ตอนที่ 19
-------------------------
เพียงไม่กี่วันหลังจากเริ่มต้นการฝึกอย่างหนักร่วมด้วยการสนับสนุนของยาโอสถ ในที่สุด
เจี้ยงเฉินก็ได้เข้าสู่บั้นปลายของ ขั้นที่ 4
เส้นชีพจรลมปราณทั้งสี่ของเขาเป็นเหมือนดั่งดอกไม้ที่เบ่งบานออกดอกมีกลีบสี่กลีบ มันไม่ได้เปราะบางหรือแข็งกระด้างจนเกินไป พวกมันให้พลังงานแก่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน เส้นชีพจรลมปราณของเขาในตอนนี้ทวีความอ่อนโยนและแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่เขาได้เริ่มฝึกฝนมัน
เจี้ยงเฉินค่อนข้างพอใจกับความคืบหน้านี้ แม้จะรู้ว่าระดับของเขาในตอนนี้ เมื่อเทียบกับการฝึกของคนอื่น ๆ ที่เริ่มก่อนหน้าแล้ว พวกเขายังนำหน้าอยู่หลายระดับ
แต่ในเวลานี้เจี้ยงเฉินไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน เจี้ยงเฉินยังคงค่อย ๆ ฝึกฝนไปตามระดับของเขา การฝึกฝนที่ดีมาจากการค่อย ๆ เริ่มก่อตั้งพื้นฐานให้มั่นคง และทุกอย่างจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีในเวลาที่เหมาะสม
จนกระทั่งถึงช่วงเช้าของวันที่ 6 เจี้ยงเฉินรู้สึกพอใจกับการพัฒนาของเขา
พลังในเส้นชีพจรลมปราณทั้งสี่ ในตอนนี้มันเป็นเหมือนมังกร มันเต็มไปด้วยพลังและความเกรี้ยวกราด พวกมันมีความสอดคล้องกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมมุ่งเป้าไปที่การทะลวงจุดชีพจรที่ 5
การไหลเวียนของฉี แข็งแกร่งและเป็นจังหวะไหลไปทั่วร่างกายของเจี้ยงเฉิน ทำให้เขารู้สึกถึงความสงบ
ปลดปล่อยลมหายใจ , หมุนเวียนพลังฉี!
พลังในเส้นชีพจรลมปราณทั้งสี่ เป็นเหมือนปลาตะเพียนแหวกว่ายทวนกระแสไปสู่ต้นน้ำ พวกมันเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และพลัง ภายใต้การควบคุมของเจี้ยงเฉินพวกมันได้รวมกันอยู่ในจุด ๆ เดียว รวดเร็วราวดาวตกเพื่อทะลวงจุดลมปราณที่่ 5!
ความรู้สึกของพลังปั่นป่วนอบอุ่นคล้ายกับการที่บุรุษสตรีรวมเป็นหนึ่ง
เส้นชีพจรของเขาเปิดออกเหมือนเปลือกไข่ที่โดนกระแทก พลังฉีได้ไหลไปทั่วเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทะลวงจุดชีพจรที่ 5!
จุดชีพจรที่ 5 ทะลวงแล้ว!
เส้นชีพจรที่ 5 ชำระล้าง!
ระดับที่ 5 ของฉีจิงสมบูรณ์แบบ!
ขณะที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เจี้ยงเฉินได้ยิ้มจากใจจริงเป็นครั้งแรกในรอบการเกิดใหม่ของเขา
5 เส้นชีพจรลมปราณไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่เขา สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขคือความสำเร็จจากการทะลวงผ่าน
ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งที่ตัวเขาในอดีต 'บุตรชายของจักรพรรดิสวรรค์' ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัส
เพียงเส้นชีพจรลมปราณทั้ง 5 ก็เพียงพอแล้วที่ข้าจะไม่อยู่ในอันดับท้ายของทายาทขุนนางทั้งหมดอีกต่อไป? ด้วยศักยภาพและประสบการณ์ของข้า ไม่ควรมีใครที่อยู่ในขอบเขตฉีจิงต่อสู้กับข้าได้ แม้แต่ฉีจิงขั้นสูงสุดก็ยังไม่อาจเอาชนะข้า
เจี้ยงเฉินมีความเชื่อมั่นในความคิดนี้
ด้วยข้อมูลเชิงลึกและความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโลกใบนี้ของเขา เขาสามารถเห็นถึงสาระสำคัญที่แท้จริงของสิ่งใด ๆ อย่างรวดเร็ว เขาจะสามารถเข้าใจในกลยุทธ์การต่อสู้ก่อนที่มันจะถูกใช้ด้วยซ้ำ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการแข่งขัน
เมื่อเจี้ยงเฉินเดินออกมาจากห้องของเขา เขาตระหนักว่ามันเป็นเวลาหลายวันแล้วนับตั้งแต่เขาได้พบกับบิดา
นับตั้งแต่เขาได้เกิดใหม่ในโลกนี้ ขุนนางแห่งเจียงหานได้เป็นคนที่สำคัญในจิตใจของเจี้ยงเฉิน ไม่ว่าด้วยความประทับใจในการพบกันครั้งแรกหรือด้วยความสัมพันธ์ของสายเลือด
จากชายคนนี้เจี้ยงเฉินสามารถสัมผัสกับความอบอุ่นจากความรักในโลกนี้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงมันออกมาด้วยวาจา แต่การแสดงออกด้วยการวางตำแหน่งครอบครัวให้เป็นสิ่งสำคัญในใจของเขา
เมื่อเขาเห็นบิดาของเขา ขุนนางแห่งเจียงฮานถือบัตรเชิญในมือของเขา คิ้วของเขาขมวดมุ่น มันดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังนำความลำบากใจมาให้เขา
ท่านพ่อ เจี้ยงเฉินเดินเข้าไปหาเขา
ฮ่า ๆ เจี้ยงเฉินเจ้าอยู่ที่นี่ อารมณ์ของเจี้ยงเฟิงมักจะดีเสมอเมื่อได้เห็นบุตรชายเขา เขาปกปิดรอยย่นบนคิ้วของเขา
เจ้าทำอะไรอยู่? ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่ได้ออกไปไหนเลยในช่วงนี้ เจ้ามุ่งมั่นจริง ๆ และคงจะผ่านการทดสอบพื้นฐานที่สามได้แน่นอน!
เสียงของเจี้ยงเฟิงเป็นน้ำเสียงกึ่งล้อเล่น มันทำให้เจี้ยงเฉินไม่รู้จะกล่าวอะไร ชายชราคนนี้มีความจริงจังในการปฎิบัติต่อเขาในแง่บวก เขายังคงสามารถคิดเรื่องในแง่ดีเสมอแม้แต่ในเวลานี้
การสอบพื้นฐานไม่สำคัญ ท่านพ่อท่านกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้? ข้าเหมือนจะเห็นท่านกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง? เจี้ยงเฉินตัดสินใจถามออกมาเมื่อเห็นว่าพ่อของเขาไม่คิดจะเอ่ยถึงมัน
อานี่... ฮ่าๆ! เฉินเอ๋อ เจ้าไม่เคยสนใจในเรื่องกิจการของครอบครัวมาก่อน ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้หรอก เจี้ยงเฟิงเลี่ยงการตอบคำถามของเขาและพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง
ท่านพ่อ ข้าเป็นบุตรที่ท่านคิดว่าท่านจะคอยเอาแต่ให้ท่านปกป้องหรือ? ท่านไม่บอกข้าเพราะว่าข้าเป็นคนไม่เอาไหนใช่หรือไม่?
หึหึ เฉินเอ๋อ เจ้าพูดอะไรกัน ชายชราคนหนึ่งจะปกป้องบุตรหลานของเขาย่อมเป็นเรื่องเหมาะสม! จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแค่ ขุนนางแห่งมังกรทะยาน ส่งเทียบเชิญไปยังขุนนางทั้งหมดเพื่อไปงานเลี้ยงฉลองเหตุการณ์สำคัญ ข่าวคราวปิติยินดีในคฤหาสน์ของเขา
มังกรทะยาน คนแรกที่เจี้ยงเฉินคิดได้คือมันอาจเกี่ยวกับหลงจู้เสวี่ย
ความสัมพันธ์ของเรากับ ขุนนางมังกรทะยาน ไม่ดีพอที่จะได้รับเทียบเชิญ มันคืออะไร? เจี้ยงเฉินคิด
ไอ้ขุนนางแห่งมังกรทะยาน! นี่มันเป็นการแสดงของพลังอำนาจที่เหนือกว่าต่อตระกูลเจี้ยง เฉินเอ๋อ จากคำถามของเจ้า พ่อจะบอกเจ้า แต่จงใช้ปัญญาในการหาทางออกกับสิ่งนี้ และอย่าไปกระทำการใดที่ขัดใจต่อตระกูลมังกรทะยาน ดินแดนแห่งเจียงฮานของเราที่อุดมสมบูรณ์เป็นเพราะมันอยู่ในภาคใต้ของราชอาณาจักร เราพบพื้นที่ของดินที่มีเส้นเลือดจิตวิญญาณ ไหลเวียนอยู่ ดังนั้นตระกูลของเราจึงมีการทำการค้าขนาดใหญ่เกี่ยวกับการเพาะปลูกสมุนไพรจิตวิญญาณ สำหรับ 'สวนยาแห่งราชัน'
การค้นพบเศษชิ้นส่วนของที่ดินที่มีเส้นเลือดจิตวิญญาณของธรรมชาติทำให้มันมีดินที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการเพาะปลูกส่วนผสมจิตวิญญาณ มันก็เป็นเรื่องปกติมากที่จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับ สวนยาแห่งราชัน สถานที่ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการแพทย์และยา
เจี้ยงเฉินฟังอยู่เงียบๆเขารู้ว่ามันมีบางอย่างมากกว่านั้น
แต่เดี๋ยวนี้ขุนนางแห่งมังกรทะยานมาหาข้าหลายครั้งเนื่องจากต้องการเช่าที่ดิน สวนที่ดินมีส่วนผสมจิตวิญญาณ
เช่า? มันไม่ได้หมายความว่า ไม่เคยมีการเช่าระหว่างขุนนางมาก่อนหรือ อะไรคือสิ่งที่เขานำเสนอสำหรับการเช่าของเขา? เจี้ยงเฉินเหมือนจะเห็นถึงสิ่งแปลกๆ
นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะบอก ขุนนางแห่งมังกรขุนนางมังกรกลั่นแกล้งเรา! ธุรกิจของเราขึ้นอยู่กับ สวนยาแห่งราชัน ผลผลิตจากส่วนนี้ทำกำไรให้เรา 5 ล้าน ทุกปี แต่ขุนนางแห่งมังกรทะยานเสนอราคาสามแสนเพื่อเช่าที่ดินของเรา
ส่วนผสมสำหรับการเพาะปลูกสำหรับ สวนยาแห่งราชัน ส่งผลให้รายได้ของเราพุ่งขึ้นถึง 5 ล้านต่อปี!
แต่การให้ขุนนางแห่งมังกรทะยานเช่าจะเหลือกำไรอยู่สามแสน!
นี่มันเป็นการปล้นอย่างโจ่งแจ้ง!
เจี้ยงเฉินเข้าใจในทันที ขุนนางแห่งมังกรทะยานผู้นี้กำลังหลงระเริงอยู่กับอำนาจของเขาในฐานะขุนนางอันดับที่ 1 ของอาณาจักร ที่เรียกว่าการจัดงานเลี้ยงเป็นการเสแสร้ง เชิญขุนนางแห่งเจียงฮานคือนั่นหมายความว่าจะกดดันเขาและบังคับให้เขาสงบปากสงบคำ
หากความกดดันมาจากแค่ขุนนางแห่งมังกรทะยานมันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด พวกเราคือขุนนางทั้งหมดของอาณาจักร ถ้ามันจะกดดันข้า ข้าก็แค่ไม่สนใจพวกมัน
มันจะต้องละเมิดข้อห้ามของบรรพบุรุษและจรรยาบรรณ กับข้อห้ามที่ห้ามไม่ให้ขัดแย้งกันเองในหมู่ขุนนาง หากมันคิดจะแย่งชิง
เมื่อเห็นบิดาของเขามีสีหน้าอมทุกข์ เจี้ยงเฉินมั่นใจว่า แรงกดดันไม่ได้มาจากเพียงแค่ขุนนางมังกรทะยานแน่นอน
มันเป็น สวนยาแห่งราชัน ได้แอบทำข้อตกลงกับ ขุนนางมังกรทะยาน? เจี้ยงเฉินถาม
เจี้ยงเฟิงคิดว่ามันแปลก ๆ และมองเจี้ยงเฉิน ดีแล้ว เฉินเอ๋อ ปกติเจ้าไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย แต่เจ้าได้สามารถระบุถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้ สวนยาแห่งราชัน ได้ข่มขู่ว่าหากเราไม่ให้ขุนนางแห่งมังกรทะยานเช่า มันจะยุติการทำธุรกิจกับเราหลังจากที่การทดสอบ มังกรซ่อนสิ้นสุด
เจี้ยงเฉินในที่สุดก็เข้าใจสถานการณ์ นี้เป็นสิ่งที่กดดันมากที่สุด
ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมมือกันเพื่อครอบครองที่ดินที่มีเส้นเลือดจิตวิญญาณ
นี่มันเป็นอุบายของขุนนางแห่งมังกรทะยาน มันเป็นการทำธุรกิจที่มันแค่รอรับผลประโยชน์
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกระหว่าง "ขุนนางแห่งมังกรทะยานกับขุนนางแห่งเจียงฮาน" มันย่อมเลือกฝั่งที่แข็งแกร่งกว่า
แล้วงานเลี้ยงในคืนนี้ก็คงมีการวางแผนอื่น ๆ ใช่หรือไม่? เจี้ยงเฉินคิดว่างานเลี้ยงนี้มีความน่าสนใจ ขุนนางมังกรทะยานผู้อวดดี มันต้องมีความรู้สึกถึงการประกาศชัยชนะของพวกมันเล็ดรอดออกมาจากตัวอักษร
จุดสำคัญคือมันมีการเขียนแนะนำให้พาเจี้ยงเฉินไปร่วมด้วย
เป็นเพราะว่าจะให้บิดาและลูกชายไปร่วมเป็นพยานสำหรับความอัปยศร่วมกัน?
เฉินเอ๋อ พ่อคิดว่าพ่อจะไปคนเดียว ลูก....
ไปแน่นอน!ทำไมข้าจะไม่ไป ข้าจะไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย เจี้ยงเฉินหัวเราะ ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าขุนนางมังกรทะยานจะทำอะไร
หลังจากที่พ่อของเขาอธิบายเรื่องนี้และการร่วมมือที่เกิดขึ้น เจี้ยงเฉินมีความสงสัยว่าขุนนางแห่งมังกรทะยานเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการผายลมในพิธีบวงสรวงสวรรค์ก่อนหน้านี้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมทางตรงแต่ก็คงจะมีส่วนร่วมทางอ้อม
ขุนนางแห่งมังกรทะยานคิดว่าแค่นี้จะทำให้เจี้ยงเฉินหัวหด?
ลังเลความก้าวหน้าเพราะกลัว? หลีกเลี่ยงการยั่วยุ? มันเป็นการกระทำของคนอ่อนแอ
ในชีวิตนี้เจี้ยงเฉินจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
อีกอย่าง เจี้ยงเฉินต้องการที่จะเห็น สถานการณ์ที่ขุนนางคนหนึ่งมีความสุขกับการใช้อำนาจสักหน่อย
วันต่อมา ในพระราชวัง
หลังจากไม่กี่วันในการปรับปรุงตำหนักของจื่อยั่ว ทุกสิ่งได้รับการปรับแต่งตามแบบของเจี้ยงเฉิน
ตำหนักจื่อยั่ว ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่หลงเหลือความประณีต ละเอียดอ่อนอีกต่อไป มันเต็มไปด้วยพลังของบุรุษ
ราชาลู่ได้ยินเช่นนี้ จึงมาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง กับองค์หญิงโจวหยู่
ฮ่าฮ่า เจี้ยงเฉินมันช่างรู้วิธีกวนประสาทคนอื่น มันเหมือนตำหนักขององค์หญิงอย่างไร แม้ราชาลู่จะกล่าวออกมาแบบนั้นแต่ก็เห็นได้ว่าเขาไม่ได้จริงจังมากนัก
โจวหยู่เจ้าคิดยังไงกับเจ้าเด็กเจี้ยงเฉิน? ราชาลู่ยิ้มสนุกสนานพร้อมเอ่ยถามคนที่มากับเขา
ท่านพี่ หากเจี้ยงเฉินสามารถรักษาจื่อยั่วได้ เราก็สามารถยอมให้กับความหยาบคายของเขา แต่ถ้าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกล่ะก็ ข้าจะเป็นคนแรกที่ลงโทษเขา!
ตงฟางจื่อยั่ว ดวงตาส่องประกายเหมือนกวางน้อยมองเห็นพวกเขาที่กำลังพูด
ท่านพ่อ ท่านป้า พวกท่านมาดู ยั่วเอ๋อ?
ใช่ ยั่วเอ๋อ ไม่กี่วันมานี้เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง? ตงฟางลู่ รู้สึกผิดสำหรับลูกสาวเขาที่ต้องรับความยากลำบากมาตั้งแต่วัยเด็ก
จื่อยั่วได้รับชะตากรรมที่โหดร้ายตั้งแต่วัยเด็ก แต่เธอก็ไม่เคยบ่น ในทางตรงกันข้ามเธอมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่อยู่เสมอเมื่อเธอจะทำอะไร
ถึงแม้เธอจะมีร่างกายที่อ่อนแอแม้จะรู้ว่าเธอไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวนักแต่เธอก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นทุกข์
ท่านพ่อ ยั่วเอ๋อ มีความสุขมากในวันนี้ ใบหน้าของยั่วเอ๋อไม่ได้ดูดีขึ้นกว่าก่อนหรอกหรือ? ยั่วเอ๋อไม่ได้รับความหนาวเย็นเข้ากระดูกทุกเที่ยงคืนอีกแล้ว ข้าสามารถนอนหลับได้สบายขึ้น
มันเห็นได้ชัดว่าจิตใจและสภาพร่างกายของจื่อยั่วดีขึ้นกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้เธอยังไม่ได้มีร่างกายที่ซีดเซียวเช่นเมื่อก่อนอีก
ยั่วเอ๋อ นี่หมายความว่าการรักษาของเจี้ยงเฉินได้ผล? ประกายแสงเต็มไปในดวงตาของ ตงฟางลู่
ใช่ มันเป็นเพราะพี่ชายเจี้ยงเฉิน ข้าเก็บถุงหอมสองถุงไว้ข้างกายตลอดเวลาข้ามีความรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ข้าไม่ได้สะดุ้งตื่นมาเพราะความหนาวเย็นในกลางคืนอีกต่อไป ท่านพ่อ ท่านป้า ข้าคิดว่าแผนภาพที่พี่เจี้ยงเฉินมอบให้กับข้า มันทำงานได้ดีจริง ๆ!
ได้ยินคำพูดของจื่อยั่วและเห็นว่าร่างกายของเธอมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ใบหน้าของ ตงฟางลู่ และโจวหยู่ เต็มไปด้วยความสุข