px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 11 สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยม


ตอนที่ 11 - สิ่งที่กำลังเป็นที่นิยม

 

-------------------------

เมื่อเจี้ยงเฉินลืมตาของเขาขึ้นในวันถัดมา มีร่องรอยของพลังบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฎขึ้น

 

เขาลุกขึ้นนั่งและโคจรพลังที่อยู่เต็มทั่วร่างของเขา

 

เพียงผลของยาชะตาสวรรค์เพียงสามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็มากพอที่จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเจี้ยงเฉินได้ถึงแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

 

รวมกับการที่เขานั้นใช้เวลาทั้งคืนเพื่อที่จะซ่อมแซมและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาหลังจากที่เขาทะลวงปราณแท้จริงระดับสี่แล้ว

 

รากฐานของร่างกายของเขาในตอนนี้นั้นเพิ่มขึ้นหลายระดับในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน

 

เจี้ยงเฉิงนั้นอยู่ ณ ที่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อเช้าตรู่และอยู่ในอารมณ์ที่ดี เขารู้สึกยินดีทุกครั้งที่เขานึกถึงการที่เขาได้บอกเล่าภรรยาของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและได้รับความเชื่อใจในฐานะหัวหน้าของครอบครัวกลับมาอีกด้วย

 

เมื่อคืนนี้หลังจากที่เธอกล่าวขอโทษและเขายังได้แสดงให้เห็นถึงทักษะกิจกรรมบนเตียงของเขาเมื่อคืนนี้อีกด้วย

 

แต่เขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากที่เห็นเจี้ยงเฉินกำลังเดินออกมาจากห้อง

 

 นายน้อย ท่าน... ท่าน...  เจี้ยงเฉิงไม่สามารถที่จะสรรหาคำอะไรกล่าวออกมาได้ เจี้ยงเฉินในตอนนี้นั้นต่างจากแต่ก่อนมาก

 

เจี้ยงเฉินคนก่อนนั้นมักจะชอบกดขี่คนอื่นและเป็นพวกอารมณ์รุนแรงในเวลาที่กังวลและซึมเศร้า

 

หรือจะพูดในอีกทางหนึ่งก็คือเขานั้นแทบจะไร้ค่า

 

แต่ในวันนี้ นายน้อยดูแปลกไปจากเดิม ตัวของเขาทั้งหมดนั้นมีกลิ่นอายที่กระตือรือร้นและส่องสว่างราวกับดาบที่พึ่งถูกตีขึ้นมาสดๆร้อนๆจากเตา

 

 เจี้ยงเฉิง เตรียมม้าให้ข้าด้วย ข้าจะออกไปข้างนอก 

 

 ขอรับ!  เจี้ยงเฉิงยินดีที่จะอดทนต่อความยกลำบากนี้ เขาเคยคิดว่าการวิ่งเป็นธุระให้นายน้อยนั้นเป็นงานที่ลำบาก

 

แต่ในตอนนี้เขามีไฟที่จะรับใช้นายน้อยเนื่องจากเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อวาน

 

หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากคฤหาสน์ได้สักพัก เจี้ยงเฉิงถามอย่างระมัดระวังว่า  นายน้อย พวกเรากำลังจะไปที่ไหนงั้นเหรอ?

 

 แน่นอนว่าต้องเป็นหอโอสถ  เจี้ยงเฉินหัวเราะ, ฟาดแส้ของเขาและควบม้าออกไป

 

วันนี้เขาอารมณ์ดีมาก เหมือนกับชายหนุ่มที่จะขี่ม้าเร็วๆเมื่อเวลาที่พวกเขาภูมิใจอะไรสักอย่าง!

 

 เอ๋? นายน้อย, ได้โปรดรอข้ารับใช้ของท่านด้วย!  เจี้ยงเฉินได้หายตัวไปก่อนที่เจี้ยงเฉิงจะได้ทันตั้งสติได้

 

สักครู่ต่อมา, สิ่งปลูกสร้างของหอโอสถตั้งอยู่สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเจี้ยงเฉิน

 

เมื่อเจี้ยงเฉินก้าวเข้ามาที่ประตูของหอโอสถ ลูกค้าทั้งหลายที่เดินเข้าและออกหอโอสถแสดงออกราวกับว่าพวกเขานั้นเห็นผี

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจี้ยงเฉินยังคงเป็นลูกชายของขุนนางและมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองหลวง

 

การผายลมครั้งนั้นที่เขาได้ปล่อยมันออกมาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาเป็นหัวข้อหลักที่ผู้คนพูดคุยกันในสองวันที่ผ่านมา

 

ผายลมระหว่างพิธีบวงสรวงสวรรค์ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าให้อภัย

 

เพราะด้วยเหตุนี้ทำให้ชื่อ'เจี้ยงเฉิน'กลายเป็นเรื่องซุบซิบไปทั่วในสองวันที่ผ่านมา

 

เจี้ยงเฉินได้ผายลมระหว่างพิธีบวงสรวงสวรรค์และลบหลู่เทพเจ้า กษัตริย์ได้ทรงบัญชาให้เขาถูกเฆี่ยนตีจนตาย นี่เป็นข่าวที่คนทั้งอาณาจักรต่างรู้กัน

 

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขานั้นไม่ได้ตายจากการถูกเฆี่ยนตี

 

ดังนั้น การปรากฎตัวของเขาครั้งนี้ทำให้เกิดข่าวลืออีกครั้ง

 

 นี่เจ้าเห็นคนคนนั้นไหม? ไม่ใช่ว่านั่นคือนายน้อยที่ไร้ค่าจากเจี้ยงหานงั้นรึ?

 

 แล้วยังไง? ที่นี่มีขุมอำนาจมากมายในเมืองหลวง นี่เจ้าต้องการจะใส่ร้ายเขางั้นรึ?

 

 ใส่ร้ายบิดาเจ้าสิ คนที่ข้าบอกคือเจี้ยงเฉิน! ไม่ใช่ว่าเขาถูกเฆี่ยนตีจนตายจากการผายลมระหว่างพิธีบวงสรวงสวรรค์งั้นรึ?

 

บทสนทนาลักษณะนี้ปรากฎขึ้นทั่วหอโอสถ กลุ่มคนเหล่านี้นั้นต่างสนทนาเรื่องเจี้ยงเฉินเกือบทั้งหมด

 

สำหรับคนที่ถูกกล่าวถึงในบทสนทนา เจี้ยงเฉิน เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกโง่เง่าแบบนี้ และไม่สนใจที่จะหลบซ่อนจากคนพวกนี้อีกด้วย

 

อีกอย่างคือเขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำที่หอโอสถอีกด้วย

 

มีเวลเหลืออีกสองวันก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปในพระราชวังและดูแลรักษาเจ้าหญิง

 

เขาต้องเตรียมตัวเอาไว้บ้างไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันคงจะดูแย่แน่ถ้าเขาเข้าไปแบบมือเปล่า และคงจะเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายอีกด้วย

 

เจี้ยงเฉินได้ร่างแผนคร่าวๆขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาโรคของตงฟางจื่อยั่วทำให้วันนี้เขาต้องมาเตรียมการอะไรบางอย่าง

 

ทัศนคติของพนักงานของหอโอสถนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ชัดเจนแล้วว่าบางสิ่งบางอย่างได้เกิดขึ้น

 

เจี้ยงเฉินวางรายชื่อบนเคาน์เตอร์  อรุณสวัสดิ์ ข้าขอวัตถุดิบที่อยู่ในรายชื่อนี้ด้วย

 

พนักงานคนนั้นหยิบรายชื่อไปและพยักหน้า แต่เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออ่านไล่ลงมาถึงวัตถุดิบอันสุดท้ายในรายชื่อ

 

 วัตถุดิบขั้นจิตวิญญาณระดับหก? เอ่อท่าน... ท่านแน่ใจนะว่าท่านต้องการสิ่งนี้จริงๆน่ะ?

 

 แค่เตรียมวัตถุดิบตามที่รายชื่อเขียนไว้ก็พอ  เจี้ยงเฉินยิ้มเล็กน้อย

 

 แต่วัตถุดิบนี้มัน...  พนักงานกล่าวอย่างลังเล

 

 มีอะไร? หรือว่าที่นี่มันระดับต่ำเกินไป? งั้นก็เปลี่ยนมันเป็นผลศุภรนพกุณฑ์ละกัน  (แปลนานตรงชื่อผลนี่แหละนี่สิชื่อผลที่แท้จริง ถถถถ)

 

ราวกับว่ามีสายฟ้าผ่าลงมาที่หัวและผิวหนังของเขา เขารีบเปลี่ยนใบหน้าของเขาเป็นยิ้มแย้มทันที

 

 ท่าน, ผลศุภรนพกุณฑ์คืออะไร? ที่หอนี่ไม่มีมันหรอกขอรับ สมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงเป็นสมุนไพรที่เต็มไปด้วยพลังหยาง

 

และเป็นของที่หาได้ยากเป็นอย่างมาก และเป็นหนึ่งในสมบัติสมุนไพรขั้นจิตวิญญาณของทางเราด้วยขอรับ ที่หอนั้นมีเก็บไว้เพียงอย่างเดียวและมีค่าเป็นอย่างมาก ดังนั้นราคามันอาจจะ...

 

 อะไร? นี่เจ้าคิดว่าข้าจ่ายไม่ไหวงั้นรึ?  เจี้ยงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

พนักงานได้แต่ก้มหน้าลงและคิด, อย่างน้อยก็ฟังคำของข้าได้ไหม ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะไม่สามารถจ่ายได้จริงๆนะ แต่การที่เพื่อนร่วมงานของเขาได้รับความเดือดร้อนเมื่อวานได้บอกเขาทั้งหมดแล้วว่าอย่างตัดสินค่าของหนังสือจากปกของมัน.

 

 สิ่งนี้มีค่าเป็นอย่างมากขอรับ แม้แต่ผู้ดูแลก็ไม่สามารถที่จะนำมันออกมาได้ หนึ่งในผู้อาวุโสของเราจำเป็นต้องให้สิทธิ์ในการเบิกสิ่งนี้ก่อนที่พวกเราจะจัดการกันได้ขอรับ

 

เขาอดทนอธิบายระหว่างที่ในความคิดของเขานั้นกำลังคิดว่า หวังว่าเจ้าหนุ่มนี่คงจะไม่ปาเหรียญสลักมังกรแห่งราชามาที่หน้าของข้าหรอกนะ?

 

 มีปัญหามากหรืออย่างไรกับเพียงแค่สมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสง? ผู้อาวุโสของพวกเจ้าอยู่ไหนล่ะ? บอกให้พวกเขาออกมา, ข้าไม่มีเวลาให้เสียแล้วนะ  เจี้ยงเฉินไม่อยากที่จะใช้เวลามากนักที่หอโอสถแห่งนี้

 

พนักงานไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกจากคิด ในระหว่างที่เจี้ยงเฉินนั้นกำลังพูดอยู่นั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นจากข้างนอกและมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

 

หัวหน้าของกลุ่มนั้นดูอายุจะอยู่ราวๆสิบหกถึงสิบเจ็ดปีและแต่งกายด้วยเสื้อที่ทำจากผ้าไหมและหนัง เขาเดินมาอย่างภาคภูมิใจและตรงมาที่เคาน์เตอร์ทันที เขาฟาดมือของเขาลงบนเคาน์เตอร์

 

 ไปบอกให้หัวหน้าของพวกเจ้าให้ออกมา ข้าต้องการใบของสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงและข้ากำลังรีบด้วย เร็วเข้าสิ เร็วเข้า เจ้าไม่สามารถที่จะรับโทษนี้ได้หรอกถ้าพวกเจ้าทำให้งานของข้าล่าช้าลง

 

เสียงของเขานั้นช่างดูอวดดีเสียเหลือเกินและกล่าวออกมาอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น เขาไม่แม้แต่จะชำเลืองมองลูกค้าคนอื่นเสียด้วยซ้ำ

 

พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์อื่นๆต่างตกตะลึง

 

โดยธรรมดาแล้ว ไม่มีใครที่อยากจะได้สมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา แต่ในวันนี้กลับมีลูกค้าถึงสองคนที่มาหาซื้อมัน

 

หรือว่าค่าของสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงจะเพิ่มขึ้น?

 

มีคนสามคนเดินออกมาจากด้านหลังของหอโอสถหลังจากนั้นไม่นาน นอกจากพนักงานแล้ว ยังมีแม้กระทั่งผู้อาวุโส, ผู้ดูแลทั้งชายและหญิง

 

ผู้อาวุโสที่เป็นผู้หญิงดูอายุราวๆสี่สิบปีและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอสวมเครื่องประดับหลายชิ้นต่อหลายชิ้นทำให้รู้สึกอึดอัดใจกับสไตล์การแต่งตัวของเธอ

 

 ใครกันที่อยากจะซื้อสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสง?  ผู้อาวุโสที่เป็นผู้หญิงถามขึ้น

 

 ข้า, ข้าเอง! ป้านภ จำข้าได้หรือไม่? ข้าเป็นลูกชายของขุนนางพยัคฆ์ขาว, ไป้ชานอวิ๋น ไป้เซียนหลิงเป็นพ่อของข้า! ท่านเคยอุ้มข้าเมื่อตอนข้ายังเด็ก

 

เด็กวัยรุ่นท่าทางอวดดีคนนั้นเริ่มที่จะประจบประแจงผู้อาวุโสที่เป็นผู้หญิง

 

 อา, ที่แท้ก็นายน้อยจากขุนนางพยัคฆ์ขาวนี่เอง ไม่ทราบว่าสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงนี่ไว้สำหรับตัวท่านเองหรือพ่อของท่าน?

 

ขุนนางพยัคฆ์ขาวนั้นถือเป็นหนึ่งในขุนนางที่โดดเด่นที่สุดในอาณาจักรตะวันออก ติดอันดับขุนนางหนึ่งในห้า แม้แต่ผู้อาวุโสจากหอโอสถก็ยังต้องให้ความเคารพ

 

 ป้านภ อย่าถามอะไรมากนักเลย แค่รู้ไว้ว่าหลานชายของท่านต้องการมันอย่างเร่งด่วน รีบบอกราคาของมันมาเร็วเข้า เดี๋ยวข้าจะกลับมาขอบคุณท่านในภายหลัง

 

ผู้อาวุโสนภยิ้มอย่างอ่อนหวาน  ท่านดูรีบร้อนมากเลย หรือว่าท่านต้องการสมุนไพรขั้นจิตวิญญาณนี้ไปให้เด็กผู้หญิงบางคนกระมัง?

 

ไป้ชานอวิ๋นหัวเราะ'ฮี่ฮี่'  ป้านภรู้ใจข้าที่สุดเลย

 

 เอาล่ะ ข้าจะไม่เล่นไปมากกว่านี้แล้ว สมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงราคาอยู่ที่สองล้านเหรียญเงิน ท่านเอาเงินมาพอรึเปล่า?

 

 ข้าเอามา ข้าเอามา ข้าจะมาโดยที่ไม่มีเงินได้อย่างไร? ทุกคนย่อมรู้ว่าหอโอสถของท่านไม่รับบัตรเงิน  ไป้ชานอวิ๋นกังวลเล็กน้อย

 

เจี้ยงเฉินได้ดูเรื่องไร้สาระและเสียงหัวเราะงี่เง่านี่มาสักพักแล้ว คิ้วของเขาเลิกขึ้นและเดินไปที่เคาน์เตอร์  เฮ้ ดูเหมือนว่าท่านจะลืมอะไรบางอย่างไปรึเปล่า? ธุรกิจคนแรกต้องได้ก่อนมิใช่รึ

 

ทั้งสองคน ผู้อาวุโสนภและไป้ชานอวิ๋นพึ่งจะสังเกตเห็นเจี้ยงเฉิน พวกเขามองเขาแบบแปลกๆ

 

ไป้ชานอวิ๋นปรากฎอารมณ์ที่ชัดเจนออกมาบนใบหน้าของเขาราวกับมันจะพูดว่า เจ้าเป็นใคร?

 

 ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ข้าขอถามเจ้า ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนแรกที่จะซื้อสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงหรอกรึ?  เจี้ยงเฉินกล่าวอย่างนุ่มนวล

 

พนักงานนั้นคาดไม่ถึงว่าจะมีลูกค้าอีกรายหนึ่งเข้ามาในเวลาแบบนี้ และเขาไม่กล้าที่จะโกหก

 

เขาเปิดปากของเขาและจะพูด แต่มันไม่มีเสียงออกมาเลย ไป้ชานอวิ๋นรู้สึกเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างและให้รอยยิ้มที่เย็นชาไป  เจ้า นี่เจ้าต้องการซื้อมันด้วยงั้นหรือ

 

ไป้ชานอวิ๋นรีบเดินทางมาที่นี่ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ เขาไม่ได้จะซื้อสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงเพื่อตนเอง แต่เพราะเขาได้ยินมาว่าลูกสาวของขุนนางชั้นสูงอย่าง'หลงเทง'ในอาณาจักรตะวันออก หลงยู่ซือ

 

ได้เป็นโรคไข้หนาวเย็นระหว่างฝึกฝน เธอต้องการสิ่งที่มีพลังหยางเพื่อที่จะรักษาทำให้เขารีบเดินทางมาที่หอโอสถแห่งนี้ เขาต้องการที่จะพิชิตใจเธอโดยการซื้อสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงและส่งไปให้หลงยู่ซือด้วยท่าทางที่สง่างาม

 

ความคิดแรกของเขาหลังจากที่ได้ยินว่าเจี้ยงเฉินก็ต้องการที่จะซื้อสมุนไพรเช่นเดียวกัน เขาก็มองคนตรงหน้าว่าเป็นคู่แข่งทางความรักแล้ว!

 

เจี้ยงเฉินมองไป้ชานอวิ๋นอย่างไม่แยแส แต่เขากลับไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับคนโง่ เขากลับหันไปพูดคุยกับผู้อาวุโสนภแทน ท่านผู้อาวุโส ข้าขอถามเพียงอย่างเดียว ที่หอโอสถนี่ให้ความสำคัญกับลำดับการมาก่อนหลังหรือไม่?

 

ผู้อาวุโสนภราวกับว่าเห็นฉากความยุติธรรมขนาดใหญ่ เธอยิ้มอย่างมีสเน่ห์และกล่าวออกมา  แน่นอน พวกเราให้ความสำคัญกับลำดับการมาก่อนหลังอยู่แล้ว แต่ในบางกรณีก็อาจสำคัญกว่า

 

น้องชายไป้เขาต้องการสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงเพื่อช่วยชีวิต มีคำกล่าวไว้ว่าการช่วยหนึ่งชีวิตมีค่ามากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเสียอีก อีกทั้งเขายังเป็นถึงนายน้อยจากขุนนางพยัคฆ์ขาวอีกด้วย ทำไมท่านถึงไม่ไว้หน้าเขาสักหน่อยล่ะ ไว้หน้าเขาเหมือนกับที่...

 

ไป้ชานอวิ๋นเอามือทุบหน้าอกของเขาและกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า  ดีล่ะ เจ้า เจ้าดูคุ้นหน้านิดหน่อยแฮะ เจ้าชื่ออะไร ถ้าเจ้ายอมมอบสมุนไพรไขกระดูกมังกรจรัสแสงให้กับข้า ข้า ไป้ชานอวิ๋นจะให้การดูแลที่ดีกับเจ้าในเมืองหลวงอย่างแน่นอน!

 

เจี้ยงเฉินไม่รู้ว่าจะขำหรือร้องไห้ดีในตอนนี้ ชัดเจนว่าผู้อาวุโสนภในตอนนี้นั้นเข้าข้างไป้ชานอวิ๋นอย่างเห็นได้ชัด

 

 แล้วถ้าเกิดข้าไม่ให้ล่ะ  เจี้ยงเฉินกล่าวและหัวเราะเล็กน้อย

 

 อะไรนะ?  ไป้ชานอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย  เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน? ข้าเป็นลุกหลานของขุนนางพยัคฆ์ขาว ที่จะขึ้นเป็นขุนนางพยัคฆ์ขาวในอนาคต เจ้าไม่แม้แต่จะให้ความเคารพสี่ขุนนางของอาณาจักร? เจ้า เจ้าอวดดีมาก บอกชื่อของเจ้ามา ให้ข้าได้รับรู้หน่อยว่าใครกันที่ถือดีไม่เคารพแม้แต่ข้า ทายาทของขุนนางพยัคฆ์ขาวคนนี้

 

ในตอนนั้นเอง ได้มีบางคนที่ดูอยู่กล้าที่จะพูดออกมาว่า  เขาคือเจี้ยงเฉิน

 

 ทายาทของขุนนางเจี้ยงหาน ข้าคิดว่านะ

 

 ใช่แล้ว นั่นคือเขา แต่ไม่ใช่ว่าเขาถูกเฆี่ยนตีจนตายไปแล้วนี่?

 

ไป้ชานอวิ๋นมองเจี้ยงเฉินด้วยสายตาที่อาฆาต และในท้ายที่สุดดูเหมือนว่าเขาจะจำได้แล้ว เขาชี้นิ้วไปที่เจี้ยงเฉินและหัวเราะเสียงดัง

 

 เจ้า เป็นเจ้าจริงๆด้วย ไม่ใช่ว่าเจ้าตายไปแล้วงั้นรึ? เจ้าคือเจี้ยงเฉินแน่ๆ เจ้าสมควรที่จะตายไปแล้ว นี่ถือเป็นการดูหมิ่นกษัตริย์และคิดก่อกบฎ!

 

เจี้ยงเฉินได้เปลี่ยนไปมากหลังจากการฝึกฝน รวมกับที่ว่าไป้ชานอวิ๋นไม่เคยติดต่อกับเจี้ยงเฉินมาก่อน เป็นเหตุที่เขานั้นจำเจี้ยงเฉินไม่ได้ก่อนหน้านี้นั่นเอง

 

เขาได้ชี้นิ้วไปที่เจี้ยงเฉินและกล่าวต่อว่า เจี้ยงเฉิน เจ้ากล้ามากนะ ที่จะเล่นกับความตาย ถึงกล้าที่จะออกมาเดินเล่นข้างนอกทั้งที่เจ้าสมควรที่จะตายไปแล้ว

 

นี่เป็นการดูหมิ่นกษัตริย์อย่างชัดเจน และดูหมิ่นราชวงศ์เป็นอย่างมาก ข้าคิดว่าเจ้าควรรีบกลับบ้านไปและอยู่เงียบๆนะ แม้ว่าเจ้าต้องการที่จะซื้อมัน แต่เจ้ามีค่าพอจะซื้อสิ่งนี้งั้นเหรอ? 

 

ใบหน้าของเจี้ยงเฉินแสดงออกถึงการเยาะเย้ยและยิ้มให้กับผู้อาวุโสนภ  นี่หอโอสถชอบทำธุรกิจกับคนโง่เง่ามากว่าที่จะทำกับคนธรรมดาอย่างงั้นรึเนี่ย?

 

ไป้ชานอวิ๋นโกรธและกล่าวแย้งไป  เจี้ยงเฉิน ใครกันที่เจ้าบอกว่าคนโง่เง่า?

 

เจี้ยงเฉินยักไหล่ แน่นอนว่าต้องเป็นคนโง่เง่า เจ้าไม่สามารถที่จะตอบคำถามง่ายๆแบบนี้ได้รึไง? ใครเล่าที่จะเป็นคนโง่เง่าถ้าไม่ใช่เจ้า?

 

ฝูงชนที่กำลังดูอยู่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น นี่นายน้อยทั้งสองคนนี้ไปกินม้ามารึไงวันนี้? แต่ละฝ่ายต่างด่ากันไปมา แต่ละครั้งยิ่งมากขึ้นกว่าครั้งก่อนขึ้นเรื่อยๆ

 

นี่เป็นการต่อสู้ว่าใครจะล้มเหลวก่อนกันหรืออย่างไร?

รีวิวผู้อ่าน