ตอนที่ 10 – ทะลวงผ่าน, ปราณแท้จริงระดับสี่
-------------------------
เจี้ยงเฉินคนก่อนนั้นเริ่มฝึกฝนร่างกายของเขาตั้งแต่อายุหกปี และในตอนนี้เขาอายุครบสิบห้าปีในปีนี้ เขาใช้เวลาเจ็ดหรือแปดปีในการทะลวงจุดพลังสามจุดและหลอมรวมปราณที่แท้จริงเป็นระดับสาม
ปราณแท้จริงระดับสามนั้นถือเป็นการประสบความสำเร็จถ้าเกิดว่าเขาเป็นลูกหลานจากครอบครัวที่ธรรมดา
แต่เขานั้นเป็นเชื้อสายของขุนนางที่ตั้งแต่เกิดได้คาบช้อนทองไว้ในปากของเขาแล้ว สายเลือดของเขาดี, ทรัพยากรธรรมชาติและศักยภาพของเขานั้นสมบูรณ์แบบ และการที่มีขั้นปราณแท้จริงเพียงระดับสามหลังจากฝึกฝนมาหลายปีนี้ถือเป็นความล้มเหลวที่ยิ่งกว่าความล้มเหลวใดๆ
"บอกตามตรง ขุนนางเจี้ยงเฟิงนั้นเป็นพ่อที่มักจะคอยให้ท้ายลูกตัวเองและให้อภัยลูกชายแทบทุกเรื่อง" เจี้ยงเฉินถอนหายใจเบาๆหลังจากหัวเราะเล็กน้อย แต่ก็ดูไม่หดหู่
ปราณแท้จริงสิบสองระดับงั้นเหรอ หึ ถ้าข้าจำได้ถูกต้องล่ะก็ นี่มันเป็นการฝึกที่พื้นฐานที่สุดนี่ ในลำดับขั้นของการบ่มเพาะพลังแล้วนั้น นี่มันเป็นระดับที่ต่ำที่สุดของการฝึกฝนเลย ในชีวิตที่แล้วของข้า ข้าคือผู้ดูแลของหอสมุดเทียนหลางและเชี่ยวชาญในความรู้ทั่วไปและสิ่งศักด์สิทธ์จนแตกฉาน
และในตอนนี้ข้าได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง แล้วข้าจะทนฝึกฝนบนเส้นทางที่ไร้ค่านี่ทำไมล่ะ?
ถึงแม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายกับเราเสมอ แม้เราจะมีทั้งความรู้และสติปัญญา เขาทำได้เพียงแค่บ่มเพาะพลังของเขาบนเส้นทางที่ไร้ค่านี้เพราะสภาพร่างกายของเขา
ร่างกายของเขาในตอนนี้นั้น แม้ว่าเขาจะฝึกจนตัวตายก็จะไม่ได้เกิดผลอะไรขึ้นเลยถ้าเขาฝึกตามวิชาระดับสุดยอดเหล่านั้น
เจี้ยงเฉินหดหู่ลงเล็กน้อย นี่มีนราวกับนั่งมองดูอาหารจากทางพื้นดินและในทะเล แต่เขากลับได้กินเพียงรากพืชดองและข้าวของเขา(มีของดีอยู่กับตัว แต่ไม่สามารถใช้ได้ เหมือนมีแต่ก็เหมือนไม่มี)
อย่างไรก็ตามเจียงเฉินก็ไม่ได้เศร้าใจมากเกินไปในขณะที่เขารู้ว่า -
เส้นทางของการบ่มเพาะพลังจะเหมือนกันทั้งหมด อัจฉริยะหลายคนได้โผล่ออกมาจากคนที่ธรรมดาสามัญและสามารถที่จะขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่เป็นตำนาน แต่พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นฝึกฝนด้วยวิชาธรรมดาของทักษะแห่งเต๋า?
ข้าจะสังเกตวิชาเหล่านี้และจะคอยปรับปรุงวิชาให้มันดีขึ้น.
เจี้ยงเฉินค่อนข้างมั่นใจ
เมื่อเขาได้คิดถึงจุดนี้ เขาก็ปรากฎร่องรอยของความสุขบนร่างของเขา
ฮ่า ๆ ข้าคิดว่าข้าคิดมากเกินไปเพียงแค่ตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องตลกมากนักที่ข้าต้องการจะคว่ำกฎเกณฑ์ของการบ่มเพาะโดยเร็วที่สุดหลังจากที่ข้าได้เข้ามาในโลกนี้?
ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถฝึกวิชาระดับสุดยอดต่างๆ แต่ข้าเองก็มีหลายวิธีที่จะเร่งความคืบหน้าเล็กๆน้อยๆของตัวข้าในขั้นปราณแท้จริงและตามทันพวกอัจฉริยะสักคนไหมนะ?
เจี้ยงเฉินไม่มีความคิดใดๆในหัวเลยถ้าเกิดว่าเขาต้องการที่จะใช้ร่างกายนี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาขั้นสุดยอด แต่สำหรับเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยเหล่านี้ในขั้นปราณแท้จริงนี้-เขามีความคิดมากมายอยู่ในหัวแล้วในตอนนี้
ไอ้บ้านี่... มิน่าปราณแท้จริงของเขาถึงอ่อนแอเหลือเกิน ปราณแท้จริงของเขาดันเพิ่มขึ้นเวลาที่เขาไปตกปลาสามวันและโยนตะข่ายสองวันได้ยังไงกัน?
และวิธีที่เขาใช้โคจรพลังปราณทั้งหมดไม่ถูกต้อง วิชาที่มีการหายใจเช่นนี้เป็นเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน .
โอ้สวรรค์ที่รักของข้า ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงใช้เวลาแค่หนึ่งออนซ์ในการฝึกฝน? ทำไมเขาถึงควบคุมการโคจรพลังปราณแท้จริงผิดได้? นี่มันเป็นตัวตนบ้าบออะไร!
นี่มันน่าหัวเราะมาก! คนคนหนึ่งต้องทะลวงจุดพลังทั้งสิบสอง แต่ผู้ฝึกตนของโลกใบนี้กลับไม่มีเคล็ดวิชาที่จะระบุจุดพลังของพวกเขา ไม่แม้แต่จะสำรวจจุดพลัง?
เจี้ยงเฉินค้นพบข้อผิดพลาดบางจุดหลังจากโคจรพลังแบบสุ่มๆ
สิ่งที่ลำบากที่สุดคือมันเป็นงานที่ยากลำบากในการที่ผู้ฝึกตนจะทะลวงจุดพลังของตนเอง
การเสี่ยงที่ดีและความผิดพลากนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่, โลกใบนี้ไม่มีเคล็ดวิชาที่ใช้ระบุจุดพลังของพวกเขา?
เจี้ยงเฉินมีเคล็ดวิชามากมายที่ใช้ระบุจุดพลังเพียงแค่ค้นหาในความทรงจำของเขาแบบสุ่มๆเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือว่าถ้าเกิดเคล็ดวิชาเหล่านี้ที่เขาสุ่มๆเอาจากในความทรงจำมาเผยแพร่ในโลกใบนี้ พวกเขาจะเกิดความโกลาหลและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เฮ้อ, นี่ข้ากลับชาติมาเกิดในร่างที่อ่อนแอถึงขนาดอยู่จุดต่ำสุดของการจัดอันดับเลยเนี่ยนะ เจี้ยงเฉินเริ่มเข้าใจสถานภาพของตัวเขาในชีวิตนี้มากขึ้นแล้ว
อย่างน้อยที่สุด มันก็น่าสงสารเหลือเกินที่เคล็ดวิชาในที่แห่งนี้ต่ำต้อยเหลือเกิน
บางที อาณาจักรตะวันออกนี่อาจขาดแคลนทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกฝนก็เป็นได้? และจะมีพวกที่แข็งแกร่งกว่านี้ในดินแดนอื่นรึเปล่า? เจี้ยงเฉินไม่ได้มีความตั้งใจที่จะดูถูกใคร อาณาจักรตะวันออกแห่งนี้ไม่มีค่าแม้แต่จะให้เขามองลงมา
ทั้งหมดนี้นั้น ถึงแม้ว่าในหัวของเขาจะมีความลับของจักรวาล แต่ด้วยปราณของเขาในตอนนี้นั้น ผู้ฝึกตนคนไหนก็สามารถที่จะเหยียบเขาให้จมดินเหมือนมดได้ทั้งนั้น
เจี้ยงเฉินแก้ไขและปรับปรุงในแต่ละปัญหาที่เขาได้พบก่อนหน้านี้ เขาเข้าไปในปราณแท้จริงระดับสามของเขาและเริ่มหมุนเวียนพลังปราณแท้จริงระดับสามในร่างกายของเขา
ในตอนเริ่มแรก เนื่องจากการขาดประสบการณ์ของเขา เจี้ยงเฉินพบว่าการควบคุมปราณนั้นทำได้ยากเล็กน้อย
เขาเริ่มที่จะเชี่ยวชาญมากขึ้น และสามารถที่จะควบคุมปราณแท้จริงระดับสามได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากโคจรพลังไปหลายครั้ง
ในตอนแรก พลังปราณเคลื่อนไหวได้ช้ามากเหมือนกับหนอนที่มุดอยู่ในดิน มันเริ่มที่จะเคลื่อนไหวเร็วและเร็วขึ้นเรื่อยๆในไม่กี่ชั่วโมง ปราณแท้จริงระดับสามเริ่มถาโถมเข้าไปในร่างกาย
พวกมันเหมือนกับน้ำสามสายที่ท่วมพื้นที่ราบทำให้พื้นดินยุบลงไป
ความรู้สึกเบาสบายนี้แทบจะทำให้คนคนหนึ่งต้องร้องไห้ออกมาในความรู้สึกนี้ที่ส่งผลต่อร่างกายของเจี้ยงเฉิน และเลือดเริ่มวิ่งเข้าไปในหัวของเขา
ความรู้สึกของเขาในเวลานี้เบาสบายมากราวกับว่าจะทำให้เขานั้นสามารถบินได้
ความรู้สึกที่เร่งรีบเกิดขึ้นทำให้เกิดความร้อนอบลงเส้นพลังปราณ เหมือนกับฝนในฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนโยน ธรรมชาติสร้างทางเดินใหม่ในร่างกายของเขา
จุดพลังที่สี่ ทะลวง!
ปราณแท้จริงระดับสี่!
เมื่อพูดกันแล้ว ร่างกายนี้นั้นเดิมทีมีศกยภาพเริ่มต้นที่ดีอยุ่แล้ว เจี้ยงเฉินได้ปรับปรุงแก้ไขการฝึกฝนนี้จากความรงจำของเขา
และแก้ไขข้อผิดพลาดที่ผ่านมา ผลลัพธ์นี้ปรากฎออกมาในทันที
จากเดิมทีที่มีพลังปราณแท้จริงระดับสามนั้นถูกเพิ่มพลังขึ้นจนเปลี่ยนเป้นปราณแท้จริงระดับสี่!
และเขา เจี้ยงเฉินได้เริ่มฝึกฝนจนก้าวผ่านจากระดับผู้ฝึกตนเริ่มต้นมาผูฝึกตนระดับกลางแล้ว!
ฮ่าฮ่าฮ่า, ใครมันจะไปคิดกันว่าการฝึกฝนจะให้ความรู้สึกที่แสนวิเศษนี้ได้! ในใจของเจี้ยงเฉินเต็มไปด้วยความคิดที่หลากหลาย
ความสำเร็จครั้งนี้ของเขาทำให้ในหัวของเขามีความคิดเทเข้ามาในหัวจนท่วมท้นเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย
มันไม่ได้เป็นเส้นทางที่ง่าย เขานั้นเป็นบุตรแห่งจักรพรรดิสวรรค์ในช่วงชีวิตที่แล้วของเขา
แต่เขากลับไม่สามารถฝึกได้เพราะร่างกายหยินของเขา เขาได้รอมาเป็นล้านๆปี เขาจะรอจนกว่าโอกาสจะมาและได้รับสิทธ์ในการฝึกฝนเนื่องจากการเกิดใหม่ของเขา
แน่นอนว่าเจี้ยงเฉินนั้นคิดไม่ออกว่าทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้?
เจี้ยงเฉินในตอนนี้ราวกับคนหิวกระหายจากอดีตกาล เต็มไปด้วยความหิวกระหายและโลภต่อการบ่มเพาะพลัง
เมื่อปราณแท้จริงระดับสี่ของเขาเริ่มเสถียรแล้ว เขาเลือกเคล็ดวิชา'ปราณสะท้อนจากจุดพลังที่แท้จริง'เพื่อที่จะสามารถระบุตำแหน่งของจุดพลังที่ห้าได้อย่างง่ายดาย
แน่นอน เจี้ยงเฉินรู้ว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะระบุตำแหน่งจุดพลังที่ห้า แต่การทะลวงจุดพลังและก้าวผ่านสู่ปราณแท้จริงระดับห้า
นั้นไม่ง่ายดายขนาดนั้น
พลังปราณแท้จริงจะไม่บริสุทธ์ถ้ารากฐานของมันไม่หนาแน่น เขาเพิ่งจะทะลวงมาถึงระดับสี่และยังไม่ได้สร้างรากฐานใดๆขึ้นมาเลย
ทั้งหมดจะสูญเปล่าทันทีถ้าเขาใจร้อนเกินไปปละมันอาจไปทำลายเส้นพลังปราณของเขาด้วย
ดังนั้นแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือควบคุมปราณแท้จริงระดับสี่และการใช้พลังปราณให้เชี่ยวชาญ
สำหรับการควบคุมพลังปราณนั้น เขามีวิธีมากมายไม่ว่าจะเป็นทั้งเคล็ดวิชาฝึกฝนหรือการหลอมยาขึ้นมา
เขาจะสามารถที่จะฝึกฝนให้หนักเป็นสิบหรือร้อยเท่าของคนอื่นๆ
นี่เป็นความตั้งใจของเขา ความตั้งใจที่อัจฉริยะไม่สามารถที่จะเทียบได้!
อัจฉริยะงั้นเหรอ?
ในโลกใบนี้ อัจฉริยะคนไหนจะฉลาดไปกว่าบุตรแห่งจักรพรรดิ์สวรรค์กันล่ะ?
ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชา'ปราณสะท้อนจากจุดพลังที่แท้จริง'จะหาจุดพลังได้จริงๆ
ข้ากังวลแทบแย่ว่าในสถานการณ์นี้ เคล็ดวิชานี้อาจไม่ได้ประสิทธิภาพ มันรู้สึกเหมือนว่าเส้นทางทักษะแห่งเต๋าจะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบเดียวกัน
ถึงแม้จะเป็นเส้นทางที่แตกต่างกัน
เจี้ยงเฉินพึงพอใจเล็กน้อย แค่เขารู้ว่าควรจะใช้เคล็ดวิชา'ปราณสะท้อนจากจุดพลังที่แท้จริง'ยังไงก็เพียงพอที่จะทำให้เขานำเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆไปหลายก้าวแล้ว
เหล่าอัจฉริยะผู้ฝึกตนของโลกใบนี้ต้องทำสมาธิ,สำรวจเพื่อค้นหาจุดพลังและทะลวงจุดนั้นๆโดยไม่มีเคล็ดวิชา
แต่เขานั้นไม่ใช่ เขาสามารถระบุตำแหน่งของจุดพลังด้วยการใช้เคล็ดวิชา นี่หมายความว่าเขานั้นสามารถประหยัดเวลาได้ไม่น้อยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
แท้จริงแล้วนั้น การฝึกฝนที่มีข้อบกพร่องทำให้อนาคตของเหล่าผู้ฝึกตนในดินแดนนี้ถูกจำกัดความก้าวหน้าของพลังปราณ เจี้ยงเฉินเศร้าใจเล็กน้อย
ในความจริงแล้ว อัจฉริยะนั้นไม่ได้ถูกจัดตามระดับพลังปราณ แต่มันมีการจัดอันดับศักยภาพในการฝึกฝนและอื่นๆอีกด้วย
จะประหยัดเวลาได้สักเท่าไหร่โดยใช้ทรัพยากรและสติปัญญาที่ดีที่สุด? มีเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามมากเท่าไหร่ที่เหล่าอัจฉริยะหลีกเลี่ยง?
ขอบคุณความคิดเหล่านี้ ทำให้เจี้ยงเฉินได้รับความมั่นใจเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับอนาคตของทักษะการต่อสู้แห่งเต๋าของเขา
มันเกือบจะเป็นเวลาค่ำแล้วเมื่อเขาออกมาจากห้องฝึก เขาได้อยู่ข้างในห้องนั้นเป็นเวลาสิบชั่วโมงเต็ม ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่จะต้องกลายเป้นเรื่องซุบซิบภายในคฤหาสน์แน่ ถ้าเกิดมีคนเล่าออกไป
ทุกๆคนรู้ดีว่าก่อนหน้านี้เวลาที่เจี้ยงเฉินใช้เวลาฝึกฝนนานที่สุดคือสี่ชั่วโมง
เอ๋? เจี้ยงเฉิง? เจ้ามาทำอะไรที่นี่เนี่ย?
หลังจากที่เขาเปิดประตูออกมา เจี้ยงเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเจี้ยงเฉิงนั่งอยู่ที่หน้าประตู
นายน้อย ข้ามีข่าวดี! เจี้ยงเฉิงได้นั่งรออยู่ตรงนี้ตั้งแต่ก่อนเวลากลางวันแล้ว ตอนนี้มันค่ำแล้ว เขาได้รับข่าวดีที่สุดแสนจะวิเศษแต่กลับไม่มีใครที่เขาสามารถจะแบ่งปันมันได้
ในที่สุดเขาจึงได้มาจบที่หน้าห้องฝึกของเจี้ยงเฉินและปรากฎความสุขอย่างเป็นธรรมชาติบนใบหน้าของเขา
อย่าทำแบบนี้เจี้ยงเฉิง ตื่นเต้นมากไปกับเรื่องเล็กๆน้อยอย่างงั้นเหรอ? เจี้ยงเฉิงหัวเราะอย่างรู้เท่าทัน มันดูเหมือนว่าเจี้ยงเฉิงประสบผลสำเร็จในการเดินทางไปหอโอสถแล้วเรียบร้อย
แผนของนายน้อยได้ผลขอรับ หอโอสถตอนแรกนั้นยังเย่อหยิ่งอยู่ แต่ก็น่าเคารพ แต่ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจบลงด้วยการขอร้องข้าน้อย และ.... เจี้ยงเฉิงเริ่มพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
เจี้ยงเฉิง ไว้คุยเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยนี้คราวหน้า แล้ววัตถุดิบที่ข้าต้องการได้มารึยังล่ะ?
นี่ขอรับ ทั้งหมดอยู่นี่แล้ว! ความเคาระต่อเจ้านายของเจี้ยงเฉิงนั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก เขาได้รับมอบหมายงานจากนายน้อย
นายน้อยนั้นเห็นธุรกิจขนาดใหญ่เป็นเพียงแค่'เรื่องเล็กน้อย'
ไปบอกคนใช้ให้เตรียมถังไม้ขนาดใหญ่ และเอาถังใส่น้ำสะอาดมาที่ห้องลับนี้ด้วย เจี้ยงเฉินออกคำสั่ง
ความปรารถนาของนายน้อยถือเป็นคำสั่งขอรับ
คราวนี้ต้องบอกกันตามตรง เจี้ยงเฉินถือเป็นพ่อบ้านที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เขาทำตามคำสั่งของเจี้ยงเฉินได้ภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง
เอาล่ะ เจี้ยงเฉิง ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้วล่ะ มาที่นี่และรอคำสั่งจากข้าอีกทีในเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ด้วย ขอใบเสร็จส่วนผสมของยาด้วยล่ะ
บอกกันตามตรง สำหรับยาชะตาสวรรค์แล้วเป็นเพียงเม็ดยาธรรมดาในสายตาของเจี้ยงเฉินเท่านั้น นี่เป็นแค่ยาที่ใช้แก้ไขปัญหาทางการเงินของเขาเท่านั้น
พูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วนั้น เขาไม่สนใจยาชะตาสวรรค์หรือผลกระทบทางการเงินแม้แต่น้อย
ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าเขามีส่วนผสมเหล่านี้
เขาสามารถที่จะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้เพียงแค่ช่วงข้ามคืนเท่านั้น
สมุนไพรเหล่านี้อยู่ในระดับจิตวิญญาณล้วนเป็นส่วนผสมพื้นฐานทั้งหมดสำหรับยาชะตาสวรรค์
แม้ว่าเจียงเฉินจะไม่สามารถปรับแต่งยาเม็ดนี้ด้วยพลังของรากฐานในปัจจุบันของเขา
เขาจะสามารถที่จะปรับแต่งยาให้มีประสิทธิภาพประมาณสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของคุณสมบัติในการรักษาของยาได้โดยการใช้เทคนิคบางอย่างที่จะรวมส่วนผสมเข้าด้วยกัน
ในคืนนั้น เจี้ยงเฉินใช้เวลาผสมส่วนผสมของยาเข้าด้วยกันและคอยโคจรปราณแท้จริงระดับสี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บควบคู่กันไปด้วย
และ ค่ำคืนหนึ่งที่เงียบสงบได้ผ่านไป...