ตอนที่ 6 – ความกังวลของพ่อบ้านเจี้ยงเฉิง
-------------------------
สมาชิกของตระกูลเจี้ยงนั้นต่างวิตกกังวลกันอย่างมาก ใบหน้าของพวกเขาดูดุร้าย
นี่มันก็เหลืออีกเพียงครึ่งปีก็จะถึงการทดสอบมังกรซ่อนแล้ว แถมก่อนหน้านี้พฤติกรรมของเจี้ยงเฉินนั้นกล่าวได้คำเดียวว่า "สร้างแต่เรื่อง" การทดสอบนั้นต้องการความสามารถอย่างมาก แต่ตอนนี้เขายังไม่สำเร็จอะไรซักอย่าง!!
ต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุในพิธีบูชาสวรรค์ เจี้ยงเฉินก็มีโอกาสสำเร็จเพียง 30-40% เท่านั้น เขาควรจะถูกถอดถอนออกมากที่สุด
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหมดหวัง แต่ในทางตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า
"ผู้แข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด มันกลายเป็นกฎพื้นฐานของทุกที่ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมีตำแหน่งสูงหรือตำแหน่งต่ำก็ไม่ต่างกันมากนัก ในชีวิตก่อนข้าไม่สามารถฝึกได้ และไม่เคยมีประสบการณ์กับมันเลย และตอนนี้ข้าได้รับโอกาสในการสร้างชื่อนั้นมาแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยมันหลุดมือไปเด็ดขาด!!"
ในชีวิตก่อนของเขาเป็นถึงบุตรแห่งจักรพรรดิสวรรค์ ทำให้ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา อย่างไรก็ตาม ร่างหยินนั้นขัดขวางไม่ให้เขาฝึกปรือได้ ไม่สามารถแม้แต่จะปกปิดตัวเองหรือดึงดูดคนอื่นด้วยทักษะต่อสู้
ในชีวิตนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกปรือได้แล้ว เขาสามารถได้รับชื่อเสียงจากการฝึกปรือได้แล้ว!! น่าสนุกจริงๆ!!!!
"ข้าได้สัญญากับตงฟางหลู่ ว่าจะเข้าวังใน 3 วัน เพื่อตรวจโรคขององค์หญิง เพราะฉะนั้นในสามวันนี้ข้าต้องเตรียมตัวก่อน อีกอย่างข้ายังเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบแห่งมังกรซ่อน ซึ่งเหลือเวลาเพียง 6 เดือนก่อนที่จะเป็นการทดสอบรอบสุดท้าย ในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลเจี้ยง แม้ว่าตำแหน่งขุนนางจะไม่สำคัญกับข้ามากนัก แต่อย่างน้อยข้าก็ควรรักษาหน้าของบิดาข้าซักนิด ข้าจะปล่อยให้ท่านพ่อต้องสูญเสียดินแดนไปได้งั้นเหรอ?"
หลังจากจัดกระบวนการความคิด ในที่สุดเจี้ยงเฉินก็ตัดสินใจได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเจี้ยงเฉินคนก่อนเก่งแค่ไหน ต่อให้คนที่เก่งกว่าเขาหลายเท่าก็ยากที่จะรอดจาดการโดนลงโทษนั้น
ความโชคร้ายของร่างใหม่นี้ก็คือแม้จะมีร่างกายดีดี แต่กลับได้รับบาดเจ็บมาเยอะ ถ้าเขาไม่สนใจบากแผลเหล่านี้ อย่างว่าแต่รักษาเจ้าหญิงในอีกสาววันเลย แม่แต่การทดสอบเล็กๆ ในสิ้นเดือนนั้นเขาก็ต้องพลาดด้วยแน่ๆ
การทดสอบมังกรซ่อนนั้นจะมีการทดสอบเล็กๆ ทุกๆ สิ้นเดือน และจะเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ ต้องทำการบ้านหนักแน่ๆ หากพลาดไปซักเดือนนึง
ตอนนี้เจี้ยงเฉินนั้นมีการบ้านมหาศาล หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะต้องล้มก่อนถึงการสอบครั้งสุดท้ายแน่
นี่คือสิ่งที่เจี้ยงเฉินไม่อยากให้เกิดขึ้น!!
ในชาติก่อน เขาใช้เวลานับล้านปีในการค้นคว้าเกี่ยวกับพลังเต๋า อย่างไรก็ตามในเรื่องของการบ่มเพาะพลังนั้นเขาแทบจะไร้ค่า แต่เขากลับมีชื่อเสียงในด้านการเล่นแร่แปรธาตุ นักเล่นแร่แปลธาตุระดับสูงหลายคน ต่างขอร้องอ้อนวอนเขาให้สอนเทคนิคให้ ถ้าหากนี่เป็นในชีวติก่อนหละก็ ยาบางอันสามารถทำให้เขาฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วและยังทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย
แต่นั่นก็เป็นชาติก่อน ตัวตนของเขาในชาตินี้ไม่สามารถทำได้ขนาดนั้น
โชคดีที่เขาได้ใช้เวลาเป็นล้านปีในหอคัมภีร์เทียนหลาง และอ่านหนังสือมามากมาย คามรู้ของเขานั้นแทบจะไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่ความรู้ธรรมดายันความรู้ระดับเทพมากมาย
แผลพวกนี้นั้นถือว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไร
หลังจากผ่านพ้นการพักผ่อนไปหนึ่งคืน ในเช้าวันต่อมา เขาหยิบพู่กันกับหมึกออกมาพลางจดรายชื่ออะไรบางอย่างลงไป
"เจี้ยงเฉิง!!" เขาตะโกนไปยังประตู
เขาคือเจี้ยงเฉิงผู้ซึ่งขุนนางแห่งเจี้ยงฮานแต่งตั้งให้เป็นพ่อบ้านส่วนตัวของเขา ผู้ซึ่งจะคอยบริการเขาทั้งวันทั้งคืน ไม่ว่าเขาต้องการอะไรก็จะคอยนำมาให้ เจี้ยงเฉิงนั้นเป็นคนนึงที่รู้สึกเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
เขาแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน พวกเขาว่ากันว่าข้ารับใช้นั้นยอมตายดีกว่าจะทำให้เจ้านายของตนเองเสียชื่อเสียง เพราะงั้นเจี้ยงเฉิงนั้นจะไม่ทอดทิ้งเขาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
แต่เขาอดที่จะกังวลไม่ได้ เขาขยันเอาใจใส่บริการนายน้อยอย่างแข็งขัน แต่นายน้อยของเขากลับไม่พัฒนาขึ้นเลย
ข้ารับใช้และพ่อบ้านของขุนนางที่อื่นนั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มพวกเขาต่างได้กินแต่ของดีๆ และพวกเขายังได้วันหยุดหากจำเป็น แต่เจ้านายของเจี้ยงเฉิงนั้นแปลก เพราะเขาใช้งานทั้งวันจนกว่าจะทนไม่ไหวแล้วค่อยเปลี่ยนคนต่อไป
และที่ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยของเขาก็ชอบกล่าวตำหนิเขาหากมีอะไรผิดพลาด
เพราะฉะนั้น เขาจึงได้รับค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับการถูกตำหนิโดยเจี้ยงเฉิน
ตัวอย่างเช่น เรื่องเงิน นายน้อยนั้นใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายมาก เมื่อเพื่อนของตนเองเกิดปัญหาขึ้น เขาจะแก้ไขมันด้วยเงินทันที หากมีปัญหาเขาก็จะใช้เงินแก้ไขปัญหาอยู่แบบนั้น
แม้ว่าขุนนางแห่งเจี้ยงฮานนั้นจะมั่งคั่งอย่างมาก และเขาคงไม่คิดอะไรมากกับเงินที่นายน้อยใช้ไป แต่เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้นนายน้อยก็ใช้เงินประจำเดือนหมดเสียแล้ว
ดังนั้นเจี้ยงเฉิงจึงทำได้เพียงสวดมนต์ขอพรให้ไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะเมื่อเขาได้ยินเสียงของเจี้ยงเฉินนั้นเขาก็รู้สึกราวกับปวดหัวอย่างรุนแรงทีเดียว
แต่เขาก็ต้องไปเพราะปฏิเสธไม่ได้
"นายน้อย ข้ารับใช้ของท่านนั้นไร้ความสามารถ ที่ไม่สามารถปกป้องท่านได้ โปรดลงโทษข้าด้วยเถอะ ต่อให้ท่านปลดข้าออกข้าก็จะไม่กล่าวคำใด!!"เจี้ยงเฉิงรีบก้มลงสู่พื้นทันทีที่เขาเข้าประตูมา
คำกล่าว "ไร้ความสามารถ" และ "โปรดลงโทษข้า" นั้นเป็นเพียงลมปากเท่านั้น เพราะขุนนางแห่งเจี้ยงฮานนั้นไม่ขยายปัญหาออกมาแน่นอน ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเจี้ยงเฉิงนั้นไม่มีโทษใดๆ แล้ว
แม้แต่นายน้อยที่ไร้ความสามารถและไม่มีเป้าหมายใดๆ ในชีวิต เขาก็ยังไม่เคยทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองเลย
หากเป็นเจี้ยงเฉินคนก่อนหละก็ เขาคงมองไม่ออกว่าในคำพูดของเจี้ยงเฉิงนั้นแฝงความนัยเอาไว้ แต่เจี้ยงเฉินวันนี้นั้นผ่านประสบการณ์มานับล้านปี เจอปัญหามานับไม่ถ้วน และยังเข้าใจสงคมดีมากอีกด้วย
ความหมายของเพลงย่อมตั้งฟังดนตรีของมันด้วย ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเจี้ยงเฉิงนั้นต้องอดทนกับเจี้ยงเฉินคนก่อนขนาดไหน และคงต้องการที่จะถอนตัวออกไปแล้ว
เจี้ยงเฉินทำเป็นไม่สนใจคำกล่าวของเจี้ยงเฉิง เขาแอบหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะกล่าว "โอ้ เจี้ยงเฉิง บิดาของข้า ได้ให้รางวัลกับเจ้ามากมายไม่ว่าจะเป็นทองหรือชื่อเสียงแลกกับการรับใช้ข้า อนิจจา เจ้าหลับไม่มีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง เพราะว่าเจ้าต้องตามเช็ดตามล้างกับสิ่งที่ข้าทำ ข้าจะจดจำความภักดีของเจ้าที่มีต่อข้าแน่นอน"
เจี้ยงเฉิงถึงกับงงงัน ทำไมลมมันถึงเปลี่ยนทิศไปแบบนี้? นายน้อยไปเรียนคำพวกนี้มาจากไหนกัน?
"เจี้ยงเฉิง ค่าใช้จ่ายของเราเดือนนี้หมดแล้วใช่มั้ย?" เจี้ยงเฉินไม่รอคำตอบของเจี้ยงเฉิง เขาถามต่อด้วยรอยยิ้มทันที
"เอ่อ....." เจี้ยงเฉิงไม่เคยได้คุยด้วยประโยคเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้ไม่ทราบว่าต้องตอบกลับเช่นไร เขาแทบจะทุบอกพลางกล่าวสัญญาแล้ว ไม่ต้องห่วงเกี่ยวกับนายน้อยแล้ว!! ข้าเจียงเฉิงคนนี้จะหาทางเอง
แต่เขาก็เพียงแค่คิดเท่านั้น
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าหากว่าข้าสัญญาไปแล้วหละก็ แล้วข้าจะไปหาเงินที่ไหนกันละ? วันนี้นายน้อยปากหวานจริงๆ นี่เขากำลังแกล้งหลอกข้ารึเปล่า?
เจี้ยงเฉิงนั้นลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้วความระมัดระวังของเขาเพิ่มขึ้นนับสิบเท่า!!
เจี้ยงเฉินหัวเราะเล็กน้อยเมื่อมองไปยังเจี้ยงเฉิงที่มีท่าทีลังเลเพราะความกลัว "เจี้ยงเฉิง คือแบบนี้ ข้ามีรายชื่อของส่วนผสมยาอยู่ ไปหอโอสถ เอามันมาให้ข้าตามนี้"
เจี้ยงเฉิงรับรายชื่อเหล่านั้นมาอย่างงงๆ และเขาก็ยังไม่ขยับใดๆ เขามีรายชื่อแล้ว นั่นก็ใช้!! แต่ไหนเงินหละ? ส่วนผสมที่หอโอสถนั้นมันไม่ได้ฟรีนะ!!
อีกอย่างครอบครัวของท่านก็ไม่ใช่เจ้าของหอโอสถด้วย!!
"เจี้ยงเฉิง ไม่จำเป็นต้องแกล้งเป็นเจ้านายกับลูกน้องก็ได้ มาคุยกันในฐานะเพื่อนกันเถอะ ในฐานะที่เป็นพ่อบ้านแล้ว เมื่อเทียบถึงประสบการณ์และความสามารถด้านนี้ ใครคือพ่อบ้านที่เก่งที่สุดสำหรับเจ้า?"
พ่อบ้านที่เก่งที่สุด?
ลืมคำว่าเก่งที่สุดไปได้เลย เจี้ยงเฉิงอยากจะร้องให้จริงๆ ในเหล่าข้ารับใช้ของขุนนางทั้ง 108 ตระกูล แค่เขาไม่อยู่ในอันดับท้ายสุดแค่นั้นเขาก็ดีใจแล้ว
"ทำไมทำหน้าเศร้าเช่นนั้น บอกความคิดของเจ้าออกมาซิ"เจี้ยงเฉินกระตุ้นออกไป
เจี้ยงเฉิงเงียบซักพัก ก่อนที่จะรวบรวมความกล้า "ท่านอยากให้ข้ากล่าวจริงๆ งั้นเหรอ?"
"กล่าวมาเถอะ หากเจ้ากล่าวดีข้าจะให้รางวัล"
เจี้ยงเฉิงไม่กล้าคิดถึงรางวัลใดๆ เจี้ยงเฉินนั้นให้รางวัลบ่อยมาก แต่มันไม่เหมือนกับการให้รางวัลเท่าไหร่ เพราะเขาจะให้เงินเจ้า 1000 เหรียญเงิน แต่เขาจะยืมเจ้า 2000 ในทันที
ไม่ต้องพูดถึงเก่งที่สุด พ่อบ้านในอุดมคติและที่เขาชื่นชม ทำให้เจี้ยงเฉิงต้องคิดอย่างหนัก
พูดตามตรง เหล่าข้ารับใช้ของชนชั้นสูงและมีอำนาจ ไม่ได้วางตนว่าตนเองมีอำนาจไปด้วย พวกเขาเพียงมีความฝันในสายอาชีพของตนเองเท่านั้น
บางคนเขียนแม้กระทั่งกลอนขบขันด้วยซ้ำ..
เจี้ยงเฉิงรวบรวมความกล้าขึ้นมาหลังจากเห็นแววตาจริงจังของเจี้ยงเฉิน "นายน้อยกลอนเหล่านั้นนิยมกันมากในเมืองหลวง เพราะมันบรรยายเกี่ยวกับอาชีพของพวกเราได้ดี"
"โอ้ เล่าให้ข้าฟังซิ" เจี้ยงเฉินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
"บทกลอนเล่าว่า - อาหารอร่อยจากทางบกและทางทะเล สวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามและขี่ม้าที่สง่างามไปรอบ คฤหาสน์และดินแดน ภายในบ้านเต็มไปด้วยเงินและทอง พูดคุยอย่างมากมาย เป็นเพื่อนกับขุนนาง อยู่ร่วมกันกับภรรยาอย่างกลมกลืน ทุ่มเทให้บุตรชายและบุตรหลาน ผ่อนคลายใต้ต้นไม้ใหญ่ เข้าสู่สวนแห่งการกลับมาของใบไม้ผลิ ร่วมหลับนอนกับหญิงประเวณีพร้อมกับขุนนางและเจ้าชาย ดื่มร่วมโต๊ะกับข้าราชการที่น่าเคารพ"
เจี้ยงเฉินตบมือพร้อมกับหัวเราะให้กับบทกลอนที่เขาท่องออกมา "ไม่เลว ไม่เลว น่าสนใจทีเดียว สวนแห่งการกลับมาของใบไม้ผลิต้องเป็นดินแดนแห่งการยั่วยวนแน่ๆ ใช่มั้ย?"
เจี้ยงเฉิงร่วมหัวเราะไปพร้อมกับเจ้านายของตน แต่เขาก็แอบดูถูกเจ้านายของตนอยู่เงียบๆ ไม่ใช่ว่าที่เหล่านั้นเจ้าไปมาหมดแล้วเหรอ? ทำไมยังทำเป็นใสซื่อบริสุทธ์อีกกัน!!
"เจี้ยงเฉิง ข้าสังเกตเจ้ามานานแล้ว และข้าก็เชื่อในความสามารถของเจ้า หากเจ้าสามารถทำภารกิจนี้สำเร็จได้ และใช้เวลาไม่นานนัก เมื่อนั้นข้าจะมอบเงินทองและชื่อเสียงให้กับเจ้า และในขณะเดียวกันเจ้าก็จะรู้สึกว่าเจ้าเป็นคนที่สำเร็จอย่างมาก เจ้าจะเป็นพ่อบ้านที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก!!"
"ภารกิจ? ภารกิจอะไรงั้นเหรอ?" เจี้ยงเฉิงคิดว่าเขาต้องทำหน้าที่ปกป้องนายน้อยของเขาอีกแล้ว
"อะไร? ก็รายชื่อในมือของเจ้าไงหละ ทำให้สำเร็จหละ มันคือสมบัติที่แม้แต่เงินก็ซื้อไม่ได้!! ไปที่หอโอสถแล้วก็ถามหาคนรับผิดชอบซะ"
"ทำไมหละ? ทำไมข้าต้องไปคุยกับผู้รับผิดชอบด้วย? ข้าสามารถถามได้ทุกคนและขอส่วนผสมเหล่านี้ได้ ผู้รับผิดชอบของหอโอสถนั้นหยิ่งยโสมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะพบพวกเขา"เจี้ยงเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเบา
"ฮ่าๆ ทำตามที่ข้าบอก ถ้าผู้รับผิดชอบไม่มาเจอเจ้า งั้นก็บอกพวกมันว่าเจ้าจะเสียใจภายหลัง ต่อให้มันกอดขาอ้อนวอนเจ้าในอนาคตสิ่งเดียวที่มันจะได้รับก็คือรสชาติแห่งความเสียใจ!!"
เจี้ยงเฉิงแทบจะอยากเดินเข้าไปจับหน้าผากของนายน้อยดู ว่ามันร้อนหรือเปล่า หรือกระทบกระเทือนจากการถูกเขี่ยนตี? หรือกำลังละเมอรึเปล่า?
เจี้ยงเฉิงเข้าใจดีว่า สำหรับเจ้าหน้าที่แห่งหอโอสถนั้นหยิ่งขนาดไหน เขายังจำได้ดีว่าทุกครั้งที่เขาไปรับยามา พวกนั้นไม่เคยที่จะเสียเวลาคุยกับใครเลยซักวินาทีเดียว!!
"เจี้ยงเฉิง เจ้าคงจะคิดบ้าๆ กับข้าอยู่ซินะ เจ้าคงคิดว่าข้าไร้สาระใช่มั้ย? เจ้าคงจะคิดว่าข้าส่งเจ้าไปเหมือนคนโง่ให้ไปรับยาโดยไม่จ่ายตังซักเหรียญเดียวซินะ งั้นข้าจะอธิบายให้เจาฟัง รายชื่อในมือของเจ้านั้น ไม่ใช่รายชื่อธรรมดา มันคือตำรับยาโบราณที่สูญหายไปเมื่อนานมาแล้ว ต่อให้มีเงินเป็นสิบล้านเหรียญเงิน ก็ไม่พอที่จะซื้อมันได้!!"
"ตำรับยา?" ใบหน้าของเจี้ยงเฉิงยิ้มออกมาเหมือนจะร้องให้ "นายน้อยโปรดอย่าหัวเราะเยาะข้ารับใช้ผู้แสนต่ำต้อยอย่างข้าที่ถามเยอะเกินไปเลย ตระกูลเจี้ยงของเราได้ยาโบราณชิ้นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ? ท่านจะเข้าใจข้ารึเปล่าว่าตอนนี้ข้ารู้สึกเช่นไร ข้าอยากให้ท่านรู้สึกว่าข้านั้นลำบากใจขนาดไหน?"
เจี้ยงเฉิงหัวเราะจนตาของเขาแดงก่ำ เขาอยากจะร้องให้จริงๆ