช่นนี้ทุกวัน

 

 

            ลำพังเงินเดือนของเธอคนเดียวก็สามารถใช้ได้เพียงแค่เดือนชนเดือนเท่านั้น ดังนั้นอาหารอย่างอื่นพวกเธอคงไม่กล้าฝันถึง เพราะมันดูจะไกลเกินเอื้อมสำหรับคนหาเช้ากินค่ำอย่างเธอ และเมื่อกลับถึงบ้านพักที่สร้างจากไม้หลังเก่าซ่อมซอที่ครอบครัวของเธอเช่าอยู่ เธอก็ทำทุก อย่างเป็นปกติเหมือนเช่นทุกวัน

 

 

          เมื่อเห็นลูกสะใภ้กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว หญิงชราผู้ซึ่งเป็นแม่สามีก็เอ่ยถามว่า

 

 

          “เป่าเม่ยเป็นยังไงบ้าง? ”

 

 

           “เหมือนเดิมค่ะแม่ แต่พรุ่งนี้จะมีอาจารย์หมอมาตรวจดูอาการเธอค่ะ! ” หวังลี่เจินตอบด้วยแววตาแห่งความหวัง

 

 

          “โอ! ครั้งนี้ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเธอด้วยเถิด! เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปวัดเพื่อสวดมนต์ขอพรให้เป่าเม่ยฟื้นไว ๆ ”

 

 

           “หนูก็หวังที่จะให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน พรุ่งนี้วันหยุดหนูจะรีบไปรอพบอาจารย์หมอแต่เช้า”

 

 

——-

 

 

           เช้าวันรุ่งขึ้นมารดาของเธอก็ไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้า หลังจากป้อนอาหารสามีเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้กำลังนั่งรอคุณหมออย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างเตียงของบุตรสาว

 

 

            ต่อมาไม่นานคุณหมอเจ้าของไข้ก็เดินเข้ามาพร้อมกับชายชราท่านหนึ่งที่ใส่ชุดกาวน์และมีหูฟังประจำตัวพาดอยู่ที่บริเวณลำคอ

 

 

            “สวัสดีครับคุณหวังลี่เจิน วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ! ” คุณหมอเจ้าของไข้ทักทาย

 

 

            “สวัสดีค่ะคุณหมอ เออ..คือวันนี้วันหยุดก็เลยมารอพบอาจารย์หมอค่ะ”

 

 

            “คุยเพลินจนลืมแนะนำ นี่คือคุณหมอโจวตงซุน เป็นอาจารย์หมอเฉพาะทางด้านเส้นประสาทและสมองครับ”

 

 

             “สวัสดีค่ะคุณหมอโจว ช่วยลูกสาวดิฉันด้วยนะคะ เธอนอนแบบนี้มาร่วมเดือนแล้วค่ะ! ดิฉันเห็นแล้วใจคอไม่ดีเลย”

 

 

              จากนั้นคุณหมอได้ขอให้มารดาของเด็กสาวออกไปรอด้านนอก เพื่อจะได้ตรวจดูอาการได้อย่างสะดวก

 

 

              เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจ คุณหมอเจ้าของไข้ก็เห็นว่าอาจารย์หมอกำลังยืนหลับตาราวกับว่ากำลังนึกทบทวนอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารบกวน หลังจากผ่านไปสักครู่เขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า

 

 

              “ภายในวันนี้เธอจะต้องฟื้นอย่างแน่นอน ผมรับรอง”

 

 

               “… …”

 

 

              รู้ได้ยังไง? อันนี้คือการแพทย์แผนไหน?

 

 

              อาจารย์หมอก็ได้กล่าวอีกว่า

 

 

             “ถ้าฟื้นแล้วความทรงจำบางช่วงของเธออาจจะขาดหายไป...แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะอีกไม่นานเธอก็จะปรับตัวได้...เอ๊ย...ไม่ใช่...ความทรงจำของเธอจะค่อย ๆ ฟื้นคืนมา”

 

 

             “จริงเหรอครับอาจารย์ ผมไม่เห็นอาจารย์รักษาเลย แล้วเธอจะฟื้นได้ยังไงครับ”

 

 

             “เรื่องมันยาว...เอาไว้วันไหนมีเวลาว่างแล้วผมจะเล่าให้ฟัง…”

 

 

              เมื่อเดินออกมาด้านนอก คุณหมอก็แจ้งให้มารดาของเด็กสาวทราบว่า อีกไม่นานเธอก็จะฟื้น และด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่เธอกล่าวคำขอบคุณนายแพทย์ท่านนั้นแล้ว เธอก็รีบออกไปหน้าโรงพยาบาลเพื่อซื้อโจ๊กสำหรับบุตรสาวที่กำลังจะฟื้นขึ้นมาในไม่ช้า

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน


989 วันที่แล้ว

หมอมันน่าสงสัย หรือมันคือนักต้มตุ๋นวะ


  แสดงความคิดเห็น