px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 5 หากข้ารักษาเจ้าไม่ได้ งั้นข้าก็จะตายไปกับเจ้าด้วย


ตอนที่ 5 – หากข้ารักษาเจ้าไม่ได้ งั้นข้าก็จะตายไปกับเจ้าด้วย

 

-------------------------

การได้รับเหรียญตรามังกรจากผู้ที่เป็นดั่งกฎแห่งอาณาจักหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ?

 

มันหมายความว่าเจี้ยงเฉินสามารถเข้าออกพระราชวังค์ได้ตลอดเวลา

 

ถ้าหากเจ้าหนูนี่สามารถรักษาองค์หญิงได้จริงๆ เจ้าหนุ่มนี่ก็จะกลายเป็นที่โปรดปราณขององค์ราชา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วใครจะไม่เคารพเขาหละ?

 

เจี้ยงเฉินนั้นคุกเข่ารับเหรียญมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เขาไม่ได้มีความคิดดั่งที่ขุนนางคนอื่นๆ คิด!

 

อันที่จริงแล้วนั้นฐานะของเขาเมื่อชาติที่แล้วแทบจะไม่ต้องคุกเข่าให้กับใคร

 

เขาไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องคุกเข่าให้กับราชา

 

หลังจากเขารับมา เขาก็ทุบอกของตนเองพร้อมกับประกาศก้อง "องค์ราชา ข้าไม่ได้คิดจะคุยโวโอ้อวดหรืออย่างไร ข้าเพียงอยากกล่าวมันออกมาเท่านั้น ถ้าหากว่าองค์หญิงเป็นอะไรไป นั่นก็หมายความว่าข้าไร้ความสามารถ ข้าจะยอมตายไปกับเธอเช่นกัน!!"

 

ช่างเป็นคำกล่าวที่สวยหรูและตรงไปตรงมา ไม่มีคำกล่าวไหนตรงไปกว่านี้อีกแล้ว

 

ไม่สามารถรักษาเธอได้? ก็จะตายไปกับเธอ!!!

 

มันถึงกับให้คำสัตย์ด้วยชีวิตของตนเองกับหนึ่งในคนของราชวงค์!!!

 

ใต้ผืนฟ้าแห่งนี้คงไม่มีขุนนางคนใดมีจิตวิญญาณแห่งความซื่อสัตย์มากขนาดนี้แน่นอน!!

 

แม้แต่เจี้ยงเฉินยังหลงในสเน่ห์ของคำกล่าวตัวเอง

 

คำกล่าวเหล่านั้นได้เข้าสู่จิตใจของคนอื่นๆ และเอาชนะใจพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

เหล่าขุนนางที่มาพร้อมกับราชาหลู่ ก็ตกใจเช่นกันใครจะคาดคิดว่าผู้สืบทอดของเจี้ยงฮานจะมีจิตวิญญาณมากถึงขนาดนี้ บิดากับบุตรช่างเหมือนกันนัก

 

พ่อเสือ ไม่มีทางให้กำเนิดลูกสุนัข!!!!

 

แม้แต่ขุนนางที่อยู่ข้างเดียวกันกับขุนนางแห่งเทียนจิวยังรู้สึกเช่นกัน หากเปลี่ยนพวกเขาไปอยู่ในตำแหน่งนั้น พวกเขาไม่มีทางเข้มแข็งแบบนั้นได้แน่!!

 

เจี้ยงเฉินยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขากล่าวต่ออย่างมั่นคง "องค์ราชา เหล่าทวยเทพได้แนะนำมาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ อย่าให้แพร่งพรายออกไปแม้ซักครึ่งคำ เพราะหนึ่งมันอาจจะทำให้เหล่าทวยเทพต้องเสื่อมเสียเกียรติ สองเพื่อรักษาชื่อเสียงขององค์ราชาเอง!!"

 

หากสิ่งเหล่านี้รั่วไหลออกไป เหตุการณ์ตลกขบขันวันนี้ต้องนำความเสียหายมาสู่องค์ราชาแน่นอน นอกจากนี้การที่ยืนมองขุนนางของตนเองตบหน้าตัวเองแถมยังมีพยานตั้งหลายคน มันยังดูไม่ดีอีกด้วย

 

และแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหลบเลี่ยงต้องเสื่อมเสียเกียรติของเหล่าทวยเทพ หากมีใครรู้เข้าหละก็อาจจะทำให้เหล่าเทพพิโรธได้ และคนที่รับกรรมก็คงหนีไม่พ้นตงฟางจื่อยั่วอย่างแน่นอน!!!

 

ตงฟางหลู่ออกคำสั่งโดยไม่ลังเลใดๆ "ห้ามกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้หลังจากออกปแล้วเด็ดขาด ใครก็ตามที่ทำ เท่ากับว่ามันผู้นั้นท้าทายตระกูลตงฟาง!!!"

 

โชคดีที่คนที่อยู่ตรงนี้มีไม่มากเท่าไหร่ นอกจากคนที่อยู่กับขุนนางแห่งหาร ก็มีเพียงคนที่ราชาพามาเพียง 6-7 คนเท่านั้น

 

พวกเขาต่างเป็นคนที่มีเล่เหลี่ยมทางการเมืองมาเยอะและพวกเขาก็เข้าใจดีว่า องค์ราชานั้นจริงจังแค่ไหน หากวันนี้มีอะไรเล็ดรอดออกไปหละก็ พวกเขาทั้งหมดต้องกลายเป็นผีแน่นอน

 

ไม่ต้องคิดไปถึงว่าวันนี้พวกเขาต่างกระทำการขัดใจองค์ราชาตั้งหลายครั้ง ชื่อเสียงของพวกเขาต่อองค์ราชานั้นตดต่ำลงไปมาก หากข่าวลือแพร่งพรายออกไปหละก็ ไม่อยากจะคิด

 

เจี้ยงเฉินสามารถขู่เหล่าขุนนางโง่เง่าเหล่านี้ได้ด้วยชื่อของเหล่าเทพ ราวกับหมาป่าที่ยืมความดุร้ายมาจากพยัคฆ์

 

สิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การไม่เป็นจุดสนใจของผู้คน!!

 

เขาไม่ต้องการให้เหล่าผู้คนของอาณาจักรมองเขาเหมือนตัวประหลาด หากสิ่งเหล่านี้เล็ดรอดออกไป

 

ตงฟางหลู่จับมือของเขาพร้อมกับกล่าวเบาๆ "ขุนนางแห่งเจี้ยงหาน ความภัคดีของเจ้า และความจงรักภักดีของบุตรชายเจ้าประทับใจข้าจริงๆ"

 

เจี้ยงเฟิงทำเพียงแสร้งยิ้ม บุตรชายของเขาช่างกล้าหาญจริงๆ และยังโชคดีที่สามารถควบคุมสถานการณ์เหล่านี้ได้อย่างสวยงาม หากเขากล่าวอะไรออกไปหละก็ อาจจะสร้างปัญหาอย่างไม่มีสิ้นสุดก็ได้ เขาจึงทำเพียงคิดอยู่ในใจเท่านั้น

 

"โอ้ เจ้าลูกยาก เจ้าทำให้มันสนุกขึ้นจริงๆ แถมยังทำได้ดีอีกด้วย แต่ว่ายังไงเจ้าก็เป็นบุตรของข้า หากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหละก็ ข้าจะรับแทนเจ้าเองต่อห้มันเลวร้ายมากแค่ไหนก็ตาม"

 

ตอนนี้จิตใจของเจี้ยงเฟิงสงบลงอย่างมากหลังจากที่ขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดการพูดคุย

 

พวกเขากล่าวกันว่า คนที่เคยเจ็บป่วยกับโรคนั้นมาก่อน จะกลายเป็นผู้ที่รู้วิธีการรักษามันมากที่สุด เจี้ยงเฉินเมื่อชาติที่แล้ว ได้รับความเจ็บปวดจากร่างหยินตั้งแต่เกิด จึงได้ศึกษามันอย่างดี

 

แน่นอนว่าสถานการณ์ของเขาตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอมยาตะวันจันทราเหมือนดั่งบิดาเมื่อชาติที่แล้วของเขาแน่นอน แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!!

 

โอสถตะวันจันทราคือยาที่ทำให้เราสามารถฝืนกฎแห่งธรรมชาติ ช่วยทำให้ผู้ใช้มีอายุยืนยาวมากขึ้น !!!

 

แม้แต่จักพรรดิสวรรค์ยังต้องสูญเสียพลังวิญญาณและยังสถะชีวิตอีกหลายปีเพื่อสร้างมันขึ้นมาหนึ่งอัน

 

นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงว่าใช้ส่วนประสมอะไรในการหลอมยาตะวันจันทรา หรือต่อให้พวกเขามีปัญญาหาส่วนผสมดีๆ ได้มากมาย แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ใช้ส่วนผสมไปขนาดไหนในการสร้างยาตะวันจันทรานี้!!!

 

เพราะงั้นยาตะวันจันทราจึงไม่ใช่คำตอบ แต่มันมียาชนิดนึงที่ทำลอกเลียนแบบยาตะวันจันทรา แม้ว่ามันจะมีผลเพียง 1 ใน 1000 ของยาตะวันจันทรา มันก็เพียงพอให้อยู่ไปได้เป็นร้อยปี!!

 

อย่าลืมซิ ชาติก่อนของเขาที่ได้กินยาตะวันจันทรา จึงมีชีวิตอยู่มาเป็นล้านปี เขาแทบจะเป็นอมตะหากไม่เกิดสงครามขึ้นซะก่อน!!

 

แต่สถานการณ์ของตงฟางจื่อยั่วนั้น เธอไม่อาจจะอยู่ได้ถึงล้านปี ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์กลับมาจากความตายก็ตาม

 

แต่หากช่วยให้เธออยู่ได้อีกร้อยปีนั้น....เขาสามารถทำได้ แถมมีตั้งหลายวิธีอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามเจี้ยงเฉินไม่คิดจะทำให้มันเสร็จโดยเร็ว หากเขารีบแก้ปัญหาให้กับตงฟางจื่อยั่วโดยที่แทบไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆ ตงฟางหลู่ก็จะรู้สึกขอบคุณเขาไม่มากเท่าไหร่

 

หัวใจและความคิดขององค์ราชานั้นเปลี่ยนได้ หากอยู่ร่วมกันอย่างสงบเป็นเวลานาน ไม่มีทางเปลี่ยนได้ในเวลาแค่เพียงช่วงเดียว

 

เจี้ยงเฉินนั้นต้องการเวลาที่เพียงพอ ซึ่งนั่นจะทำให้เขาไม่ต้องกังวลเมื่อจะเข้าครอบครองอาณาจักรแห่งนี้

 

เช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไปอย่างช้าๆ และมั่นคง อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องการเพียงอย่างเดียวก็คือการยืดอายุขององหญิงเท่านั้น

 

เพียงเท่านี้เขาก็สามารถซื้อเวลาได้แล้ว แถมเขายังได้รับการคุ้มครองอย่างดีอีกด้วย

 

ใครก็ตามที่คิดจะสร้างปัญหาให้กับหมอส่วนตัวขององค์หญิงนั่นก็เท่ากับหาเรื่องกับองค์ราชา

 

เจี้ยงเฉินนั้นได้กล่าวคำพูดสวยหรูกับเหล่าผู้มาเยือน เพื่อให้พวกเขาตกลงให้เริ่มการรักษาในเวลาสามวัน จึงทำให้พวกเขายอมกลับไปได้

 

หลังจากนั้น เจ้าอ้วนซวนรีบพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าเศร้าหมองทันที "พี่เฉิน พี่ใจร้ายมาก พี่ควรจะแอบบอกใบ้พวกเราบ้างนะว่าทั้งหมดนี่คือเรื่องหลอกหน่ะ พี่ไม่รู้เหรอว่าหนังสือโป๊เล่มนั้นมันสำคัญกับข้าขนาดไหน แล้วตอนนี้มันลงไปอยู่ในกองเพลิงแล้ว พี่ไม่รู้หรอกว่าหลายคืนที่ผ่านมาข้ารู้สึกเศร้ามากแค่ไหน!!"

 

"แถมตั๋วเงินตั้งหมื่นเหรียญเงินนั่น...นั่นมันไม่ใช่ของปลอมนะ.."

 

"เจ้าอ้วนบัดซบ เจ้ากล้ากล่าวว่าตั๋วนั้นไม่ใช่ของปลอม?" เจี้ยงเฉินมองไปยังเจ้าอ้วนไร้ศิลธรรมด้วยรอยยิ้มขึ้เล่น

 

เจ้าอ้วนหัวเราะพลางเกาหัวตนเอง "ก็ไม่เชิง นั่นคือสิ้นค้าของหอนวนรกานต์ของแท้เลยนะ ข้าใช้เหรียญเงินไปถึงห้าเหรียญแหนะ"

 

หอนวนรกานต์คือร้านค้าที่มีชื่อในเรื่องของการทำตั๋วเงินเพื่อเผาให้กับคนตาย

 

ใบหน้าของเจ้าอ้วยชะดูจ๋อยเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงเหรียญเงินห้าเหรียญ

 

เจ้าอ้วนเป็นคนที่ขี้เหนียวมาก ถ้าจะให้มันเอาเงินออกจากกระเป๋าหละก็ เหมือนให้มันกรีดตัวเองจนเลือดไหลออกมานั่นแหละ

 

"พี่เฉิน เรื่องเงินหมื่นเหรียญเงินว่ากันทีหลังก็ได้ แต่หนังสือโป๊เล่มนั้น มันเป็นเล่มสุดท้ายเลยนะ......."

 

"ว่ากันทีหลัง? ข้ายังไม่ลืมสภาพก่อนที่เจ้ายืมเงินข้าหรอกนะ เจ้าอ้วนบัดซบ เมื่อไหร่เจ้าจะคืนเงินที่ยืมข้าไปคืนมา?" เจี้ยงเฉินกล่าวติดตลกกับเจ้าอ้วนซวน

 

"เอ่อ..พี่เฉิน ท่านพูดอะไรกัน ท่านแกล้งตายได้เหมือนจริงมาก ข้าเชื่อท่านเลยนะ ข้าร้องให้แทบตาย แถมยังทำร้ายหูตัวเองจนบาดเจ็บด้วย ข้าได้ยินไม่ค่อยชัดเลย โอ้ โอ้ไม่ดีแล้วๆ ข้าต้องไปหาหมอก่อน พี่เฉินพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านใหม่....."

 

เจ้าอ้วนรีบวิ่งออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว

 

นอกจากเจ้าอ้วนซวนแล้ว ฮูปิงเย่วและหยางซงต่างก็เป็นสหายที่มั่นคงกับเจี้ยงเฉิง

 

หลังจากเห็นเจ้าอ้วนซวนจากไปแล้วฮูปิงเย่วก็กล่าวอย่างรวบลัดและขอตัวกลับไป

 

หยางซงอยากจะอธิบายเรื่องราวก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ เจี้ยงเฉินทำเพียงจับบ่าของเขาหลังจากนั้นเขาก็จากไป

 

หลังจากทุกคนออกไปหมดแล้ว ในห้องจึงเหลือเพียงพ่อลูกตระกูลเจี้ยงเท่านั้น

 

เจี้ยงเฟิงชักดาบออกมาโดยไม่กล่าวใดๆ ออกมา แสงอันหนาวเหน็บแผ่กระจายออกมาจากมือของเขา ทันใดนั้น โลกศพก็พังทลายกลายเป็นเศษไม้ทันที

 

"เข้ามา ใครก็ได้ เอาพวกนี้ไปเผาซะ นำสิ่งโชคร้ายเหล่านี้ไปทำลายให้หมด" เจี้ยงเฟิงนั้นไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมา เพราะเขาปลื้มปิติอย่างมากที่ได้บุตรของตนเองกลับมา

 

อีกด้านนึง เจี้ยงเฟิงมองไปยังบิดาของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ "ท่านพ่อ ท่านไม่มีอะไรจะถามข้างั้นรึ?"

 

"ฮ่าๆๆ" เจี้ยงเฟิงหัวเราะอย่างอบอุ่นพร้อมกับจับที่ไหล่ของเจี้ยงเฉิน "เจ้าคือบุตรของข้า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้าก็จะยอมรับผลที่ตามมาด้วย"

 

เจี้ยงเฉินไม่อาจจะกล่าวอะไรออกมาได้ บิดาคนนี้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีกฎเกณจริงๆ

 

เจี้ยงเฉิงเมื่อชาติที่แล้วนั้น เป็นคนเสเพลโดยแท้ ถ้าหากว่าเขาตายไปจริงๆ หละก็ คำจารึกบนหลุมศพของเขาคงมีเพียง : หลุมศพแห่งนี้คือที่อยู่ของขุนนางผู้ที่ทำทุกอย่างยกเว้นประโยชน์

 

มีเรื่องเจ็บเล็กน้อยทุกๆ 3 วัน เจ็บหนักทุกๆ 5 วัน

 

เจี้ยงเฟิงนั้นแทบจะลืมไปแล้ว ว่าเขาได้จัดการปัญหาให้กับบุตรคนนี้ไปแล้วมากขนาดไหน

 

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีอะไรดีเลย อย่างน้อยเขาก็ซื่อสัตย์และพึ่งพาได้ ไม่งั้นคงไม่มีเหล่าลูกน้องติดตามเขามากขนาดนี้แน่

 

สรุปแล้วการหาข้อดีของเขานั้นยากกว่าหาเข็มในกองฟางเสียอีก

 

แต่บุตรของขุนนางที่มีลักษณะแบบนี้นั้นก็นับว่าดี แต่กับเจี้ยงเฉินแล้วนั้นเขาเป็นดั๋งคนที่ล้มเหลว เพราะเขาเป็นคนเกียจคร้าน ไม่ยอมฝึกปรือ!!!

 

"หืมมม เจ้าหมอนี่แทบจะไม่ใส่ใจสิ่งที่ตนมีอยู่เลยแม้แต่น้อย" เจี้ยงเฉินนั้นต้องยอมรับหลายสิ่งมากหลังจากที่เขาจัดเรียงความทรงจำของเจี้ยงเฉินคนก่อน เจี้ยงเฉินคนนั้นทำสิ่งไร้ประโยชน์ไปมากมายจริงๆ

 

แถมยังมีบิดาที่คอยให้ท้ายโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้อีก ยังดีที่เขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่งั้นหละก็....

 

แถมจากความจำลางๆ ของเขายังรับรู้ได้ว่า เจ้าหนูนี่อยู่อันดับสุดท้ายของชั้นเรียนเสียอีก!!

 

ในฐานะที่เป็นบุตรแห่งขุนนางผู้ครองดินแดน พวกเขานั้นไม่ได้ขึ้นตรงกับอาณาจักร พวกเขาปกครองดินแดนของตนเอง

 

เหล่าทายาทและขุนนางแต่ละดินแดนนั้นได้ร่วมมือกันจัดตั้งการทดสอบมังกรซ่อนขึ้น ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 20 ปี

 

ทั้งนี้ก็มีขุนนางถึง 108 ดินแดนแห่งอาณาจักรตงฟาง แต่บททดสอบนั้นไม่แน่นอน มันจะเปลี่ยนไปทุกๆ 20 ปี เพื่อทดสอบเหล่าทายาทแห่งขุนนางทั้งหมด!!!

 

มีเพียงทายาทที่ผ่านบททดสอบมังกรซ่อนเท่านั้น ที่จะถูกยอมรับให้สืบทอดดินแดนต่อ และสามารถเป็นผู้นำตระกูลได้

 

หากเขาล้มเหลว ตระกูลถูกยืดคืนดินแดนและชื่อตระกูล พวกเขาจะกลับเป็นดั่งเดิมที่เป็นเพียงตระกูลมั่งคั่ง แต่ไม่มีชื่อเสียงและพลัง!!

 

หากพวกเขากลายเป็นตระกูลที่ไม่มีพลังอำนาจและอิทธิพล ตระกูลก็จะค่อยๆ พังทลายลงเป็นดั่งลิงที่กระจัดกระจายหลังจากตนไม้ถูกโค่น ในที่สุดตะกูลก็จะไร้ซึ่งสิ่งใดๆ กลายเป็นเพียงตระกูลที่ถูกลืม

 

ในที่สุดแล้ว การสูญเสียดินแดนของตนเอง ตระกูลย่อมสูญเสียสิ่งประดับบารมี และรายได้ ซึ่งนั่นหมายถึงจะไม่เหลือทรัพยากร เพียงพอต่อการเลี้ยงดูกองทัพ ที่คอยป้องกันดินแดนของตนเอง

 

และตระกูลราชาคงไม่ปล่อยให้ตระกูลที่สูญเสียดินแดนของตนเอง แข็งแกร่งกว่าตระกูลขุนนางหลักแน่นอน!!

 

บททดสอบมังกรซ่อนนั้นยามนานมาก ใช้เวลาถึง 3 ปี!!

 

เมื่อสิ้นสุดสามปี จะจัดพิธีฉลองสืบทอด ณ เมืองหลวง ให้กับผู้ที่ผ่านการทดสอบ นั่นหมายความว่า พลังอำนาจของดินแดนจะอยู่ไปอีก 20 ปี!!

 

และหลังจากนั้นอีก 20 ปี ตัวแทนดินแดนของเด็กรุ่นใหม่ก็จะถูกส่งไปยังการทดสอบมังกรซ่อนต่อไป

 

จุดประสงค์ของบททดสอบมังกรซ่อนคือ การทดสอบการบ่มเพาะพลังของแต่ละดินแดนว่ายังคงดีอยู่ และหลีกเลี่ยงการไม่พัฒนาตนเองของแต่ละดินแดน

 

ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถผ่านไปได้ งั้นเจ้าก็ต้องสูญเสียดินแดนของตระกูลตนเอง

 

มันคือกฎของการอยู่รอดในโลกนี้!!

 

เรียบง่าย ตรงไปตรงมา โหดร้าย รุนแรง!!

รีวิวผู้อ่าน