ตอนที่ 23 คำแนะนำขององค์หญิงโจวหยู่
-------------------------
ใช่, ในตอนนี้ได้เกิดความเงียบอันแปลกประหลาดเข้ามาครอบคลุมไปทั่วทั้งห้องโถง
ในที่นี้มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย ท่ามกลางหมู่ขุนนางในที่นี้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่แน่ใจว่าพวกเขาเห็นอะไรมันเป็นเหยียนอี้หมิงที่ได้อาสาประลองกับเจี้ยงเฉินและได้ถูกเจี้ยงเฉินทำให้พ่ายแพ้ และทั้งหมดนั้นเจี้ยงเฉินเพียงเคลื่อนที่แค่สองครั้งเท่านั้น!
เขาเคลื่อนที่ครั้งหนึ่งไปข้างหน้า และยกแขนของเขาขึ้นเพื่อเสียดแทงนิ้วของเขาออกไปทาง
เหยียนอี้หมิงที่กำลังพุ่งเข้ามาเขา มันเป็นการเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย แต่มันก็รวดเร็วดั่งฟ้าผ่าเข้าใส่เหยียนอี้หมิงและเขาก็ร่วงหล่นลงมาเหมือนกับตายไปแล้ว
มันจะเป็นฉากที่น่าตลกขบขัน ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เห็นความจริงที่ว่าพวกเขาได้เห็นแสนยานุภาพของพลังดรรชนีที่แผดเสียงร้องนั่น พวกเขาสงสัยว่าแม้แต่เหยียนอี้หมิงแกล้งทำเป็นศัตรูกับเจี้ยงเฉิน แล้วแกล้งแพ้รึเปล่า?แต่มันดูไม่เหมือนจะเป็นอย่างนั้น
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเหยียนอี้หมิงต้องการที่ทำให้เจี้ยงเฉินดูเหมือนคนโง่ แต่เขากลับมีจุดจบที่เขากลายเป็นคนโง่แทน
ตอนนี้ภายในหัวของผู้ที่มางานเลี้ยงได้เกิดความสงสัยเต็มไปหมด ว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น!!ทำไมเจี้ยงเฉินถึงกลายเป็นผู้ชนะไปได้
บรรดาผู้ที่เป็นมิตรของ ขุนนางแห่งเจี้ยงหานกำลังมีความสุขตามแบบของพวกเขา พวกเขานั้นเคยกังวลเกี่ยวกับบุตรชายของเพื่อนเขาก่อนหน้านี้และพวกเขาไม่เคยคาดหวังถึงผลดังกล่าว
ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับขุนนางแห่งเจี้ยงหานหรือผู้มีความสัมพันธ์กับขุนนางแห่งมังกรทะยานต่างพากันงงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ บางคนนั้นเริ่มสงสัยว่าบุตรชายทายาทตระกูลเจี้ยงหานอาจจะเป็นพวกหมาป่าในคราบลูกแกะรึป่าว เขาถึงได้แกล้งทำตัวเป็นคนโง่มาตลอด?
รวมถึงคนส่วนใหญ่ที่เป็นกลางเพราะพวกเขามีความคิดที่จะรอชมการแสดง แม้แต่พวกเขาก็ยังประหลาดใจกับฉากที่น่าตกตะลึงเบื้องหน้านี้และคนเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นคนที่ต้องมานั่งกังวลมากที่สุด ในฐานะของผู้ชมการแสดง พวกเขาย่อมไม่ต้องการที่จะออกความเห็นใดทั้งสิ้น
องค์หญิงโจวหยู่ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ประหลาดใจมากที่สุดเช่นกัน เมื่อเหยียนอี้หมิงได้เริ่มต้นเธอรู้สึกว่ามันไม่ได้มีข้อผิดพลาดใดๆ จนทำให้เธอเกือบจะทำการหยุดการประลองเสียแล้ว แต่เธอก็ไม่มีโอกาสที่จะทำในเมื่อสถานการณ์มันกลับตาลปัตรเช่นนี้
ขณะนี้องค์หญิงโจวหยู่กำลังสงสัยอยู่ว่า เหยียนอี้หมิงนั้นตายแล้วหรือไม่ นางได้ลืมถึงความสมบูรณ์แบบของฝ่ามือเมฆาม่วงไปเป็นที่เรียบร้อย
มีเพียงสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของนาง เป็นสิ่งที่มีความพิศวงที่ไม่อาจหยั่งลึกได้อยู่ในตัวของเจี้ยงเฉิน
องค์หญิงโจวหยู่ค่อนข้างคุ้นเคยกับต้นกำเนิดของดัชนีราชันย์บรูพามันเป็นอีกเทคนิคศิลปะการต่อสู้ที่พบใน วิถีแห่งรัตนะม่วงบูรพา
องค์หญิงโจวหยู่ ไม่สามารถที่จะเข้าใจความลึกลับในกระบวนท่าของเจี้ยงเฉินได้เลย มันเหมือนกระบวนท่าที่ซับซ้อนและไม่มีสิ้นสุดของปริศนาสาระสำคัญพลังแห่งเต๋าที่พิเศษ มันเหมือนมีพลังมากมายหลอมหลวมกันอยู่ในกระบวนท่า
มันเป็นอะไรที่เหนือกว่าเส้นชีพจรลมปราณ เหนือกว่าอาณาจักรที่เหนือกว่า
ไม่มีอะไรที่สำคัญในขณะนี้
เมื่อองค์หญิงโจวหยู่ได้คิดถึงความหมายที่แท้จริงของพลังแห่งเต๋า
มันทำให้เธอไม่สามารถทำความเข้าใจได้ มันมีสิ่งที่ล้ำลึกเช่นนี้อยู่จริงหรือ?
สิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเจ้าเด็กเหลือขอมันเป็นเรื่องบังเอิญจริงหรือ? องค์หญิงโจวหยู่ได้ตระหนักว่าสิ่งที่เธอเข้าใจเกี่ยวกับเจี้ยงเฉินมาตลอดเป็นสิ่งที่ผิดพลาด
เธอไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นพลังที่ล้ำลึกดังกล่าว
แต่ถ้ามันไม่เป็นเรื่องบังเอิญ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนเฉื่อยชาที่ไม่เคยผ่านแม้แต่การทดสอบพื้นฐานจะสามารถใช้ท่วงท่าที่น่าตื่นตะลึงเช่นนั้นได้?
บางคนได้ทำลายความเงียบนี้ ไป๋ ชิงหยุนตะโกนขึ้นมา เจี้ยงเฉินเจ้าโกง? เหยียนอี้หมิงเป็นผู้ฝึกในระดับชีพจรลมปราณขั้นหก เจ้าอยู่เพียงชีพจรลมปราณขั้นสาม จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าจะชนะเขาด้วยท่าเพียงหนึ่งกระบวนท่า?
เจี้ยงเฉินทำหน้าเหมือนเป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าควรจะถามคำถามงี่เง่านี้กับเขาหรือ!! เขาถูกทุบตีด้วยคนที่มีเส้นชีพจรลมปราณขั้นสาม ที่เป็นเส้นชีพจรลมปราณต่ำต้อย ข้าไม่รู้วิธีที่ที่จะปลอบประโลมเขาหรอกนะ
ฮ่าๆ เจ้าต้องโกงอย่างแน่นอน ข้า ไป๋ชิงหยุน จะเล่นกับเจ้าเอง
ไป๋ชิงหยุน ทายาทพยัคฆ์ขาว, ผู้ที่มีแปดเส้นชีพจรลมปราณขั้นสูงสุดของระดับฉีจิง!เขานั้นเป็นอัจฉริยะที่แตกต่างกับ เหยียนอี้หมิงอย่างมาก
เจี้ยงเฉินยังไม่ทันจะได้ตอบกลับ องค์หญิงโจวหยู่กลับลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นว่า พอ! ทายาทที่เป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบ มังกรซ่อนทั้งหมด มีอิสระที่จะทำการประลองก็จริงแต่มันย่อมมีฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บ มันคือความสูญเสียสำหรับการทดสอบ ถ้าหากต้องการวัดความแข็งแกร่งจงไปทดสอบที่ การทดสอบมังกรซ่อน เราสามารถตรวจสอบความสามารถของแต่ละคนได้เช่นกัน
โอ้? ความคิดขององค์หญิงโจวหยู่คือ?
องค์หญิงโจวหยู่เป็นผู้จัดการหลักของ การทดสอบมังกรซ่อนและเธอได้ทุ่มเทกับมันมาก องค์หญิงช่างเป็นที่น่าเคารพและสรรเสริญยิ่งนัก
ความคิดเห็นประจบประแจงเหมือนน้ำขึ้นและลงในพริบตา หลังจากที่ทุกคนคิดว่าอย่างไรขุนนางแห่งมังกรก็เป็นเพียงขุนนาง แต่กับองค์หญิงโจวหยู่ที่เป็นถึงคนของราชวงศ์!ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมมีคนสนับสนุนคนของราชวงศ์ มากกว่าขุนนางแห่งมังกรทะยานแน่นอนอยู่แล้ว
องค์หญิงโจวหยู่กล่าวเบา ๆ ความตั้งใจเดิมของราชวงศ์คือต้องการสนับสนุนการฝึกพลังแห่งเต๋า ด้วยการจัดการทดสอบมังกรซ่อน ทายาทขุนนางทั้งหมดในที่นี่ ได้รับการฝึกสอนจากทางอาณาจักรทางทิศตะวันออกข้าเสนอให้มีทายาทขุนนางทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าใจถึงทักษะ ฝ่ามือเมฆาม่วงและดัชนีราชันย์บรูพาในฐานะของผู้จัดการหลักการทดสอบมังกรซ่อน ข้าสามารถเป็นผู้ตัดสินหลัก เพื่อตรวจสอบความเข้าใจการต่อสู้แห่งเต๋าและการฝึก
ฮ่าๆ องค์หญิงโจวหยู่ช่างสมกับการเป็นราชวงศ์เป็นข้อเสนอที่สมควรยิ่ง ไม่มีเลือดหลั่งและเราจะสามารถตัดสินได้ว่าใครแข็งแกร่งที่สุด
อืม คำแนะนำนี้เป็นสิ่งที่ดี ขุนนางเฒ่าผู้นี้สนับสนุนมัน
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับขุนนางเหล่านี้ที่จะต่อต้านราชวงศ์ในที่สาธารณะ เมื่อองค์หญิงโจวหยู่ได้ออกเสียง การไม่เห็นด้วยกับนางก็หมายความว่าไม่เห็นด้วยกับราชวงศ์
พวกเขาจะมีโอกาสอย่างมากที่จะตายอย่างอัปยศในการทดสอบมังกรซ่อน
เจี้ยงเฉินยักไหล่ของเขาแล้วมองไปที่ ไป๋ชิงหยุน ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีในวันนี้
ไป๋ชิงหยุนใบหน้ามืดครึ้มทันที เจ้าหมายความว่าอย่างไร?
เจ้าเป็นคนโง่เง่าหรือไร? ข้าต้องอธิบายทุกอย่างกับเจ้าเลยหรือ? เจ้าไม่เข้าใจ? กลับไปคิดเกี่ยวกับมันเถอะหากเจ้าไม่เข้าใจ
เจี้ยงเฉินไม่ได้สนใจไป๋ชิงหยุน อีกเขาได้กลับมานั่งที่หลังจากเขาพูดคำเหล่านั้น
องค์หญิงจื่อยั่วหัวเราะคิกคัก ท่านพี่เจี้ยงเฉิน ท่านดูดีมากเลยในตอนนี้
จริงหรือ? ข้าก็คิดงั้น ฮ่าฮ่าฮ่า เจี้ยงเฉินอยู่ในอารมณ์ที่ดีในขณะที่เขา คิดถึงความหมายในการกระทำขององค์หญิงโจวหยู่
องค์หญิงโจวหยู่ส่งเสียงฮึดฮัด ข้าแค่ไม่อยากให้ใครเจ็บตัวก่อนจะถึงการทดสอบ อย่าคิดว่าข้าทำไปเพื่อปกป้องเจ้า
ข้าคิดว่าท่านคิดมากเกินไป เจี้ยงเฉินหัวเราะ ท่านไม่เห็นหรือว่าข้าโกรธท่านอยู่? ไป๋ชิงหยุนคิดหาเรื่องข้าหลายครั้ง และในที่สุดข้าก็ได้มีโอกาสสั่งสอนเขาแต่ข้อเสนอของท่านกลับปกป้องเขา
องค์หญิงโจวหยู่หมดคำพูด เจ้าเด็กเหลือขอนี่.. นี่คือเรื่องไร้สาระ เขาไม่ได้รู้ว่าไป๋ชิงหยุนเข้าสู่ขั้นสูงสุดของฉีจิงสามารถเอาชนะบางคนที่อยู่ในระดับขั้นกลางด้วยหมัดเดียว?
นางสาปแช่งในใจ องค์หญิงผู้นี้เห็นได้ชัดว่าปกป้องเจ้าจากการถูกตีจนตายจาก ไป๋ซานหยุน เจ้า ไอ้สารเลวเนรคุณ
ด้วยข้อเสนอขององค์หญิงโจวหยู่ และความพยายามในการเลียแข้งขาของผู้ที่มีอำนาจเหมือน การเริ่มต้นงานเลี้ยงจะถูกเลื่อนไปอีกครั้ง
ทายาทขุนนางทั้งหมดต่างมีการกระตือรือร้นที่จะฝึกฝนเพื่อไปแสดงในเวทีของการทดสอบมังกรทะยาน พวกเขาต้องการที่จะใช้มันเป็นการแสดงความสามารถและเพื่อชื่อเสียงให้กับตัวเอง
เสียงขององค์หญิงโจวหยู่ชัดเจนและเย็นชา ทายาทของทุกท่านที่มาชุมนุมกันในที่นี้ในวันนี้ ในฐานะที่เป็นผู้จัดการหลักการทดสอบมังกรซ่อน ข้าอยากจะขอใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อทดสอบความก้าวหน้าของพวกเขาในการฝึกรัตนะม่วงบูรพา. อย่ารู้สึกว่าต้องระงับสิ่งใดไว้จงแสดงศักยภาพและความเข้าใจให้เต็มความสามารถของพวกเจ้า!
ความจริง ทายาททั้งหมดถูกกระตุ้นแม้ไม่ต้องให้องค์หญิงโจวหยู่พูดเรียกกำลังใจ ใครจะต้องการพลาดโอกาสที่จะสร้างความประทับใจที่ดีแก่ผู้จัดงานหลักการทดสอบและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของพวกเขา?
การฝึกพลังเต๋าทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นระดับผลทางการสำเร็จคือ 'ประสบความสำเร็จเล็กน้อย' 'มีความสามารถ' 'แท้จริง' 'ไร้ที่ติ' 'สมบูรณ์แบบ'
ภายใต้การสังเกตส่วนตัวของเจ้าหญิงโจวหยู่ เหล่าทายาททั้งหลายต่างพากันนำเสนอตัวเองอย่างรวดเร็วสำหรับการสาธิต บางคนเลือกฝ่ามือเมฆาม่วง และคนอื่น ๆ เลือก รัตนะม่วงบูรพา.
บรรดาผู้ที่กล้าขึ้นไปบนเวทีล้วนเป็นผู้ที่มีศักยภาพและค่อนข้างมั่นใจในระดับของพวกเขา
เจี้ยงเฉินเหล่ตาไปมองบนเวทีเป็นบางครั้งในขณะที่เขาอยู่ด้านล่าง มีความเบื่อหน่ายบนใบหน้าของเขา บางครั้งเขาจะนั่งแทะถั่วหรือคุยเล่นกับองค์หญิงจื่อยั่ว
ร่องรอยความขบขันติดอยู่บนใบหน้าของเขาเป็นครั้งคราว บางครั้งเขาก็ชำเลืองมองผู้ที่ยุ่งอยู่กับการสาธิตอยู่บนเวที มันเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจต่อการสาธิตของเหล่าทายาทพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีพวกพ้องของเขากำลังก้าวขึ้นไปบนเวทีทำให้เขามีความสนใจเล็กน้อย
ชายหนุ่มผู้นี้มีลักษณะที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทายาทของขุนนางหูปิงหูปิงเย่วเป็นหนึ่งในเพื่อนของเจี้ยงเฉินไม่กี่คนในเมืองหลวง
เจี้ยงเฉินได้มองเขาขึ้นไปบนเวทีด้วยอารมณ์และลักษณะของเขา ฝ่ามือเมฆาม่วงไม่เหมาะสำหรับเขา ดัชนีราชันย์บรูพาคงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับเขา
เจี้ยงเฉินได้แปลกใจเล็กน้อยหลังจากที่เห็น หูปิงเย่วนำตัวเองไปข้างหน้า
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือ ด้านล่างเวทีเหล่าทายาทคนอื่นถ่อมตัว ขุนนางหูปิงระดับกลางจากการจัดอันดับขุนนางทั้ง 108 ครอบครองความแข็งแกร่ง ระดับเส้นชีพจรเจ็ดเส้นลมปราณ คำรามภาพในเส้นชีพจรของเขา เขาอยู่ในระดับสูงของระดับฉีจิง ระดับ7 เส้นชีพจรลมปราณ!
นั่นสร้างความสนใจให้แแต่กับเจี้ยงเฉิน
เราจะต้องรู้ว่า เหยียนอี้หมิงทายาทของขุนนางหนึ่งในสิบของอาณาจักรยังครอบครองเพียงระดับหกเส้นชีพจรลมปราณ
แต่ขุนนางหูปิงที่อยู่ในระดับล่างของการจัดอันดับขุนนาง ผู้เป็นทายาทของมันจะทำให้มันเลื่อนอันดับสูงขึ้นด้วยการทดสอบ มังกรซ่อน?
เจ็ดเส้นชีพจรแน่นอนว่าก็ไม่ธรรมดาแน่นอนว่าพวกเขาเป็นดั่งมังกรที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับเสียงฟ้าคำรามเมื่อนำไปใช้
อย่างไรก็ตาม ฝ่ามือเมฆาม่วงดูเหมือนจะขาดความหมายที่แท้จริงของกระบวนท่าไปเล็กน้อยเมื่อถูกแสดงให้เห็นโดย หูปิงเย่ว
ฮ่าฮ่าฮ่าหูปิงเย่วจะใช้ฝ่ามือเมฆาม่วง? มันจะเป็นการตัดไม้ซะมากกว่า!
ฝ่ามือเมฆาม่วง เป็นความสง่างามแลละความสงบภายในตัวมันเมื่อ หูปิงเย่วแสดงมันออกมาเขาดูเหมือนชาวนาซะมากกว่า
ผู้ชมในบางคนหัวเราะเยาะเขาในทันทีแม้ว่าพวกเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอะไรดีเลยจาก หูปิงเย่วของฝ่ามือเมฆาม่วง อย่างน้อยรากฐานของเขาก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง และยังดีกว่าสิ่งที่คนอื่นแสดงมาก่อนหน้านี้
องค์หญิงโจวหยู่ยอมรับความมั่นคงและเสถียรภาพของเขาและตัดสินว่าระดับสูงของระดับ ไร้ที่ติ".
ทายาทคนต่อจากเขากระทั่งมีความโดดเด่นมากขึ้น