ตอนที่ 47 การตอบโต้ที่สง่างาม การทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว 2
ตอนที่พูดจบใบหน้าชายคนนั้นดูท่าจะเหนื่อยใจ เขาเดินขึ้นไปนั่งบนชั้นสี่ ที่นั่งข้างเขาว่างเปล่าเนื่องจากไม่มีใครมา ลูจิ่วเชวียเห็นที่นั่งของชายคนนั้นก็รู้สึกแปลกใจ ไม่น่าแปลกที่ฉินหยิงจะวางแผนดึงดูดความสนใจเขา นางรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีสถานะที่โดดเด่น
ชานชาลาฝ่ายตรงข้ามถูกแบ่งออกเป็นห้าชั้น ชั้นแรกเป็นของนิกายที่ต่ำกว่าระดับสาม ชั้นที่สองเป็นของนิกายขั้นที่สาม ชั้นที่สามเป็นของนิกายระดับที่สอง ชั้นที่เป็นนิกายชั้นหนึ่ง
นิกายชั้นหนึ่งเป็นนิกายใหญ่ที่ปกครองทวีป มีไว้สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับนิกายชั้นหนึ่งแล้ว นิกายระดับสองอย่างนิกายเทียนหยานถือว่าเป็นนิกายสวะ ถูกนิกายชั้นหนึ่งกระทืบไม่กี่ครั้งก็จมลงแล้ว
นิกายที่อยู่ในสถานที่ใกล้นิกายชั้นที่หนึ่ง ผู้นำนิกายต้องประจบนิกายชั้นหนึ่งเพื่อความอยู่รอดดูเหมือนในพื้นที่แห่งนี้นิกายต่างๆ มีแต่ชื่อเสียงเท่านั้น อำนาจในการตัดสินจริงๆอยู่ที่นิกายชั้นหนึ่ง
ชายคนนี้คือคนที่เป็นใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้ เขาคือตัวแทนจากนิกายจิตวิญญาณการต่อสู้ ฉินหยิงเห็นว่าชายคนนี้ไม่ได้พูดจาชมเชยลู่จิ่วเชวียเหมือนนาง ในใจของนางรู้สึกลิงโลด นางเช็ดรอยเลทอดที่อยู่ตรงมุมปาก สายตาของนางจ้องมองมาอย่างมุ่งร้ายอาฆาต "ลู่จิ่วเชวียเรื่องมันยังไม่จบแค่นี้"
ไม่จบแค่นี้?
ลู่จิ่วเชวียยิ้มอย่างไร้ปราณี แน่นอนใครมันจะไปยอมให้เรื่องจบแค่นี้ ถ้ามันจบลงแค่นี้ มันไม่ง่ายเกินไปเหรอข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวัง ทั้งเรื่องเดิมทั้งเรื่องใหม่ รวมถึงที่นางตบหน้าเย่ฮุ่ย ลู่จิ่วเชวียจะปล่อยนางไปง่ายๆได้ยังไงกัน?
ตอนนั้นเองก็มีคนมาดึงแขนเสื้อของล่จิ่วเชวีย "ลู่จิ่วเชวีย ท่านซู่เป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้เจ้าอย่าต่อปากต่อคำกับเขาอีกละ หากเจ้ายังอยากที่จะมีชีวิตอยู่?"
ลู่จิ่วเชวียมองใบหน้าที่บวมเหมือนหมูของเย่ฮุ่ย นางตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด " ตอนแรกไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ดูเจ้าที่ตอนนี้หน้าเขียวสิ เจ้าจะแก้แค้นยังไง หากเจ้าคิดจะช่วยใครเจ้าต้องฝึกฝนอีกสักสองสามปี"
เย่ฮุ่ยที่ใบหน้าบวมเหมือนหัวหมูก็กัดฟันพูด "เจ้าอย่าคิดแบบนั้นข้าแค่หวังดีเตือนเจ้า ทำแบบนี้เจ้าจะไม่มีเพื่อนไปตลอดชีวิตนะ"
ลู่จิ่วเชวียไม่สนใจว่านางจะมีเพื่อนหรือไม่ นางมีประสบการณ์ในชีวิตก่อนนางไม่หวังที่จะมีเพื่อนอีกแล้ว มีแต่คนมากมายที่หวังผลประโยชน์และหลอกลวง สุดท้ายพวกเขาก็เห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับแรก จะมีสักกี่คนที่จริงใจกัน?
ตอนนี้เขาเห็นท่าทางของลู่จิ่วเชวียดูเหมือนไม่สนใจอะไร เย่ฮุ่ยที่หัวบวมเหมือนหมูก็รู้สึกโกรธ ใบหน้าของเขาง้อด้วยความโกรธไม่สนใจลู่จิ่วเชวียอีกต่อไป ชายคนนั้นมองไปที่ว่างถัดไปแล้วกระซิบ "ทำไมเขาคนนั้นยังไม่มาอีก?"
คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็กระซิบอย่างระมัดระวัง "ท่านซู่ ท่านก็รู้ว่าท่านไป๊ไปไหนมาไหนไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว"
ซู่เหล่งหยางโบกมือแล้วพูดออกมาว่า "ลืมไปเถอะ พวกเราไม่อยากจะรอนาน พวกเรามาเริ่มตอนนี้กันเถอะ"
"ได้ขอรับ"
ชายคนนั้นออกคำสั่งแล้วเดินไปข้างหน้า สายตาของเขามองไปรอบๆด้วยท่าทางที่น่ายำเกรง เขาไม่ได้พูดอะไรเดินเข้าไปในสถานที่ทดสอบการเข้านิกายในทันที
มันเป็นการกดดันจากผู้ที่แข็งแกร่ง ทำให้ทุกคนต้องสูดอากาศหายใจออกมาด้วยความอึดอัด และในใจรู้สึกกลัว
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามทดสอบเข้านิกาย พวกเจ้าต่างเป็นลูกหลานขุนนางในอาณาจักรต่างๆ ที่ได้รับการคัดเลือก ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระต่อไป ตอนนี้พวกเจ้าต้องมาทดสอบเข้านิกาย และกลายเป็นศิษย์ของนิกาย พวกเจ้าต้องใช้ความแข็งแกร่งของพวกเจ้าตัดสิน"