ตอนที่ 25 ตำนานแห่งการฝึกฝน
-------------------------
"ฮ่าฮ่าฮ่า, พี่เจี้ยงใครจะคิดว่าลูกชายท่านจะทำสำเร็จกัน! ท่านเก็บความลับจากทั่วทั้งอาณาจักรแล้ว!"
"พอแล้ว, พอแล้ว! พี่เจี้ยง ข้าคิดว่าพ่อลูกคู่นี้ต้องการปกปิดความแข็งแกร่ง และไปสร้างชื่อเสียงในการทดสอบมังกรซ่อนแน่ ๆ!"
"มันควรเป็นเช่นนั้น แม้แต่ทายาทจวนพยัคฆ์ขาวผู้เป็นอัจฉริยะยังพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือเจี้ยงเฉิน เป็นไม่ได้ที่สัตว์ประหลาดเช่นนี้จะไม่ผ่านการทดสอบย่อยสามการทดสอบก่อนหน้า?"
"ขุนนางเจี้ยงหาน ยินดีด้วย ยินดีด้วย ใครจะคิดว่าทั่วทั้งอาณาจักรจะถูกทำให้ดวงตามืดบอดจากท่านสองคน ท่านควรถูกลงโทษนะ, เฮ้!"
ณ ตอนนั้น เจี้ยงเฟิงก็ประหลาดใจมากเช่นกัน ถ้าเจี้ยงเฉินพ่ายแพ้แก่ไป่ซานอวิ๋นในไม่กี่กระบวนท่า เขาจะไม่ประหลาดใจเลย และเขาจะไม่แม้แต่ประหลาดใจเลย ถ้าเจี้ยงเฉินขอยอมแพ้ทันทีที่ขึ้นไปประลอง
แต่ ผลการต่อสู้นี้ทำให้เขาตกใจจนช็อก
แอบซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริง? หมาป่าห่มหนังแกะ? เจี้ยงเฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ถ้าเป็นในกรณีนั้น ทักษะการแสดงของเจ้าเด็กบ้าของเขาต้องยอดเยี่ยมจริง ๆ แม้แต่ชายแก่ ๆ คนนี้ยังถูกทำให้ตามืดบอด
แม้แต่ในความฝัน เจี้ยงเฟิงยังไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึงสถานการณ์แบบนี้!
ในสถานการณ์แบบนี้มีทั้งคนดีใจและเสียใจ ขุนนางที่อยู่คนละข้างกับขุนนางเจี้ยงหาน รวมถึงขุนนางที่อยากเห็นเขาเป็นตัวตลก ต่างทำหน้าตาดูไม่ได้ในทันที พวกเขาตระหนักว่าพวกเขานั้นถูกหลอกโดยพ่อลูกคู่นี้
แม้แต่ขุนนางจวนมังกรทะยาน หลงจ้าวเฟิงก็ยังมองเจี้ยงเฉินและมีร่องรอยของความรอบคอบมากขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินคนจากจวนเจี้ยงหานต่ำเกินไป!
สำหรับหลงยู่ซือ ตอนนี้เธอยิ่งไม่ชอบเจี้ยงเฉินมากขึ้นกว่าเดิม คำพูดที่เจี้ยงเฉินพูดกับไป่ซานอวิ๋นเมื่อครู่ดูเหมือนจะเยาะเย้ยไป่ซานอวิ๋นแต่จริง ๆ แล้วกลับมุ่งเป้ามาที่เธอ เสียดสีเธอ, หลงยู่ซือ!
"จะสำคัญอะไร ก็แค่ขุนนางต่ำ ๆ คนหนึ่งที่ต้องการที่จะใช้แผนการเล็กน้อย? แผนการอ่อน ๆ แบบนี้ก็เหมือนกับเมฆที่ถูกพัดลอยไปต่อหน้าพลังอำนาจที่แท้จริง" หลงยู่ซือยังคงเหยียดหยามเจี้ยงเฉินต่อไป และด้วยความจริงที่ว่าเธอมีร่างฟีนิกส์สวรรค์ ทำให้เธอมีโอกาสอย่างมากที่จะได้เข้าสำนักตะวันม่วง
ดังนั้นถ้าไพร่พวกนี้จะเป็นขุนนางในอนาคต แต่ก็ยังเป็นแค่มดปลวกอยู่ดี!
ไม่ว่าจะเป็นเจี้ยงเฉินหรือไป่ซานอวิ๋นก็เป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ ในสายตาหลงยู่ซือ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่มด เธอก็ยังคงต้องการเห็นพวกเขาถูกทำให้น่าขบขันต่อหน้าเธอ สร้างความสนุกสนานให้เธอและให้เธอใช้เป็นแท่นเหยียบ ให้เธอเป็นดาวเจิดจรัสจนดึงดูดความสนใจดวงจันทร์ได้
แต่เจ้าเจี้ยงเฉิน, เจ้ามดปลวกที่น่ารำคาญ, มันกลับกล้าก่อกวนแผนของเธอ!
คนเดียวที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เลย คือ องค์หญิงโจวหยู่ เพราะว่าเธอกำลังตกอยู่ในภวังค์ เธอยังคงติดอยู่ในภาพการต่อสู้ในใจ แม้กระทั่งตอนนี้
ดัชนีที่มีมนต์ขลังของเจี้ยงเฉิน สถานการณ์เช่นนี้มีแค่ในจินตนาการ เหมือนพระเจ้าทำให้จิตวิญญาณของเธอหลุดลอยออกไปและพบกับความมหัศจรรย์
เธอจำลองฉากการต่อสู้ภายในใจของเธอ แต่ยิ่งเธอจำลองมันเธอก็พบว่าด้วยระดับความรู้ความเข้าใจในพลังแห่งเต๋าและดัชนีราชันบูรพาของเธอยังคงไม่สามารถสร้างมโนภาพได้เต็มที่เหมือนการต่อสู้ที่ผ่านมา!
ต้องพูดว่าองค์หญิงโจวหยู่ไม่สามารถเลียนแบบการกระทำของเจี้ยงเฉินและชนะได้อย่างง่ายดายและว่องไวแม้ในทางทฤษฎีการต่อสู้!
กุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ที่แพ้ชนะ แต่องค์หญิงโจวหยู่ไม่สามารถเทียบกับเจี้ยงเฉินได้ทั้งในเชิงของสภาพจิตใจและระดับความล้ำลึกของดัชนีราชันบูรพา
องค์หญิงโจวหยู่จำลองฉากการต่อสู้ต่อไป แต่ที่สุดก็พบว่า ไม่ต้องไปดูถึงการจะฝึกมัน เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำแม้กระทั่งจะจำลองภาพแต่ละภาพด้วยระดับความเข้าใจในพลังเต๋าของเธอเพียงเท่านี้ มันหมายความว่าหลังจากที่เจี้ยงเฉินสาธิตให้ดูแล้ว เธอไม่สามารถฉายการเคลื่อนไหวของเขาซ้ำ แม้เธอจะมีโอกาสทำมันได้
ความเข้าใจระดับนี้.. ประโยคหนึ่งเกิดขึ้นในใจองค์หญิงโจวหยู่ แน่นอนว่าความเข้าใจระดับนี้ต้อง..
เวลานั้นดูหลูไห่ก็วางท่าโอ้อวดและมีเจตนาระรานที่ชัดเจนแต่เขากลับใช้น้ำเสียงแสดงถึงความชอบธรรม, "เจี้ยงเฉิน, นี่เป็นการฝึกซ้อมต่อหน้าองค์หญิงโจวหยู่ และได้ตกลงกันแล้วว่าจะใช้ลมปราณรัตนะม่วงบูรพาและนั่นมีวรยุทธ์ที่ใช้คู่กันอยู่แล้ว เจ้ากล้าใช้วรยุทธ์อื่น; เจ้ายังมีความซื่อสัตย์อยู่บ้างรึเปล่า? เจ้ายังมีศักดิ์ศรีของการเป็นชนชั้นสูงอยู่หรือไม่?"
เจี้ยงเฉินทิ้งสายตาไปมองเขาครู่หนึ่ง และขาดความตั้งใจที่แม้แต่จะดูถูกคนโง่เง่า มันจะไม่กลายเป็นการดูถูกตัวเองไปด้วยหรอกหรือ ถ้าหากเขามั่วแต่มานั่งเสียเวลากับคนที่จ้องแต่จะประจบประแจงผู้มีอำนาจเช่นนี้
ดูจากความหยิ่งยโสของเจี้ยงเฉินและการไม่โต้ตอบแล้ว ดูหลูไห่คิดว่าเจี้ยงเฉินกลัวเขา ทัศนคติของเขาก็ยิ่งยโสโอหังขึ้นอีก "เจี้ยงเฉิน ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ ข้าจะรายงานเรื่องที่เจ้าไม่เคารพองค์ราชาต่อท่าน.."
"ผู้จัดการหลักดู ไม่ต้องพูดอีก" ไป้ชานอวิ๋นหน้าซีดลงแต่ก็ยังหัวเราะอย่างขมขื่น "แม้เขาจะใช้ดัชนีราชันบูรพา ข้าก็แพ้อยู่ดี ข้ายอมรับ"
ดูหลูไห่คิดว่าไป้ชานอวิ๋นหาทางกู้หน้าตัวเองคืน เขาปลอบประโลม, "ไป้ชานอวิ๋น, อย่ารู้สึกเศร้าใจไปเลย เจ้าเจี้ยนเฉินก็แค่ใช้เล่ห์กลชั่วร้ายนิดหน่อย เมื่อคิดดี ๆ แล้วคนผู้นี่ไม่แม้แต่จะผ่านการทดสอบย่อยทั้งสาม เขาจะสามารถใช้ดัชนีราชันบูรพามาชนะท่านได้อย่างไร? ถ้าเป็นข้า.."
"ดูหลูไห่, องค์หญิงผู้นี้ขอสั่งให้เจ้าหุบปาก!"
องค์หญิงโจวหยู่ผู้ที่ซึ่งได้สติกลับมาเมื่อครู่ หันกลับมาเผชิญหน้ากับดูหลูไห่ที่กระโดดขึ้นมาสร้างเรื่องราวกล่าวหาเจี้ยงเฉินว่าใช้เล่ห์กลชั่วร้าย
วรยุทธ์พื้นฐานกลายเป็นเล่ห์กลชั่วร้ายจากปากของเจ้าโง่คนหนึ่ง องค์หญิงจะไม่โกรธได้อย่างไร?
"องค์หญิง, เจ้าเจี้ยงเฉิน.." ดูหลูไห่ยังต้องการดูถูกเจี้ยงเฉินเพื่อชื่อเสียงของตนเองต่อ
"ข้าพูดไปแล้วและจะไม่พูดซ้ำอีก หุบปากของเจ้าซะ!" น้ำเสียงขององค์หญิงโจวหยู่รุนแรงขึ้น "เจ้าเป็นผู้จัดการการทดสอบมังกรซ่อน แต่เจ้ากลับจำไม่ได้แม้แต่พื้นฐานของพลังเต๋า! ข้าจะพิจารณากับพี่ชายข้าอีกครั้งถึงตำแหน่งผู้จัดการสอบ"
"อะไรนะ? องค์หญิง, ข้าบริสุทธิ์!" ดูหลูไห่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว
"ออกไป!" องค์หญิงโจวหยู่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโกรธเคืองดูหลูไห่มากขนาดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาสร้างเรื่องวุ่นวายรบกวนทำให้เธอเสียสมาธิ?
ขณะนั้นเอง องค์หญิงจื่อยั่วเป็นเพียงผู้เดียวที่ปลอดโปร่งไม่ว่าเวลาไหน หัวเราะคิกคักและถามด้วยใบหน้าใสซื่อว่า, "ท่านน้า, พี่ชายเจี้ยงเฉินแข็งแกร่งมาก เขาชนะไป้ชานอวิ๋นผู้ที่อยู่ "จุดสูงสุดของขั้นไร้ที่ติ", เขาอยู่ขั้นใดกัน? "จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ?"
จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ?
หน้าของผู้ฝึกตนแข็งค้างทันทีที่ได้ยิน ทุกคนรู้ว่ามีแค่อัจฉริยะเท่านั้นที่ฝึกวรยุทธ์ถึงขั้น "ความสมบูรณ์แบบ" และขั้น "จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ" คือจุดสูงสุดสำหรับแต่ละวรยุทธ์และไม่มีใครที่จะสามารถเอาชนะได้
คนที่สามารถฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้ต้องเป็นอัจฉริยะด้านพลังเต๋าที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งคนในรอบร้อยปี
แต่ริมฝีปากบาง ๆ อันเย้ายวนของเจ้าหญิงสั่นเบา ๆ และแสงแปลก ๆ ในดวงตาเจิดจ้ามากขึ้นราวกับว่าคำว่า "จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ" ยังไม่พอที่จะอธิบายถึงสภาพจิตใจของเธอในตอนนี้
"จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ?" ริมฝีปากที่เหมือนสลักขึ้นจากหยกของเจ้าหญิงเผยอขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ หอบกลิ่นกล้วยไม้ออกมา, "ข้าพบท่านอาจารย์ของข้าเมื่อสิบหกปีก่อน ข้าได้เรียนรู้แม้กระทั่งขั้นที่เหนือกว่า "จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ" ในการฝึกฝนพลังแห่งเต๋า!"
ฝูงชนโวยวายขึ้นทันทีที่ได้ยิน
ในปัจจุบัน, ใครกันที่ไม่มีอาจารย์ชี้นำในเส้นทางพลังเต๋า? ที่นี่มีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญพลังปราณแท้จริงที่ฝึกฝนมาหลายทศวรรษ!
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาไม่เคยได้ยินขั้นที่สูงกว่า "จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ".
มีวรยุทธ์ที่เหนือกว่า "จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ"อีก? แม้กระทั่ง "ความสมบูรณ์แบบที่ยิ่งใหญ่" มันยังไม่เพียงพอต่อการอธิบาย? นึกไม่ถึงเลยจริงๆ
เจ้าหญิงโจวหยู่ดูเหมือนจะสะเทือนใจในขณะที่เธอคิดถึงเรื่องมหัศจรรย์นี้, เธอพึมพำเบา ๆ "ข้ารู้, มันเป็นอะไรที่เชื่อได้ยากแต่ท่านอาจารย์บอกว่าในโลกของการฝึกฝนพลังเต๋านั้นกว้างใหญ่ ไม่มีที่สิ้นสุด อัจฉริยะพลังเต๋าในจักรวาลนี้เปรียบเหมือนดวงดาวมีนับไม่ถ้วน อาณาจักรตงฟางของเราที่อยู่ในสิบหกอาณาจักรก็แค่หยดน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรในทวีปนี้!
อัจฉริยะในด้านพลังเต๋าบนโลกนี้มีมากกว่าพันล้านคนและมีมากมายที่มีศักยภาพมากพอที่จะฝึกฝนวรยุทธ์ถึง "ขั้นสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่",และที่น่ากลัวที่แท้จริงคือพวกเขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มากมายเพื่อเปลี่ยนแปลงรากฐานของวงจร "ขั้นสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่"พวกเขาสามารถค้นพบความลับที่ไม่มีใครเคยพบมาก่อนและพัฒนาคุณสมบัติในแต่ละขั้นของวรยุทธ์ได้!"
น้ำเสียงองค์หญิงโจวหยู่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือและมีร่องรอยของความตั้งใจในดวงตาเธอ
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเจ้าหญิงโจวหยู่ไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ในประเทศ ๆ หนึ่ง เธอกระหายและต้องการรับรู้ถึงขอบเขตที่กว้างออกไปในโลกของการต่อสู้ด้วยพลังเต๋า
เธอโหยหาโลกภายนอกมากขึ้นเมื่อเธอได้ยินอาจารย์กล่าวในปีนั้นและเธออยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอัจฉริยะตำนานเพิ่มขึ้นไปอีก
เจ้าหญิงโจวหยู่รู้สึกได้เล็กน้อยว่าดัชนีราชันบูรพาของเจี้ยงเฉินนั้นลึกล้ำจนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะในด้านพลังเต๋าอย่างที่อาจารย์เธอบอก
"ทุกขั้นที่เหนือกว่า 'จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ' เราควรเรียกมันว่าอะไร?" ผู้เชี่ยวชาญพลังเต๋าที่อยู่ที่นั่นถาม เขาหนึ่งรู้สึกพ่ายแพ้กับความรู้ความเข้าใจที่เกินตัวพวกเขาไปมาก
"ทุกขั้นที่เหนือกว่า 'จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ' สามารถเรียกได้ว่า "ขั้นตำนาน"!"
เจ้าหญิงโจวหยู่ไม่ได้หวงความรู้และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "แน่นอนอัจฉริยะที่แท้จริงเหล่านี้การจะฝึกฝนจนถึง "ระดับตำนาน" ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อัจฉริยะที่แท้จริงฝึกวรยุทธ์ชั้นสูงจนถึง "ระดับตำนาน", และสร้างวรยุทธ์ของตนเองขึ้นและยกระดับวรยุทธ์เหล่านี้ให้เป็นท่าไม้ตาย นั่นคือเครื่องหมายของอัจฉริยะที่แท้จริง!"
ฝูงชนเข้าใจได้ในที่สุดหลังจากฟังคำอธิบาย
งั้นนี่คือ "ขั้นตำนาน" นะสิ
"ท่านน้า,นี่หมายความว่าดัชนีม่วงบูรพาของพี่ชายเจี้ยงเฉินถึงขั้นตำนานเหรอคะ?" องค์หญิงตงฟางจื่อยั่ว ถามเพื่อความมั่นใจ
"ข้าฝึกดัชนีราชันบูรพามาสิบสามปีและข้าอยู่ "ขั้นเริ่มต้นของความสมบูรณ์แบบ" แต่ข้าไม่สามารถมองเห็นถึงแก่นของดัชนีราชันบูรพาของเจี้ยงเฉินได้ เหมือนมังกรที่เห็นหัวแต่ไม่เห็นหาง ข้าไม่สามารถจำลองการต่อสู้ในจิตใจได้ ทุก ๆ คนโปรดทบทวนว่า ขั้นดัชนีราชันบูรพาที่แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถมองให้ทะลุถึงทฤษฎีได้นี่อยู่ขั้นไหนกัน?"
เจ้าหญิงโจวหยู่หยุดพูดแต่ความหมายมุ่งตรงไปที่เจี้ยงเฉิน
อย่างไรก็ตามเจี้ยงเฉินหัวเราะอย่างเกียจคร้าน "ขั้นตำนาน? มันเป็นขั้นที่มหัศจรรย์ขนานนั้นเลย? อย่างไรก็ตามที่ข้าชนะอย่างหมดจดก็เพราะไป้ชานอวิ๋นปัญญาอ่อนเกินไป เขาแสดงดัชนีราชันบูรพาต่อหน้าข้า และข้าก็เข้าใจถึงจุดอ่อนของเขา จะต้องใช้วิธีอะไรมากมายเพื่อเอาชนะ?"
ไป้ชานอวิ๋นนั้นอับอายเป็นอย่างมาก ความภาคภูมิใจทั้งชีวิตของเขาถูกทำลายลงทั้งหมด และไม่สามารถที่จะเกลียดชังเจี้ยงเฉินได้เพราะเจี้ยงเฉินได้ส่งหมัดที่เขาต่อยออกไปกลับคืนมาให้ตัวเขาเอง เขาตระหนักว่าเจี้ยงเฉินพูดความจริงเมื่อเขาใจเย็นลงและคิดทบทวนเรื่องราว
เขาได้พยายามมากมายเพื่อหลงยู่ซือ แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยแสดงความจริงใจอะไรเลยต่อไป้ชานอวิ๋น?