px

เรื่อง : ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ตอนที่ 26 เจี้ยงเฟิงปะทุ


ตอนที่ 26 เจี้ยงเฟิงปะทุ

 

-------------------------

ประกอบครับ #ระดับพลัง ขั้นเริ่มแรก/กลาง/สูง/ปรมาจารย์ ลมปราณแท้จริง

 

#ระดับทักษะ ประสบความสำเร็จเล็กน้อย' 'มีความสามารถ' 'แท้จริง' 'ไร้ที่ติ' 'สมบูรณ์แบบ'

 

การซ้อมแข่งระหว่างทายาทขุนนางก็ได้จบลงด้วยผลเช่นนี้ ด้วยตำแหน่งของนาง เป็นธรรมชาติที่ทุกคนจะมีความสงสัยว่านางอยู่ข้างเจี้ยงเฉิน

 

จากทุกอย่าง ความจริงทั้งในแง่ของตัวตนหรือตำแหน่งของเจี้ยงเฉินไม่สมควรจะมีโอกาสที่จะได้รับการหนุนหลังจากองค์หญิงโจวหยู่ด้วยซ้ำ

 

นอกจากนี้ จะมีผู้ใดไม่รู้ว่าองค์หญิงโจวหยู่เป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความเย็นชาและความเป็นธรรมอย่างที่สุด ถ้าไม่เช่นนั้น องค์ราชาหลู่จะมอบหมายให้นางควบคุมงานทดสอบมังกรซ่อนได้อย่างไร?

 

ในเวลาเดียวกันแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่เจี้ยงเฉินได้เอาชนะไป่ชานอวิ๋น แต่มันก็เกิดตรงหน้าของผู้ชม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยแต่พวกเขาก็ไม่มีข้ออ้างที่จะทำเช่นนั้น

 

กลับไปที่งานเลี้ยง แม้จะมีไวน์และอาหารมากมายแต่บรรยากาศก็ไม่ได้เป็นเช่นเดิมในตอนที่เริ่ม ต้องขอบคุณกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงตอนนี้ทุกคนมีความกังวลอยู่ภายใน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขุนนางผู้ที่เคยมีความขัดแย้งกับขุนนางแห่งเจี้ยงเฟิง พวกเขายังคงไม่ได้แตะอาหารเลยด้วยซ้ำ เจี้ยงเฉินก็ได้รับชัยชนะเพราะโชคดีจริงหรือ?

 

หรือว่าเขาเป็นหมาป่าห่มหนังแกะ และพ่อลูกคู่นี้เริ่มจะเผยคมเขี้ยวเมื่อมันถึงส่วนสุดท้ายของการทดสอบมังกรซ่อน

 

กล่าวว่า บางคนที่อยู่ในระดับแรกเริ่มปราณแท้จริงอาจใช้จุดอ่อนของผู้ที่มีระดับแปดปราณแท้จริงในการสาธิต แต่แม้ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในระดับ ปรมาจารย์ปราณแท้จริงก็ยังยากที่จะเชื่อมัน

 

มันเป็นเรื่องยากลำบากที่จะหาข้อบกพร่องหลังจากที่คน ๆ นึงได้เห็นมัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้รับชัยชนะได้อย่างขาดลอยเช่นนี้?

 

มันจะเป็นเรื่องง่ายได้เช่นไรที่ผู้ที่มีระดับการฝึกที่ต่ำกว่าจะสามารถเอาชนะผู้ที่มีระดับการฝึกที่สูงกว่า เช่นนั้นทุกคนจะฝึกไปเพื่ออะไรกัน?

 

แต่ถ้าจะบอกว่าเจี้ยงเฉินเป็นหมาป่าในคราบหนังแกะ แต่การแสดงของเขามันจะไม่เหมือนจริงเกินไปหน่อยรึ?

 

และที่สำคัญ การกระทำระหว่างพิธีกรรมบูชาสวรรค์ไม่ควรจะอยู่ในการแสดงของหมาป่าในคราบหนังแกะ มันเป็นความผิดที่ร้ายแรง และการลงโทษที่รุนแรงคือสิ่งที่เขาต้องได้รับ

 

เว้นแต่.... องค์ราชาหลู่ก็เล่นละครพร้อมกับเจี้ยงเฉิน?

 

นี่ยิ่งไร้สาระมากขึ้น! แน่นอนว่าราชาย่อมไม่ทำเรื่องที่น่าเบื่อเช่นนี้จริงหรือไม่? บวกกับที่ตระกูลเจี้ยงก็ไม่ได้มีหน้าพอที่จะทำให้องค์ราชาเคลื่อนไหวเพื่อพวกเขาได้

 

มีเพียงขุนนางบางคนและเจ้าหน้าที่บางคนเท่านั้นที่รู้ พวกเขาสามารถคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้ เพราะพวกเขาได้เป็นพยานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลเจี้ยง

 

 บางทีการช่วยเหลือของเทพเจ้ายังไม่ได้หมดเพียงแค่ช่วยชีวิตเจี้ยงเฉิน มันอาจจะมีสิ่งที่เหล่าเทพเจ้ามอบให้เขามากมายมากกว่านั้น โชคอะไรกันนี่?  ขุนนางเทียนจิวอธิบายสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีนี้กับตัวเอง (ผู้แปล. ไอ้คนที่ตบหน้าตัวเองอ่ะครับ รู้สึกจะตอนสาม)

 

การคิดด้วยเหตุผลนี้เป็นสิ่งที่มีตรรกะมากที่สุด ขุนนางเทียนจิวได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างจากการเฝ้าสังเกตท่าทางและการกระทำของเจี้ยงเฟิง อย่างน้อยเจี้ยงเฟิงก็ไม่ได้รู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนเช่นกัน

 

ด้วยระดับของเจี้ยงเฟิง การแสดงของเขาไม่ได้แนบเนียนขนาดนั้นหากเขาแกล้งเป็นหมาป่าในคราบหนังแกะ เขาย่อมต้องมีพิรุธบางอย่าง

 

เจ้าอ้วนซวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เดินไปคุยกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในงาน เมื่องานเลี้ยงเริ่มขึ้นพวกเขานั้นค่อนข้างสนิทสนมกับเจี้ยงเฉิน ที่พวกเขาอยู่กับเจี้ยงเฉินก่อนหน้านี้เป็นเพราะความยุติธรรม และสำนึกของพวกเขาที่มีให้สำหรับเพื่อน

 

แต่ตอนนี้พวกเขานั้นรู้สึกภาคภูมิใจกับความแข็งแกร่งของเจี้ยงเฉินเป็นอย่างมาก

 

 ให้ตายเถอะพี่เฉิน ข้า เจ้าอ้วนซวนได้อยู่กับท่านมาตลอด 2-3 ปีแต่ไม่เคยรู้เลยว่าท่านนั้นเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ทักษะขั้นสูงศักยภาพขั้นสูงและแน่นอนพลังขั้นสูง น้องชายของท่านหวาดหวาดหวั่นจริง ๆ นะนี่!

 

เจ้าอ้วนซวนมีท่าทางของความตื่นเต้นจนน้ำลายของเขากระเด็นเต็มไปหมดในขณะที่เขาทำท่าทางมือประกอบ เขาตื่นเต้นเหมือนเด็กได้รับของขวัญวันคริสต์มาส เจี้ยงเฉินแทบจะเริ่มหวาดหวั่นเช่นเดียวกับเจ้าอ้วนซวน (ผู้แปล. กลัวน้ำลายครับ 555)

 

ไป่ชานอวิ๋นมีใบหน้าที่ซีดขาวในขณะที่เดินกลับไปนั่งโต๊ะอื่น และเขาก็เก็บหัวของเขาลงในขณะที่เขาปลอบใจตนเองด้วยเหล้าผลไม้ที่อยู่ในแก้วของเขา

 

หยานยี่หมิง ผู้ที่ได้รับการตบตีจากเจี้ยงเฉินก่อนหน้านี้กำลังครุ่นคิดอยู่ในใจของเขาและพึมพำออกมา  เจี้ยงเฉินมันได้รับเคล็ดลับที่น่าหวาดหวั่นมาแน่นอน! มันอยู่เพียงขั้นสามลมปราณแท้จริง เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะพ่ายแพ้แก่มัน

 

หงเทียนทงและคนอื่น ๆ ต่างก็อดแอบโล่งใจไม่ได้ ดีนะที่พวกเขาไม่กล้าที่จะออกไปแสดงทักษะต่อ!! หลังจากที่ไป่ชานอวิ๋นได้แสดงทักษะ'ดัชนีราชันย์บูรพา'ไปก่อนหน้าพวกเขา

 

คิดดูสิ! ถ้าพวกเขาเป็นคนที่ต้องรับมือกับเจี้ยงเฉิน คนที่ต้องอับอายต่อหน้าทุกคนย่อมไม่ใช่สองคนนั้น แต่เป็นเขา หงเทียนทง

 

ทันใดนั้นภายในหัวของหงเทียนทงก็ได้คิดอะไรบางอย่างออกในขณะที่เขากำลังเห็นไป่ชานอวิ๋นกลบเกลื่อนความเศร้าเสียใจของเขากับสุรา เขานั้นต้องการกระตุ้นไป่ชานอวิ๋นสักเล็กน้อย  พี่ไป่ อย่าสิ้นหวังไป ในแง่ความแข็งแกร่งเจี้ยงเฉินอยู่เพียงระดับเริ่มแรกของลมปราณแท้จริง เขาจะเป็นคู่แข่งของท่านได้อย่างไร? ทักษะดัชนีราชันย์เป็นเพียงแค่ทักษะพื้นฐาน เจ้าเด็กนั่นก็เพียงแค่โชคดีและมีความชำนาญในกระบวนท่านี้มากกว่า นั่นคือทั้งหมด ถ้าเราแข่งขันกันในฐานะของขุนนางมันก็เป็นไปไม่ได้ที่ขุนนางแห่งเจี้ยงเฟิงจะเอาชัยเหนือขุนนางพยัคฆ์ขาวจริงหรือไม่?

 

ไป่ชานอวิ๋นเพียงก้มหัวของเขาลงเล็กน้อยในขณะนั้นเขาก็ยิ้่มออกมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะมีความหยิ่งยโสในตัวของเขา เขาส่ายหัวของเขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่คนโง่

 

ครั้งก่อนเขาพยายามจะเอาชนะอย่างหมดจดกับเจี้ยงเฉิน เพื่อจะได้รับความสนใจจาก หลง ยู่ซือ

 

แต่หลังจากที่เขาได้คิดเกี่ยวกับคำพูดของเจี้ยงเฉิน ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป

 

อันที่จริงนี่เป็นช่วงเวลาที่ดีของชีวิตเขา มันคุ้มค่าหรือที่จะเสียเวลาไปกับหญิงสาวที่ไม่ได้สนใจในตัวเขา? และแม้ว่าหงเทียนทง จะพูดถึงเจี้ยงเฉินตลอดเวลา ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรแม้แต่น้อย หากไป่ชานอวิ๋นต้องการที่จะขัดแย้งกับเจี้ยงเฉิน เขาย่อมเป็นผู้เดียวที่ต้องได้รับผลที่จะตามมา

 

นั่นหมายความว่าอะไรน่ะรึ?

 

นั่นหมายความว่าหงเทียนทง ต้องการที่จะใช้ไป่ชานอวิ๋นให้เป็นที่รับกระสุนปืน!

 

'เจ้าคิดว่าข้าโง่นักรึ?'ไป่ชานอวิ๋นตวัดสายตามองหงเทียนทงด้วยหางตาเขาเพียงแค่คิดในใจ เหมือนดั่งใจของเขาได้เติบโตขึ้นเขามีความระมัดระวังและคิดถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมา

 

ที่หัวโต๊ะผู้เป็นเจ้าภาพของการดำเนินงานวันนี้ หลงจ้าวเฟิงแม้จะประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันมากมายเท่าไรนัก

 

แม้เจี้ยงเฉินจะมีแผนการใด ๆ หรือมีศักยภาพแฝงเพียงไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเทียบกับบุตรสาวของเขาที่มีร่างกายที่พิเศษ

 

ดั้งนั้น หลงจ้าวเฟิงไม่เพียงมีความต้องการเกี่ยวกับที่ดินจิตวิญญาณของตระกูลเจี้ยงน้อยลง แต่มันกลับเพิ่มมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

 

หลังจากที่เขาได้จิบเหล้าผลไม้ไปหลายแก้วเขาได้ยกแก้วของเขาต่อเจี้ยงเฟิง  พี่เจี้ยง ข้าประหลาดใจจริง ๆ เกี่ยวกับบุตรชายของท่าน เขาได้ขยายความคิดของข้ามากทีเดียว ข้าอยากสนิทสนมกับท่านตั้งแต่วันนี้ พี่เจี้ยง ทำไมเราไม่ใช้โอกาสจากวันนี้ซักหน่อย? ทำไมพวกเราไม่มาคิดเกี่ยวกับข้อเสนอของข้าที่ให้ท่านก่อนหน้านี้ซักหน่อยเล่า?

 

ทำไมท่านไม่ผ่อนคลายสักหน่อยเพียงแค่ประทับตราภายในสัญญา? พี่เจี้ยง ท่านก็เห็นความจริงใจของข้า เพียงแค่ท่านยอมรับ ท่านจะไม่ต้องทำอะไรและจะได้รับสามแสนเหรียญเงินจากข้าได้ทุกปี แล้วทั้งสองตระกูลของเราจะร่วมเป็นพี่น้องกันตลอดไป ท่านคิดว่าเป็นเช่นไร?

 

หลงจ้าวเฟิงปรับน้ำเสียงของเขาให้เขาดูเหมือนคนใจกว้าง ถ้าสิ่งที่เขาทำเป็นเหมือนน้ำเสียงของเขา เขาคงไม่คิดจะยึดทรัพย์สินของเจี้ยงเฟิงด้วยราคาที่ขูดเลือดเช่นนี้

 

เจี้ยงเฟิงรู้ว่านี่คือเหตุผลที่หลงจ้าวเฟิงที่พาเขามานั่งที่นี่ เพื่อให้เขาไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบรรดาสหายของเขา และหลงจ้าวเฟิงจะได้เผยความคิดของเขาออกมาได้อย่างเปิดเผย

 

เขาพูดด้วยใบหน้าที่องอาจ  ใต้เท้าหลง ดินแดนเจี้ยงเฟิงของข้าตั้งอยู่ทางใต้และเป็นสถานที่ที่ยากจน มีไม่มากนักที่จะเป็นรายได้ของพวกเรา งบประมาณทั้งน้อยใหญ่ส่วนมากก็มาจากที่ดินจิตวิญญาณ ข้อเสนอของท่านคือการปล่อยรายได้หลักของตระกูลเจี้ยงของข้า น้องชาย เจ้าก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ

 

อนึ่งกล่าวได้ว่า ด้วยนิสัยของเจี้ยงเฟิงมันแปลกมากที่จะเห็นเขาใจเย็นได้เช่นนี้ ถ้าในโอกาสปกติเขาอาจจะพังโต๊ะนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ

 

 พี่เจี้ยง ท่านกำลังทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับข้า  ขุนนางแห่งมังกรทะยานกล่าวเสียงแข็ง

 

 เหอะ ๆ ขุนนางเจี้ยงได้รับกำไรเนื้อ ๆ สามแสนต่อปีไม่ต้องทำอันใด ทำไมท่านต้องต่อต้าน?  ขุนนางอื่นร่วมเกลี้ยกล่อมเจี้ยงเฟิง

 

 แน่นอน!หากเป็นข้า ข้าจะไม่คิดมากเกี่ยวกับการนั่งเฉย ๆ และการใช้เงินสามแสนต่อปีเลย

 

 ใต้เท้าเจี้ยง ใต้เท้าหลงเป็นคนที่โดดเด่นมากที่สุดและต้องการที่จะเป็นมิตรของท่าน มีตั้งกี่คนที่ต้องการโอกาสเช่นนี้? และท่านจะไม่รับมันไว้งั้นหรือ?

 

 อืม ขุนนางมังกรทะยานเป็นขุนนางคนแรกที่ได้รับการพิจารณาว่าได้เข้าร่วมกับนิกาย แม่นางยู่ซือย่อมมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด การปัดความตั้งใจที่ดีของท่านจะไม่ทำให้ท่านลำบากขึ้นภายในอนาคตหรอกหรือ?

 

คนเหล่านี้ล้วนร่วมมือกับขุนนางมังกรทะยานทั้งสิ้น มันฟังเหมือนกลับว่าพวกเขานั้นมีความตั้งใจที่ดีเกี่ยวกับขุนนางเจี้ยงเฟิงอย่างจริงใจ แต่ในความจริงพวกเขาก็เป็นเพียงแค่ผู้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือการก่ออาชญากรรมของทรราชผู้หนึ่ง

 

หลายสิ่งที่ขุนนางมังกรทะยานไม่สามรถออกเสียงเองได้ แต่พวกเขาเหล่านี้จะเป็นผู้ที่ออกความคิดนั้น

 

อนึ่งต้องกล่าวว่า ถ้ามันเป็นขุนนางคนอื่น ๆ พวกเขาคงจะยอมจำนนแต่โดยดี แต่ในขณะนี้ขุนนางที่เขาต้องพูดด้วยคือ ขุนนางแห่งเจี้ยงเฟิง เขาเป็นขุนนางเก่าแก่และมันเป็นเรื่องยากที่จะหว่านล้อมเขา  ข้าจะไม่พูดอะไรเพิ่มเติม คำพูดของพวกท่านสวยหรู แต่มันไม่ได้เป็นความใจกว้าง หากสิ่งที่พวกท่านพูดคือ ให้ข้าตัดชิ้นเนื้อของตัวเอง

 

ตัวแทนของสวนยาแห่งราชันย์ก็อยู่ในการประชุมเช่นกันแต่ยังไม่ได้พูดอะไร เขาเป็นตัวแทนของสวนยาแห่งราชันย์และเขาได้หัวเราะในขณะนี้  ขุนนางเจี้ยงตลอดสัญญาที่สวนยาแห่งราชันย์ของเราได้ทำงานร่วมกับท่าน เราได้พบว่าส่วนผสมของท่านไม่ได้อยู่ในมาตรฐานของเรา ดังนั้นหลังจากที่เราตัดสินใจเราคิดว่าเราจะไม่รับส่วนผสมจิตวิญญาณใด ๆ กับขุนนางเจี้ยงอีก นี่เป็นข้อสรุปจากที่เราได้ตัดสินใจ

 

การแสดงออกของเจี้ยงเฟิงเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำเหล่านี้

 

เขาไม่ได้ปฎิเสธและไม่เต็มใจที่จะมอบที่ดินจิตวิญญาณผืนนี้เพียง เพราะความสัมพันธ์กับสวนยาแห่งราชันย์

 

ด้วยหุ้นส่วนนี้ ที่ดินแห่งเจี้ยงเฟิงจะได้รับเงินห้าล้านเหรียญต่อปี

 

แต่ตอนนี้สวนยาแห่งราชันย์ได้กล่าวยกเลิกสัญญาของเขาและจะไม่รับส่วนผสมใด ๆ กับตระกูลเจี้ยงในอนาคต!นี่มันเป็นเหมือนการตัดที่ยืนของเขาโดยสิ้นเชิง

 

เจี้ยงเฉินถาม  ผู้อาวุโส ท่านต้องการที่จะเลือดเย็นเช่นนี้?

 

ผู้อาวุโสตอบเบา ๆ  การสังเกตภาพรวมและการดำเนินการอย่างมีเหตุผลเป็นสิ่งที่ฉลาด ขุนนางเจี้ยงท่านไม่ตระหนักใจถึงกระแสพลังที่เปลี่ยนแปลง

 

อะไรคือสิ่งโน้มน้าว? คือการพยายามที่จะตัดขุนนางแห่งเจี้ยงเฟิงออก

 

เจี้ยงเฟิงนั้นเริ่มมีความคุกรุ่นภายในท้องของเขาแล้ว และตอนที่ตัวแทนสวนยาแห่งราชันย์ได้กล่าวออกมามันก็ได้จุดประกายไฟในตัวของเขาทันที

 

ความโกรธที่อัดอั้นมาตลอดของเขาได้ปะทุออก เจี้ยงเฟิงได้กระทืบเท้าของเขา  ดี!ดี! แต่ละคนบอกว่าตนเองเป็นผู้มีบุญแต่ทั้งที่จริงก็เป็นเพียงขโมย!ข้าขอพูดบางอย่างข้าไม่ใช่รูปปั้น ข้าสามารถที่จะรับเงินทองที่น้อยลงได้หรือแม้แต่ไม่ได้รับเลย แต่ข้าจะไม่เสียศักดิ์ศรีของข้าเป็นอันขาด! สวนยาแห่งราชันย์คืออะไร? จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเจี้ยง? ไม่ได้สำคัญ! ข้ายอมให้มันเป็นที่เลี้ยงหมูดีกว่าที่จะให้มันกับหัวขโมย!

 

เจี้ยงเฟิงระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีหลังจากที่เขาได้กล่าวจบ มันเป็นความรู้สึกที่ดีในการระเบิดครั้งนี้ เจี้ยงเฟิงรู้สึกว่าอารมณ์โกรธที่อยู่ภายในท้องของเขาได้รับการระบายอย่างดีในขณะนี้แล้ว

 

ภายในงานเลี้ยงตอนนี้ คนที่อยู่ภายในงานทั้งหมดต่างพากันเงียบในทันทีด้วยเสียงของเจี้ยงเฟิง

 

ขุนนางทั้งหมดที่อยู่ภายในงานต่างมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด พวกเขาทั้งหมดคิดเพียงว่าพ่อลูกคู่นี้ต้องวางแผนอะไรไว้กันแน่ ๆ ตอนนี้พวกเขานั้นกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจของผู้คน พวกเขาไม่สนใจเลยหรือที่จะสร้างความขัดแย้งและสร้างความขุนเคืองกับขุนนางมังกรทะยาน?

รีวิวผู้อ่าน