px

เรื่อง : Chronicles of Primordial Wars
ตอนที่ 62 : กลับบ้าน


ชนเผ่าตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตามปกติ ตอนแรกมันก็เงียบหรอก แต่หลังจากนั้นก็มีเสียงค่อยๆ ดังขึ้น มองเห็นแต่ความสงบร่มเย็น

ยีอ้าปากหาวในขณะที่เขาเดินออกมาจากประตูบ้าน มันเป็นอีกหนึ่งวันที่น่าเบื่อ และเขาวางแผนที่จะไปที่ริมแม่น้ำเพื่อตรวจสอบเด็กๆที่ตกปลา

เขายืดร่างกายของเขาในขณะที่เดิน แต่ในทันทีที่เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างและมองไปตามทิศทางของเสียง

มันมาจากผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์

และถ้าเจ้านับเวลา เจ้าจะรู้ว่ามันเกี่ยวกับเวลาสำหรับทีมล่าสัตว์ที่จะกลับมา วันนี้ทีมล่าสัตว์ทีมอื่นกำลังเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง

เมื่อ ยีมองตรงไปยังกลุ่มผู้คนเหล่านั้น และพบว่าบนเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ มีสองนักรบกำลังวิ่งขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับแบกชายคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บหมดสติและนักรบทั้งสองที่กำลังแบกพวกเขากังวลมาก

มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัส? มันรุนแรงขนาดที่ว่าเขาจะตายได้ทุกนาที?

ผู้ชายที่แบกไปด้านบนไม่ได้เป็นเด็ก แต่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งยีรู้สึกโล่งใจนิดหน่อย ในช่วงวันที่ทีมล่าสัตว์ควรจะกลับมา ชายชราเค่อจะอยู่ในสภาพวิตกกังวลเกือบบ่อยครั้ง เขาไม่ได้นอนหลับลึกเป็นเวลานาน, และแม้กระทั่งเมื่อชายชราเค่อสวมใบหน้าที่นิ่งเฉย คนอื่น ๆ สามารถบอกได้ว่าการแสดงออกของชายชราเค่อไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่ดีนัก

“ดี ที่มันไม่ได้เลวร้าย?” ยีปรายสายตามองไปเล็กน้อย

เนื่องจากคนส่งนักรบที่ได้รับบาดเจ็บไปยังเผ่า บางทีทีมหลักจะกลับมาช่วงบ่ายหรือวันพรุ่งนี้

แต่เดิม ยีวางแผนที่จะแวะไปที่บ้านของชายชราเค่อและบอกข่าวกับเขา แต่ในความคิดที่สอง ยีตัดสินใจที่จะรอต่อไปอีกหน่อย เพื่อดูว่ามีนักรบคนใดได้รับบาดเจ็บอีกหรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน มีหลายคนที่คิดเหมือนยี ดังนั้นผู้ที่ไม่มีอะไรต้องทำก็แค่รอตามเส้นทางแห่งความรุ่งเรืองในวันนี้

ไม่นานหลังจากนั้น ยีและอื่น ๆในเขตตีนภูเขาได้ยินเสียงดังและเสียงมาจากยอดเขา!

พวกเขาทั้งหมดเงยหน้าขึ้นเพียงเพื่อจะพบว่ามีคนไม่กี่คนรีบวิ่งลงมาจากยอดเขาไปตามเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ ที่แปลกใจก็คือหนึ่งในพวกเขาเป็นหมอผี!

ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อทีมล่าสัตว์กลับมา หมอผีจะรอในตอนท้ายของเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านบน เพื่อต้อนรับพวกเขากลับมา แต่ตอนนี้หมอผีารีบร้อนลงมา สองนักรบประคองหมอผีทั้งสองข้าง หวาดกลัวเล็กน้อยว่าเขาอาจจะเดินสะดุดหรืออะไรสักอย่าง มันดูเหมือนว่าถ้าหมอไม่ชราเช่นนี้ เขาจะต้องวิ่งลงมาเหมือนลมกระโชกแรง

เมื่อหมอผีผ่านฝูงชนไปตามเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ ยีและคนอื่น ๆ สามารถมองเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของหมอผีอย่างชัดเจน เขามักจะสงบและใจเย็นเสมอ แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างเป็นกังวล ดูเหมือนว่าเขากำลังจะร้องไห้

เกิดห่านรกอะไรขึ้นวะเนี่ย ?!

ทุกคนที่เห็นฉากนี้เกิดคำถามเช่นเดียวกัน ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอะไร มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ หรือมิฉะนั้นหมอผีจะไม่มีท่าทางแบบนี้

ความคิดเกี่ยวกับบางสิ่งที่ร้ายแรงกำลังเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว ทุกคนเริ่มเป็นกังวล

ยีรีบตรงไปที่บ้านตาแก่เค่อ

ทุกข์ทรมานจากการนอนไม่หลับรุนแรง ชายชราเค่อมีถุงใต้ตาปรากฎให้เห็น ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขากำลังนั่งอยู่ในห้องตามปกติ ตั้งแต่ในช่วงเช้าทำงานหัตถกรรมหินบางอย่าง แต่ที่แตกต่างก็คือ เขามีสภาพจิตใจที่เหม่อลอย ในความเป็นจริง เขารู้อยู่ในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะทำงานได้ในสภาพเช่นนี้ แต่เขาอยากให้ตัวเองยุ่ง หรือมิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไม่ไปรอตามเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์หรือรออยู่ด้านนอกเผ่า

ร้อนรนใจแล้วอย่างไรก็ทำได้เพียงแค่รอ!

ซีซาร์กำลังนอนอยู่ข้างเขาแทบไม่มีจิตวิญญาณเช่นกัน ขนของมันได้กลายเป็นมืดทึม มันนอนอยู่ด้านข้างพร้อมกับกระดูกในปากของมัน เมื่อมันเบื่อ มันจะเคี้ยวกระดูกอย่างเฉื่อยชา

แต่ในทันทีที่ซีซาร์กระดิกหู และลุกขึ้นยืน พร้อมกับดวงตาของมันมองตรงไปที่หน้าต่าง

“ตาแก่เค่อ!”

เสียงของยีดังมาจากหน้าต่าง และมันก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

ชายชราเค่อตะลึง ขณะที่เขากำลังขัดชิ้นส่วนเครื่องมือหิน โดยไม่รู้ตัว เขากดลงบนหินที่กำลังขัด และมันก็หักกลายเป็นสองท่อน

ช่วงเวลาต่อมา ยีเดินเข้ามาทางหน้าต่าง รู้ดีว่าชายชราเค่อไม่มีเวลาหรือกระจิจกระใจที่จะทำกับดักบนหน้าต่าง ยีกล้ามากและเขาก็ไม่ได้เป็นคนขี้อายเมื่อเข้ามาจากทางหน้าต่างเช่นที่เขาเคยทำ

"เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น?" ชายชราเค่อเริ่มต้นการสนทนาในครั้งนี้

“ข้าก็ไม่รู้ แต่บางสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างใหญ่!” ยีบอกชายชราเค่อถึงสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นก่อนหน้านี้

แม้เขาจะมีประสบการณ์มากมายในการล่าสัตว์ ชายชราเค่อก็ไม่สามารถคิดได้ว่าทำไมหมอผีถึงแสดงท่าทางเช่นนั้น เขาไม่มีใจที่จะทำงานอีกต่อไป ดังนั้นเขารีบคว้าไม้เท้าและออกจากบ้าน บางทีซีซาร์ยังรู้สึกว่าบางทีทีมล่าสัตว์กำลังจะกลับมา มันไม่อยู่ในบ้านแต่เดินออกไปพร้อมกับชายชราเค่อ

เมื่อชายชราเค่อและยีมาถึงเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ เกือบทุกคนในเขตตีนเขาก็มารวมตัวไปตามเส้นทาง ว่ากันว่าผู้คนจำนวนมากได้ไปที่บริเวณรอบนอกเผ่า และมีผู้คนอยู่บนเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ตามไหล่เขาและยอดเขาการกระทำของหมอผีก่อนหน้านี้ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สงบ แต่พวกเขาคิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น

อย่างรวดเร็ว มีบางคนที่กลับมาและหมอผีก็ยังคงเดินนำหน้า สิ่งที่แตกต่างกันตอนนี้ก็คือก่อนหน้านี้ การแสดงออกทางสีหน้าหมอผีแสดงให้เห็นเพียงความวิตกกังวล แต่ตอนนี้เขากำลังหลั่งน้ำตา

หมอผีเดินลงไปตามทางและยืนอยู่ที่ปลายสุดของเส้นทางมองตรงไปที่เขตรอบนอกและรอการกลับมาของทีมล่าสัตว์

ชายที่ออกไปข้างนอกเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์กลับมาแล้วเช่นกัน เช่นเดียวกับหมอผี ดวงตาของเขาแดงก่ำจากความตื่นเต้น เมื่อกลับมา เขากระซิบอะไรบางอย่างกับคนอื่น ๆ เป็นเวลาสั้น ๆ

"อะไรนะ?!" บรรพบุรุษ ?!” คนที่ควบคุมตัวเองได้ไม่ดีนักแผดเสียงดังออกมาด้วยความตกตะลึง

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค เขาถูกชกลงไปที่พื้นโดยคนอื่น ๆ

"เงียบ!!"

เนื่องจากพวกเขาได้รู้ว่าทำไมหมอผีถึงตื่นเต้นมาก ความไม่สงบของฝูงชนก็ลดลง ความตื่นเต้นของพวกเขาเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

เช่นเดียวกับเมยและคนอื่น ๆ ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อข่าว คนในเผ่าตกตะลึงเมื่อได้ยินข่าว โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้ยินมาว่าทีมล่าสัตว์ได้เดินทางมาถึง พวกเขาถึงฟื้นจากความงุนงง

ทีมล่าสัตว์มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะมีนักรบน้อยกว่าสองร้อยคนก็ตาม แต่กับเกมทั้งหมด มันดูงดงามมาก

แต่ ในเวลานี้ ไม่มีใครในเผ่าที่จะสนใจไปที่เกม แต่พวกเขากำลังจ้องมองไปที่แคร่ไม้ตรงด้านหน้า

เมื่อพวกเขากลับไปเผ่า, เมยและคนอื่น ๆ ได้ลดแคร่ลง เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นบรรพบุรุษทั้ง 4 ที่คุกเข่าลงได้อย่างชัดเจน

ในทางทฤษฎีแล้ว ตั้งแต่ฉาวซวนเป็นเพียงผู้เดียวที่พบบรรพบุรุษทั้ง 4 เขาควรจะเป็นคนหนึ่งที่ยกแคร่และอาบชื่อเสียงเกียรติยศลงบนตัวเขา แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงเด็ก และมันจำเป็นต้องใช้นักรบที่มีความสูงและแข็งแรงเป็นผู้ยก พูดได้เอิ่ม...ค่อนข้างแบบว่า ฉาวซวนเป็น ... ตัวเตี้ยเกินไป สำหรับตอนนี้

นักรบในกลุ่มล่าสัตว์รู้สึกเสียใจกับฉาวซวน แต่ในความเป็นจริง ฉาวซวนไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การยกแคร่ ผู้ยกทุกคนจำเป็นต้องดูทิศทาง เพราะไม่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน พวกเขาจำเป็นต้องแน่ใจว่าบรรพบุรุษทั้งสี่ได้คุกเข่าไปทางทิศที่เผ่าตั้งอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อพวกเขากำลังเดินอยู่กับบรรพบุรุษบนแคร่ บางครั้งพวกเขาจะต้องเปลี่ยนมุม ในขณะที่บางครั้งพวกเขาจะต้องเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้น พวกเขาทุกคนจึงดูเหมือนเป็นเพียงแค่คนโง่

“เรายินดีต้อนรับบรรพบุรุษกลับมาด้วยความเคารพทั้งหมด!” หมอผีตะโกนออกมาพร้อมกับยืดแขนขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากตะโกน เขาได้แสดงความยินดีตามหลักปฎิบัติและความเคารพอย่างสุดซึ้งที่มีต่อบรรพบุรุษ

คนอื่น ๆ ทั้งหมดในเผ่าคุกเข่าลงจากความตื่นเต้น

ฉาวซวนก็แทบจะไม่สามารถลากเกมได้ และฟันของเขาปวดร้าวจากการฟังเสียงของหัวเข่ากระแทกลงบนพื้นดิน

หลังจากแสดงความเคารพ หมอผีลุกขึ้นยืนและระมัดระวังอยู่ข้างแคร่ไม้ เขาเป็นหมอผีของชนเผ่า และแน่นอนว่ามันเป็นเกียรติ และเป็นหน้าที่ของเขาที่จะปกป้องบรรพบุรุษเมื่อพวกเขากลับมาบ้าน

หมอผีเดินไปพร้อมกับแคร่ไม้ขึ้นไปบนภูเขา แต่คนอื่น ๆ ยังคงคุกเข่า เฉพาะเมื่อแคร่ไม้ผ่านพวกเขา พวกเขามีโอกาสที่จะยกหัวและมองไปที่ทีมล่าสัตว์ที่เดินอยู่ข้างหลัง

ทีมล่าสัตว์เดินทางเป็นระยะทางประมาณสิบเมตรพร้อมกับแคร่ไม้ ตามปกติ นักรบทั้งหมดที่กลับมาจะแสดงการเก็บเกี่ยวของเกมที่ล่ามาได้ เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา กลุ่มล่าสัตว์ของเมยมีเกมน้อยมาก แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นคนที่พบบรรพบุรุษ พวกเขาจึงเป็นวีรบุรุษระหว่างภารกิจล่าสัตว์ครั้งนี้ในใจของทุกคนในเผ่า

ฉาวซวนล่าเกมเป็นจำนวนมาก เขาแบกมันมากที่สุดบนหลังของเขา แต่ยังมีเชือกในมือของเขา ส่วนปลายของเชือกถูกผูกติดอยู่กับหนามพายุทมิฬ

ฉาวซวนไม่ได้มีความแข็งแรงพอยังคงเป็นเด็ก ดังนั้นเหมาและนักรบคนอื่น ๆ บางคนได้ช่วยเขา

"ว้าว! นั่นคือ ...” ผู้คนที่อยู่ด้านข้างเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์มองไปที่เกมของเขา

มันมีหนามสีดำที่ดูน่าหวาดกลัวและเกล็ดที่เหมือนเกราะหนา แม้ตายแล้วแต่มันก็ยังคงเหมือนปีศาจ

มันเป็นหนามพายุทมิฬ!

และตอนนี้พวกเขามีถึงสามตัว!

โอ้... ให้ตายเถอะ มันไม่น่าเชื่อมากก !! อะไรคือสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากขึ้น ก็คือมีเด็กสองคนลากหนามพายุทมิฬที่ด้านหน้า!

แต่ ด้วยความตกใจที่พวกเขาได้เห็นบรรพบุรุษ คราวนี้พวกเขาไม่ค่อยตกใจในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาบอกว่าเป็นกลุ่มล่าสัตว์ของเมยที่พบบรรพบุรุษและพวกเขาไม่มีรายละเอียดอื่นๆ

เหมาละอายใจเล็กน้อย อย่าลืมว่า เขาไม่ได้มีส่วนมากในการจัดการล้มหนามพายุทมิฬ ก่อนภารกิจล่าสัตว์นี้ เขาอยากจะให้ฉาวซวนยอมเป็นผู้ตามให้กับเขา แต่ ไม่คาดคิดว่า เขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่งเมื่อต้องเผชิญการต่อสู้ที่แท้จริง

ฉาวซวนมองไปรอบ ๆ และเห็นชายชราเค่อและยีที่กำลังยืนอยู่นอกวงล้อมของฝูงชน ซีซาร์ยังกระดิกหางของมันอย่างบ้าคลั่งด้วยความสุข ฉาวซวนยิ้มไปตรงที่ๆพวกเขายืนอยู่ แต่ลึก ๆ เขาคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะบอกชายชราเค่อถึงเขี้ยวกระบี่ในเวลาต่อมา ...

รีวิวผู้อ่าน