ตอนที่ 27 ด่าว่าพวกชั้นสูง
-------------------------
#ประกอบครับ อาณาจักรนี้มีอยู่สามสมาคมยา 1 หอโอสถ 2 สวนยาแห่งราชันย์ 3 วิหารสวนแห่งเทพ คร่าวๆนะครับผมเองก็ได้อ่านถึงแค่ตอนที่ผมแปลเนี่ยล่ะ
-----------------------------------------------------------
เงียบ! เหมือนดั่งว่าที่นี่ไม่เคยมีผู้ใดอยู่...
ไม่มีใครคาดคิดว่าจู่ ๆ เจี้ยงเฟิงจะระเบิดคำพูดออกมาเช่นนี้ นี่กล่าวได้ว่าเขาได้ทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดกับขุนนางมังกรทะยานและเริ่มต้นความบาดหมางกับขุนนางลำดับหนึ่ง!
ในเวลาเพียงครู่เดียว แม้แต่ผู้ที่เป็นมิตรกับขุนนางแห่งเจี้ยงหาน ยังมีเหงื่อเย็นเยียบบนแผ่นหลังของพวกเขา
ในฐานะที่พวกเขาเป็นบุคคลกลางพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่เจี้ยงเฟิง พวกเขาเกรงว่าหากทำเช่นนั้นแล้วขุนนางมังกรทะยานจะเข้าใจว่าพวกเขานั้นสนับสนุนเจี้ยงเฟิง
บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเสียงปรบมือที่ดังเสียดหูขึ้น
เจี้ยงเฉินลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ เป็นการตำหนิที่ยอดเยี่ยม! ถูกแล้ว! ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าประหลาดใจจริง ๆ ไม่มีกระดูกสันหลังใดในหมู่พวกท่านที่ได้ชื่อว่าขุนนาง (ไม่มีศักดิ์ศรีโค้งหลังไปทั่ว) นี่สินะ ผู้ดีชนชั้นขุนนาง?
เราต้องพึ่งพวกท่านผู้ทำเพียงเกาะบารมี ประจบสอพลอ ทำได้เพียงหมอบลงเพื่อปกป้องอาณาจักตงฟางของเรางั้นรึนี่?
ความสามารถหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของพวกท่านคือ การมองดูความแค้นของสหายพวกท่าน โดนกดขี่ข่มเหงยึดที่ดิน และปล้นกำไรของพวกเขา?
สำหรับท่าน สวนยาแห่งราชันย์คืออะไร? สำหรับการค้าขายพวกท่านมีความสำเร็จอันใดบ้าง? พวกท่านทำประโยชน์อันใดให้กับอาณาจักรบ้าง? พวกท่านมีความกล้าหาญที่จะพูดถึงความยุติธรรมบ้างหรือไม่?
ทำไมพวกท่านจึงได้มีความกล้าหาญเช่นนี้? องค์ราชาได้ทราบบ้างหรือไม่ว่าพวกท่านอวดอ้างถึงเพียงนี้? ใครก็ตามที่สังเกตถึงภาพรวมของสถานการณ์และดำเนินการตามความเหมาะสมเป็นความฉลาดอย่างหนึ่ง ภาพรวมของสถานการณ์มันคืออะไร? อะไรคือภาพรวมของสถานการณ์ในตอนนี้สำหรับพวกท่าน. สวนยาแห่งราชันย์ หรือจะหมายถึงการยุติสัญญา? หึ!ข้าไม่ได้ต้องการมันด้วยซ้ำ! ข้าทายาทขุนนางตระกูลเจี้ยงจะบอกพวกเจ้าให้ชัดเจน สวนยาแห่งราชันย์จะไม่ได้รับอะไรจากตระกูลเจี้ยงอีกตลอดไป!
ผู้อาวุโสสวนยาแห่งราชันย์หัวเราะเย็น ไม่ได้รับ? ใครกันที่เจ้ากำลังจะอวดดีด้วย? ตระกูลเจี้ยงของเจ้าก็เป็นได้แค่ขุนนางไร้ค่า ยกเลิกการทำธุรกิจกับสวนยาแห่งราชันย์ของข้า? ที่ดินจิตวิญญาณของตระกูลเจ้าก็เป็นได้แค่เพียงที่เลี้ยงหมู ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอย่างอื่น
เจี้ยงเฉินเหยียดยิ้ม นั่นทำเพื่ออันใด? หัวหน้าหอลำดับที่สามหอโอสถ ถ้าข้ากล่าวว่าจะใช้ที่ดินจิตวิญญาณตระกูลข้าเพื่อพวกท่านแต่เพียงผู้เดียว ท่านจะว่าเช่นไร?
หัวหน้าหอลำดับที่สามหัวเราะและถูจมูกของเขา มันจะเป็นที่น่าเสียดายถ้าจะเลี้ยงหมูในสวนที่มีเส้นเลือดจิตวิญญาณ หอโอสถของเรายินดีที่จะเสนอสิบล้านเหรียญเงินต่อปีสำหรับสัญญา 5 ปีกับตระกูลเจี้ยง ไม่สิ, ไม่ว่าจะสิบปียี่สิบปีพวกท่านสามารถที่จะกำหนดเองได้เลย!
อะไรนะ? ปัจจุบันทุกคนรวมทั้งขุนนางมังกรทะยานนั้นต่างคิดว่าพวกเขาได้ยินบางอย่างผิดไป ผู้อาวุโสสามแห่งหอโอสถเสนอเงินสิบล้านเงินสำหรับเซ็นสัญญากับตระกูลเจี้ยงในสถานการณ์เช่นนี้?
ถ้ามันเป็นในเวลาอื่น ๆ และพวกเขาได้ลงนามในสัญญาสำหรับการติดต่อทางการค้าอย่างหมดจดแล้วมันจะไม่เป็นเรื่องแปลก
แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ หอโอสถแสดงอย่างโจ่งแจ้งว่าจะสนับสนุนตระกูลเจี้ยงและสร้างความบาดหมางกับตระกูลมังกรทะยาน
นี่เป็นเรื่องแปลก
ใครบ้างไม่ทราบถึงจุดเด่นของหอโอสถ?
ใครบ้างที่จะไม่รู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของหอโอสถ? (ผู้แปล. ประมาณว่าทำธุรกิจที่ไม่ได้ประโยชน์น่ะครับ)
มันจะไม่แปลกเลยที่หอโอสถจจะไม่แม้แต่เข้ามาสนใจในสถานการณ์เหล่านี้ด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับหอโอสถที่ก้าวออกมาและมีส่วนร่วมเกี่ยวกับสถานการณ์นี้
เมื่อไหร่กันที่ตระกูลเจี้ยงได้มีความสัมพันธ์กับหอโอสถและยังเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเช่นนี้?
ไม่มีใครสังเกตว่าคนตระกูลเจี้ยงก็ได้มีความงุนงงบนใบหน้าของพวกเขาเช่นกันตั้งแต่ที่หอโอสถประกาศต่อสาธารณะว่าจะสนับสนุนพวกเขาเช่นกัน
การแสดงออกของผู้อาวุโสสวนยาราชันย์พลันเปลี่ยน หัวหน้าหอโอสถเฉียว นี่มันหมายความว่ายังไง?
จากสามศูนย์การค้าในเมืองหลวงสำหรับส่วนผสมจิตวิญญาณ หอโอสถเป็นผู้นำตลาดและถือร้อยละห้าสิบของส่วนแบ่งตลาดอยู่
และที่เหลือจะเป็นของวิหารสวนแห่งเทพและสวนยาแห่งราชันย์
แม้ว่าทั้งสามจะมีการแข่งขันที่รุนแรงแต่พวกเขาก็ยังเคารพซึ่งกันและกันอยู่และไม่ค่อยก้าวก่ายเรื่องของกันและกันอย่างโจ่งแจ้ง
นี้เป็นหลักการที่ทุกคนไม่ได้กล่าวออกมา แต่ก็เป็นสิ่งที่ใช้ร่วมกันมาตลอด
หัวหน้าหอโอสถลำดับสามยิ้มเล็กน้อย ผู้อาวุโสหวัง ข้าได้ยินอย่างชัดเจนที่ท่านประกาศยุติสัญญาการค้าขายกับตระกูลเจี้ยง ถ้าในกรณีนี้หอโอสถของข้าจะไม่นับว่าแทรกแซงการค้าขายของท่าน ทุกคนเข้าใจกฎของการค้าขายดี ท่านแค่ไม่ต้องการมันและข้าก็ได้หยิบมันขึ้นมา ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมท่านว่าจริงหรือไม่?
หอโอสถไม่ได้ทำผิดกฎไม่ว่าจะเป็นกฎที่ตั้งกันเป็นทางการหรือกฎที่มีกันเองในสมาคม
ผู้อาวุโสหวังมีการแสดงออกที่น่าเกลียดบนใบหน้าของเขา เขาได้นำตัวเองไปข้างหน้าเพื่อให้สาธารณชนเห็นว่าเขาได้ทำลายสัมพันธ์กับตระกูลเจี้ยงเพราะเขาอยากประจบขุนนางแห่งมังกรทะยาน
ไม่ว่าจะทำมันกับใคร การดำเนินค้าขายก็เหมือนกันทั้งหมด หากตระกูลหลงควบคุมที่ดินจิตวิญญาณ แล้วพวกเขาได้ทำการค้าขายกับขุนนางมังกรทะยาน ก็จะไม่มีผลเสียอันใดสำหรับสวนยาแห่งราชันย์ และพวกเขาจะได้ใช้ความเป็นจริงในข้อนี้เพื่อปูทางสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีของพวกเขากับขุนนางมังกรทะยาน มันจะมีแต่ผลดีและไม่ขาดทุนแม้แต่น้อย
บวกกับที่เขาคำนวณไว้ว่าถึงแม้สวนยาแห่งราชันย์จะยุติการซื้อขายกับตระกูลเจี้ยง หอโอสถและวิหารสวนแห่งเทพก็ยังไม่น่าจะรับทำธุรกิจนี้ต่อ
นอกจากนั้นธุรกิจมูลค่าห้าล้านเหรียญเงินต่อปียังไม่คุ้มค่าเสี่ยงสำหรับการผิดใจกับตระกูลมังกรทะยาน
ผู้อาวุโสหวังไม่ได้คิดถึงเมื่อทุกสิ่งอยู่เหนือการควบคุมของเขา
ไม่เพียงแค่หอโอสถจะเพียงเข้ามายุ่งเกี่ยวแต่พวกเขายังเพิ่มมูลค่าสัญญาขึ้นสองเท่า การกระทำของพวกเขาเป็นที่แน่ชัดว่าจะสนับสนุนตระกลเจี้ยง
ผู้อาวุโสหวังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมหอโอสถทำการค้าอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมมาตลอด พวกเขาเป็นคนฉลาดดังนั้น... มันคุ้มค่าจริงหรือสำหรับกำไรเล็กน้อยแลกกับการผิดใจขุนนางมังกรทะยานในเวลานี้?
หอโอสถอาจจะไม่เข้าใจแม้แต่ส่วนที่ง่ายที่สุดสำหรับภาพรวมในตอนนี้?
มันเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับการจัดงานเลี้ยงต่อเมื่อเรื่องมันเริ่มมาถึงจุดนี้
แขกหลายคนเริ่มอ่านบรรยากาศในงานเลี้ยงได้ เมื่อเห็นใบหน้าของขุนนางมังกรทะยานพวกเขาจึงรีบลาและกลับไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขุนนางมังกรทะยาน เต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ เขาคิดจะใช้งานเลี้ยงนี้เพื่ออวดความมั่งคั่งและอำนาจของเขา
แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณพ่อลูกสกุลเจี้ยง ด้วยการร่วมมือของพวกเขากับหอโอสถจึงกลายเป็นว่า พวกเจี้ยงเฉินกลายเป็นตัวเอกของงานมากกว่าคนจัดงานเช่นเขา
ช่างเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็มีแนวโน้มว่าความสงบของอาณาจักรตงฟางจะถูกทำลาย
เพราะขุนนางมังกรทะยานโกรธอย่างมาก!
ผลที่ตามมาจากอารมณ์กรุ่นโกรธของขุนนางลำดับที่หนึ่งแน่นอนว่ามันย่อมไม่ธรรมดา
ในฐานะตัวแทนของราชวงศ์องค์หญิงโจวหยู่ มีอารมณ์ที่ซับซ้อน นางได้ลำเอียงกับเจี้ยงเฉิน แต่นางก็ตระหนักได้ว่าถึงแม้เจี้ยงเฉินจะอวดดีและปากร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เขาก็มีออร่าที่พิเศษและยังคำเปรยถึงเรื่องกระดูกสันหลังอ่อนนั่นอีก!
การใช้วาทศิลป์ของเขา ความกล้าของเขาที่ถึงแม้พูดกับขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรก็ยังไม่หวั่นเกรง และรวมถึงเรื่องที่หอโอสถยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือในเรื่องนี้ ทั้งหมดนี้ทำให้องค์หญิงโจวหยู่ ต้องประหลาดใจ
เมื่องานเลี้ยงเลิก ผู้อาวุโสหวังยืนอยู่นอกประตูและยิ้มอย่างเย็นชาไปที่เจี้ยงเฟิง เจี้ยงเฟิง นี่มันมากเกินไปสำหรับเจ้าและบุตรชายของเจ้า กระทำการผิดใจกระตุ้นโทสะกับขุนนางมังกรทะยาน นี่จะทำให้อนาคตของตระกูลเจี้ยงต้องเดินอย่างยากลำบาก
ผู้อาวุโสหวัง จริง ๆ แล้วข้าอยากรู้บางสิ่ง ในฐานะที่เป็นผู้ทำการค้ามันเป็นเรื่องน่ายินดีหรือที่ต้องเป็นเหมือนสุนัขที่ทำได้เพียงส่ายหางต่อหน้าผู้อื่น
เจี้ยงเฉินหัวเราะในขณะที่เขากวาดตามองผู้อาวุโสหวังด้วยท่าทางที่เหยียดหยาม
เจี้ยงเฉิน เจ้าสารเลว เจ้าทำท่าทางเช่นนี้ต่อไปเถอะ จนถึงวันที่เจ้าต้องเสียใจ! ผู้อาวุโสหวังขบฟันของเขา
ท่านพูดถูกต้อง สวนยาแห่งราชันย์ หึ ๆ... อาณาจักรเราอาจจะใหญ่ แต่ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีถึงสามศูนย์ยาในด้านการแพทย์จิตวิญญาณ
ผู้อาวุโสหวังแทบจะกระอักเลือดกับความอวดดีของเจี้ยงเฉิน วันนี้มันเป็นวันที่ตกต่ำที่สุดของเขา
การจัดการธุรกิจของเขากับตระกูลเจี้ยงได้ถูกยกเลิกเพราะว่าเขาต้องการแต่จะเล่นบทโจรขโมยที่ไม่ต้องวางเดิมพัน เขาเพียงต้องกล่าวอะไรในงานเพียงเล็กน้อย
แม้ว่าผู้อาวุโสหวังจะไม่พอใจแต่เขาก็ไม่กล้าจะทวงความรับผิดชอบจากขุนนางมังกรทะยานเกี่ยวกับการสูญเสียในครั้งนี้เช่นกัน
อ่า ลืมมันเถอะ การเสียธุรกิจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย มันยังคงไม่มีผลกระทบต่อรากฐานของตำหนักสวนยาแห่งราชันย์ สำหรับหอโอสถ มันยังสามารถกู้คืนสถานการณ์ได้ถ้าใช้ประโยชน์จากการที่พวกมันผิดใจกับขุนนางหลง เราก็จะยังสามารถกดดันพวกเขาได้
ผู้อาวุโสหวังคิดวิธีการที่จะกู้สถานการณ์ในตอนนี้ให้ดีขึ้น เขาต้องใช้พลังของขุนนางหลง และปล่อยข่าวลือนิดหน่อยภายในสมาคม
ยิ่งอิทธิพลของขุนนางมังกรทะยานเพิ่มขึ้้นมันก็จะยิ่งกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ เมื่อนั้นพวกเขาก็จะยิ่งมีอิทธิพลในอาณาจักตงฟาง และตอนนี้แม่นางยู่ซือก็กำลังได้รับความสนใจจากนิกายที่ซ่อนเร้นเหล่านั้นด้วย
ในเวลานั้น มันก็มีความเป็นไปได้ที่ตระกูลหลงจะขึ้นครอบบัลลังก์แทนตระกูลตงฟาง และอาจจะสถาปนาตนเองเป็นองค์ราชาในที่สุด
ขุนนางหลงมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ ข้าได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเรื่องจริงในเร็ว ๆ นี้ ในตอนนั้น สวนยาแห่งราชันย์ก็จะสามารถได้ประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงและจะกลายเป็นผู้นำทางการตลาดแทนที่หอโอสถและยึดตำแหน่งสำหรับผู้ที่มีโอสถจิตวิญญาณมากที่สุดในราชอาณาจักร อารมณ์ของผู้อาวุโสหวังเย็นลงเมื่อคิดถึงสิ่งนี้
อารมณ์ของเจี้ยงเฟิงสงบลงได้เมื่อพวกเขาได้กลับไปที่คฤหาสนน์ตระกูลเจี้ยง แม้ว่าจะเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้ระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจเขา แต่ต้องตระหนักว่ามันก็เป็นสิ่งที่จะสร้างผลกระทบต่อตระกูลเขาอย่างรุนแรงเช่นกัน
หากเป็นเพียงแค่การพูดถึงลำดับดินแดนของพวกเขา ดินแดนเจี้ยงหานและมังกรทะยาน นั้นห่างไกลกันจนเกินไปจึงยังไม่ต้องกังวลเรื่องมังกรทะยานมากนัก
รวมถึงทุกคนได้รับคำสั่งขององค์ราชาว่าห้ามเกิดสงครามระหว่างขุนนางด้วยกันเอง
แต่ตอนนี้ที่ทุกคนได้มารวมตัวกันอยู่ในเมืองหลวงทุกคนก็ต้องรู้ว่า หูตาของมังกรทะยานได้อยู่เต็มไปหมดที่นี่ นอกจากนี้ขุนนางมังกรทะยานยังได้แอบลอบติดต่อกับขุมอำนาจต่าง ๆ ในเมืองหลวง
ข้าราชสำนักหลายคนก็ยังยกย่องว่าขุนนางมังกรทะยานเป็นพี่น้องของพวกเขา
เจี้ยงเฟิงอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นท่าทีจริงจังของเจี้ยงเฉิน ลูกพ่อในวันนี้ เจ้านั้นมีความกล้ายิ่งนั้น เจ้า..ทำให้ข้ามีความสุขมากในวันนี้
พวกเขากล่าวว่า พ่อเสือย่อมไม่ให้กำเนิดลูกสุนัข ท่านพ่อ ท่านก็กล้าหาญมากเช่นเดียวกับข้า
เจี้ยงเฟิงมองเจี้ยงเฉินพร้อมรอยยิ้มที่มีความหมาย เจ้าเด็กนี่ หยุดทำท่าหลอกลวงเช่นนั้นได้แล้วและบอกมา ทำไมหอโอสถจึงก้าวออกมาและช่วยเหลือเรา
ทั้งหมดที่อยู่ใต้ชั้นฟ้าย่อมหาที่พึ่งพิงอันสมควร ทั้งหมดที่อยู่ใต้ชั้นฟ้าย่อมไม่ต้องการที่จะอยู่กับผู้อ่อนแอ มันเป็นเรื่องปกติที่หอโอสถย่อมเลือกทางเดินเช่นนี้ เจี้ยงเฉินแย้มยิ้ม ท่านพ่อแนวทางของข้ามีเพียงหนึ่ง วันนี้ตระกูลเราถูกเยาะเย้ยถากถางจากผู้อื่น ข้าจะทำให้พวกมันได้จำเอาไว้ว่า วันนึงพวกมันจะได้ถูกลูกแกะตัวหนึ่งทำลายจนย่อยยับ!
ดวงตาของเจี้ยงเฟิงสว่างขึ้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เฉินเอ๋อ ขุนนางจำนวนมากในวันนี้ได้กล่าวว่าเรานั้นเป็นดั่งหมาป่าในคราบแกะ หรือแท้จริงแล้วเจ้าซ่อนความแข็งแกร่งซึ่งแม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้มาโดยตลอด?
หมาป่าในคราบแกะ? เจี้ยงเฉินเหยียดยิ้ม ข้าคิดว่าพวกเขาคิดมากเกินไป ตระกูลเจี้ยงของเราไม่จำเป็นต้องสวมชุดหนังแกะใด ๆ เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยเป็นเสือในสายตาข้า!
มันมีความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นออกมาจากคำพูดของเจี้ยงเฉิน รอยยิ้มของเจี้ยงเฉินนั้นทำให้เจี้ยงเฟิงตระหนักได้ว่า แม้แต่เขาก็ยังไม่อาจมองออกได้ว่าบุตรชายของเขานั้นแท้จริงเป็นตัวตนเช่นไรกันแน่